ตอนที่ 302 : เจียงเฉินผู้ควบคุมรอกตกปลา และวางแผนการเก็งกําไรหุ้น!

เป็นมหาเศรษฐีระดับพระเจ้าด้วยระบบลงชื่อ

ตอนที่ 302 : เจียงเฉินผู้ควบคุมรอกตกปลา และวางแผนการเก็งกําไรหุ้น!
เจียงเฉินจอดรถไว้ข้างทางและรับแล็ปท็อปมาจากบอดี้การ์ดจากบริษัทรักษาความปลอดภัยเทียนเฉิน

เข้าสู่ระบบบัญชีตลาดหุ้นและค้นหาหุ่นของเหล่ยถิงมอเตอร์ซึ่งปัจจุบันมันมีมูลค่าอยู่ที่ 700 ล้านหยวน

ราคาก่อนหน้านี้ของมะนอยู่ที่ประมาณ 200 หยวนต่อหุ้น แต่ตอนนี้ราคาหุ้นนั้นลงมาอยู่ที่ 102.89 หยวนต่อหุ้น

พูดง่ายๆก็คือราคาของมันลดลงมาถึง 50%

อย่างที่เหล่ยถิงพูดเอาไว้ก่อนหน้านี้ หากไม่มีการทําอะไรเลยบริษัทเหล่ยถิงมอเตอร์นั้นก็ได้แต่รอวันล้มละลายอย่างเดียว

เจียงเฉินใช้เงิน 500 ล้านเข้าซื้อหุ้นของเหล่ยถิงมอเตอร์ทันที จากนั้นก็โทรหาจางเป๋ยผู้บริหารของ Bytedance บอกให้เขานั้นเริ่มทําข่าว ลงโถวเกี่ยวและโต่วอินทันที

นับว่าเป็นการปาหินก้อนเดียวได้นกสามตัวจริงๆ!

เริ่ม!

เหล่ยฮวาซานในตอนนี้แทบใจสลายNN

ฉัน ฮ่าๆษม

ฉันเคยหลอกคนอื่นให้ช่วยสอดแนมทางธุรกิจ แต่ฉันกลับถูกคนทําธุระหลอกให้กระโด ข้ามมาแบบโง่ๆแบบนี้ได้ยังไงกัน?

ในตอนนี้มรสุนัขที่ดูดุร้ายเดินวนเวียนอยู่รอบตัวเขา

กลุ่มยามรักษาความหลอดภัยก็เข้ามาพร้อมกับกระบองล้มรอบตัวเขา
พวกเขาตะโกนกันออกมา “นายมาทําอะไร! พูดออกมา! หรือจะให้สุนัขพวกนี้กัดนายก่อน!”

เหล่นฮวาศาน : ร้องไห้

น่าสงสาร!

เมื่อต้องเผชิญหน้ากับสุนัขตัวใหญ่พวกนี้และยามที่กําลังถือกระบอง เขาก็ได้แต่ทําตามคําอธิบายที่เจียงเฉินบอกเชาไว้ก่อนหน้านี้ : บอกความจริงไป! ถ้าถูกจับได้ก็บอกความจริงไปเลย! ต้องบอกความจริง!

เหล่ยฮวาซานยกมือขึ้นและยิ้มออกมาอย่างน่าสงสาร “ฉันจะบอกความจริงแล้ว! ฉันเป็นคู่แข่งของเซาท์ไชน่ามอเตอร์ ฉันคือประธานบริษัทของเหล่ยถิงมอเตอร์! เหล่ยฮวาซาน!”

“อะไรนะ?!”

เหล่ารปภ.ที่อยู่รอบๆมองหน้ากันด้วยความตกตะลึง!
นี่?

ประธานบริษัทใหญ่กระโดดข้ามกําแพงมาเพื่อสอดแนมเองจริงๆหรอ?

สุดยอด!

เหล่ยฮวาซานพูดความจริงออกมา แต่กลับไม่มีใครเชื่อ!

“ไร้สาระ!”

“แกมันก็แค่หัวขโมยงี่เง่า! กล้าดียังไงมาสวมรอยเป็นประธานบริษัทใหญ่? แกกล้าขนาดนั้นเลยหรอ!”

“แม่แกเถอะ! แกจะบอกว่าแกเป็นประธานบริษัทที่มีมูลค่าหมื่นล้านงั้นหรอ – งั้นฉันคงเป็นบอสหม่าไปแล้ว!”

“ทุบตีมันเลย!”

“เอาเลย!”

เหล่ยฮวาซานตกใจมาก “รถเมอร์เซเดส-เบนซ์ออฟโรดของฉันยังอยู่ข้างนอกอยู่เลย! ถ้าพวกนายไม่เชื่อฉันพาออกไปดูได้ ถ้าฉันเป็นแค่หัวขโมยโง่ๆธรรมดา ฉันคงขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ออฟโรดไม่ได้หรอก ถูกไหม?”

“โอ้?”

รูปภ.วิ่งออกไปดู

ตกตะลึง!

ตกตะลึงสุดขีด!

เพราะข้างนอกกําแพงโรงงานมีรถเมอร์เซเดสเบนซ์ออฟโรดจอดอยู่จริงๆ!

รถราคาหลักล้าน!

ตกตะลึง!

ตกตะลึงสุดขีด!

คนขับรถราคาเป็นล้านเพื่อเข้ามาสอดแนม?

โง่มาก!

หลังจากนั้นพวกเขาก็โทรหาผู้จัดการของเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์
เมื่อผู้จัดการได้มาดูก็ต้องตะลึง!

พระเจ้า

เป็นเหล่ยฮวาซานจริงๆ!

ประธานบริษัทเหล่ยถิงมอเตอร์ผู้สู้กับเซาท์ไชน่ามอเตอร์มาตลอดจริงๆด้วย!

คราวนี้ตกตะลึงมาก!

ผู้จัดการรีบทําการแจ้งต่อผู้บริหารระดับสูงทันที!

ประธานของเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์ก็เข้ามาดูด้วยตัวเอง พร้อมกับปอดที่แทบจะระเบิด!

ดีใจมาก!

“บัดซบ! เหล่ยฮวาซาน! ฉันคิดไม่ถึงเลยว่าสุดท้ายแล้วนะจะทําแบบนี้ ฮ่าๆ!”

“ประธานครับแล้วเราจะทํายังไงกับเขาดีครับ?”

“ฟังฉัน ส่งตัวเขาไปที่สถานีตํารวจทันที!”

“ฉันจะฟ้องร้องมันข้อหาการจารกรรมเชิงพาณิชย์!”

กลุ่มผู้บริหารระดับสูงของเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์พากันยิ้มออกมาอย่างแจ่มใส และพวกเขาเชื่อว่าครั้งนี้เหล่ยถิงมอเตอร์ก็คงจบสินแล้ว แล้วโอกาสที่เซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์จะครองตลาดก็มาถึง

“ฮ่าๆ เซาท์อิเล็กทริกส์ของฉันได้เปรียบจนเหล่ยถิงมอเตอร์นั้นสูญเสียส่วนแบ่งในตลาดไป จนบังคับให้ประธานของพวกเขาปีนข้ามกําแพงมาเพื่อเป็นสายลับ!”

“ตอนนี้ประธานของเหล่ยถิงมอเตอร์ ก็ถูกพวกเราจับแล้วส่งไปที่สถานีตํารวจแล้วดังนั้นถึงเวลาที่เหล่ยถิงมอเตอร์จะตายแล้ว!”

“ตราบใดที่ข่าวนี้ออกไปหุ้นของเหล่ยถิงมอเตอร์นั้นจะต้องดิ่งลงอย่างแน่นอน!”

“เราจะใช้โอกาสนี้เพื่อทําการเข้าซื้อเหล่ยถิงมอเตอร์และรวมมันเข้ากับพวกเรา! ฮ่าๆๆๆ!”

กลุ่มผู้บริหารของเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์พากัน ฝันหวานพูดคุยและหัวเราะกัน

ใบหน้าของเหล่ยถิงในตอนนี้เต็มไปด้วยความหม่นหมองและซีดเผือด
“เวรเอ๊ย! ฉันมาไกลขนาดนี้แต่ฉันกลับไปฟังคําพูดของคนทําธุระเนี่ยนะ! ฉันไม่น่าเลย…”

เหล่ยฮวาซานได้แค่คิดว่าเขานั้นจะมีโอกาศได้ย้อนเวลากลับไปหรือไม่…

ก่อนหน้านี้ที่เขาพูดว่าหุ้นของเหล่ยถิงมอเตอร์นั้นจะมีราคาสูงขึ้นมันเป็นไปได้ด้วยหรอ?

นี่ไม่ใช่ว่าเป็นการหลอกลวงงั้นหรอ?

นี่ฉันเชื่อเข้าจริงเหรอ?

เหล่ยถิงรู้สึกเสียใจจนลําไส้ของเขาเปลี่ยนเป็นสีเขียว!

ประธานของเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์ตัดสินใจอย่างเด็ดขาดและโบกมือ “ไป! ส่งของไปที่สถานีตํารวจ! คืนนี้ต้องส่งเข้าคุกให้ได้! ฮ่ม! เหล่ยฮวาซานเหล่ยถิงมอเตอร์ของนายจบลงแล้ว! รอจนมูลค่าตลาดของบริษัทนายในวันพรุ่งนี้มันลดลง! ฉันจะใช้ประโยชน์จากตรงนั้นในการเข้าซื้อมาทันที!”

เหล่ยฮวาซานกําลังร้องไห้ออกมา…

หลังจากถูกส่งตัวไปที่สถานีตํารวจ ตํารวจก็ได้ทําการสอบสวนเขาและเหล่ยฮวาซานก็ยอมรับสารภาพว่าเขานั้นเป็นคนที่ปืนกําแพงเข้าไปจริง หลังจากนั้นเขาก็ถูกนําตัวไปฝากขังที่เรือนจําตามระเบียบ

เหล่ยฮวาซานรู้สึกว่าชีวิตของเขานั้นจบลงแล้ว
บ่ายวันถัดมา ก็มีทนายความจากบริษัทส่งมาหาเหล่ยฮวาซาน!
เหล่ยฮวาซานนั่งอยู่หลังรั้วเหล็กและถามด้วยความเศร้า “ตอนนี้โลกภายนอกคงรู้แล้วสินะว่า ฉันปีข้ามกําแพงเข้าไปในโรงงานคู่แข่ง?”
ทนายพยักหน้าอย่างเคร่งขรึม

เหล่ยฮวาซานตบหน้าผาของเขาด้วยความทุกข์ทรมาน

“ถ้าอย่างนั้น ราคาหุ้นของเราที่อยู่ในตลาดก็คงตกลงมามากแล้วใช่ไหม”
เหล่ยฮวาซานอยากตาย

แต่ใครจะรู้

พระเจ้ากลับเล่นตลก!

ทนายดูยิ้มแย้มแจ่มใส “ใครเป็นคนพูดแบบนั้นกับทําประธาน! คุณคงไม่รู้เลยว่าตอนนี้ราคาหุ้นของเรานั้นพุ่งทะยานขึ้นมาสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์แล้ว!”

เหล่ยฮวาซานตกตะลึง!

สับสน

เรื่องแบบนี้จะเป็นไปได้ยังไง?

ฉันถูกจับทําผิดกฎหมายและต้องมานั่งอยู่ในเรือนจํา แล้วราคาของหุ้นมันจะขึ้นสูงขึ้นไปอย่าง นั้นได้ยังไง?

ทนายความของเค้าด้วยความชื่นชม และจับมือกับเหล่ยฮวาซาน(ข้ามลูกกรงไป)และพูดด้วยความตื่นเต้นบนใบหน้าของเขา “ประธานคุณฉลาดจริงๆ! เรื่องนี้เป็นประโยชน์สําหรับเหล่ยถิงมอเตอร์ของเรามาก!”
“ประโยชน์?”

เหล่ยฮวาซานตกตะลึงอย่างสมบูรณ์!

ประธานของตัวเองถูกจับเพราะว่าเป็นสายลับกระโดดข้ามกําแพงไป มันจะไปทําประโยชน์ได้ยังไงกัน?

ตรรกะเรื่องนี้มันเป็นแบบไหนกัน?

ทนายความพูดด้วยความชื่นชม “คุณคงจะไม่รู้ ตั้งแต่ข่าวการจับกุมของคุณถูกเผยแพร่ออกไป ทั้งบริษัทนั้นก็เต็มไปด้วยความชื่นชมในตัวคุณ! ผู้ถือหุ้นของบริษัทก็ยกย่องความพยายามของคุณ! แม้แต่ผู้ถือหุ้นรายย่อยต่างก็ยกย่องท่านประธานที่อุทิศตัวยอมทําเพื่อบริษัท! แต่ตอนนี้นักวิเคราะห์บางคนก็ยังเชื่อว่า ราคาของหุ้นในบริษัทนั้นจะสามารถเพิ่มขึ้นไปอีกถึง 50%!”

เหล่ยฮวาซาน “???”

ทําไมยิ่งพูดยิ่งรู้สึกสับสน?

ไม่เข้าใจเลย!

“มันเกิดอะไรขึ้น?”

เหล่ยฮวาซานถามอย่างกระตือรือร้น “มันเกิดอะไรกันแน่ ทําไมฉันไม่เข้าใจเลย?”

“ดูนี่สิครับ นี่คือรายงานและการวิเคราะห์บนโถวเกี่ยววันนี้!”

ทนายความยื่นมือถือของเขาให้

พาดหัวข่าววันนี้ : [เหตุใดประธานของเหล่ยถิงมอเตอร์ถูกจับเพราะพยายามปีนข้ามกําแพงแล้วเป็นประโยชน์ต่อบริษัทเหล่ยถิงมอเตอร์?]

คําบรรยาย : [มูลค่าของหุ้นตัวนี้กําลังทะยานขึ้น! มันแทบจะทําให้ตลาดหุ้นในวันนี้ระเบิด!]

ข้อดีที่ 1 [การปีนข้ามกําแพงในวันหยุดสุดสัปดาห์แสดงให้เห็นว่าประธานนั้นมีความขยันหมั่นเพียร และอุทิศตนเพื่อการพัฒนาของบริษัทของเขา]
[…]

เหล่ยฮวาซาน “[email protected]…[email protected]$”

ตรรกะนี้มันน่าเชื่อจริงๆ!

ข้อดีที่ 2 [เขานั้นไม่หาจ้างคนมาเพื่อทําแทนเขา เขานั้นยอมปีนกําแพงข้ามไปด้วยตัวเอง นั่นแสดงให้เห็นว่าเขานั้นให้ความสําคัญกับการประหยัด!]

เหล่ยฮวาซาน “…”

อันที่จริงพวกสายลับเชิงพิณิชย์มืออาชีพในตลาดนั้นก็มีให้จ้างอยู่
เขานั้นเคยหารายละเอียดมาก่อนและพบว่าค่าจ้างนั้นเริ่มต้นที่ 100,000 หยวน!

เหล่ยฮวาซานที่เห็นแบบนั้นก็โกรธมากจนเขาต้องสูบบุหรี่!
หนึ่งแสน?

แบบนั้นเขาทําเองไม่ดีกว่าเหรอ?

แค่ข้ามกําแพง? ต้องใช้เงินถึงหนึ่งแสนเลยหรอ?

ถ้าแบบนั้นฉันเสียเงินจ้างคนทําธุระข้ามไปไม่คุ้มกว่างั้นหรอ?

(เจียงเฉิน : ผมขอประณาม คุณมันโคตรขี้งกเลย!)

พูดสั้นๆก็คือเหล่ยฮวาซาน นําไปเต็มใจที่จะจ้างสายลับมืออาชีพเพียงเพราะเขานั้นซึ้งกจนเกินไป แต่ด้วยความซึ้งกของเขาตรงนี้มันเลยกลายเป็นข้อได้เปรียบของเขาโดยที่เขานั้นก็คิดไม่ถึง

ข้อดีที่ 3 [การกระทําของนั้นชี้เห็นว่าประธานนั้นเป็นคนที่ให้ความสําคัญกับการเรียนรู้เทคโนโลยีขั้นสูงในอุตสาหกรรมและมีวิสัยทัศน์ที่ยาวไกล!]
เหล่ยฮวาซาน “…”

ฉันแทบอยากจะร้องไห้ออกมาะ
การขโมยข้อมูลทางธุรกิจนั้นเป็นการทําผิดกฎหมายจริงๆ
แต่ทําไมภายใต้การพูดของสื่อทําให้ฉันรู้สึกว่า ฉันกลายเป็นคนที่สุดยอด?

ข้อดีที่ 4 [การที่เขาตัดสินใจใช้การถ่ายภาพอย่างเดียวแสดงให้เห็นว่าประธานนั้นเป็นคนที่มีความรู้และความเข้าใจทางด้านเทคนิคระดับสูงจริง เพราะไม่อย่างนั้นเขาจะไม่สามารถวิเคราะห์มันได้จากภาพเพียงอย่างเดียว!]

เหล่ยฮวาซาน “…”

จู่ๆก็ฟังดูมีเหตุผล!

ข้อดีที่ 5 [เขานั้นไปยังโรงงานของคู่แข่งเพื่อเป็นกําแพง และกําแพงก็มีความสูงมากกว่า 3 เมตร มีแสดงให้เห็นว่าประธานให้ความสําคัญกับการออกกําลังกายอยู่ตลอด!]

เหล่ยฮวาซาน “…”

ใช่แล้วฉันใส่ใจกับการออกกําลังกายอยู่ตลอด ฉันสามารถวิ่งฮาล์ฟมาราธอนได้ ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่สามารถปีนกําแพงที่สูงขนาดนั้นได้!
ทําไมรู้สึกยิ่งฟังแล้วยิ่งรู้สึกสุดยอด?

ข้อดีที่ 6 [การที่เขานั้นถูกพบโดยรปภ.และสุนัขของโรงงาน แสดงให้เห็นว่าเขานั้นเป็นคนเด็ดเดี่ยวไม่กลัวอะไร และจากรายงานจากครอบครัวของเขา ระบุเอาไว้ว่าประธานนั้นเป็นคนที่มีความซื่อสัตย์เชื่อได้!]

เหล่ยฮวาซาน “ฉันงั้นเหรอ? ซื่อสัตย์และน่าเชื่อถือ? อันนี้เหมือนจริงแค่เล็กน้อย…..”

ข้อดีที่ 7 [หลังจากเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยเรียกตํารวจและประธานของบริษัทคู่แข่งส่งเข้าไปที่สถานีตํารวจ เขานั้นก็ยอมทําตามแต่โดยดี ซึ่งแสดงให้เห็นว่าเขานั้นมีความรู้ทางกฎหมายที่แข็งแกร่ง]
เหล่ยฮวาซานตกตะลึงอย่างสมบูรณ์

ทนายความดูตื่นเต้นมากเขาพูดออกมาเสียงดังว่า “คุณรู้ไหมครับว่าหลังจากที่มีกระแสข่าวออกมาจากโถวเดียว วันนี้คุณก็ได้กลายเป็นที่รู้จักในนามของ [เจ้าของบริษัทผู้ทุ่มเท] และสังคมนั้นก็เชื่อว่าแม้คุณจะเดินไปในทางที่ผิด แต่คุณก็ยังเป็นเจ้านายที่ดีที่ทุ่มเทกับงาน! ทุกคนต่างก็คิดว่าการที่คุณไปสอดแนมศัตรูคู่ต่อสู้ของคุณ ต้องปืนข้ามกําแพง ถูกสุนัขและรปภ.ไล่จับ แล้วถูกส่งตัวไปโรงพัก แสดงให้เห็นว่าคุณนั้นทุ่มเทกับงานมาก ขยันมาก เพราะฉะนั้นพวกเขาเลยตั้งความหวังไว้กับบริษัทของเราสูงมาก!”
“และเมื่อคืนนี้ก็มีบุคคลลึกลับ (เจียงเฉิน) ที่เข้าซื้อหุ้นของพวกเรามูลค่า 500 ล้าน! แล้ววันนี้ ก็มีนักลงทุนจํานวนนับไม่ถ้วน หรือแม้แต่สถาบันการเงินต่างก็ต้องการซื้อหุ้นของเราจากที่เหลือเมื่อวานนี้ แล้วพวกมันก็ทุกค่ายหมดในเวลาไม่กี่วินาที! ซึ่งถ้าเป็นแบบนี้ ราคาน่าจะพุ่งขึ้นไปถึงขีดจํากัด!”

เหล่ยฮวาซานลองกดลงไปดูที่ความคิดเห็น

ประธานของเหล่ยถิงมอเตอร์ปืนข้ามกําแพงล้มงานของคู่แข่งก่อนจะถูกจับกุมทุกคนคิดเห็นอย่างไร?

แต่ข้างล่างนั้นก็เป็นความคิดเห็นบางส่วน…

“ประธานเหล่ย ทุ่มเทสุดตัวจริง! ยกนิ้วให้!”

“ฉันหัวเราะดังลั่นเลย ฮ่าๆ!”

“เค้าดูหนังมากเกินไปหรือเปล่า! ฮ่าๆ!”

เหล่ยฮวาซาน : •_•!

อธิบายไม่ถูก แต่ก็รู้สึกดีมาก!
ไม่สิ!

ทําไมถึงรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง?

ทําไมโถวเกียวถึงต้องเชิดชูฉันขนาดนี้?
หรือว่าจะ

คนทําธุระคนนั้น?

เขาตกตะลึงและนุกถึงสายตาของเจียงเฉินก่อนที่จะจากไป

“เชื่อผมเถอะ ให้ห้าดาวกับผมด้วยก็แล้วกัน”

“พระเจ้า ที่น้องชายคนนั้นให้ฉันข้ามกําแพงไป ก็เพราะเขามั่นใจว่าเขาสามารถควบคุมข่าวได้งั้นหรอ?”

“พระเจ้า

– น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เหล่ยฮวาซานตกตะลึง

ในเวลานี้เอง

เซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์

ประธานและผู้บริหารระดับสูงกําลังตกตะลึง

พวกเขาพากันจ้องมองไปที่จอขนาดใหญ่

พวกเขานั้นกําลังคิดอยู่เลยว่าพวกเขานั้นกําลังจะใช้โอกาศนี้ในการเข้าซื้อกิจการของเหล่ยถิงมอเตอร์

แต่ใครจะไปคิดษ

อยู่ๆหุ้นของบริษัทเหลี่ยถึงมอเตอร์ที่ควรจะตก กลับพุ่งทะยานขึ้นแบบนี้

ไม่เพียงไม่ตกแต่กลับพุ่งทะยาน!

หมดโอกาศแล้ว!

เพราะดุจากปริมาณการซื้อขายแล้ว ตอนนี้มันถึงขีดจํากัดรายวันแล้ว!

กลุ่มผู้บริหารจากเซาท์ไชน่าอิเล็กทริกส์พากันมองดูด้วยความโง่งมษ

นี่มันอะไรกัน?

ทําไมประธานของบริษัทที่ถูกจับได้ว่าแอบปืนข้ามกําแพงคู่แข่งถึงทําให้ตัวเองได้ประโยชน์แบบนี้

นี่มันตรรกะบ่าบออะไรกัน?! (EP 1 L อ้ากกกก!