มั่วมั่วหลงกล

 

 

การที่หลิ่วเหยียนสามารถเป็นนางกำนัลอาวุโสในตำหนักอวี้หยวนได้นั้น สิ่งสำคัญคือปากที่พูดเก่งของนางที่รู้จักใช้ได้ถูกที่ถูกเวลา ทั้งยังรู้วิธีหลอกล่อคนอีกด้วย 

 

 

และเพราะแบบนี้นางจึงยังอยู่ได้โดยไม่ล้มในวังนี้ ส่วนมั่วมั่วนั้นโง่เขลาแต่ไรมา ทั้งยังคอยติดสอยห้อยตามนาง เพียงนางหลอกล่ออีกสักเล็กน้อย มั่วมั่วย่อมต้องเชื่อคำพูดนาง 

 

 

เมื่อเห็นมั่วมั่วบิดผ้าเช็ดหน้าที่ถืออยู่ในมือจนแน่นก็รู้ว่างานนี้สำเร็จไปแล้วครึ่งหนึ่ง 

 

 

“น้องสาว ข้ากับเจ้าทำงานร่วมกันมาหลายปี เจ้าเคยเห็นพี่โกหกเจ้าหรือ เรื่องนี้ข้าสอบถามมาจากเกาหมัวหมัวของกองคดี วันนี้นางถูกดุด่าทำร้ายก็เพราะไปโต้แย้งเรื่องของเซียงฉือนั่นแหละ” 

 

 

“เจ้าน่ะไม่รู้บ้างเลยว่าในวังนี้มีคนมากมายที่ไม่เลือกวิธีการลงมือเพื่อให้ตนเองอยู่รอด” 

 

 

หลิ่วเหยียนวางมือทาบลงบนหลังมือมั่วมั่วแล้วปลอบนางเบาๆ 

 

 

นางรู้ว่าตอนนี้ใจของมั่วมั่วเริ่มคลอนแล้ว เพียงนางให้ยาแรงเร่งอีกนิด เมื่อนั้นทุกสิ่งก็จะสำเร็จ 

 

 

หลิ่วเหยียนถอนใจแล้วมองดูสายตาที่ซึมทื่อของมั่วมั่ว 

 

 

“น้องสาว ตอนนี้เจ้าจะมามัวโง่รออยู่ไม่ได้ จะต้องรุกเข้าจู่โจม ไม่อย่างนั้นก็ได้แต่เป็นฝ่ายรอความตาย สาวใช้ที่ตายอย่างไม่เป็นธรรมแบบนี้ในตำหนักเรายังมีน้อยเกินไปหรือไร ไม่ต้องไปสนใจว่าพวกนางเตรียมจะใส่ร้ายใคร อย่างน้อยพาตัวเองออกให้พ้นก่อน คนถ้าไม่เห็นแก่ตัวฟ้าดินจะไม่ปรานีนะ” 

 

 

คนไม่เห็นแก่ตัวฟ้าดินจะไม่ปรานี! 

 

 

มั่วมั่วจับจุดสำคัญของคำพูดนี้ได้ สายตาที่มืดหม่นเมื่อครู่จึงเปล่งประกายขึ้นมาทันที 

 

 

“พี่ช่วยข้าด้วย พี่หลิ่วเหยียน พี่ต้องมีวิธีแน่ๆ ใช่ไหม!” 

 

 

“วันนี้พวกนางกำนัลพากันลือรื่องที่เหลียนชินอ๋องที่นุ่มนวลเสมอมาเกิดโทสะหนัก เห็นท่าเรื่องนี้จะต้องมีลับลมคมในแน่ๆ พี่นี่ฉลาดจริงๆ แม้แต่กุ้ยเฟยยังชมว่าพี่ฉลาด พี่ต้องช่วยข้าได้แน่ จากนี้ไปข้าจะเชื่อฟังพี่อย่างแน่นอน” 

 

 

“พี่หลิ่วเหยียนจะให้ข้าทำอะไรข้าก็จะไปทำ พี่หลิ่วเหยียนจะต้องช่วยข้านะ” 

 

 

“วันนี้เรื่องที่ข้าทำเซียงฉือจะต้องเกลียดแค้นข้าแน่ นางจะต้องปลอมแปลงหลักฐานเพื่อใส่ร้ายให้ข้าตาย!” 

 

 

สาวใช้นางนั้นขยับแขนไปมา น้ำมูกน้ำตาร่วงอ้อนวอนหลิ่วเหยียน ซึ่งนางยิ้ม 

 

 

“เจ้ารู้ก็ดีแล้ว ถ้าเจ้าเชื่อพี่พี่ก็จะคิดหาวิธีการให้ ในวังนี้การจะมีชีวิตอยู่ต่อไปคือสิ่งสำคัญที่สุด เจ้าว่าใช่ไหม” 

 

 

พูดจบหลิ่วเหยียนก็เข้าไปกระซิบเบาๆ ที่ข้างหูมั่วมั่วอยู่หลายคำ เมื่อเห็นนางมือเท้าเย็นตาแข็งทื่อ หลิ่วเหยียนจึงพูดปลอบแล้วส่งนางกลับไป 

 

 

ในวังไม่เคยขาดคนฉลาดหลักแหลม หลิ่วเหยียนสามารถอยู่รอดถึงวันนี้ได้ สิ่งสำคัญคือนางมีความอำมหิตและละเอียดรอบคอบ 

 

 

เมื่อครู่นางยังกังวลและหวาดกลัวอยู่ แต่ตอนนี้นางได้สร้างการป้องกันขึ้นถึงสองชั้น 

 

 

ถึงจะไม่รู้ว่าวันนี้สวี่อี้ได้หลักฐานอะไรมาไว้ในมือ 

 

 

แต่นางจะไม่สนใจว่าเป็นหลักฐานแบบไหน นางจะทำให้ง่ายที่สุดก็คือทำลายมันทิ้งเสีย 

 

 

แต่นางก็ยังกลัวว่านี่อาจจะเป็นกับดัก 

 

 

แน่นอนว่าการที่นางมีความรู้สึกตื่นตัวเช่นนี้ได้นั้นต้องขอบคุณจินกุ้ยเฟย อีกทั้งบรรดาเจ้านายที่ว่างเกินไปวันๆ คิดแต่จะทรมานสาวใช้ที่ทำให้นางได้เรียนรู้ สมัยนั้นนางยังเป็นเพียงคนรับใช้ระดับล่าง 

 

 

เป็นเพราะว่ากินไม่อิ่มท้อง ดังนั้นจึงมักไปขโมยกินของว่างของเจ้านาย 

 

 

พอเจ้านายจับได้ก็จะสอบถามหาตัวคนขโมย คนที่ยอมสารภาพเองจะถูกทำโทษให้อดข้าวหนึ่งวัน แต่ถ้าหากไม่ยอมรับแล้วถูกจับได้จะถูกตีสามสิบไม้ 

 

 

ทั้งหมดที่ยอมรับสารภาพจะถูกเจ้านายทรมานเจียนตาย ดังนั้นนางรู้ว่าการยอมรับสารภาพเองก็คือความตายจึงมีเพียงคิดหาวิธีให้คนอื่นออกรับแทน เพื่อที่นางจะได้มีทางรอด