บทที่ 255 ช่วยอะไรฉันอย่างหนึ่ง

ข้าคือเขยผู้ยิ่งใหญ่

ภายใต้การนำทางของพนักงานหญิง เย่เทียนก็มาหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องวีไอพีแล้ว

หลังแอบจัดเครื่องแต่งกายไปแปบหนึ่ง เย่เทียนก็ค่อยๆ เปิดประประตูออกราวกับนักเรียนที่ทำผิดแล้วต้องมาพบครูใหญ่เลย

ทำเป็นเล่นไป นี่อาจเป็นการพบหน้าครั้งแรกกับพ่อตาในอนาคตก็ได้ แถมเขายังมาสายด้วย แล้วจะไม่ให้เขาตื่นเต้นได้ยังไง?

ภายในห้องวีไอพีได้มีคนสองคนนั่งรออยู่นานแล้ว

คนที่นั่งอยู่ตรงที่นั่งประธานเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง หน้าตาจริงจัง คิ้วยาวไปจนถึงจอน ออร่าดูแตกต่างจากคนทั่วไป

สองตาของเขายิ่งเหมือนสายฟ้าที่ยิงเข้ามาในใจ ไม่ว่ามองไปที่ใคร ในใจก็ต้องรู้สึกไม่ดีขึ้นมา

ต่อให้ตอนแรกเขาจะเหลือบมองด้วยความใสซื่อที่เรียบเฉยเท่านั้น

จากเหลียงเยว่หรูที่นั่งอยู่ข้างเขา มันก็ไม่ใช่เรื่องยากที่จะเดาว่าเขานั้นก็คือผู้นำตระกูลเหลียงของหนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงหนัน พ่อของเหลียงเยว่หรู____เหลียงเหวินเห้านั่นเอง!

เหลียงเยว่หรูที่ปกติเป็นคนไม่ค่อยสนโลก ตอนนี้กลับหดหัวจนเหมือนนกกระจอกเทศตัวหนึ่ง นอกจากเงยหน้าขึ้นมามองเย่เทียนไปทีหนึ่งแล้ว แม้แต่คำทักทายยังไม่กลับพูดเลย

จากตรงจุดนี้ มันก็คาดเดาไม่ยากว่าแรงกดดันของเขานั้นได้ถูกบ่มเพาะมาเป็นเวลานานแล้ว

เย่เทียนถูกเหลียงเหวินเห้าจ้องจนเริ่มรู้สึกร้อนรนขึ้นมา ต่อให้เขาจะเป็นคนที่เก่งกล้าสามารถแค่ไหน แต่ก็ยังรู้สึกถึงแค่ความเย็นที่พุ่งขึ้นมาจากฝ่าเท้าเท่านั้น

สายตาที่แหลมคมคู่นั้นของเหลียงเหวินเห้ายังคงจ้องมองไปยังเย่เทียนที่ยืนอยู่หน้าห้องอย่างเงียบๆ ต่อเนื่องไปประมาณห้าวิ เขาถึงพูดออกมาอย่างไร้ความรู้สึกว่า

“คุณไปได้แล้ว!”

เสียงของเขาไม่ถือว่าดัง แต่มันกลับเหมือนเสียงฟ้าร้องที่ระเบิดอยู่ข้างหูเหลียงเยว่หรู เด็กสาวทำตัวลนลานขึ้นมาทันทีไม่รู้ว่าพ่อกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่

ไม่ว่ายังไง เย่เทียนก็เคยช่วยเธอให้พ้นจากอันตรายได้ตั้งหลายครั้ง นับว่าเป็นความดีความชอบที่ทำด้วยความยากลำบากเลย นี่มันต้องเรียกว่าอะไรเนี่ย?

แต่เย่เทียนที่เป็นคู่กรณีนั้น ความร้อนรนในใจกลับหายไปไม่เหลือหลอ ดวงตาสีดำสบตากับเหลียงเหวินเห้าอย่างไม่เกรงกลัว

“เพราะอะไรครับ?”

เหลียงเหวินเห้าพูดออกไปอย่างหยิงยโสว่า “หลียงเหวินเห้าคนนี้คิดจะไล่ใคร ยังต้องมีเหตุผลมารองรับด้วยเหรอ?”

“ถ้ากับคนอื่นอาจจะไม่ต้อง แต่กับผมนั้นก็จำเป็นครับ!”

เย่เทียนส่ายหน้าเบาๆ มุมปากอดไม่ได้ที่จะยิ้มออกมาอย่างน่าประหลาด

เหลียงเหวินเห้าเหลือบมองเย่เทียนอย่างเรียบเฉย

“ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะทำให้เสี่ยวเยว่มีความสุขได้!”

เย่เทียนขมวดคิ้ว แล้วถามกลับไปว่า “ทำไมถึงไม่เชื่อล่ะครับ?”

“แล้วทำไมผมถึงต้องเชื่อด้วย?” เหลียงเหวินเห้าถามกลับ

เย่เทียนตอบกลับอย่างจริงจังว่า “อย่างน้อยตอนนี้เยว่หรูก็ยังอยู่รอดปลอดภัย”

เหลียงเหวินเห้ากลับไม่ยอมรับและไม่ปฏิเสธ พร้อมพูดอย่างองอาจว่า “ต่อให้ไม่มีคุณ เธอก็ยังคงมีชีวิตต่อไปอย่างปลอดภัยได้”

“……”

มุมปากของเย่เทียนกระตุกเบาๆ ปฏิเสธไม่ได้ว่าเลยว่าเย่เทียนนั้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝีมือหรือเรื่องฝีปาก เขาก็เป็นชายที่เอาเรื่องทั้งนั้น

ไม่เสียแรงที่เหลียงเหวินเห้าเป็นถึงนักธุรกิจระดับหัวแถวของเมืองเจียงหนันหรือแม้แต่เมืองเจียงหวย ช่างแตกต่างจากคนทั่วไปจริงๆ!

จริงๆ แล้วตั้งแต่ตอนแรก เย่เทียนนั้นคำนึงถึงเรื่องที่อีกฝ่ายเป็นพ่อของเหลียงเยว่หรู จนเผลอเปล่าตัวปล่อยใจไป

ไม่อย่างนั้น แม้แต่ฉินเจิ้งที่เป็นผู้นำตระกูลอันดับหนึ่งของเจียงหนันเขายังกล้าทำหน้าบึ้งใส่ แล้วจะไปก้มหัวให้เหลียงเหวินเห้าได้ยังไง?

“คุณจะยอมออกไปเอง หรือจะให้ผมเรียกรปภเข้ามาไล่คุณออกไป?”

เหลียงเหวินเห้านั้นไม่สนใจหรอกว่าเย่เทียนจะคิดยังไง สายตาที่แหลมคมยังคงจับจ้องไปยังเย่เทียน

“งั้นผมไปเองก็ได้ครับ”

เย่เทียนมองดูเหลียงเหวินเห้าอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับยิ้มออกมาอย่างจนใจ หมุนตัวแล้วเตรียมที่จะเดินจากไป

“เดี๋ยว!”

ยังไม่ทันที่เย่เทียนจะหมุนตัวเสร็จ เหลียงเยว่หรูที่นั่งเงียบมาตั้งแต่ต้นก็ได้ลุกพรวดขึ้นมา แล้วพูดเสียงดังว่า “พ่อคะ เย่เทียนเป็นเพื่อนของหนูนะคะ!”

“แล้วไงต่อ?” เหลียงเหวินเห้าหันมองไปที่เหลียงเยว่หรู สายตาที่แหลมคมกลับดูอ่อนโยนลงมา

เหลียงเยว่หรูกัดฟันแน่น แล้วพูดออกมาอย่างสวยหรูว่า “เป็นเพื่อนที่ดีมาด้วย!”

เหลียงเยว่หรูเงียบไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้า “โอเค”

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น ก็รีบพุ่งเข้าไปในห้องด้วยสีหน้าที่จะยิ้มไม่ยิ้ม ดึงเก้าอี้มานั่งอย่างไม่เกรงใจเลยสักนิดพร้อมกับวางท่าเหมือนคนชั่วที่ได้ดี

“ดูสิ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากไป แต่คุณหนูเหลียงนั้นอยากให้ผมอยู่ต่อด้วยความจริงใจ ถ้าผมไปแล้วจริงๆ ผมกลัวเธอจะเสียใจนะสิ”

เหลียงเหวินเห้าไม่ได้สนใจเย่เทียนแม้แต่น้อย สายตาจ้องมองไปที่เหลียงเยว่หรู ใบหน้าที่เย็นชาก็ได้อ่อนโยนลงมา

“เสี่ยวเยว่ แกช่วยไปบอกที่ห้องครัวหน่อยว่าเอาอาหารมาเสิร์ฟได้แล้ว”

เหลียงเยว่หรูหันมองเย่เทียนอย่างเป็นกังวลไปทีหนึ่ง แต่ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ แล้วออกจากห้องวีไอพีไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก จนเหลือคนทั้งสองไว้ในห้องเท่านั้น

ความจริงแล้ว เย่เทียนไม่ได้รู้สึกรำคาญกับการกระทำที่ค่อนข้างน่าขายหน้าของเหลียงเหวินเห้าเลย

แต่ตรงกันข้ามเลย สายตาที่เขาจ้องมองไปยังเหลียงเหวินเห้ากลับเต็มเปี่ยมไปด้วยความนับถือ

เนื่องจาก คนที่เป็นพ่อ เมื่อต้องเผชิญหน้ากับเรื่องของลูกสาว จะรอบคอบขึ้นมาบ้างก็ไม่ใช่เรื่องผิดอะไร

“เย่เทียน?”

พอเหลียงเยว่หรูออกไป สายตาของเหลียงเหวินเห้าก็หันมาที่เย่เทียนอีกครั้ง

“ครับ” เย่เทียนพยักหน้าเบาๆ

เหลียงเหวินเห้าพูดออกมาอย่างลึกซึ้งว่า “ถ้าเป็นเมื่อสามเดือนก่อน ผมไม่มีทางที่จะพบคุณแน่นอน ยิ่งไม่มีทางให้คุณได้เข้าใกล้เสี่ยวเยว่แม้แต่นิดเดียว”

“……” เย่เทียนนิ่งเงียบ

“ผมรู้ความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับตระกูลเฉิน ยิ่งรู้เรื่องหุ้นที่เกิดขึ้นกับบริษัทแซ่เฉินเมื่อสองวันก่อนด้วย”

“จังเวยนั้นตอนเด็กยังดูพอใช้ได้ ทว่ายิ่งโตกลับยิ่งไม่ได้เรื่อง แต่การหมั้นหมายของเขากับเสี่ยวเยว่นั้นถูกกำหนดมาตั้งแต่เด็กแล้ว”

“ผมรู้ว่าเสี่ยวเยว่ไม่ได้ชอบเขา แต่ถ้าเธอไม่พูดกับผม ผมก็ไม่สามารถไปคุยกับตระกูลจางได้”

“ตอนนี้บริษัทก่อสร้างเทียนเฉินได้กลายเป็นของตระกูลเฉินไปแล้ว จังเวยเองก็ทนรับแรงกดดันในครั้งนี้ไม่ได้จนกระโดดตึกไป คุณจึงถือว่าช่วยผมจัดการเรื่องหนักใจไปเรื่องหนึ่ง”

พอพูดถึงเรื่องของเหลียงเยว่หรู น้ำเสียงที่กดดันของเหลียงเหวินเห้าก็ดูอ่อนโยนลง

พอเย่เทียนได้ยินอย่างนั้น สีหน้าก็ดูประหลาดขึ้นมาทันที

“ในเมื่อคุณรู้ความสัมพันธ์ระหว่างผมกับตระกูลเฉินแล้ว งั้นคุณก็ยิ่งควรต่อต้านเรื่องของผมกับเสี่ยวเยว่ไม่ใช่เหรอครับ?”

“ผมไม่เห็นด้วยอย่างแรง!”

เหลียงเหวินเห้าพยักหน้า แล้วพูดอย่างขมขื่นว่า “แต่ผมมีเสี่ยวเยว่ที่เป็นลูกสาวคนเดียว ขอแค่เป็นสิ่งที่เธอต้องการและเป็นสิ่งที่ผมสามารถให้ได้ ผมก็จะพยายามอย่างเต็มที่เพื่อทำให้เธอพอใจ”

“ในเมื่อตอนนี้คุณก็กำลังคบกับเสี่ยวเยว่แล้ว ผมก็มีแต่ต้องสนับสนุนเธอ!”

“……” เย่เทียนทำปากพะงาบพะงาบ แต่กลับพูดอะไรไม่ออก

เขาไม่รู้ว่าเหลียงเยว่หรูพูดกับเหลียงเหวินเห้ายังไง ต่อให้ความจริงแล้วทั้งสองจะไม่เคยพูดคุยเรื่องสถานะกันจริงๆ แต่ก็เห็นได้ชัดว่าเหลียงเหวินเห้านั้นมองเขาในฐานะของลูกเขยไปแล้ว!

“ผมจะถามคุณแค่คำถามเดียว คุณจะให้ตำแหน่งกับฐานะที่ชัดเจนกับเสี่ยวเยว่มั้ย?”

เหมือนกลัวเย่เทียนจะเข้าใจผิด เหลียงเหวิยเห้าจึงรีบอธิบายไปว่า “แน่นอนว่าผมไม่ได้ต้องการให้คุณตัดขาดกับตระกูลเฉินอย่างสิ้นเชิง ถึงแม้ประเทศเราจะยอมรับการมีคู่ครองได้แค่คนเดียว แต่บางประเทศก็สามารถมีภรรยาได้ตั้งหลายคนเหมือนกัน”

“ผม…รับปาก”

ไม่ว่ายังไง เย่เทียนก็มีประสบการณ์ในการเล่นบทไปพบผู้ปกครองมาหลายครั้งแล้ว จึงสามารถตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว

“ก่อนหน้านี้ผมเคยพูดแล้วว่า ผมไม่เชื่อว่าคุณจะสามารถทำให้เสี่ยวเยว่มีความสุขได้”

กับคำตอบนี้ เหลียงเหวินเห้ากลับส่ายหน้าเบาๆ แล้วยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็พูดอย่างลึกซึ้งว่า “นอกจากคุณจะช่วยอะไรผมอย่างหนึ่ง!”