บทที่ 254 คำเชิญของพ่อเหลียง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

สองวันนี้เป็นช่วงที่เย่เทียนสบายที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย

ไม่ต้องเสียแรงไปเข่นๆ ฆ่าๆ ยิ่งไม่ต้องวางแผนอะไรให้เปลืองสมอง

ตั้งแต่จัดการกับจูยิ่วถิงกับพวกระดับสูงของเซิ่งเหอเซิ่งไปเมื่อสองวันก่อน โลกใต้ดินของเมืองเอกก็วุ่นวายกันไปใหญ่

เหล่าคนที่ใช่ชีวิตเสี่ยงไปวันๆ ต่างก็ลับมีดกันใหญ่ เหมือนถือโอกาสนี้ทำให้ตัวเองยิ่งใหญ่ขึ้น และอยากที่จะขึ้นมาแทนที่จูยิ่วถิงเลยด้วยซ้ำ

แม้แต่กลุ่มคนของโลกใต้ดินจากเมืองใกล้เคียงก็ยังอยากเข้ามามีส่วนร่วม

ยกตัวอย่างเช่นเชิ่งหู่กับหลิวชิง ภายใต้คำสั่งของเย่เทียน พวกเขาก็ชิงส่งคนกลุ่มหนึ่งไปยึดเมืองเอกไว้ก่อน เพื่อหวังว่าจะชิงจุดยุทธศาสตร์ให้ได้ก่อนสักที่ รอให้เจียงหนันสงบลงก่อนค่อยเคลื่อนไหวใหญ่

สรุปสุดท้าย โลกใต้ดินของเมืองเอกได้กลายเป็นสมรภูมิที่วุ่นวายไปอย่างสมบูรณ์แล้ว เกรงว่าในเวลาหลายเดือนข้างหน้าคงไม่มีทางสงบอย่างแน่นอน

แน่นอนว่าทั้งหมดนี้มันไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่เย่เทียนไปยุ่งย่ามกับผู้ต้องหาเลย

ด้วยการมีอยู่ของค่ายกลรวมจิตมันจึงทำให้ชี่ทิพย์ในวิลล่าหนาแน่นกว่าที่อื่นมาก นอกจากรับส่งเฉินหวั่นชิงไปที่ทำงานแล้ว เย่เทียนก็ใช้เวลาส่วนใหญ่ฝึกฝนอยู่ในวิลล่า

เมื่อเทียบกับความสบายของเย่เทียนแล้ว เฉินหวั่นชิงกลับยุ่งจนไม่ได้พักเลย

ถึงจะบอกว่าสงครามทางด้านหุ้นจะผ่านไปแล้ว แต่คลื่นลมก็ยังไม่สงบ บวกกับบริษัทก่อสร้างเทียนเฉินของจังเวยก็ถูกบริษัทแซ่เฉินเทคโอเวอร์แล้ว เรื่องที่เธอต้องจัดการจึงมีเยอะมาก

อีกอย่าง พรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของท่านปู่เฉินชังไห่ ถ้างานเธอไม่ยุ่งนี่สิแปลก

กริ้งกริ้ง!

ในวันนี้ หลังจากที่เย่เทียนเพิ่งส่งเฉินหวั่นชิงไปที่บริษัทแซ่เฉิน กลับมาที่วิลล่าเจียงเฉิงเตรียมที่จะฝึกวิชา แต่เสียงมือถือก็ชิงดังขึ้นมาก่อน

คิ้วของเย่เทียนกระตุก

หยิบมือถือออกมาดู มุมปากก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมา

ไม่ใช่อื่นใด เพราะคนที่โทรมาก็คือ เด็กสาวที่ชื่อเหลียงเยว่หรูนั่นเอง

หลังจากที่ช่วยเธอจากเงื้อมมือของสามผู้อาวุโสแห่งสำนักหวู่หันตอนละทิ้งโกดังเมื่อครั้งก่อน ทั้งคู่ก็ไม่ค่อยได้ติดต่อกันอีก

ถึงเหลียงเยว่หรูจะโทรมาหา แต่เนื่องด้วยหลายวันก่อนเย่เทียนธุระค่อนข้างรัดตัว จึงพูดไปไม่กี่คำก็ต้องวางสายไป

พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็รับสาย แล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “คนสวย ว่ายังไง? คิดถึงผมขนาดนั้นเลยเหรอ?”

อีกฟากของสาวก็ได้มีเสียงที่อ่อนโยนของเด็กสาวดังขึ้น “เย่เทียน พ่อฉันอยากเจอคุณหน่อยค่ะ”

“พ่อคุณอยากเจอผม?”

เย่เทียนอึ้งไปชั่วขณะ สีหน้าก็ดูประหลาดขึ้นมาทันที แล้วพูดหยอกไปว่า “ไม่ใช่ว่าผมทำตัวเป็นฮีโร่ที่ช่วยสาวงามแล้วจะให้ตอบแทนด้วยร่างกาย เลยอยากให้ผมไปพบพ่อตาก่อนใช่มั้ย?”

สิ่งที่เกินความคาดหมายของเย่เทียนก็คือ เหลียงเยว่หรูนั้นไม่ได้ปฏิเสธเขา แต่กลับถามมาว่า “แล้วคุณจะมาหรือไม่มาคะ?!”

นั่นทำให้เย่เทียนถึงกับตาค้าง

นี่มันสื่อถึงอะไรได้บ้าง? หรือเหลียงเยว่หรูตั้งใจที่จะยกร่างกายให้เขาจริงๆ อย่างนั้นเหรอ?

ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่เย่เทียนก็ไม่ได้แตกตื่น พยักหน้าแล้วตอบไปว่า “ไป!”

“งั้นเดี๋ยวฉันจะส่งที่อยู่กับเวลาไปให้ คุณห้ามมาสายเด็ดขาด!”

เหลียงเยว่หรูนั้นพูดเตือนอย่างเขินๆ จากนั้นก็วางสายไป

“……”

เมื่อได้ยินเสียงตู้ดตู้ดที่ดังอยู่ในหู เย่เทียนก็ส่ายหน้าพร้อมกับรอยยิ้มที่ขมขื่น ตบปากเบาๆ แล้วพึมพำกับตัวเองว่า “แกไอ้คนชั่ว!”

ในโลกใบนี้หนี้สินอะไรที่ชดใช้ได้ยากที่สุด?

มันคือหนี้ทางความรู้สึก!

เรื่องแบบนี้มันไม่ใช่เรื่องที่มีค่าอะไรมากมาย แต่มันกลับรู้สึกเหมือนมีหินก้อนใหญ่มาทับอยู่กลางอก ทำให้อึดอัดอย่างถึงที่สุด

ยังไงเย่เทียนก็เป็นคนที่มีความฉลาดทางอารมณ์อยู่บ้าง เขาเอานิ้วออกมาคำนวณ ความสัมพันธ์ของสาวๆ หลายคนกับเขานั้นไม่ค่อยชัดเจนเท่าไหร่

แถมเขายังเป็นคนที่แต่งงานแล้ว ต่อให้จะยังไม่ได้นอนบนเตียงเดียวกัน แต่เขาก็เป็นคนที่มีภรรยาแล้ว

กับความรู้สึกของสาวๆ พวกนี้ เขาเองก็ทำอะไรไม่ถูก หรือจะบอกว่าไม่รู้จะจัดการยังไงก็ได้

“เมื่อเรือถึงหัวสะพานมันก็จะตรงเอง แล้วจะลำบากใช้เซลล์สมองไปคิดถึงมันทำไม?!”

หลังตัดปัญหาที่ซับซ้อนพวกนั้นออกไป เขาก็ตั้งนาฬิกาปลุก แล้วทุ่มกายใจเข้าไปในการฝึก

เวลามันมักจะผ่านไปได้เร็วในตอนที่เราไม่ได้ไปสนใจมัน เมื่อนาฬิกาปลุกที่ตั้งไว้ตอนสิบเอ็ดโมงดังขึ้น เย่เทียนก็ตื่นขึ้นจากการฝึกฝน

อาบน้ำลวกๆ เปลี่ยนเสื้อผ้าที่สะอาด แล้วใช้เจลเซ็ตผมอย่างจริงจัง ถึงได้ออกจากห้องแล้วขับรถไปยังที่หมาย

สโมสรจุนหลิน

ร้านอันดับต้นๆ ของเมืองเจียงหนัน คนที่สามารถมาใช้บริการที่นี่ต่างก็เป็นคนมีหน้ามีตาของเมืองเจียงหนันทั้งนั้น

พอเห็นสโมสรจุนหลินที่ตกแต่งอย่างเรียบง่ายแต่แอบให้ความรู้สึกที่เรียบหรูนั้น เย่เทียนก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างน่าสนุก

เขายังคงจำได้ลางๆ ว่าครั้งก่อน ก็เป็นครั้งแรกที่ได้มาที่นี่หลังจากเกิดใหม่ เขามาหาหวงเย่าโจวพร้อมกับเฉินหวั่นชิง

น่าเสียดายที่ครั้งก่อนหวงเย่าโจวอยากเล่นวิธีสกปรกที่ต่ำทราม ทำให้เขาไม่มีโอกาสได้ลิ้มลองอาหารชั้นเลิศของสโมสรจุนหลินแห่งนี้

“คุณผู้ชายสวัสดีครับ ช่วยแสดงบัตรสมาชิกของคุณหน่อยครับ”

รปภ.ที่รับหน้าที่เฝ้าอยู่ตรงหน้าประตูได้ขวางเย่เทียนไว้อย่างสุภาพ

เย่เทียนอึ้งไปครู่หนึ่ง แล้วนึกขึ้นได้ว่าครั้งก่อนที่เฉินหวั่นชิงพาเขามาก็เหมือนจะแสดงบัตรอะไรบางอย่างถึงเข้าไปข้างในได้ เขาจึงส่ายหน้าพร้อมกับยิ้มอย่างขมขื่น

“ผมไม่มีบัตรสมาชิกครับ”

“คุณครับ ถ้าอย่างนั้นก็ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง สโมสรของเราเป็นสโมสรส่วนตัว หากไม่มีบัตรสมาชิกก็เข้าไปด้านในไม่ได้ครับ”

รปภ.ก็ไม่ได้แสดงพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมหรือโง่เง่าออกมา และยังถือว่าสุภาพมากด้วย

ยังไงซะ คนที่กล้ามาที่สโมสรจุนหลินก็น่าจะเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ต้องไม่ใช่คนที่รปภ.อย่างเขาจะล่วงเกินได้อยู่แล้ว

แน่นอนว่าการแสดงออกของรปภ.คนนี้มันก็อธิบายได้อย่างชัดเจน ว่าทำไมพวกคนใหญ่คนโตของเมืองเจียงหนันถึงชอบมาใช้บริการที่นี่

ต่อให้จะยังไม่รู้ว่าเครื่องดื่มหรืออาหารของข้างในจะเป็นยังไง แต่อย่างน้อยรปภ.คนนี้ก็อยู่ในระดับที่ดีมากๆ

เย่เทียนที่ได้ยินอย่างนั้น ก็ทำได้แค่ยิ้มอย่างขมขื่นแล้วพูดไปว่า “ผมชื่อเย่เทียน ผมได้รับคำเชิญจากคุณเหลียงเหวินเห้าถึงมาที่นี่ครับ”

นั่นมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ พี่รปภ.เขาทำตัวดีขนาดนั้น แม้แต่โอกาสที่จะทำให้เขาโมโหจนบุกเข้าไปยังไม่มีเลย

แน่นอนว่าเขาสามารถโทรหาเหลียงเยว่หรูได้

แต่การทำแบบนั้นมันจะดูต่ำไปหน่อย

“คุณครับ กรุณารอสักครู่นะครับ ผมขออนุญาตสอบถามที่เคาน์เตอร์ก่อน”

รปภ.ยิ้มอย่างสุภาพ หันข้างเล็กน้อย แล้วหยิบวอขึ้นมาถาม

ในเวลาเพียงไม่นาน รปภ.ที่ได้รับคำตอบก็หันกลับมา แล้วพูดอย่างสุภาพว่า “คุณเย่ครับ ต้องขออภัยอย่างยิ่ง คุณสามารถเข้าไปได้แล้วครับ”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกโล่งอก โชคดีที่เหลียงเหวินเห้าแจ้งกับพนักงานทุกคนไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ห้องโถงชั้นหนึ่งยังเข้าไม่ได้ มันน่าอายมากเลยนะ!

พอเข้ามาที่ห้องโถงของสโมสรจุนหลิน ก็มีพนักงานสาวที่ใส่ชุดเสิร์ฟรีบเดินเข้ามา มุมปากก็ยิ้มออกมาอย่างมืออาชีพ

“สวัสดีค่ะ ไม่ทราบว่าคุณคือคุณเย่ใช่มั้ยคะ?”

“ครับ” เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ

“คุณเย่เชิญทางนี้ค่ะ คุณเหลียงได้รอคุณอยู่ในห้องวีไอพีแล้วค่ะ”

พนักงานหญิงทำท่าเชิญ จากนั้นก็เดินนำทางไป

เย่เทียนขมวดคิ้วขึ้นมาทันที แอบพูดเบาๆ ว่าแย่แล้ว

เขาอุตส่าห์มาก่อนเวลาตั้งครึ่งชั่วโมง ไม่นึกเลยว่าเหลียงเหวินเห้าจะมารออยู่ที่ห้องวีไอพีแล้ว พบกันครั้งแรกก็ปล่อยให้ผู้อาวุโสต้องรอ มันคงไม่เหลือภาพจำดีๆ แล้ว

พอคิดได้อย่างนั้น เย่เทียนก็รีบเดินตามพนักงานหญิงไป ตรงไปยังห้องวีไอพี