บทที่ 401 แต่งงาน ไม่แต่งกับเฟิ่งชิงเฉิน

นางสนมแพทย์อัจฉริยะ

บทที่ 401 แต่งงาน ไม่แต่งกับเฟิ่งชิงเฉิน
เฟิ่งชิงเฉินยิ้มออกมาด้วยท่าทางมีความสุข เดิมทีหวังจิ่นหลิงคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินโมโหเสียจนหัวเราะออกมา แต่ดูจากท่าทางของนางแล้วไม่เหมือน ทว่าเป็นรอยยิ้มจากใจจริง “เจ้ายังยิ้มออกได้อีกหรือ? เจ้าไม่โกรธหรือ?”

ไม่ว่าสตรีผู้ใดที่ถูกใส่ร้ายเช่นนี้ล้วนต้องโกรธ แน่นอนว่าหวังจิ่นหลิงรู้ดีเรื่องเฟิ่งชิงเฉินมีความแข็งแกร่งกว่าสตรีนางอื่น ใจกว้างกว่าสตรีนางอื่น แต่ต่อให้ใจกว้างเพียงใดเมื่อได้ยินคำเช่นนี้ล้วนต้องโมโห

อย่าว่าแต่เฟิ่งชิงเฉินเลย แม้แต่เขาที่ได้ยินเรื่องที่ฝ่ายตรวจการกล่าวถึงเฟิ่งชิงเฉินเช่นนี้ เขาเองก็ยังโกรธ สตรีที่เขาพยายามปกป้องอย่างสุดหัวใจ จะไปเป็นของเล่นสำหรับคนชั้นสูงเหล่านั้นได้อย่างไร

“เหตุใดจึงยิ้มมิได้เล่า แล้วเหตุใดจึงต้องโมโห เพียงแค่วาจาซึ่งมาจากลมปากเท่านั้น ข้าได้ยินมามากแล้ว อีกอย่าง คนที่จะโชคร้ายในครั้งนี้มิใช่ข้า ฝ่ายตรวจการกล่าวแล้วมิใช่หรือ ว่าข้านั้นเป็นเหยื่อผู้บริสุทธิ์เพราะความเย่อหยิ่งของเสด็จอาเก้า”

นางจะไม่ดีใจได้อย่างไร เสด็จอาเก้าผู้ที่สูงส่ง ไม่สนใจในสตรี เปรียบดั่งเทพอมตะ จะมีวันที่ถูกดึงลงมาจากแท่นบูชา และจะมีวันที่ถูกรายล้อมไปด้วยเรื่องราวติฉินนินทาเช่นนี้ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก

ในเมื่อไม่อาจหยุดห้ามคำนินทาได้ ก็ต้องมีคนทนทุกข์ไปด้วยกัน ทุกครั้งที่เกิดเรื่องขึ้น จะมีเพียงเฟิ่งชิงเฉินเท่านั้นที่ถูกโลกดูหมิ่น และในที่สุดก็ถึงคราวของเสด็จอาเก้าสักที

เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้โกรธจริงๆ นอกจากตกใจในตอนแรกแล้ว เฟิ่งชิงเฉินกลับรู้สึกตั้งตารอเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปเสียด้วยซ้ำ

นางอยากจะเห็นเหลือเกินว่าเมื่อเสด็จอาเก้าอยู่ต่อหน้าการกล่าวหาจากฝ่ายตรวจการ แล้วเขาจะโต้แย้งให้พ้นความผิดได้อย่างไร

“หากว่าข้อหานี้ถูกตัดสินจริง เสด็จอาเก้าโชคร้าย เจ้าเองก็ไม่ได้ดีไปกว่าเขา” นี่ไม่ใช่สิ่งที่หวังจิ่นหลิงเป็นกังวลใจ แต่หวังจิ่นหลิงกังวลเกี่ยวกับชื่อเสียงของเฟิ่งชิงเฉินต่างหาก เห็นได้ชัดว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่สนใจ คำปลอบโยนที่หวังจิ่นหลิงเตรียมไว้จึงหาโอกาสพูดขึ้นไม่ได้เลย

“ถูกกำหนดโทษ? จิ่นหลิงเจ้าดูถูกเสด็จอาเก้ามากไปแล้ว โทษเช่นนี้เขาจะไม่ยอมรับเป็นแน่ ฝ่ายตรวจการเหล่านั้นไม่อาจหาข้อบกพร่องได้หรอก” เฟิ่งชิงเฉินกล่าวออกมาได้อย่างมุ่งมั่น ทำให้หวังจิ่นหลิงรู้สึกปวดใจเล็กน้อย “เจ้าเชื่อมั่นในตัวเสด็จอาเก้าเช่นนี้เชียวหรือ?”

“ไม่ใช่ว่าข้าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่เรื่องนี้กล่าวไปตามความจริง เสด็จอาเก้าไม่ใช่ผู้ที่นั่งรอความตายอยู่กับที่ หากต้องการทำให้เสด็จอาเก้าก้มศีรษะลงยอมรับด้วยเพียงโทษเท่านี้ยากยิ่งนัก”

“อีกอย่างต่อให้เขาถูกกล่าวโทษนี้จริง ก็ไม่ได้ส่งผลต่อชีวิตของเสด็จอาเก้า อย่างมากก็เพียงแค่ขายหน้าเพราะทำเรื่องไม่เป็นคุณธรรมเท่านั้น หากข้าเดาไม่ผิดล่ะก็ จักรพรรดิและคนอื่นๆ เพียงต้องการใช้เรื่องนี้บีบบังคับให้เสด็จอาเก้ายอมถอยออกไปก้าวหนึ่ง” เฟิ่งชิงเฉินถูกคนในราชวงศ์จัดการมาหลายครั้งหลายครา นางจะไม่รู้ได้อย่างไร คนในราชวงศ์นั้นโดยมากมองจากพื้นผิวจะใช้เรื่องหนึ่งเพื่อทำให้อีกเรื่องหนึ่งประสบความสำเร็จ

หากว่าเฟิ่งชิงเฉินเดาไม่ผิดล่ะก็ จักรพรรดิคงไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะให้ฝ่ายตรวจการนำเรื่องของเสด็จอาเก้าที่ไร้คุณธรรมเรื่องนี้ บีบบังคับให้เสด็จอาเก้า ต้องตกเหว แท้จริงแล้วใช่ว่าเขาไม่อยาก แต่มันทำไม่ได้ การที่เขาใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้เพียงแค่ต้องการให้ใครบางคนล้มเลิกความตั้งใจ ขณะเดียวกันก็ให้เสด็จอาเก้ายอมจำนนบ้างเล็กน้อย

“น้องเก้า เรื่องที่ฝ่ายตรวจการจะฟ้องเจ้า เจ้าคิดเห็นว่าอย่างไร?” จักรพรรดิรั้งตัวเสด็จอาเก้าเอาไว้เป็นการส่วนตัว แล้วกล่าวด้วยสีหน้าผ่อนคลายราวกับพี่น้องสนทนากันธรรมดา

คิดเห็นอย่างไร? ขืนใจคู่หมั้นหลานชาย? เขายังไม่ได้ลงมือเลยด้วยซ้ำ และต่อให้เขาจะลงมือก็คงไม่มีความสนใจจะลงมือจัดการกับพระชายาองค์รัชทายาทและพระชายาลั่วอ๋อง

“ไม่มีความคิดเห็นใด?” เสด็จอาเก่าทำสีหน้าเคร่งขรึมนิ่งเงียบ ไม่มีผู้ใดรู้ได้เลยว่าใต้ใบหน้าอันสงบนิ่งนั้นเขาไม่สนใจมันจริงๆ หรือเพียงแค่เสแสร้งทำขึ้นมา

หลายปีมานี้จักรพรรดิได้ละทิ้งความพยายามที่จะมองออกถึงอารมณ์ใบหน้าของเสด็จอาเก้า เสด็จอาเก้าเป็นผู้ที่ไร้อารมณ์ความรู้สึก เขาไม่เคยแสดงความรู้สึกได้ออกมาทางสีหน้าเลยแม้แต่น้อย

“น้องเก้า เมื่อตอนเจ้าอยู่ในงานเลี้ยงหาได้เป็นเช่นนี้ ในเมื่อเจ้าไม่ได้รู้สึกอันใดกับเฟิ่งชิงเฉิน แล้วเหตุใดในงานเลี้ยงนั้นเจ้าจะต้องปกป้องนาง ทำให้ขุนนางมากมายเข้าใจผิด” ใบหน้าของฝ่าบาทกำลังยิ้ม แต่กลับทำให้หนาวเหน็บเข้าไปถึงกระดูก

“ฝ่าบาท เรื่องระหว่างข้ากับเฟิ่งชิงเฉินนั้นทุกคนใต้หล้าล้วนรับรู้ การที่ข้าปกป้องนางเป็นเรื่องที่สมเหตุสมผลแล้ว” เสด็จอาเก้าประโยคนี้ดูเหมือนว่าจะกล่าวทุกอย่างออกมา เเต่เขาก็ยังคงไม่ยอมรับ

“เช่นนั้นหมายความว่า เจ้ายอมรับเรื่องนี้?” องค์จักรพรรดิไม่ยอมให้เสด็จอาเก้ามีโอกาสในการหลบหลีก เขาเอ่ยถามถึงจุดกลางของปัญหา เพียงแค่เสด็จอาเก้ายอมรับออกมา เขาก็จะสามารถเดินแผนต่อไปได้

จักรพรรดิจิ้งจอกเฒ่าเจ้าเล่ห์ แต่เสด็จอาเก้าก็ไม่ธรรมดา หากเขายอมรับก็คงจะบ้าไปแล้ว “จักรพรรดิ ข้าไม่ได้ยอมรับสิ่งใด ข้ากล่าวแล้วว่าเรื่องที่ฝ่ายตรวจการฟ้องร้องนั้น ระหว่างข้ากับเฟิ่งชิงเฉินเต็มไปด้วยความบริสุทธิ์ และหากข้าต้องการสตรีสักนางหนึ่ง คงไม่จำเป็นจะต้องใช้ไม้แข็ง ใต้หล้านี้ไม่มีสตรีคนใดที่ข้าไม่อาจคว้ามาครองได้?”

น้ำเสียงจังหวะของเสด็จอาเก้าค่อนข้างเชื่องช้า มันอ่อนโยนและบางเบา เเต่เเฝงไปด้วยความมั่นใจอันแข็งแกร่ง หาได้มีความเกรงกลัวต่อแววตาอันแหลมคมของจักรพรรดิแต่อย่างใด

“ฝ่าบาท เรื่องระหว่างข้าและเฟิ่งชิงเฉินนั้นเป็นเรื่องของข้า ขออย่าได้เข้ามาแทรกแซง ชีวิตของข้านี้ไม่เคยรู้สึกสนใจสิ่งใด และไม่เคยคิดอยากจะได้สิ่งใด นี่เป็นครั้งแรกที่ข้ารู้สึกสนใจกับเรื่องหนึ่งและคนๆ หนึ่ง ส่วนข้าต้องการจะได้หรือไม่นั้น ข้ามีแผนของข้าอยู่” เสด็จอาเก้ามองไปทางเก้าอี้มังกรด้วยแววตาอันเยือกเย็น

ทั้งชีวิตของเขานี่ไม่เคยต้องพยายามแย่งชิงสิ่งใดมา รวมไปถึงเก้าอี้มังกรตัวนั้น หากเขาต้องการได้มัน ตัวเขาก็มีคุณสมบัติมากกว่าองค์จักรพรรดิเสียอีก เพียงแต่เขาไม่ได้อยากจะเป็นจักรพรรดิแห่งราชวงศ์ตงหลิง ประโยคเมื่อครู่นี้ของเสด็จอาเก้าเป็นการกล่าวเตือนจักรพรรดิว่าอย่ากระทำการใดเกินเหตุ

ในฐานะของจักรพรรดิเมื่อถูกข่มขู่เช่นนี้ หากเขาสามารถอดทนเอาไว้ได้คงจะแปลก แววตาของฝ่าบาทเผยประกายอาฆาตออกมา แม้ว่าเสด็จอาเก้าจะเห็นแต่ก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องและนั่งอยู่ที่นั่นเงียบๆ มองออกไปยังที่ซึ่งไม่รู้ชื่อบริเวณไกลออกไป

ฝ่าบาทโมโหยิ่งนัก แต่ก็จำเป็นจะต้องสงบอารมณ์เอาไว้ “น้องเก้า เฟิ่งชิงเฉินเป็นคู่หมั้นของลั่วเอ๋อร์ ส่วนเจ้าอาเป็นอาของลั่วเอ๋อร์ เจ้าทำเช่นนี้จะให้ลั่วเอ๋อร์ทำอย่างไร?”

“ฝ่าบาท จนกระทั่งบัดนี้ข้ายังไม่ได้ทำสิ่งใดเลย อีกอย่างฝ่าบาทลืมไปแล้วหรือว่าเฟิ่งชิงเฉินเป็นเพียงแค่อดีตคู่หมั้นของจื่อลั่ว” เสด็จอาเก้าละสายตากลับคืนมาแล้วมองไปทางองค์จักรพรรดิ “ต่อให้เป็นภรรยาแล้วอย่างไรเล่า เชื้อพระวงศ์ของราชวงศ์ตงหลิงเรา สนอกสนใจตัวตนของสตรีที่ไหนกัน ใช่ว่าไม่เคยเกิดเรื่องพี่แย่งภรรยาน้องชายเสียเมื่อไหร่ ท่านว่าหรือไม่เล่าฝ่าบาท?”

“น้องเก้า เจ้า……” สีหน้าขององค์จักรพรรดิเปลี่ยนไปทันที แม้ว่าคำพูดของเสด็จอาเก้าจะไม่ได้ชัดเจนนัก แต่ทุกคนล้วนรู้อยู่แก่ใจดี

จักรพรรดิขืนใจน้องสะใภ้ของเขา และนี่คือน้องสะใภ้จริงๆ ไม่ได้เป็นเช่นเฟิ่งชิงเฉินกับตงหลิงจื่อลั่วที่มีสถานะเป็นคู่หมั้นเท่านั้น

“เสด็จพี่อย่าได้ตื่นเต้นไป ข้าเพียงแค่กล่าวออกมาลอยๆ” เสด็จอาเก้าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เขาทำให้คนอื่นรู้สึกโกรธจัดและตีหน้าซื่อไม่รู้เรื่องรู้ราวออกมาอย่างไร้เดียงสา ต่อให้จักรพรรดิโกรธจัดก็ไม่อาจกล่าวสิ่งใดได้ เพราะเสด็จอาเก้าไม่ได้อธิบายออกมาอย่างชัดแจ้ง เขาจะยอมรับด้วยตนเองไม่ได้เด็ดขาด

ความโกรธนั้นเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่ ในไม่ช้าองค์จักรพรรดิก็แสดงความห่วงใยเช่นพี่ชายเป็นห่วงน้องชายออกมา “น้องเก้าในเมื่อเจ้ามีความรู้สึกพึงพอใจกับเฟิ่งชิงเฉิน ข้าจะมอบหนังสือแต่งงานให้แก่เจ้า จากตัวตนของเฟิ่งชิงเฉินเดิมทีแล้วนางคงเป็นได้เพียงอนุภรรยาที่คอยรับใช้เจ้าเท่านั้น เพื่อเห็นแก่ความรักของเจ้าที่มีต่อนาง น้องก้าว ข้าจะให้นางมีตำแหน่งพระชายารองของเจ้า”

เสด็จอาเก้าก้มศีรษะลงเล็กน้อย ขนตายาวกะพริบเพื่อซ่อนความเย้ยหยันในดวงตาของเขาเอาไว้

องค์จักรพรรดิช่างรักและเอ็นดูลั่วอ๋องมากเหลือเกิน จึงรีบเคลื่อนไหวเช่นนี้แล้วรีบผลักดันเฟิ่งชิงเฉินมาให้เขา คาดว่าคงจะรู้เรื่องที่ลั่วอ๋องเข้าไปรั้งเฟิ่งชิงเฉินไว้แล้วเป็นแน่

จักรพรรดิคงไม่อนุญาตให้เฟิ่งชิงเฉินเข้าไปอาศัยอยู่ในจวนลั่วอ๋องอย่างแน่นอน เพื่อป้องกันไม่ให้หลานชายสุดที่รักของเขาถูกสอนเสียจนนิสัยเสีย และยิ่งไม่ยอมให้ลั่วอ๋องมัวแต่คิดถึงคนึงหาสตรีเช่นนี้

จักรพรรดิแน่ใจอย่างยิ่ง แต่คิดไม่ถึงว่าเสด็จอาเก้าจะปฏิเสธอย่างตรงไปตรงมา “ไม่แต่ง”

พระชายารองหรือ? ในเมื่อมีพระชายารองก็ต้องมีพระชายาเอก จวนของเขาเดิมทีค่อนข้างเงียบสงบ และเขาไม่สนใจจะให้คนจำนวนมากเข้าไปอยู่ในจวน จวนจิ่วอ๋องอันใหญ่โตนั้นนอกจากคนของเขาแล้วไม่มีคนของใครอีก

เสด็จอาเก้ารู้ดีว่าจักรพรรดิต้องการใช้โอกาสนี้เพื่อจัดแจงส่งคนมาข้างกายเขา

“ไม่แต่ง? น้องเก้าต้องการบีบบังคับเฟิ่งชิงเฉินให้ตายหรือ?” จักรพรรดิหมายความว่าอย่างไรช่างชัดเจนกระจ่างแจ้ง เสด็จอาเก้ามีทางเลือกสองทางคือแต่งงานกับเฟิ่งชิงเฉิน หรือปล่อยให้เฟิ่งชิงเฉินตาย การถูกฝ่ายตรวจการลงโทษ ทำให้ตงหลิงอับอายขายหน้า สตรีเช่นนี้ไม่ควรมีชีวิตอยู่ต่อไป!