ตอนที่ 603 สาเหตุที่เย่อหยิ่ง

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 603 สาเหตุที่เย่อหยิ่ง
ซูฉิงที่เห็นว่ายวี๋น่าอารมณ์ดีขึ้นแล้วก็เลยกล้าที่จะถามต่อหน้าเธอ ถ้าหากทั้งสองไม่แก้ไขปัญหาความไม่เข้าใจกัน ก็อาจจะเกิดเรื่องที่ต้องแยกทางกันแน่

“คืนวันนั้นผมไม่รู้อะไรเลย ผมจำได้แค่ว่าผมดื่มจนเมาแล้ว ผมก็จำไม่ได้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น”

“จริงหรอ”

ซูฉิงเลิกคิ้ว เห็นคนอย่างหลินหนานก็ไม่เหมือนกับผู้ชายที่จะทรยศยวี๋น่าได้

“จริงครับ และผมก็คิดว่าคืนวันนั้นไม่ได้แตะเฉินซินอ้ายเลย ตอนที่ผมตื่นขึ้นมาถึงแม้ว่าบนตัวผมจะไม่มีเสื้อ แต่ว่ากางเกงผมยังคงสวมอยู่”

พอพูดมาถึงตอนนี้ ซูฉิงกับยวี๋หน้าก็มองหน้ายิ้มให้กัน

“งั้นรูปพวกนั้นมาจากไหน”

ซูฉิงถามต่อ เธอรู้ว่ายวี๋น่ากำลังคิดอะไรอยู่ เลยถามออกมา

“เรื่องรูปพวกนั้นผมไม่รู้จริงๆ ผมจำอะไรไม่ได้เลย”

หลังจากที่ซูฉิงจัดการอารมณ์แล้วก็พ่นลมหายใจออกมายาม เตรียมจะกลับไปทำงานต่อ

และทันใดนั้นเองโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอก้มดูก็เห็นว่าเป็นเบอร์ของผู้กำกับหวังโทรมา

กำลังมีชีวิตดีอยู่แล้วเชียว เธอกระแอมเสียงแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย

“ฮัลโหล ผู้กำกับหวัง”

เธอเอ่ยทักทายกับผู้กำกับหวัง

“คุณซู ช่วงนี้ผมมีละครเรื่องใหม่ อยากจะได้คนมาช่วยวางแผนหน่อย คุณพอมีเวลามาช่วยสักหน่อยมั้ย ออกงานบ้าง ก็ถือว่าเป็นการช่วยผมโปรโมทก็แล้วกันนะครับ

“ในเมื่อผู้กำกับหวังเอ่ยขอมาขนาดนี้ งั้นฉันก็คงต้องทำตามคำขอแล้วละ”

ซูฉิงเอ่ยตอบตกลง ผู้กำกับหวังเป็นผู้กำกับที่มีชื่อเสียงในแวดวงบันเทิงคนหนึ่ง ถ้าหากได้ร่วมงานกับเขา ก็รู้ว่าจะต้องมีประโยชน์มาก

“อ้อ ฉันมีอีกคนหนึ่งที่รู้จัก ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะพิจารณาได้มั้ย”

ซูฉิงเอ่ยปากถาม ตอนที่ผู้กำกับหวังพูดกับเธอเรื่องนี้ ในหัวของเธอก็ผุดชื่อของคนคนนี้ขึ้นมา

“โอ๊ะ ใครหรอครับ”

“คุณน่าจะรู้จัก หลินหนานไงคะ”

พอเอ่ยชื่อหลินหนาน ผู้กำกับหวังก็เงียบลง

“เอ่อ…..”ผู้กำกับที่รู้สึกลำบากใจ:”คุณก็น่าจะรู้ว่าช่วงนี้หลินหนานมีข่าวอื้อฉาว ผมก็ไม่กล้าที่จะรับปากได้”

จากนั้นเขาก็คิดไตร่ตรองอยู่สักครู่ แล้วในที่สุดก็พยักหน้า:”แต่ว่าในเมื่อเป็นคุณซูแนะนำมา ก็ไม่มีอะไรที่จะทำไม่ได้”

ซูฉิงยิ้มออกมา:”ผู้กำกับหวังถือเป็นคนที่มีเหตุผล คุณวางใจเถอะ รับรองว่าจะไม่มีปัญหา แต่ว่าคุณรอสักครู่นะคะ ฉันขอถามความคิดเห็นของเขาก่อน”

ทั้งสองที่ได้คุยเรื่องรายละเอียดกันสักพักแล้วซูฉิงก็ถึงได้วางสาย

ซูฉิงเลิกคิ้ว แล้วก็หยิบโทรศyพท์ออกมาแล้วกดต่อสายโทรหาหลินหนาน

หลินหนานที่ตอนนี้ยังคงดูแลแม่ยวี๋ที่โรงพยาบาล แม่ยวี๋ที่ล้มป่วยครั้งนี้สาเหตุใหญ่ก็มาจากตัวเขา ดังนั้นเขาเลยต้องมาดูแลแม่ยวี๋ด้วยตัวเอง

ทางอีกฝั่งที่รอสายอยู่นานถึงได้มีคนกดรับสาย

“มีอะไรหรอครับ”

หลินหนานถามออกไปตามตรง เขาที่ไม่มีเวลาว่างมาคุยเล่นกับซูฉิง

“ก็แค่อยากจะถามนายว่า ช่วงนี้อยากจะจัดการเรื่องงานมั้ย”

ซูฉิงเองก็รู้ว่าหลินหนานนั้นยุ่ง แต่ก็ยังอยากจะถามให้ชัดเจน

“จัดการเรื่องงานงั้นหรอ”หลินหนานคิ้วขมวดเล็กน้อย:”ทำไมหรอ”

“นายก็รู้ว่า สองวันมานี้มีเรื่องข่าวอื้อฉาวของนายกับเฉินซินอ้ายยังเป็นกระแสอยู่ ถ้าหากไม่จัดการ ต่อไปก็จะมีปัญหาได้

คำพูดของซูฉิงก็มีเหตุผล แต่หลินหนานก็มีท่าทีลังเล

“เมื่อกี้ผู้กำกับหวังโทรมาหาฉัน บอกว่ามีละครเรื่องใหม่อยากให้หาคนไปเป็นเจ้าหน้าที่วางแผนงาน เขาอยากให้ฉันไปช่วย และฉันก็ได้แนะนำนายไปด้วย”

หลินหนานเม้มปาก ผู้กำกับหวังถือว่าเป็นต้นทุนที่ดี

แต่ว่า เขามองดูแม่ยวี๋ที่นอนนิ่งอยู่ภายในห้องผู้ป่วย เขาเงียบตกอยู่ในภวงค์ในหัวก็ผุดภาพที่แม่ยวี๋วันที่ล้มป่วย

“นายก็คิดดูให้ดี ได้คำตอบแล้วก็บอกฉันก็ไม่สาย”

ซูฉิงฟังออกว่าหลินหนานกำลังลังเล รู้ว่าช่วงนี้เขายุ่งมาก ก็ไม่อยากจะบีบบังคับเขา

“ขอบคุณในความหวังดีของพี่นะ ผมคิดว่าเอาไว้ก่อนดีกว่า”

หลังจากที่คิดแล้ว สุดท้ายหลินหนานก็ตัดสินใจปฏิเสธซูฉิง

ในเมื่อมาที่โรงพยาบาลแล้ว ตนก็ยังมีความผิด ก็ควรที่จะรับผิดชอบ

หลินหนานปฏิเสธ ซูฉิงก็เริ่มจะเดาได้ว่าในเมื่อเป็นเช่นนี้ เธอก็ไม่จำเป็นต้องพูดเซ้าซี้อะไรอีก

“ในเมื่อเป็นอย่างนี้ งั้นทางฝั่งของผู้กำกับหวังฉันจะคุยกับเขาเอง นายก็ดูแลคุณป้าเถอะ”

พอพูดจบ ซูฉิงก็กดวางสาย

เช้าวันต่อมา ซูฉิงก็ได้มาที่บริษัท ผู้กำกับหวังก็ส่งข่าวมาว่าตนได้ตัดสินใจเลือกหลิวเสี่ยวหนิงแล้ว เพียงแต่ว่าเรื่องที่ตกลงกันไว้ไม่เหมือนกับที่คุยกันตอนแรก ครั้งนี้ตัวละครที่ให้หลิวเสี่ยวหนิงจะสำคัญกว่าเรื่องที่แล้วไม่น้อย หลิวเสี่ยวหนิงที่พอทราบเรื่องนี้ก็ดีใจกระโดดโลดเต้น

ด้วยเหตุนี้ผู้จัดการเลยพาหลิวเสี่ยวหนิงไปพบกับผู้จัดการหวัง เพื่อคุยรายละเอียดของงาน แต่ว่าพอได้ยินว่าตนจะต้องไปถ่ายทำในสถานที่ห่างไกลและต้องตัดขาดจากโลกภายนอกสามเดือนกว่า หลิวเสี่ยวหนิงก็ใจกระตุก

ตอนแรกซูฉิงกับบริษัทได้กำหนดตัวละครเป็นดาราที่มีชื่อเสียง แต่พอตัวแสดงตัวนี้ยืนยันมาแล้ว ตนต้องห่างหายจากผู้ชมไปตั้งสามเดือน เกรงว่าคำว่ามีชื่อเสียงนี้ เธอจะรับไว้ไม่ได้

เพราะว่าตอนแรกอาจจะพึ่งหน้าตาและฐานแฟนคลับ ดังนั้นแม้แฟนคลับของหลิวเสี่ยวหนิงจะเยอะ แต่ที่จริงแล้วก็ไม่มีแฟนคลับที่แท้จริง เพราะถ้าหากไปในครั้งนี้ สุดท้ายแล้วจะเหลือเพียงแฟนคลับที่รักหลิวเสี่ยวหนิงจริงเท่านั้น

ถึงแม้จะตกลงคุยกับผู้กำกับแล้ว แต่ทางบริษัทก็ยังไม่ได้ทำการโฆษณา และตอนนี้ได้แต่นิ่งรอให้ทางทีมผู้กำกับแจ้งมาก่อน

แต่ทว่าสิ่งแรกที่ผู้กำกับแจ้งกับหลิวเสี่ยวหนิงก็คือนัดเธอออกมากินข้าวเย็นด้วย

แต่วิธีการนัดออกมาเจอกันของทั้งสองนั้นไม่เหมือนกัน

เพียงแต่ว่าครั้งนี้ตอนที่กินข้าว ผู้กำกับหวังได้พูดถึงเรื่องที่ได้ประโยชน์อยู่บ้าง อย่างเช่นบอกปัญหาเทคนิคการแสดงของหลิวเสี่ยวหนิง

ไม่ใช่เพราะว่าเทคนิคการแสดงของหลิวเสี่ยวหนิงแย่หรือไม่เก่งเรื่องการทำงาน แต่เพราะผู้กำกับหวังคิดว่าฝีมือการแสดงของเธอตอนนี้ยังไม่เหมาะกับตัวละครในละครของตน เพราะว่าตัวละครในละครที่หลิวเสี่ยวหนิงแสดงนั้นถือเป็นเรื่องท้าทายที่แปลกใหม่สำหรับเธอ

หลิวเสี่ยหนิงจะต้องเปลี่ยนตัวเองตั้งแต่ภายในจนถึงภายนอก

ส่วนทางฝ่ายบริษัท ที่กำลังเตรียมเพลงประกอบละคร ซูฉิงก็หาเวลามาดูห้องอัดเพลง ดีที่เป็นเฉินจุนเหยีนเป็นคนจัดการ เลยทำงานซูฉิงวางใจ การอัดเพลงประกอบละครเลยเป็นไปด้วยความราบรื่น และเวลานี้เอง ก็มีคนที่มาที่บริษัทอย่างคาดไม่ถึง

ซูฉิงนั่งอยู่โซฟามองหน้าผู้ชายที่สวมแว่นกันแดดสีดำนิ่ง

คนคนนี้ก็คือนักร้องที่เชิญมาร้องเพลงประกอบละคร แต่สุดท้ายตกลงเรื่องราคาเรื่องค่าตัวของนักร้องชายหน้าใหม่อย่างเฉินอี้ไม่ลงตัว

“ประธานซู”เฉินอี้พอเห็นซูฉิงก็พยักหน้าทักทาย เขายกมือขึ้นถอดแว่นออก เผยให้เห็นใบหน้าของเขาได้ชัดเจน

แววตาของเขาเต็มไปด้วยความเย่อหยิ่ง ท่าทางที่ถือตนสำคัญ ซูฉิงที่มองดูก็รู้สึกช่างน่าขำ เธอไม่ได้เห็นคนอย่างนี้ในวงการบันเทิงนานแล้ว

“คุณน่าจะรู้จักผมใช่มั้ย”เฉินอี้ยกยิ้ม

ซูฉิงไม่ได้ลุกขึ้นเพียงแค่เงยหน้ามองเฉินอี้ ตั้งใจเผยสีหน้าสงสัยออกมา:”คุณคือ?”

เฉินอี้ถึงกับตัวแข็งทื่อ เขาคิ้วขมวดเล็กน้อย แล้วก็หาที่นั่งลงอย่างไม่มีความเกรงใจ แล้วก็ยกขาขึ้นไขว่ห้างมองซูฉิง

“ประธานซูล้อผมเล่นใช่มั้ย ประธานบริษัทบันเทิง ทำไมจะไม่รู้จักผมละ”

ซูฉิงเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยแล้วมองเขาด้วยสายตาเย็นชา “ต้องขอโทษด้วยนะคะ เลขาของฉันเขาบอกว่าคุณชื่ออะไรน๊า”ซูฉิงหยุดพูด ควงปากกาที่อยู่ในมือเล่น”หรือว่าคุณคือนักแสดงที่เคยได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมหรอ”

เฉินอี้ไม่ได้พูดอะไร

“หรือว่าคุณคือผู้กำกับที่เคยกำกับละครหรอ หรือว่าเป็นนักร้องที่เคยจัดแสดงคอนเสิร์ตรอบโลกงั้นหรอ”

เฉินอี้หน้าเสียกัดฟันพูด:”ประธานซูชอบพูดล้อเล่นจริงๆ เลยนะครับ”

“ล้อเล่นงั้นหรอ”ซูฉิงทำหน้าแปลกใจ “ทำไมคุณถึงคิดว่าฉันกำลังพูดล้อเล่นอยู่ละ ถ้าหากว่าคุณไม่ใช่คนพวกนั้น แล้วทำไมฉันจะต้องรู้จักคุณด้วยละคะ”

เฉินอี้ที่ตอนนี้นั่งไม่ติดแล้ว เขาลุกขึ้นยืน มองซูฉิงด้วยสีหน้าไม่สู้ดี แต่ขณะเดียวกันเขาก็สบตากับสายตาของซูฉิง

เฉินอี้ยืนนิ่ง มองสายตาอย่างตรวจสอบและเย็นเยือกที่เขาไม่เคยเจอมาก่อน

เขาแอบกัดฟัน พยายามทำหน้าที่เป็นมิตรออกมา

“ประธานซู งั้นผมขอแนะนำตัวละกัน ผมชื่อเฉินอี้ นักร้องที่ฮิตติดอันดับสามในโซเชียลในตอนนี้ก็คือผมเอง”

เฉินอี้ที่เข้ามาในวงการบันเทิงไม่ถึงหนึ่งเดือนด้วยซ้ำ แต่ว่าภายในหนึ่งเดือนนี้เพลงที่เขาออกมาล้วนดังฮิตติดกระแสทุกเพลงในโลกโซเชียล

เขาเริ่มจากจุดที่สูงมาก

และนี่ก็คือสาเหตุที่เขาดูเย่อหยิ่งทนงตนอย่างนี้

แต่ว่าซูฉิงเคยเห็นคนที่เก่งกว่าเขามาเยอะแล้ว เขาที่ประสบความสำเร็จเพียงเล็กน้อยก็คิดว่าตัวเองอยู่เหนือคนอื่นแล้ว ซูฉิงไม่เห็นคนพวกนี้อยู่ในสายตาหรอก

แต่ว่าซูฉิงยังคงทำสีหน้าตกใจ ยิ้มมองเฉินอี้:”คุณนี่เอง ขอถามหน่อยคุณมาหาฉันมีธุระอะไรคะ”

ซูฉิงที่พูดเอาใจมาพอที่จะทำให้เฉินอี้โกรธ เขาเม้มปาก กระแอมเบาๆ แล้วพูด:”ประธานซู ที่ผมมาหาคุณในวันนี้เพื่อที่จะพูดเรื่องที่จะทำงานร่วมกัน”

ซูฉิงที่มองหน้าเฉินอี้เหมือนได้ยินคำพูดที่เหลือเชื่อ:”เหมือนฉันจะจำได้ว่าเราทำงานด้วยกันเมื่อก่อน แต่เพราะว่าคุณเฉินไม่พอใจเลยปฏิเสธไปแล้วนี่”

เฉินอี้รู้อยู่แล้วว่าเรื่องที่ซูฉิงพูดหมายถึงเรื่องเพลงประกอบละคร เขาก็ทำสีหน้าโล่งใจ

“เรื่องนี้ไม่ใช่ว่าผมปฏิเสธ ประธานซู เพียงแต่ว่าบางเรื่องจะต้องคิดให้รอบคอบ ที่จริงแล้วที่ผมมาหาคุณในวันนี้ก็คือยากจะให้คุณเซ็นสัญญากับผม”

ที่จริงแล้วซูฉิงก็เคยสงสัยว่าที่เฉินอี้มาหาตนเพื่ออะไร แต่คิดไม่ถึงว่าเขาจะพูดจุดประสงค์ออกมาตรงๆ อย่างนี้

“ความหมายของคุณเฉินก็คืออยากจะเข้ามาอยู่ในสังกัดของบริษัทฉันงั้นหรอ”

เฉินอี้พยักหน้า:”ตอนนี้ผมทำงานคนเดียว ไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทไหน แต่ว่าความฮอตของผมตอนนี้ได้มีบริษัทยักษ์ใหญ่ยื่นข้อเสนอมาให้แล้ว แต่ในใจของผมชื่นชอบบริษัทของประธานซูมากว่า เพียงแค่คุณเซ็นสัญญากับผม อย่าว่าแต่เพลงประกอบละครเลย แม้แต่ทำเป็นอัลบั้มโปรโมทก็สามารถทำได้”

ซูฉิงยกยิ้ม:”คุณเฉินดูมั่นใจจังเลยนะ ว่าฉันจะต้องเซ็นสัญญากับคุณงั้นหรอ”

“แน่นอนสิ ตอนนี้ละครบริษัทของคุณไม่ใช่ต้องการกระแสหรอ ถ้าหากไม่ใช่นางเอกคนนั้น เกรงว่าการโปรโมทละครเรื่องใหม่ของบริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนคงจะไม่ต้องเลื่อนมาจนถึงตอนนี้หรอกใช่มั้ย”

ซูฉิงแววตานิ่งลง