ตอนที่ 602 เกิดอะไรขึ้นกับนาย

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 602 เกิดอะไรขึ้นกับนาย
“เอาละ อย่าร้องไห้อีกเลย”หลินหนานลูบไหล่ยวี๋น่าเบาๆ พร้อมกับพูดปลอบไม่หยุด:”ตอนนี้พี่กำลังท้องอยู่ เมื่อกี้คุณหมอก็กำชับแล้วว่าอย่างให้กระทบกระเทือนจิตใจมากเกินไป เพื่อลูกในท้องพี่ก็ต้องความคุมอารมณ์ตัวเองด้วยนะ

ยวี๋น่าพยักหน้า เธอนั้นก็ต้องพยายามควบคุมอารมณ์ของตัวเอง แต่น้ำตาก็ไหลออกมาอย่างกลั้นไว้ไม่อยู่

แม่ยวี๋ถูกเข็นออกมาจากห้องไอซียู และยวี๋น่าก็ได้กลับมาที่ห้องผู้ป่วยของตัวเอง

เธอนั่งเหม่อมองเพดาน ในหัวเอาแต่นึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านตระกูลยวี๋ในวันนี้ ถ้ารู้ว่าตอนนั้นตนไม่ควรที่จะต่อว่าแม่ยวี๋เลย

แต่ว่าตอนนี้มันก็สายไปแล้ว ตอนนี้แม่ยวี๋นอนนิ่งอยู่บนเตียงคนไข้

ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ถึงจะฟื้น……

อาจจะไม่ฟื้นขึ้นมาก็ได้……

พอคิดมาถึงตอนนี้ยวี๋น่าก็รู้สึกเสียใจมาก เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วเลื่อนหารายชื่อโทรศัพท์อยู่นาน สุดท้ายก็กดโทรหาซูฉิง

“ฮัลโหล”

ยวี๋น่่ได้ยินเสียงปลายสายที่คุยหูดังมาตามสายก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ ก็ร้องไห้สะอื้นเสียงสั่นเทาออกมา

“น่าน่า เธอเป็นอะไร ทำไมถึงร้องไห้”

ซูฉิงที่เอ่ยถามเสียงอย่างร้อนใจมาตามสาย :”หรือว่าเจ้าหลินหนานั้นรังแกเธอหรอ”

“ไม่ใช่……”:ยวี๋น่าสืบจมูก ทั้งพูดทั้งสะอื้น:”แม่ของฉันล้มป่วย คุณหมอบอกว่าเธออาจจะเป็นเจ้าหญิงนิทรา”

พอยวี๋น่าพูดมาถึงตรงนี้ผ้าห่มของเธอก็เปียกเป็นวงกว้างแล้ว

“ทำไมถึงได้กลายเป็นอย่างนี้”

ซูฉิงที่อยู่ปลายสายพูดเสียงลากยาว ด้วยสีหน้าไม่อยากจะเชื่อ

“ฮือๆ เป็นเพราะฉัน ฉันไม่ควรทำให้ท่านเป็นห่วงเลย”

ซูฉิงลุกขึ้นยืน มองดูเวลาบนนาฬิกาข้อมือ:”อย่าเสียใจไปเลย เธอรอฉันนะ ฉันจะไปหาเดี๋ยวนี้”

ช่วงเวลาเร่งด้วย พอซูฉิงวางสายก็จองตั๋วเครื่องบินกลับไปที่เมือง Cทันที

เธอรีบเดินทางไปที่โรงพยาบาล พอเปิดประตูเข้าไปก็เห็นยวี๋น่ายังคงสะอื้นไห้อยู่

หัวใจของเธอเจ็บปวดเรากับถูกจับไว้แน่น ซูฉิงเดินเข้าไปหาตบไหล่ยวี๋น่าเบา ๆ พร้อมกับพูดปลอบ:”ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ไม่แน่คุณหมออาจจะตรวจผิดก็ได้ คุณป้าอายุยืนจะตาย จะต้องไม่เป็นไรหรอก”

ยวี๋น่าพยักหน้า ผ่านไปสักพักเธอก็เริ่มสะอื้น พยายามเอามือปิดหน้าเพื่อปกปิดความเจ็บปวด

“อยากร้องก็ร้องเลย ร้องไห้ออกมาแล้วก็จะดีเอง”

ซูฉิงกอดยวี๋น่าไว้ แล้วกระซิบพูดเบาๆ:”ไม่ต้องเป็นห่วงนะ เรื่องนี้จะต้องมีทางแก้”

“จะแก้ไขยังไง”

ยวี๋น่าได้ยินอย่างนั้นก็เงยหน้าขึ้นถามซูฉิง

“เธอลืมไปแล้วหรอว่าฉันเป็นใคร”

ซูฉิงเผยรอยยิ้มออกมา ทำให้ยวี๋น่าเบาใจลงไปไม่น้อย

เธอลืมได้ยังไงว่าซูฉิงรู้วิชาการแพทย์สูง

ถ้าหากช่วยไม่ได้ เธอก็ยังสามารถไปเชิญคุณลุงฉีมาได้นี่ !

พอคิดได้อย่างนี้ยวี๋น่าก็อารมณ์ดีขึ้นมามากแล้ว เธอหยุดร้องไห้แล้วพาซูฉิงเดินไปที่ห้องผู้ป่วยแม่ยวี๋

ภายในห้องผู้ป่วยเงียบจนน่ากลัว ได้ยินเพียงเสียงหยดของนำเกลือ ทำให้รู้สึกกลัวความตาย

“จะรักษาได้จริงๆ หรอ”

ยวี๋น่ามองไปทางซูฉิง ตอนนี้คนที่เธอสามารถพึ่งพาได้มากที่สุดก็มีเพียงซูฉิง

“เชื่อฉันเถอะน่า”

ซูฉิงเดินมาข้างเตียงแม่ยวี๋ เธอเปิดตาแม่ยวี๋ดู แล้วลูบตรงจุดชีพจรตรงมือของแม่ยวี๋ มีสีหน้าเคร่งเครียด คิ้วขมวดเป็นปม

ยวี๋น่าเห็นอย่างนั้นก็ร้อนใจ แต่ก็ไม่กล้าเข้าไปรบกวนซูฉิง

หลังจากทำการตรวจอยู่นานซูฉิงก็ปล่อยมือของแม่ยวี๋ลง

“ไม่ต้องเป็นห่วง ฉันรู้แล้วว่าจะทำยังไง”

ยวี๋น่ามองหน้าซูฉิงที่เหมือนจะรู้แล้วว่าจะทำยังก็ถึงได้รู้สึกวางใจราวกับยกภูเขาออกจากอก

“อาการป่วยของคุณป้าแม้จะรักษาได้ยาก แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะรักษาไม่ได้ ฉันสามารถใช้วิธีฝังเข็มรักษาได้ ไม่ต้องเป็นห่วงนะ คุณป้าจะต้องไม่เป็นอะไร”

ยวี๋น่าได้ยินอย่างนั้นก็วางใจ

ต่อมาซูฉิงก็ได้ไปขอยืมเข็มที่ใช้ฝังเข็มกับทางโรงพยาบาล มีทั้งขนาดยามและสั้น ถึงแม้จะมีจำนวนเข็มที่จำกัด แต่ก็พอใช้

ซูฉิงได้ดูรูปหน้าของแม่ยวี๋ก่อน จากนั้นก็ใช้นิ้วหัวแม่มือกดไปตรงตัวของแม่ยวี๋ แล้วใช้เข็มยามฝังลงไปตรงตัว

เธอเห็นว่าแม่ยวี๋ไม่ขยับก็ใช้เข็มอีกเล่มค่อยๆ ฝังลงไปตรงนิ้วเท้าของแม่ยวี๋ และทันใดนั้นนิ้วของแม่ยวี๋ขยับ

“ขยับแล้ว!”

ยวี่น่าตกใจร้องออกมา แล้วรีบเอามือปิดปาก เธอกลัวว่าจะรบกวนสมาธิซูฉิง

เพราะเมื่อกี้ซูฉิงได้บอกกับเธอว่าให้เธออยู่เงียบๆ ไม่งั้นจะรบกวนสมาธิของเธอ

พอเห็นว่าได้ผล ซูฉิงก็ยิ้มออกมา เธอหมุนเข็มที่ฝังอยู่ร่างของแม่ยวี๋ ยิ่งทำให้เข็มฝังเข้าไปลึกกว่าเดิม

ไม่นาน พวกเลือกสีดำก็ไหลซึมออกมาตามเข็มเงิน

เธอพยักหน้าออกมาด้วยความพอใจ แล้วก็นำเข็มมาฝังเข้าที่ตรงจุดหน้าผาก

มือของแม่ยวี๋ก็ขยับอีกครั้ง เห็นได้ชัดว่าได้ผล

ยวี๋น่ามองภาพตรงหน้า ก็ฉีกยิ้มออกมา นี่ถือว่าเป็นข่าวดีที่สุดในรอบหลายวันมานี้

ถึงแม้ว่าสีหน้าจะคืนสีมาบ้าง แต่แม่ยวี๋ก็ยังไม่ฟื้น

“ถึงแม้ว่าการฝังเข็มจะได้ผลเล็กน้อย แต่ไม่ใช่ว่าจะรักษาหายในระยะเวลาอันรวดเร็ว ไม่ต้องห่วงนะ คุณป้าจะต้องฟื้นขึ้นมาแน่”

ซูฉิงตบไหล่ยวี๋น่าเบาๆ สื่อให้เธอวางใจไม่ต้องคิดมาก

ยวี๋น่าพอรู้ว่าอาการป่วยของแม่ยวี๋สามารถรักษาได้ ก็รู้สึกผ่อนคลายลงไปมาก เธอโผเข้ากอดซูฉิง:”ขอบคุณเธอมากนะ มีเธอเป็นเพื่อนอย่างนี้ฉันดีใจจริงๆ เลย”

ซูฉิงที่ได้ยินยวี๋น่าชมอย่างนี้ก็หน้าแดง ก็กระแอมแล้วพูด:เอาละๆ เมื่อกี้คุณหมอก็บอกแล้วว่า เธอจะมีอะไรมากระทบกระเทือนจิตใจไม่ได้ ดูแลลูกในท้องให้ดีด้วยนะ”

“โอเค ฉันจะเชื่อฟังเธอ”

ยวี๋น่าพยักหน้า ตอนนี้ซูฉิงพูดอะไรเธอก็เชื่อฟังหมดแล้ว

ต่อมาซูฉิงก็หันไปมองหลินหนาที่คอยอยู่ข้างๆ ตลอด

หลินหนานรู้ว่าตนอยู่ข้างๆ ยวี๋น่าก็เอาแต่จะทำให้เธอหงุดหงิด ดังนั้นเลยรออยู่หน้าประตูข้างนอกตลอด

ตอนที่เขาเห็นยวี๋หน้ายิ้ม ความเครียดที่มีอยู่ก็ผ่อนคลายลง

“นายเข้ามาเถอะ”

ซูฉิงคิดว่าน่าขำ เธอกวักนิ้วเรียกหลินหนานที่เหมือนกับเด็กน้อยที่ทำความผิดก็ไม่ปาน เดินก้มหน้าเข้ามายืนข้างๆ พวกเธอสองคน

ซูฉิงกระแอมแล้วพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง”นายก็จริงๆ เลย มียวี๋น่าเป็นว่าที่ภรรยาที่ดีอย่างนี้ยังไม่รักษา ยังจะมีข่าวอื้อฉาวกับยัยเฉินซินอ้ายอะไรนั่นอีก มิน่าคุณป้าถึงได้โกรธจนล้มป่วย”

หลินหนานเดินเข้ามาก็ถูกซูฉิงว่ากล่าวออกมา เขาก็เอาแต่ก้มหน้าตั้งใจฟัง

“และยิ่งไปกว่านั้น ยวี๋น่ากำลังท้องกำลังไส้ คุณป้ายังตกอยู่ในอันตราย ถ้าหากว่าเกิดเรื่องขึ้นกับยวี๋น่าอีก แล้วเรื่องนี้จะแก้ไขยังไง”

หลินหนานที่ได้ยินอย่างนั้นก็รีบส่ายหน้าทันที:”ผมรู้ว่าผมทำไม่ถูก ไม่ควรที่จะผลีผลาม ทำให้คุณป้าล้มป่วย ตอนนี้เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ ผมก็มีส่วนผิด

หลินหนานที่ยิ่งพูดน้ำเสียงก็ยิ่งเบาลง เขารู้สึกผิดมาก

“รูปในเวยป๋อฉันเห็นหมดแล้ว เกิดอะไรขึ้นกับนาย”