ตอนที่ 490 : บรรยาย
“ขยายร้านค้าที่จําวหัวเป็นแปดพันที่นั่ง .. ที่เมืองครึ่งเป็นหกพันห้าร้อยส่วนหยวนหยางเป็น .. หนึ่งพันเอ็ม ..” ฟางฉีพิมพ์เขาเริ่มค้นพบความสําเร็จ
“ข้าสามารถเลือกหนังหรือเกมตามใจได้มั้ยนะ”ฟางฉีเกาหัวพลางอ่านคําแนะนําที่ระบุว่าหนังหรือเกมที่เขาเลือกนั้นจะต้องมีระดับพลังที่ต่ํากว่าหากเห็นยกับเกมและหนังที่มีอยู่หมายความว่า .. การตัดสินใจของเขาไม่มีขอบเขต
หากเทียบกับภารกิจที่ได้รับอย่างการสร้างอานาจสิ่งที่ฟางฉีทําในตอนนี้ถือว่าเล็กน้อยมาก
แน่นอน .. เล็กน้อยไม่ได้หมายความว่าไม่สําคัญ
ณ ร้านที่จิวหัว
ด้วยจํานวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สําหรับพนักงานสองคนนั้นคงไม่เพียงพอที่จะจัดการกับธุรกิจในแต่ละวัน
สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างอย่างสิ้นเชิง หลังจากที่เมียร์สองเปิดตัว ผู้เล่นเพิ่มขึ้นตามคําบอกเล่าปากต่อปาก มันเป็นเกมที่เกี่ยวกับนักรบและทหาร
ตอนนี้เหล่าศิษย์ชั้นสูงจากกลุ่มต่างๆ และคนจากครอบครัวต่างปลัดเปลี่ยนเวียนกันเข้ามาในร้าน ช่วงเวลาที่ พีคที่สุดร้านแต่ละแห่งมีผู้เล่นเกือบหมื่นคนเข้าๆ ออกๆ
ร้านค้าทุกที่ถูกจัดเป็นนะเบียบเนื่องจากพนักงานส่วนมากเป็นถึงผู้ฝึกฝน พวกเขาว่องไวทั้งการเคลื่อนไหวนอกจากนี้พวกเขายังมีคําพูดที่เข้าถึงลูกค้า เขาสามารถทํางานได้หลายอย่างพร้อมกัน หากเป็นคนธรรมดาป่าน นี้คงถูกชักชวนไปนานแล้ว
ระบบดูเหมือนจะไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการจัดการกับปัญหานี้ ระบบเลือกที่จะโยนปัญหาให้กับฟางฉีเนื่องจากเขาได้รับสิทธิพิเศษมากมายเขาเองจําเป็นต้องทํางานให้คุ้มกับสิ่งที่ได้รับ
“…” ฟางฉีรู้สึกเจ็บปวด เขาพึมพําด้วยความงุนงง “เจ้าไม่ได้บอกข้าว่าต้องมารับผิดชอบกับธุรกิจภายนอกนี้.. เจ้าจัดกัดภายในหรอ? ข้ายังพิชิตเกมไม่สําเร็จเลยมันไม่ยุติธรรมสักนิด!”
“แล้วตอนนี้งานของเจ้าคืออะไร? อยู่เฉยๆ? ในฐานะระบบหรอ”
ระบบไม่มีการตอบสนอง
“เอาก็เอา” ฟางฉีบ่นเงียบ
หลังจากเงียบไปสักพัก ดูเหมือนว่าระบบจะยอมแพ้และตอบด้วยความไม่เต็มใจ [ด้วยสิทธิ์ปัจจุบันของท่าน ท่านสามารถรับสมัครพนักงานด้วยตัวเอง]
ฟางฉุครุ่นคิด
ระบบไม่ได้เสนออะไรที่ดูเป็นประโยชน์จนเกือบจะมีปากเสียงกับฟาง ฟางฉีมองดูหน้าอินเทอร์เฟซด้วยความไม่พอใจเท่าไรนัก
ไหนความชัดเจน .. ฟางฉีไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากพิจารณาเรื่องการจัดหาพนักงานใหม่ส่วนตอนนี้ก็ท่าได้แค่เพียงรอ ฝั่งด้านหยวนหยางนั้นมีพนักงานมากเกินพอ
แต่อีกสองร้าน ..
เขาต้องแก้ไขเรื่องพนักงานก่อนจะทําการขยายร้าน
เขาต้องประกาศรับสมัครงาน
ฟางฉีกําลังจัดการเรื่องจุกจิกจนแทบไม่มีเวลาสนใจเรื่องอื่น เวลาเดียวกันผู้เล่นในร้านค้าทั้งสามก็กําลังยุ่งอยู่กับการพบปะเจอกันของพวกเขา
ตอนนี้ซูเทียนจิกาลังพูดคุยกับสาวกของเธอในวังหลิวหยุน “เฟงหัว เย่ชิน พวกเจ้าคิดว่าชุดไหนที่เหมาะกับข้าชุดไหนควรจะสวมใส่ในการเดินทาง?”
ในห้องของเธอด้านหลังวังเทียนจิซูเทียนจิสวมใส่กระโปรงสีขาวพร้อมก๋วยเสื้อคลุมสีฟ้าขับกับสีผิวของเธอ .. สาวกสองคนชื่นชมด้วยความเขินอาย
เห็นได้ชัดว่าพวกเธอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียในการเข้าร่วมทีมก่อสร้างเทเลพอร์ตเคลื่อนย้าย ดังนั้นพวกเขาจึงมีเวลาว่างมากมายสําหรับการแต่งตัว
ห้องเรียนเอของบ้านหวังในสํานักหลังหยุน นาหลันหมิงซื้อและซงฉิงเฟิงจัดเป็นนักเรียนระดับเก่งมูฮงซูผู้ฝึกฝนสอนเองก็จัดเป็นอาจารย์ที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน
คนหนุ่มสาวเหล่านี้ออกมาจากสนามซ้อมพลังจิตวิญญาณ
“อาจารย์หนุ่มซงคราวนี้เราควรไปร่วมสถานะทางจิตวิญญาณหรือไม่?” หลินเซียวสวมชุดคบลุมและรองเท้าบูทสีด่าเขาแต่งตัวแบบนี้มาตลอดหลังจากที่ได้ดูเดอะแมททริกซ์
“แน่สิ!” คนหนุ่มสาวพวกนี้ได้ฝึกฝนอย่างหนักเพื่อที่จะได้มีทักษะและพลังอันยอดเยี่ยมเทียบเท่ากับคนอายุมากซงฉิงเฟิงกล่าวว่า “ข้ารู้สึกไม่มีใครเทียบเทียมได้ มันควรที่จะค้นหาประสบการณ์ใหม่!”
หลินเซียวบ่น “เมื่อวานศิษย์พี่ซีซินทุบดีใช่มั้ย?”
ซูเหลียวหยุดเขา “หุบปาก! อย่าเอ็ดไป”
นักรบหนุ่มชั้นสูงจากสามสํานักในดาจนถือเป็นผู้เล่นที่มีประสบการณ์มาไม่น้อยเช่นกัน พวกเขาเป็นแขกคนหลักที่ได้รับเชิญจากสํานักเชิงจิ้งและซีจี้ พวกเขามาเจอกันพร้อมหน้าพร้อมตาที่สํานักหลิงหยุน
หากเทียบกับเพื่อนพ้องในสํานักหลิงหยุนแล้ว อีกสองสํานักรู้สึกประหม่าขึ้นทันตา แม้พวกเขาจะเล่นเกมในคาเฟมาเป็นเวลานานแต่ก็ไม่ได้ต่อสู้กับคนข้างนอกเลยนอกจากเพื่อนพ้องน้องพี่ในสํานักเดียวกัน
ในการแข่งขันครั้งก่อนศิษย์จากทั้งสองสานักนี้พ่ายแพ้รุ่นพี่ของพวกเขาจากสํานักหลิงหยุน คราวนี้พวกเขาตั้งใจที่จะไม่ทําให้มันเกิดขึ้นอีก
“ศิษย์พี่ท่านมั่นใจมั้ย?” สาวกบางคนกระซิบกระซาบกัน
“ไม่ต้องห่วง! ข้าฝึกฝนในร้านมานาน นอกจากราชวงศ์ดาจินแล้ว เรายังได้ปรับปรุงคาถาจิตวิญญาณอื่นๆอีก” จี้หยางองค์ชายห้าหัวเราะ “มีคนบอกว่าเหล่าคนตะวันตกกําลังเยี่ยมชมสถานที่จิตวิญญาณในที่สุดเราก็มีโอกาสแสดงความสามารถของเราสักที!”
“องค์ชายหาผู้อัจฉริยะ!” เหล่าผู้น้อยเอ่ยชมเขา
“แน่นอน” เขายังคงหลงตัวเองต่อไป
ข้างหลังพวกเขานาหลันฮงกําลังเดินออกจากร้าน เขาตบไหล่เหลียงเห่ยหูผู้ฝึกฝนของเชิงจิ้งว่า “เห่ยหูเจ้าเก่งที่สุดในบรรดาอาจารย์ของเชิงจิ้ง ผู้ฝึกฝนที่มีอายุต่ํากว่าร้อยห้าสิบปีและนักรบที่มีอายุน้อยกว่าร้อยปีถือเป็นคนรุ่นใหม่เจ้าสามารถเข้าร่วมการแข่งขันได้”
“ท่านเหนือหัวทรงกล่าวว่าอย่างพวกเจ้าอายุน้อยกว่าสามสิบสามารถไปดูเพื่อหาประสบการณ์ได้
องค์ชายห้าที่กําลังเดินอยู่ข้างหน้าพวกเขาหันกลับไปมองบน “…”
ในกลุ่มพูดคุยของเหล่าผู้ฝึกฝน
ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์จากกองกําลังต่างเป็นจุดหลังจุดแข็งในการทํางานเพื่อให้เกิดการประชุมที่สมบูรณ์ พวกเขาตั้งใช้ที่จะทําให้การสื่อสารหรือการเดินทางให้สะดวกมากยิ่งขึ้นหลายกลุ่มอย่างบ้านซนซงและชาวเขายซูเริ่มพูดถึงแผนการสร้างเทเลพอร์ตใหม่กันอย่างคึกคัก
กูถึงหยุนเองก็เอากับเชาเช่นกัน เขาสร้างแชทกลุ่มขึ้นมาในคิวคิวพร้อมทั้งรวมผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งประดิษฐ์จํานวนหลายคนทั้งเมืองครึ่ง, จิวหัวและรวมไปถึงที่นี่หยวนหยาง เขานั่งหน้าคอมแล้วพูดอย่างเคร่งขรึม [ข้า จะอธิบายโครงสร้างของการสร้างเทเลพอร์ตเคลื่อนย้ายข้อมูลอย่างระเอียด]
ปรมาจารย์จิตวิญญาณเป่าฝั่งกล่าวว่า [หยกสื่อสารสําเร็จได้โดยอ้างอิงจากพิมพ์เขียวของเดิมและนํามาพัฒนาใหม่]
ในมือของเธอมีหยกสื่อวารขนาดใหญ่กว่าหยกทั่วไปมันไม่เพียงแต่จะสามารถส่งข้อความได้เท่านั้นแต่ยังอัปโหลดข้อมูลเก็บไว้ของในคิวคิวได้อีกด้วย
กูถึงหยุนกล่าวเสริม [ขาไม่ได้เตรียมเอกสารเกี่ยวกับการสร้างมาครบถ้วนเท่าไร ..]
การบรรยายเริ่มต้นขึ้น ..