เหลียงเหวินเห้าพอใจในตัวเย่เทียนมาก
ความจริงตั้งแต่ที่เย่เทียนเริ่มข้องแวะกับเหลียงเยว่หรู คนเป็นพ่ออย่างเขาก็สั่งคนไปสืบภูมิหลังของเย่เทียนด้วยความระแวง
พูดแบบไม่เกินจริงเลยว่าเขาเห็นการเปลี่ยนแปลงของเย่เทียนในหลายเดือนมานี้ทั้งหมด
แน่นอนว่าเย่เทียนในฉบับนี้เป็นฉบับที่เขาทราบผ่านคนอื่น หากไม่ลองหยั่งเชิงด้วยตัวเองคงไม่เป็นที่พอใจของคนเข้มงวดเช่นเขา
เดี๋ยวนี้คนที่ทั้งเก่งทั้งฉลาด มีไหวพริบ ฝีมือดีไม่เป็นที่ขาดแคลนแล้ว แต่คนที่มีจิตใจแข็งแกร่งดุจหินผานั้นขาดแคลนมาก
การจะเป็นลูกเขยของเขาเหลียงเหวินเห้าย่อมต้องพัวพันกับผลประโยชน์จากรูปแบบต่างๆ ขึ้นสูงและร่วงแรง หากแบกรับความลำบากและความผิดหวังไม่ได้เลยจะมอบความสุขให้เหลียงเยว่หรูได้ยังไง
ในด้านนี้เขาไม่กล้าชะล่าใจแม้แต่น้อย
เหลียงเยว่หรูเป็นครอบครัวเพียงคนเดียวของเขา ลูกสาวที่เขารักมากที่สุด หากเป็นเรื่องเกี่ยวกับเธอ เขาประมาทไม่ได้เลย
เมื่อกี้เขาจงใจทดสอบเย่เทียน แม้ว่าเรื่องนี้จะทำให้เหลียงเยว่หรูไม่พอใจ เขาก็จะทำ
โชคดีที่เย่เทียนเป็นตามที่เขาหวังไว้ ไม่ทำให้เขาผิดหวัง
หากจะหาจุดที่เหลียงเหวินเห้าไม่พอใจ เห็นทีคงจะเป็นความเป็นที่นิยมในหมู่ผู้หญิงของเย่เทียน
แต่เมื่อมาอยู่ในตำแหน่งของเขา ได้เห็นความสกปรกของแวดวงไฮโซมาหมดแล้ว จะสนทำไม
สำหรับเขา เหลียงเยว่หรูมีความสุขคือเรื่องที่สำคัญที่สุด
แม้จะคิดแบบนั้น แต่เหลียงเหวินเห้าไม่ได้แสดงความคิดที่แท้จริงในใจออกไป กลับมองเย่เทียนด้วยรอยยิ้มจางๆ
“เมื่อก่อนฉันเคยพูดไว้ ฉันไม่เชื่อว่านายจะมอบความสุขให้เสี่ยวเยว่ได้”
“นอกจากว่านายจะช่วยอะไรฉันสักอย่าง”
เย่เทียนผงะ มองเหลียงเหวินเห้าอย่างมีความหมาย เขาจะไม่รู้ได้ยังไงว่าที่ก่อนหน้านี้เหลียงเหวินเห้าแกล้วทำตัวเป็นปรปักษ์คงเพราะไม่อยากให้ตัวเองมีเหตุผลในการปฏิเสธ
แม้จะไม่พอใจอย่างมาก แต่ถึงยังไงอีกฝ่ายก็เป็นพ่อของเหลียงเยว่หรู เย่เทียนได้แต่ข่มความไม่พอใจเอาไว้
“คุณอาเหลียง มีอะไรอาพูดมาตรงๆเถอะครับ”
“ตรงไปตรงมาดี!”
เหลียงเหวินเห้าได้ฟังก็เผยรอยยิ้มพึงพอใจ และพูดตรงเข้าประเด็น “นายอาจจะยังไม่รู้ว่าตระกูลเหลียงของเราทำธุรกิจเพชรพลอยเป็นหลัก”
“ก่อนหน้านี้เพื่อนคนหนึ่งของอาเหลียงที่จ๊กกลางบอกอาว่าเหมือนที่นั่นขุดเจอเหมืองหยก อาอยากให้เสี่ยวเย่ช่วยจัดการเอาสิทธิการขุดมาให้อา”
“จ๊กกลาง? เหมืองหยก?”
เย่เทียนใจกระตุกวูบ จุดรวมพลของทีมจัดศพอยู่ที่จ๊กกลาง คงไม่บังเอิญขนาดนั้นหรอกใช่มั้ย?
ถึงยังไงหินทิพย์ก็หล่อหลอมขึ้นจากหินหยกโดยใช้เวลาหลายร้อยปี
คิดมาถึงตรงนี้ สีหน้าเย่เทียนเริ่มประหลาดขึ้น เขาถามหยั่งเชิง “คุณอาเหลียงครับ ด้วยความสามารถของตระกูลเหลียง แค่จะขอสิทธิการขุดของเหมืองหยกคงจะไม่ยากนะครับ”
“ถ้าเป็นที่เจียงหนันด้วยความสามารถของตระกูลเหลียงเราไม่ใช่เรื่องยาก”
เหลียงเหวินเห้าส่ายหัวอย่างอ่อนใจ พร้อมยิ้มเฝื่อนๆ “แต่เหมืองหยกอยู่ที่ภูเขาหยุนติ่งในจ๊กกลาง อิทธิพลท้องถิ่นจ๊กกลางต่างหมายตาเหมืองหยกไว้”
เป็นแบบนี้จริงๆด้วย!
เมื่อได้รับคำตอบจนแน่ใจแล้ว เย่เทียนอดถอนหายใจไม่ได้
ทีแรกเขาคิดว่าขอเพียงจัดการทีมจัดศพได้แล้วหาทางเหมาโครงการไว้ ก็จะสามารถครอบครองสิทธิการขุดได้อย่างถูกกฎหมาย
นี่เป็นความตั้งใจของเย่เทียนแต่แรก เขาไม่คิดจะวิ่งเข้าไปขุดเหมืองกลางเขาทุกวันหรอกนะ การจ้างทีมงานเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แต่ตอนนี้ข่าวรั่วไหลออกไปแล้ว ความตั้งใจในตอนแรกของเขาคงเป็นได้เพียงอดีต
ตามปกติสิทธิการขุดจะได้มาด้วยการประมูล ใครจะรู้ว่าราคาจะสูงถึงขั้นไหน
อย่างไรซะนั่นก็เหมืองหยกเชียวนะ!
คิดมาถึงตรงนี้ เย่เทียนส่ายหัวอย่างขมขื่น “คุณอาเหลียงครับ ถ้าผมคิดไม่ผิดเรื่องของการขุดเหมืองหยกมักจะได้ด้วยการประมูล ผมไม่มีเงินมากขนาดนั้นหรอกครับ”
“เสี่ยวเย่ นายเข้าใจผิดแล้ว”
เหลียงเหวินเห้ายิ้ม “เรื่องเงินนายไม่ต้องกังวล เพียงแต่อีกไม่กี่วันงานประมูลจะเริ่มขึ้นแล้ว ถึงเวลานั้นฉันจะไปด้วยตัวเอง ฉันแค่อยากให้นายคุ้มกันฉันในช่วงไม่กี่วันนั้น”
เย่เทียนมีสีหน้าประหลาดขึ้น
“คุณอาเหลียงครับ คนผอมแห้งแรงน้อยอย่างผมคงจะสู้แม้กระทั่งบอดี้การ์ดที่คุณอาจ้างมามั้งครับ”
“เสี่ยวเย่ นายไม่จำเป็นต้องปิดบังอะไรต่อหน้าฉัน ฉันคอยจับตาดูนายมาหลายเดือนแล้ว พอจะทราบทุกเรื่องที่นายได้ทำ”
เหลียงเหวินเห้าพูดอย่างแฝงนัย “นายโค่นบริษัทแซ่หลิว หนึ่งในห้าตระกูลใหญ่แห่งเจียงหนันได้”
“รวมแก๊งไผ่เขียวและเสือดำเข้าด้วยกัน กวาดล้างแก๊งมังกร จัดตั้งแก๊งเสือเขียวขึ้นและกลายเป็นหัวเรือของสังคมใต้ดินแห่งเจียงหนัน”
“ยังไม่พูดถึงเรื่องที่ปั่นป่วนมืองเอกซะจนโกลาหลไปหมด จนป่านนี้ยังวุ่นวายกันอยู่เลย”
“และทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากฝีมือของนายเพียงคนเดียว ถ้านายบอกว่าไม่มีความสามารถพอจะคุ้มกันฉัน เกรงว่าไม่มีใครในโลกสามารถคุ้มกันฉันได้แล้วล่ะ”
เย่เทียนได้ยินเข้าก็มีสีหน้ามืดมนลงในทันที “คุณสืบเรื่องผมเหรอครับ”
รู้สึกถึงความไม่พอใจของเย่เทียน เหลียงเหวินเห้ารีบอธิบาย “เสี่ยวเย่ นายอย่าเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจสืบเรื่องนาย”
“เสี่ยวเยว่เป็นแก้วตาดวงใจของฉัน ฉันไม่ยอมให้เกิดเรื่องไม่คาดคิดกับเธอเด็ดขาด ฉัยรู้จักนายตั้งแต่ที่นายข้องแวะกับเสี่ยวเยว่”
“อีกอย่าง ด้วยสิ่งที่นายได้ทำก่อนหน้านี้ ฉันจำต้องจับตาดูนาย เพื่อไม่ให้มีอะไรเกิดขึ้นกับเสี่ยวเยว่”
ความโกรธในใจของเย่เทียนค่อยๆหายไป เขาส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรดี
เขารู้ดีว่าเมื่อก่อนตัวเองเป็นยังไง และเขาเข้าใจการกระทำของเหลียงเหวินเห้าสุดๆ ที่เขาระแวงขนาดนี้ไม่ผิดหรอก
แต่สิ่งที่เย่เทียนรู้สึกมึนงงสุดๆนั้นคือแก๊งเสือเขียวคืออะไร? หลิวชิงและเชิ่งหู่รวมตัวกันตั้งแต่เมื่อไหร่?
เย่เทียนมองเหลียงเหวินเห้าอย่างมีความหมาย “ผมคุ้มกันคุณได้ หรือแม้กระทั่งช่วยชิงสิทธิการขุดของเหมืองหยกมาให้คุณก็ได้ แต่ผมมีข้อแม้!”
“นายว่ามา”
“ผมขอส่วนแบ่ง 30%!”
เย่เทียนพูดตรงไปตรงมาอย่างชัดเจน “แน่นอนว่าการลงทุนเบื้องต้นนั้นผมก็จะออก 30% เช่นกัน”
เหลียงเหวินเห้าแทบจะไม่ต้องลังเล เขาแย้งในบัดดล “20%”
เรื่องนี้ตั้งแต่ที่เขารู้ว่าเย่เทียนเป็นคนตระกูลเฉินก็รู้แล้วว่ามีแบ่งส่วนแบ่งให้ 30% เป็นตัวเลขที่เขาคาดการณ์ไว้ แต่การต่อรองราคาเป็นคุณสมบัติของนักธุรกิจไม่ใช่หรือไร
“ตกลงครับ”
เกินความคาดหมายของเหลียงเหวินเห้าคือเย่เทียนไม่ได้ต่อรองอะไรเลยสักนิด เขารับปากอย่างง่ายดาย
แต่ไม่รอให้เขาได้สติ เสียงของเย่เทียนก็ดังขึ้นข้างหูอีกครั้ง
“นอกเหนือจากนี้ ไม่ว่าจะขุดเจอหยกเขียวจักรพรรดิชั้นเยี่ยมมากมายแค่ไหนในเหมือง ต้องผ่านมือผมก่อนครับ”
“เรื่องนั้น……” เหลียงเหวินเห้าลังเลขึ้นมาทันที
เขาไม่ทราบเกี่ยวกับการดำรงอยู่ของหินทิพย์ แต่หยกเขียวจักรพรรดิเป็นหนึ่งในหยกที่ดีที่สุด ซึ่งเป็นเงินทั้งนั้น!
“คุณอาเหลียง อย่าเข้าใจผมผิดไปนะครับ”
เย่เทียนจะไม่รู้ได้ยังไงว่าเหลียงเหวินเห้ากำลังลังเลเพราะอะไร เขาอธิบายว่า “ผมหมายความว่าถ้าขุดเจอหยกเขียวจักรพรรดิได้ในเหมือง ผมขอดูก่อน หลังจากดูเสร็จผมจะคืนให้คุณอาครับ”
“นั่นไม่มีปัญหา!” เหลียงเหวินเห้าตอบตกลงทันที…..