บทที่ 55 ประชุมครอบครัวอย่างเป็นทางการ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 55
ประชุมครอบครัวอย่างเป็นทางการ
10 วันแล้วที่ไม่ยังไม่มีร่องรอยของมู่หรงเสวี่ย
“คุณชาย ลืมไปหรือเปล่าครับว่าวันนี้เป็นวันประชุมของครอบครัว?” วันประชุมของครอบครัวมีความสำคัญอย่างมาก นอกจากเขาก็ยังมีคุณหลินอีก มีหลายคนที่หันไปสนับสนุน ชางกวนหลินแล้ว เย่เฟิงพูดอย่างเป็นกังวลกับชางกวนโม่เพื่อที่จะลากเขาไปที่ตระกูลเดี๋ยวนี้เลย

ตรงหน้าคือชางกวนโม่ที่สีหน้าซีดเซียว เสื้อผ้าก็ยังเป็นของวันก่อน แม้แต่ที่คางก็เต็มไปด้วยหนวดเครา หลายคืนแล้วที่เขานอนไม่หลับจนขอบตาดำคล้ำไปหมดแล้ว ร่างกายก็ดูซูบผอมลงอย่างมาก เย่เฟิงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกไม่พอใจกับการหายตัวไปของมู่หรงเสวี่ย

“ยังไม่มีข่าวอะไรบ้างเลยเหรอ?” ชางกวนโม่ลูบหน้าผาก
“คุณชายครับ คุณคิดยังไงกับผู้หญิงคนนั้น? ตอนนี้คุณควรจะเตรียมตัวสำหรับการประชุมครอบครัวนะครับ!” นี่ก็แค่ผู้หญิงคนเดียว คุณชายมีทุกอย่างจะต้องมากังวลเรื่องอะไรหนักหนา
“หยุด ผู้หญิงคนนั้นจะเป็นนายหญิงน้อยของนายต่อไป ช่วยระวังปากด้วย” เขาจ้องเย่เฟิงด้วยสายตาที่เฉียบคม

เย่เฟิงรู้สึกกลัวเขามาก พ่อของคุณชายยังไม่กล้าต่อกรกับเขาเลย เขาจึงเปลี่ยนน้ำเสียง “คุณชาย คุณลืมคุณหลินไปแล้วเหรอครับ? ถ้าคุณไม่กลับไปที่ตระกูล คุณจะต้องเสียอำนาจที่มีอยู่ในมือ แล้วคุณจะรักษาคุณมู่หรงไว้ได้ยังไง?”

ชางกวนหลินงั้นเหรอ?! คืนนั้นเป็นเพราะมันไม่งั้นเขาคงไม่ทำกับมู่หรงเสวี่ยแบบนั้น

“เตรียมสูทให้ที ฉันจะไปอาบน้ำแล้วออกไปเลย!” ใช่ เขาจะเสียอำนาจในมือไปไม่ได้ ไม่งั้นเขาจะต้องเสียมู่หรงเสวี่ยตลอดไป

ความประหลาดใจแวบขึ้นมาในสีหน้าของเย่เฟิง “ครับ ผมจะไปเตรียมให้เดี๋ยวนี้เลย” ตราบใดที่ทำให้คุณชายลุกขึ้นมาได้ อะไรก็ไม่สำคัญแล้ว!
ที่บริเวณทางเดินต้อนรับของคฤหาสน์ของตระกูลชั้นสูงในเมืองหลวง!

ที่โต๊ะซึ่งยาวประมาณ 10 เมตรตอนนี้เต็มไปด้วยสมาชิกหลักของชนชั้นสูงของตระกูล คนแรกคือคุณปู่ของชางกวนโม่ที่เป็นผู้นำตระกูล ที่ฝั่งด้านขวาที่นั่งยังว่างอยู่ซึ่งปกติจะเป็นตำแหน่งของชางกวนโม่ ถัดจากที่นั่งของชางกวนโม่คือชางกวนหลิน โดยการเปรียบเทียบแล้วพวกเขาต่างก็เป็นสมาชิกหลักของตระกูลชางกวน

วันนี้เป็นวันประชุมตระกูลของครอบครัวโดยไม่ต้องสนใจว่ามีเหตุผลอะไร

“พี่ใหญ่ ผมคิดว่าหลานชายของพี่เริ่มจะถือตัวมากขึ้นเรื่อยๆแล้วนะ พวกเราทุกคนมาอยู่ที่นี่กันหมดแล้ว แต่เขาเป็นสมาชิกรุ่นเด็กสุดแต่ยังไม่มาเลย” เสียงของสมาชิกรุ่นที่สอง ชางกวนฮ่าวพูดขึ้นมา ซึ่งเป็นน้องชายคนที่สองของผู้นำตระกูล เขาอายุประมาณ 55 ปี

ชางกวนเซียว น้องชายคนที่สาม“ใช่เลย ช่วงนี้เขาก็ไม่ได้มีงานอะไรเยอะจนถึงกับต้องลืมเลยด้วย”

“เห็นว่า เขาท่าเทียบเรือบนวงแหวนตะวันตกอาจจะต้องยกเลิกและไม่รู้ว่าต้องเสียกำไรไปมากแค่ไหน” ชางกวนหมิงน้องชายคนที่สี่ พูดขึ้นมาถึงท่าเทียบเรือวงแหวนตะวันตกที่เขารับผิดชอบอยู่

“ไม่แบ่งสิทธิ์อย่างที่บอกจะดีกว่า เพื่อให้เขาชะลอความกดดันและกำกับดูแลกัน!”

“พอแล้ว! เงียบได้แล้ว!” ดวงตาของผู้นำตระกูลเย็นชา ผู้มีอำนาจสูงสุดพูดออกมา ทันใดนั้นก็ไม่มีใครกล้าพูดอะไรอีก ตำแหน่งผู้มีอำนาจสูงสุดไม่ว่างมานานหลายปีแล้ว และนั่นเป็นความตั้งใจของเขา

“เสี่ยวหลิน โทรไปถามเขาสิว่ามันเกิดอะไรขึ้น?” ผู้มีอำนาจสูงสุดพูดกับชางกวนหลินที่นั่งอยู่

“ครับคุณปู่” อืม! เขารู้ดีว่าชางกวนโม่กำลังทำอะไรอยู่ เขากำลังตามหาผู้หญิงอยู่ เมื่อไม่กี่วันก่อนเขาเองก็ออกไปตามหาผู้หญิงคนนั้นด้วยเหมือนกันแต่ก็ยังหาไม่เจอ อย่างไรก็ตามเขาก็ยังห่วงเรื่องธุรกิจเป็นหลักไม่เหมือนกับชางกวนโม่ เพราะผู้หญิงคนนั้นหายตัวไปหลายวันแล้วถึงขนาดแม้แต่ประชุมครอบครัวก็ยังไม่ยอมมา ถ้าเป็นแบบนี้เขาก็ไม่ควรที่จะมาในวันนี้อย่างแน่นอน เขาเพียงได้แต่คิดในใจ

“ไม่ต้องโทรหรอก ผมมาแล้ว ขอโทษทีนะครับ รถติดเลยทำให้มาช้า!” ชางกวนโม่เดินเข้ามานั่งพร้อมใบหน้าที่เย็นชาพร้อมพยักหน้าให้คุณปู่

ชางกวนจื่อขมวดคิ้วแน่นไปทางชางกวนโม่ตอนนี้เขารู้สึกโล่งใจมาก ชางกวนหลินแอบกัดฟันกรอด ดูเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นจะไม่ได้มีอิทธิพลกับเขามากพอ เขาถึงได้ลืมเธอได้เร็วขนาดนี้

“ในเมื่อตอนนี้สมาชิกมากันพร้อมแล้ว ถ้าอย่างนั้นก็เริ่มการประชุมกันได้เลย มาคุยกันเรื่องสถานการณ์ของเดือนที่แล้วกันดีกว่า!” ชางกวนจื่อเริ่มพูดคนแรก
ทุกคนต่างก็เงียบ
“น้องสี่ คุณพูดมาก่อนเลย!” ผู้นำตระกูลเห็นว่าทุกคนเงียบจึงพูดอะไรออกมาบ้าง

“พี่ใหญ่ กำไรของเดือนที่แล้วเพิ่มขึ้นมาก ชางกวนโม่ คงจะอธิบายได้ดีกว่าผม เขาสั่งให้คนปิดท่าเรือของผมโดยไม่มีสิทธิ์อะไรเลย พี่รู้ไหมว่าผมต้องเสียหายไปมากแค่ไหน?! ผมคิดว่า ชางกวนโม่ยังต้องเรียนรู้อีกมาก ยังไงซะเขาก็ยังเด็ก ถึงแม้อาฟู่จะไม่อยู่แล้วแต่ก็ยังมีพวกเราใช่ไหม? ทำไมต้องเอาเด็กสองคนนี้มา?”
ชางกวนฟู่เป็นลูกชายคนเดียวของชางกวนจื่อ ซึ่งเป็นพ่อของชางกวนโม่และชางกวนหลิน ตอนที่ชางกวนหลินอายุ 12 พวกเขาก็เสียชีวิตเพราะอุบัติเหตุจากเครื่องบิน ทิ้งไว้เพียง ชางกวนโม่และชางกวนหลินที่ต้องเจ็บปวด คุณปู่ก็ด้วยเพราะเขาต้องเสียลูกชายอันเป็นที่รักไปซึ่งในเวลานั้นเขาเองก็อายุมากแล้วด้วย อย่างไรก็ตามเพราะหลานชายทั้งสองเองก็ยังเด็กและเปราะบาง พวกเขาจะต้องลุกขึ้นมาดูแลธุรกิจพื้นฐานที่เขาสร้างขึ้นมา

ถ้าไม่ใช่เพราะสายเลือด เขาก็เกรงว่าตำแหน่งของผู้นำตระกูลก็คงจะถูกแทนที่ไปแล้ว ถึงแม้หลานทั้งสองจะยังเด็ก แต่พวกเขาก็ฉลาดเกินเด็กมากๆ ในวัยที่ยังเยาว์แต่พวกเขาจัดการเรื่องต่างๆได้อย่างดีซึ่งทำให้เขามีความสุขอย่างมาก

“คุณลุงสี่ ทำไมผมถึงปิดท่าเรือน่ะเหรอ? คุณไม่รู้เหรอว่าตัวเองทำอะไรลงไป คุณน่าจะรู้นะว่าตัวเองทำอะไร อย่ามาโทษคนอื่น” ชางกวนโม่ไม่ได้สนใจคำพูดของลุงสี่ เขาเพียงทำงานให้คุณปู่ชางกวน คุณปู่รับน้องชายเขาเข้ามาและให้เขาดูแลอสังหาริมทรัพย์ฝั่งตะวันตก เมื่อเวลาผ่านไปกลับคิดว่ามันเป็นที่ดินของเขาเอง น่าขำสิ้นดี! ยังกล้าที่จะมาถามเขาอีก

ชางกวนหมิงหรือที่รู้จักกันดีในนามลุงสี่ถึงกับตกตะลึง เรื่องนี้มีคนรู้ได้ยังไง?! ไม่มีทาง เขาเก็บเรื่องนี้เป็นความลับอย่างดี บางทีเขาอาจจะพูดไปงั้นเอง เหมือนกับปู่ เขามันเจ้าเล่ห์ “เสี่ยวโม่ พูดอะไรไร้สาระ ฉันดูแลท่าเรืออย่างดีและนายปิดมันแบบไม่มีเหตุผล อย่าคิดอะไรง่ายๆ นายต้องอธิบายเหตุผลให้ฉันรู้ด้วย”
“อยากได้เหตุผลงั้นเหรอ?! ทำไมล่ะ? แค่ดูรายละเอียดพวกนี้ก็รู้แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นไม่ใช่เหรอ?! คุณก็รู้ว่ากองกำลังทั้งหมดกำลังจับตาดูตระกูลชางกวนอยู่ แต่คุณก็ยังกล้าปล่อยให้เมือง C ลักลอบค้ายาเสพติด ผมคิดว่าคุณอยากให้ตระกูล ชางกวนทั้งหมดต้องมีปัญหา” ชางกวนโม่โยนหลักฐานซึ่งเกี่ยวข้องกับบริษัทในเมือง C ทั้งหมด

ชางกวนหมิงหน้าซีดเผือด “ไม่มีทาง นายมี…” เห็นได้ชัดว่าข้อมูลนี้ถูกคนอื่นขุดคุ้ยมา

ชางกวนจื่อโกรธมาก ตระกูลชางกวนมีอุดมการณ์ที่จะไม่ข้องเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ตั้งแต่แรก ก่อนหน้านั้นยาเสพติดกระจายไปทั่วเหมือนกับใยแมงมุม ในระหว่างประเทศจะมีการแข่งขันอย่างสูง โดยเฉพาะความแตกต่างระหว่างการนำเข้าและส่งออกยา เมื่อนานมาแล้วเขาเคยประกาศว่าไม่อนุญาตให้ร่วมมือกับประเทศอื่นในเรื่องการนำเข้าหรือส่งออกยาในปริมาณมากๆ เห็นได้ชัดว่าชางกวนหมิงไม่สนใจเขาเลย

“น้องสี่ นายกล้ามากเลยนะ ลืมเรื่องที่ฉันพูดไปแล้วหรือไง!!! กล้าดียังไงถึงได้ถึงแอบร่วมมือกับบริษัทต่างประเทศ?!! ในอนาคตนายไม่ต้องห่วงเรื่องท่าเรืออื่นๆของฝั่งตะวันตกแล้วนะ ยกให้ชางกวนโม่ไปซะ!”

“พี่ใหญ่ ผมรู้ว่าตัวเองผิดแต่ถ้าพี่เอาท่าเรือฝั่งตะวันตกกลับไป นี่พี่จะไม่ให้พวกเราที่เหลือได้ลืมตาอ้าปากบ้างเลยเหรอ?” รายได้ส่วนใหญ่ของฝั่งตะวันตกคือท่าเรือ แล้วเขาจะได้อะไรถ้าเอาท่าเรือกลับไป?!

ชางกวนจื่อแสดงสีหน้าเย็นชา เขาไม่ใจอ่อนเพราะเขาไม่สนใจเรื่องความเมตตา “นี่เป็นการลงโทษจากความผิดของนายที่กล้าไปเข้าพวกกับผู้ลักลอบขนยาเสพติดจากต่างประเทศ นอกจากท่าเรือ นายก็ยังมีธุรกิจอื่นๆอีกอยู่ในการดูแล อย่ามาคร่ำครวญที่นี่! นายอยากให้ฉันแสดงให้เห็นไหมล่ะว่าของจริงมันเป็นยังไง” น้ำเสียงของชางกวนจื่อมีลักษณะข่มขู่

หลังจากนั้นเสียงของเงียบลงไปเยอะไม่มากก็น้อย เดิมทีอยากที่จะหาคนผิดแต่กลายเป็นว่าต้องเก็บเขี้ยวเล็บ และตั้งใจรายงานผลการทำงานของเดือนที่แล้วอย่างจริงจัง

สองชั่วโมงต่อมา ในที่สุดการประชุมของตระกูลชางกวนก็เสร็จสิ้น
“เสี่ยวโม่ มากับปู่หน่อย ปู่มีเรื่องจะถามหน่อย เสี่ยวหลิน เข้ามาด้วยนะ” หลังจากการประชุม ชางกวนจื่อก็หยุดสองพี่น้องไว้ตอนที่พวกเขาทั้งสองกำลังจะเดินออกไป

ชายทั้งสามเดินเข้าไปในห้องทำงานด้วยกันพร้อมการ์ดที่ยืนอยู่ด้านนอก

“เสี่ยวโม่ ช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?” ชางกวนจื่อไม่พอใจกับความหละหลวมของชางกวนโม่อย่างมาก

“ชางกวนโม่ตอบออกมาเบาๆ “ไม่มีครับ ผมจะจัดการทุกอย่างเอง”
ชางกวนหลินจะปล่อยโอกาสดีๆแบบนี้ได้ยังไง? “ช่วงนี้เขาหมกมุ่นอยู่กับเรื่องผู้หญิงครับ เขาเกือบจะไม่รู้ว่าตัวเองกำลังทำอะไรอยู่ ผมคิดว่าเรื่องการประชุมของครอบวันนี้เขาก็เกือบจะลืม…”
เมื่อเห็นว่าเขาพูดถึงมู่หรงเสวี่ย ก็ยิ่งโมโหขึ้นมาอีก เขาไม่มีน้องแบบนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะเขาพ่อแม่ก็คงไม่ตาย
“ชางกวนหลิน!”
เขาไม่ได้สนใจความโกรธของชางกวนโม่เลยสักนิด การตายของพ่อกับแม่เขาไม่เศร้าหรือไง?! ถึงต้องมาโยนให้เป็นความผิดเขาแบบนี้?! เขาผิดมากกว่าคนอื่นเลยงั้นเหรอ?! มีใครที่จะเข้าใจเขาบ้างไหม? แม้แต่พี่ชายเขาเองยังไม่พอใจเขาเลย งั้นจะปล่อยเขาไปทำไมล่ะ? เขาพูดต่อ

“ฉันพูดอะไรผิดงั้นเหรอ?! พี่กล้าพูดไหมว่าพี่ไม่ได้ใช้อำนาจทั้งหมดของตระกูลชางกวนเพียงเพื่อตามหาผู้หญิงคนเดียว”
ชางกวนจื่อมองไปที่การเผชิญหน้าระหว่างสองพี่น้องอย่างปวดหัว ตั้งแต่ที่อาฟู่และภรรยาจากไป หลานทั้งสองที่เคยรักกันดีก็เริ่มที่จะไม่ลงรอยกันด้วยเหตุผลบางอย่าง ช่วงหลายปีที่ผ่านมาเขาพยายามที่จะทำให้พวกเขาคืนดีกัน แต่กลายเป็นว่าพวกเขากลับยิ่งห่างกันออกไปอีก โชคดีที่พวกเขายังสนใจโลกธุรกิจอยู่ ไม่งั้นตระกูลชางกวนไม่ช้าไม่นานคงต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่น อย่าคิดว่าทุกคนจะโง่โดยเฉพาะน้องชายของเขาที่จ้องตำแหน่งของเขามานานมากแล้ว

“อย่าเสียงดังเสี่ยวโม่ มีเรื่องอะไร? เด็กสาวเป็นลูกสาวของตระกูลดังของเมืองหลวงงั้นเหรอ?! ถ้าชอบก็พาเธอเข้ามา หลานไม่ใช่เด็กแล้ว สมควรที่จะมีครอบครัวได้แล้ว ปู่ไม่ได้หัวโบราณที่จะไม่ยอมให้หลานตัวเองมีคนรักหรอกนะ”

“คุณปู่ ไม่ต้องห่วงเรื่องนี้หรอกครับ เมื่อถึงเวลาผมจะพาเธอมาพบคุณปู่” เรื่องตัวตนของมู่หรงเสวี่ยยังไงก็ต้องขอคำแนะนำ ยังไงซะเธอก็เป็นแค่ตระกูลเล็กๆในเมืองซึ่งห่างไกลจากเมืองหลวงมาก

“อะไรนะ? ตอนนี้ปู่ยังเจอเธอไม่ได้อีกเหรอ?! เธอเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน?” สีหน้าของชางกวนจื่อเปลี่ยนสี ตั้งแต่เด็กแล้วหลานชายทั้งสองของเขาไม่เคยได้รับอนุญาตให้คบกับผู้หญิงคนไหน เขากลัวว่าหลานชายทั้งสองจะถูกคนอื่นเอาเปรียบ

ชางกวนหลินมีความสุขมากที่จะได้เห็นว่าพี่ชายของเขาจะจัดการเรื่องนี้ยังไง เขาสืบเรื่องครอบครัวของตระกูลมู่หรงมาแล้วและเห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะกับตระกูลชางกวนเลย เขารู้จักคุณปู่ดีว่าจะต้องไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานกับตระกูลเล็กๆของเมืองเล็กๆแน่ๆซึ่งจะเป็นการฉุดตระกูลชางกวนลงไปด้วย

“คุณปู่ เธอไม่ได้มาจากตระกูลดังไหน ไม่ใช่ตระกูลในเมืองหลวงด้วยซ้ำ เธอคือคุณหนูจากตระกูลมู่หรงของเมือง A” ถึงแม้เขาจะไม่บอกแต่คุณปู่ก็คงจะส่งคนไปสืบอยู่ดี แบบนั้นเรื่องคงจะแย่มากกว่านี้ อย่างน้อยแบบนี้เขาก็จะได้รู้ความคิดคุณปู่ก่อนที่เขาจะวางแผนอะไร

“เมือง A งั้นเหรอ?! ไม่ได้นะ จะไปคบกับตระกูลที่ไม่คู่ควรกับตระกูลชางกวนได้ยังไง? หลานจะทำให้เธอต้องเป็นอันตรายเปล่าๆ ไม่ต้องคิดถึงเรื่องแต่งงานเลย ลืมไปแล้วเหรอว่าตระกูลชางกวนมีศัตรูมากแค่ไหน?! ตระกูลคู่ครองของหลานไม่ควรจะต่ำเกินไป ถึงแม้จะเทียบไม่ได้กับตระกูลชางกวน แต่ก็ต้องไม่แย่เกินไป ไม่งั้นมีแต่จะสร้างปัญหาให้ตระกูลของผู้หญิงเปล่าๆ” ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากจะหยุดเรื่องนี้แต่ในฐานะตระกูลใหญ่ เขาจึงมีเรื่องให้ต้องกังวลมากมายและทำอะไรตามอำเภอใจก็ไม่ได้

“คุณปู่ ผมมีเหตุผลที่เลือกเธอ เธอไม่ใช่ตระกูลเล็กๆธรรมดา เธอไม่ใช่ไม่รู้อะไรเลย ตรงกันข้ามเลยเธอดีมากกว่าตระกูลใหญ่ๆในเมืองหลวงซะอีก แม้แต่โรคของผู้เฒ่าโม่เธอก็สามารถรักษาได้ ตราบใดที่คุณปู่ให้เวลาเธอได้โตหน่อย เธอจะไม่ด้อยไปกว่าหลานของปู่เลย! เชื่อผมสักครั้งนะครับ คุณปู่” ชางกวนโม่เชื่อว่าถ้าคุณปู่ได้เจอมู่หรงเสวี่ย ท่านจะต้องชอบเธออย่างแน่นอนแต่ตอนนี้เธอยังเด็กเกินไป เขายังไม่อยากให้คุณปู่รู้เรื่องนี้ก่อน

มู่หรงเสวี่ยจะเป็นหมอได้ยังไง?! จากข้อมูลที่เขาสืบมาไม่เห็นบอกเรื่องนี้เลย ชางกวนหลินค่อยๆคิดถึงเรื่องนี้เปรียบเทียบกับเรื่องที่ชางกวนโม่พูดอยู่ในใจ! อย่างไรก็ตามเขาไม่กล้าที่พูดว่าพี่ชายตัวเองโกหกกับคุณปู่ มันก็เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะไม่รู้เอง เขาเพิ่งเจอมู่หรงเสวี่ยและเธอก็อายุเพียง 15 เท่านั้น
แน่นอน เขาเคยได้ยินเรื่องผู้เฒ่าโม่มาก่อน ตอนแรกเขาได้ยินเรื่องผู้หญิงที่รักษาอาการป่วยของผู้เฒ่าโม่ด้วยวิธีธรรมชาติด้วยการฝังเข็มและการรมยา เขาคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงแก่อายุ 50 ไม่คาดคิดว่าจะเป็นมู่หรงเสวี่ย เรื่องนี้ถูกปกปิดไว้เป็นอย่างดีและในตอนแรกเขาพลาดเรื่องนี้เอง ในตอนนั้นเขาไม่ได้สืบให้รู้ว่าผู้หญิงที่รักษาเป็นใคร?!!
“ผู้เฒ่าโม่ ผู้เฒ่าโม่ที่เป็นผู้นำทางทหารน่ะเหรอ?” สีหน้าของชางกวนจื่อเบาลง
“ครับ! ผู้เฒ่าโม่เป็นหนี้มู่หรงเสวี่ยและเธอก็ยังคอยดูแลเขาด้วยนิดหน่อย” ชางกวนโม่อธิบาย

“มู่หรงเสวี่ยเป็นชื่อของผู้หญิงที่หลานชอบเหรอ?! ชื่อเพราะนะ เธออายุเท่าไรล่ะ? ทำไมถึงเก่งเรื่องการแพทย์ล่ะ?” เดาว่าน่าจะอายุมากกว่า 20 แล้ว อ่อนกว่าชางกวนโม่หน่อย แต่มีความสามารถมาก!

“เธอ…เธอ…” ชางกวนโม่รู้สึกอายเล็กน้อยที่จะบอกว่าตอนนี้เขาอายุ 25 แล้ว แต่มู่หรงเสวี่ยอายุเพียง 15

ชางกวนจื่อจ้องหน้า “เธอเป็นยังไง? เธออายุเยอะกว่าหลานเหรอ?!!” เก่งเรื่องการแพทย์ขนาดนี้ อาจจะแก่กว่าเสี่ยวโม่ก็เป็นได้ ถ้าเป็นแบบนั้นก็ไม่ได้ ตระกูลชางกวนจะขายหน้าไม่ได้

ตาย ตายแน่! “เปล่าครับ เธออายุเพียง 15!”
“อะไรนะ!? เด็กขนาดนั้นเลย หลานยอมรับได้เหรอ?! เธอยังเป็นเด็กมัธยมอายุแค่ 15 เอง”
“เพราะงั้นผมถึงบอกว่าให้รอก่อนเพราะเธอยังเด็กเกินไป ไม่ต้องห่วงนะครับคุณปู่ ผมจะจัดการเรื่องนี้เอง!” ในตอนแรกชางกวนโม่รู้สึกอับอายเล็กน้อย