บทที่ 56 ความหมายของคำว่า “ชอบ”

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 56
ความหมายของคำว่า “ชอบ”
ชางกวนจื่ออยากที่จะกระโดดตัวลอยจริงๆ ในทุกช่วงจังหวะเขารู้สึกโล่งอกจริงๆ “หลานควรจะต้องตั้งใจกว่านี้ อย่าทำอะไรหุนหันเกินไป! มีเวลาก็กลับมาบ้านบ้าง”

“เข้าใจแล้วครับคุณปู่!” ชางกวนโม่พยักหน้า
“โอเคเสี่ยวโม่ หลานงานยุ่งงั้นหลานกลับก่อนได้เลย” ชางกวนจื่อโบกมือเหมือนจะล่ำลา

ตราบใดที่คุณปู่ไม่ได้ขัดอะไรมาก สิ่งที่สำคัญที่สุดตอนนี้คือการตามหาเสี่ยวเสวี่ยก่อน เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ ชางกวนโม่ก็รู้สึกเจ็บปวดอย่างมาก เขาไปที่เมืองใต้ดินของเครือข่ายข่าวกรองของชางกวนทันที พร้อมที่จะหาเบาะแสที่พลาดไป อยู่ดีๆคนจะหายไปแบบไม่มีร่องรอยไม่ได้ เขาคงจะต้องพลาดอะไรไปแน่ๆ

“เสี่ยวหลิน ช่วงนี้หลานดูแลธุรกิจหยกได้ดีมากเลยนะ แต่หลานสองคนพี่น้องจะช่วยกันดูแลตระกูลชางกวนด้วยกันได้ไหม?! ปู่ก็แก่มากแล้วและคงอยู่ได้อีกไม่กี่ปี ปู่ไม่รู้ว่ามีคนมากน้อยแค่ไหนที่จับตามองหลานสองคนอยู่ ถ้าพวกหลานทำงานด้วยกันไม่ได้ ธุรกิจก็จะต้องตกไปอยู่ในมือคนอื่นแน่ๆ” ชางกวนจื่อถอนหายใจ เขาเป็นกังวลเรื่องอนาคตของสองพี่น้องคู่นี้จริงๆ

ดวงตาของชางกวนหลินแดงระเรื่อ คุณปู่คือคนที่เขารักมากที่สุด เมื่อได้เห็นผมสีขาวของคุณปู่เขาก็ยิ่งรู้สึกเศร้ามากกว่าคนอื่น เขาเองก็อยากที่จะคืนดีกับพี่ชายเหมือนกันเพื่อที่คุณปู่จะได้สบายใจ เขาเคยพยายามแล้วแต่พี่ชายไม่อยากที่จะเห็นหน้าเขาอีก
“คุณปู่จะต้องอายุยืนไปอีกเป็นร้อยปีนะครับ! ไม่ต้องห่วงเรื่องผมกับพี่ใหญ่นะครับ”

“ใช่ ปู่ก็คิดงั้น! แต่ไม่ต้องห่วงงั้นเหรอ?! อีกอย่างนะตอนนี้ร่างกายหลานมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?” ชางกวนจื่อเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องดวงตาของชางกวนหลิน เขาไม่ได้รู้สึกดีเท่าไรกับพลังของเสี่ยวหลินเลย ตรงกันข้ามเลยเขาหวังให้หลานชายของเขาเป็นเพียงคนธรรมดา ตราบใดที่เขาแข็งแรงก็พอ
“สายตาผมไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องห่วงนะครับ! คุณปู่ ที่งานประชุมผมเจอเด็กสาวคนหนึ่งที่น่าสนใจมากๆ เธอมีดวงตาที่พิเศษเหมือนกับผมด้วย” ชางหวนหลินอดไม่ได้ที่จะขำกับความคิดของมู่หรงเสวี่ย เด็กโง่จริงๆ!

รอยยิ้มงั้นเหรอ?! ชางกวนจื่อคิด “โอ้ มีคนที่เป็นเหมือนหลานด้วยเหรอ หลานรู้เรื่องนี้ได้อย่างไร?”

ดวงตาของคุณปู่แปลกไปเล็กน้อย “คุณปู่ ผมแค่รู้สึกว่าการที่มีคนที่เหมือนผมในโลกนี้ผมก็รู้สึกมีความสุขแล้ว และไม่ได้คิดว่าจะใช้เธอให้ทำอะไรเลย”

“เด็กน้อย ปู่เป็นคนแบบนั้นจริงๆเหรอ? ปู่ไม่ได้บอกให้หลานไปเอาเปรียบคนอื่นเลยนะ ปู่หมายถึงว่าถ้าหลานมีความสุข หลานก็สามารถเป็นเพื่อนได้…”

สีหน้าสงสัย “จริงเหรอครับ?”
ชางกวนจื่อตบที่หน้าอกตัวเอง “จริงสิ! ปู่เคยหลอกหลานเมื่อไรกัน?” เขาจะเสียหน้าต่อหน้าหลานชายไม่ได้ใช่ไหม?!!
“งั้นถ้าเธอยอมที่จะเป็นเพื่อนกับผม…” ดูเหมือนว่ามู่หรงเสวี่ยอยากที่จะอยู่ห่างๆเขา ไม่ง่ายเลยที่จะเข้าใกล้เธอ

หลานชายเขาดีขนาดนี้ จะไม่มีใครอยากคบด้วยได้ยังไง?! “จะไม่อยากได้ยังไงล่ะ?” เขาไม่อยากจะเชื่อ

ชางกวนหลินหัวเราะ “คุณปู่ บางคนก็ไม่อยากจริงๆนะครับ ฮ่าฮ่า แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอก!”

เป็นเรื่องยากมากที่เสี่ยวหลินจะสนใจใคร เขาตั้งเช็กซะหน่อย “เธอชื่ออะไรเหรอ?”

“คุณปู่ ผมไม่บอกหรอกนะครับ โอเคไหม ไม่ต้องพูดแล้วครับ คุณปู่ต้องพักผ่อนมากๆ ผมไปก่อนนะครับยังมีอย่างอื่นต้องทำอีก!” เขารู้ว่าคุณปู่อยากที่จะเข้ามายุ่งงั้นรีบหนีก่อนดีกว่า!

มองมาที่ชางกวนหลินที่รีบหนีออกไปด้วยความเร็ว ชางกวนจื่อรู้สึกไม่พอใจอย่างมากที่เขาเข้าไปยุ่งไม่ได้ ตอนนี้เขาไม่ยอมเล่าอะไรให้ปู่คนนี้ฟังเลย
ในตอนนี้มู่หรงเสวี่ยที่ยังคงอยู่ในมิติลับเริ่มที่จะมีความรู้สึกเสียใจ เธอไม่น่าหนีเข้ามาในมิติลับเลย เธอหุนหันเกินไป
ตอนนี้เธออยู่ในมิติลับมา 100 ปีแล้ว โชคดีที่ในมิติลับเธอจะไม่โตขึ้น ตรงกันข้ามเพราะเธอได้รับการฟูมฟักเป็นอย่างดีในระหว่างที่อยู่ในมิติลับ อารมณ์ของเธอจึงมีสติมากขึ้นเรื่อยๆ

หลังจาก 100 ปี ในที่สุดเธอก็ได้รับอนุญาตให้จัดการใบสั่งยาต่างๆได้ เมื่อเธอออกไปเธอสามารถใส่พวกมันลงในการผลิตได้ เธอหวังว่าคนมากมายจะต้องดีขึ้น หลังจากที่นับวันแล้ว เธอก็ควรที่จะออกไปได้แล้ว เธอมาที่นี่เพื่องานการประชุมหินการพนันซึ่งจะจัดเป็นเวลาหนึ่งเดือน ตอนนี้เวลาเลยไปมากกว่าครึ่งแล้ว เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ก็รู้สึกว่าออกไปตอนที่ข้างนอกมืดแล้วคงจะดีกว่า
เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ชางกวนโม่จะเป็นยังไงบ้างแล้ว?!! เขาจะยังโกรธอยู่หรือเปล่า แต่ไม่ว่าจะยังไง เธอก็อยู่ในมิติลับไปตลอดชีวิตไม่ได้ ครอบครัวของเธอ, งานของเธอ เธอยังมีเรื่องที่ต้องรับผิดชอบอยู่
โชคดีที่ก่อนที่เธอจะเข้ามา เธอได้โทรหาครอบครัวและโกหกพวกเขาไปว่าเธอคงจะไม่สะดวกที่จะติดต่อพวกเขาไปสักพัก
จนกระทั่งดึก มู่หรงเสวี่ยที่อยู่ในมิติลับออกมาสังเกต เพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ข้างนอก แล้วรีบออกมาจากมิติลับ เวลาที่อยู่ในมิติลับจะสามารถมองออกมาเห็นสภาพแวดล้อมภายนอกได้ แต่ขอบเขตที่เห็นก็จะจำกัดเห็นได้เพียงแค่ 10 เมตรเท่านั้น
ถึงแม้เธอจะมองเพียงแค่ในห้อง แต่เธอก็ยังรู้สึกตกใจตอนที่เธอออกมา ทั่วทั้งห้อง รวมทั้งด้านนอกห้องนั่งเล่นด้วยต่างก็ถูกรื้อกระจายไปหมด ในนี้เกิดอะไรขึ้นเนี่ย?! พอเขาหาเธอไม่เจอก็เลยพังห้องนี้จนไม่เหลือชิ้นดีงั้นเหรอ?!!!
แล้วเธอก็เข้าไปในห้องน้ำ ล็อกประตูและหยิบเอาอุปกรณ์ออกมาจากมิติลับ เธอมีแผนที่จะเปลี่ยนรูปลักษณ์ก่อนที่จะออกไปอีกครั้ง ไม่งั้นเธอก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายว่ายังไงถึงได้อยู่ๆก็หายตัวไป
โชคดีที่ระหว่าง 100 ปีที่ผ่านมา เธอรู้สึกเบื่อเลยศึกษาหนังสือทั้งหมดในมิติลับ รวมทั้งเรื่องการแนะนำความงามด้วย ซึ่งบังเอิญมีอยู่นิดหน่อยในนั้นด้วย
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้หญิงหน้าดำคล้ำพร้อมรอยนิดหน่อยบนใบหน้าก็เดินออกมาอย่างใจเย็น มีผู้ชายชุดดำสองคนยืนอยู่ข้างนอกห้องเดิมของเธอ แต่พวกเขาไม่ใช่เย่เฟิงและเย่หลิวที่คุ้นเคยกับมู่หรงเสวี่ย

มู่หรงเสวี่ยแอบมองว่าเขาไม่ได้เดินออกมาจากห้องนั้น ชายสองคนมองไปที่ห้องข้างๆและมองมาที่เธอ พวกเขารู้สึกว่าเธอแตกต่างจากมู่หรงเสวี่ยที่เห็นในรูปอย่างมาก จึงไม่ได้สนใจอะไรเธอ ดังนั้นมู่หรงเสวี่ยจึงเดินผ่านมาได้อย่างโชคดีมากๆ

หลังจากนั้น มู่หรงเสวี่ยก็เดินลงไปที่โต๊ะบริการด้านล่างเพื่อเปิดห้องใหม่อีกครั้ง หลังจากนั้นเธอก็กลับมาที่ห้องและเปลี่ยนเป็นรูปลักษณ์เดิมที่แท้จริง

ภายในเวลาแค่ครึ่งชั่วโมง เสียงกริ่งที่ประตูห้องเธอก็ดังขึ้น
มากันเร็วจังนะ…มู่หรงเสวี่ยสูดหายใจเข้าลึกๆ…และค่อยๆเปิดประตูช้าๆ
ชางกวนโม่ที่อยู่หน้าประตูเห็นว่านี่คือมู่หรงเสวี่ยจริงๆ เขาตื่นเต้นมากจนเข้าไปกอดเธอ “เธอหายไปไหนมา?!!”
มู่หรงเสวี่ย: ไม่โกรธเธอเหรอ..อะไรเนี่ย! เธอคิดไปเรื่อย
อยู่ดีๆ มู่หรงก็รู้สึกได้ถึงรอยเย็นๆที่ระหว่างคอของเธอ และร่างของชางกวนโม่ที่กอดเธออยู่ก็เริ่มสั่น…นี่อะไรกันเนี่ย?!!! ชางกวนโม่ เขา…เขา…นี่เขาเป็นห่วงเธอเหรอ มู่หรงเสวี่ยโง่จริงๆ เธอคิดถึงความเป็นไปได้นับไม่ถ้วนแต่ไม่เคยคิดว่าชางกวนโม่จะชอบเธอ…ชอบเธอเหรอ! น่าประหลาดใจอะไรขนาดนี้

มู่หรงเสวี่ยผลักผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าเธอออก “ชางกวนโม่ คุณ…”
“อย่าขยับ ขอฉันกอดเธอเงียบๆอีกสักพัก…” น้ำเสียงแหบแห้งที่เต็มไปด้วยความอ่อนแอพูดออกมา
หลังจากเวลาผ่านไปนาน ชางกวนโม่ก็ปล่อยเธอและมองเธอโดยไม่กะพริบตา

มู่หรงเสวี่ยมองอย่างเขินๆ หน้าของเธอเปลี่ยนเป็นแดงระเรื่อ ในตอนนี้เธอกำลังสงสัยว่าชางกวนโม่ชอบเธอหรือเปล่า?! จนถึงตอนนี้ เธอก็ยังไม่อยากจะเชื่อ
“เธอ…”
“คุณ…” พวกเขามองหน้ากันและรีบออกห่างทันที
“คุณพูดก่อนเลย” มู่หรงเสวี่ยรู้สึกกระสับกระส่ายเล็กน้อยและมักจะรู้สึกแปลกๆเสมอ

“ที่ผ่านมาเธอหายไปอยู่ไหนมา?” เขาไม่ได้อยากรู้ว่าเธอไปอยู่ที่ไหน เขาแค่เป็นห่วงเธอเท่านั้น

ในมิติลับ! แต่เธอบอกเขาไม่ได้ “ฉันไม่ได้ไปไหน?”
“มันเป็นไปได้ยังไง? ฉันค้นหาเธอจนทั่วแต่ก็ไม่เจอเธอเลย ฉันถึงขนาดถามบางคนในครอบครัวเธอด้วย…” สิ่งที่เขากลัวที่สุดคือเธอจะถูกคนอื่นจับตัวไป เขาเลยไม่มีเบาะแสอะไรเลย

บ้านเหรอ?! มู่หรงเสวี่ยประหลาดใจ “คุณทำอะไรกับครอบครัวฉันหรือเปล่า?”
ชางกวนโม่ยิ้มเหยเก เขาเป็นคนยังไงในสายตาเธอเนี่ย?! “เธอคิดว่าฉันทำอะไรกับตระกูลมู่หรงงั้นเหรอ?”
“เปล่า ฉันกลัวว่าที่บ้านจะเป็นห่วง ฉันไม่ได้คิดแบบที่คุณพูด…”
“เธอหายไปอยู่ไหนมา?!”
“ฉันก็อยู่ที่งานประชุมไง จะไปไหนได้อีกล่ะ?” ดวงตากลมโตกะพริบตาปริบๆ เชื่อเถอะ เชื่อเถอะ!
ช่างมัน เขารู้อยู่แล้วว่าเธอไม่อยากที่จะบอก เขาเลิกถามและมองไปที่มู่หรงเสวี่ยที่ดูเหมือนว่าจะสวยขึ้นที่อยู่ตรงหน้าเขา ต่างกับเขาที่หลายวันนี้ดูซูบผอมไปมาก

วันนี้มู่หรงเสวี่ยสวมกระโปรงยาวสีเขียวอ่อนดูสวยบริสุทธิ์ ผมดำยาวของเธอสยายอยู่ด้านหลัง ผิวขาวผ่องของเธอดูชุ่มชื่นราวกับพึ่งขึ้นมาจากน้ำ ริมฝีปากแดงระเรื่อดูสดใส ดวงตากลมโตก็ดูสดใสราวกับหยดน้ำที่ใสสะอาด สวยงาม ชางกวนโม่รู้สึกว่าเธอช่างสวยเหลือเกิน…สวยจริงๆ

สายตาของเขาเคลื่อนไปทั่วร่างของเธอและรอยยิ้มของเธอก็ทำให้หัวใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ
เขารู้สึกว่าถ้ายังไม่ได้คืนดีก็คงจะเหมือนยังติดหล่มอยู่ แต่อีกฝ่ายก็ยังไม่สนใจเขาเลย
ตั้งแต่ที่เธอเข้ามาในชีวิตเขาก็เป็นปีที่น่าทึ่งอย่างมาก ในอนาคตเขาไม่อยากให้เธอออกห่างจากตัวเขาเลย ไม่งั้นเขาก็คงไม่รู้ว่าจะทำยังไง
เขาค่อยๆหลับตาลงด้วยความง่วง เขาไม่ได้นานมามากกว่า 10 วันแล้ว ในเวลาทีที่เขาได้เห็นเธอ ในที่สุดเขาก็สบายใจขึ้นมากแล้วก็ผล็อยหลับไป