ตอนที่ 604 โอกาสหาได้ยาก

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น

นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 604 โอกาสหาได้ยาก
พูดตามตรงว่าซูฉิงเข้ามาในวงการบันเทิงนี้ได้สักพักแล้ว แต่ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาเจอคนอย่างนี้

ซูฉิงไม่รู้จริงๆ เลยว่าใครกันที่ทำให้เฉินอี้คนนี้ถึงได้มีความมั่นใจขนาดนี้ แค่เพลงดังไม่กี่เพลง มีชื่อเสียงเล็กน้อย ก็จะทำตัวอย่างนี้ไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตางั้นหรอ

หากคนที่ไม่รู้จักได้ยินอย่างนี้ พวกเขาคิดว่าเขาได้รับรางวัลความสำเร็จตลอดชีวิตที่สามารถเลี้ยงดูเขาได้ตลอดชีวิต

ซูฉิงยิ้มกระหยิ่ม ตอนนี้วงการบันเทิงไม่ได้ขาดคนใหม่ และคนอย่างเขาที่เป็นนักร้องมีความคิดสร้างสรรค์ ยิ่งหาได้ถมเถไป

แค่เฉินอี้นั้นโชคดี ดังนั้นเขาจึงสามารถเป็นที่นิยมได้ในเวลานี้ แต่เมื่อมีคนใหม่ เฉินอี้คนนี้จะไปอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้

“ฟังคุณพูดมาอย่างนี้คิดว่าคุณสามารถทำให้ละครของฉันกลับมาฮิตได้อีกครั้งงั้นหรอ”

ซูฉิงเชิดหน้ามองเฉินอี้

เฉินอี้ยกมือขึ้นกอดอกจ้องมองหน้าซูฉิงอย่างจริงจัง :”ถ้าหากประธานซูมีสายตาอันแหลมคม ผมก็จะนำรายได้มาให้คุณไม่น้อย”

ที่จริงแล้วเฉินอี้เป็นคนที่รับผิดชอบตัวเองมาตลอด เพราะเขานั้นทำอะไรก็ราบรื่นมาตลอด พอเข้ามาในวงการบันเทิงก็เขียนเพลงออกมาได้เพียงแค่คืนเดียวก็โด่งดัง

เรื่องดีอย่างนี้มีคนไม่น้อยที่อยากจะมาร่วมงานด้วย แต่มันมาตกที่เฉินอี้อย่างง่ายดาย ซึ่งทำให้เขาดูถูกการแข่งขันของอาชีพนี้ และดูถูกความน่ากลัวของวงการนี้

เขาคิดว่าตนอยากจะได้อะไรเพียงก็กวักมือเรียกก็ได้แล้ว ตอนที่เขาโด่งดังมีบริษัทหลายบริษัทที่อยากเซ็นสัญญากับเขา แต่ในที่สุดแล้วเฉินอี้ก็เลือกบริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ เพราะว่าตอนนี้บริษัทสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์เป็นบริษัทบันเทิงที่อยู่แนวหน้าของวงการบันเทิง

เฉินอี้รู้อยู่แก่ใจดีว่า ถ้าหากได้เซ็นสัญญากับสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ ในตอนนี้ที่ตนเองยังโด่งดัง ก็จะได้เป็นตัวหลักของสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ ในอนาคตจะต้องนำผลประโยชน์ให้กับเขาไม่น้อยแน่

ดังนั้นเฉินอี้เลยทำตัวสูงส่ง เพราะว่าเขารู้ว่าตอนนี้เขารู้ว่าตนกำลังดังอยู่

แต่สิ่งเดียวที่เฉินอี้ละเลยไปก็คือ คนที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คือซูฉิง

“เป็นยังไงบ้างประธานซู คุณพอจะพิจารณาสักหน่อยมั้ย โอกาสอย่างนี้หาได้ยากนะ”

เฉินอี้พูดอย่างมั่นใจ “ผมปฏิเสธบริษัทอื่นไปมาก เพื่อที่จะมาหาคุณเลยนะ”

ซูฉิงที่พอได้ยินอย่างนั้นก็อดที่จะหัวเราะออกมาไม่ได้

เธอเลิกคิ้วมองเฉินอี้ แล้วพูด:”คุณคิดว่าคุณเป็นใคร”

เฉินอี้ที่กำลังยิ้มอยู่ก็ถึงกับชะงัก

“คุณคิดว่าสตาร์เอนเตอร์เทรเมนท์ของฉันจะขาดนักร้องอย่างคุณไม่ได้เชียวหรอ”

ซูฉิงเอียงหน้าถาม สถานการณ์ของสตาร์เอนเตอร์เทนเมนท์ในตอนนี้ ต้องการจะเซ็นสัญญากับใครแล้วไม่ได้งั้นหรอ

และก่อนหน้านี้ซูฉิงไม่ใช่ว่าไม่เคยได้ยินคนในบริษัทพูดกันว่า เฉินอี้คนนี้ยังไม่ได้เซ็นสัญญากับบริษัทไหนเลย แม้จะเป็นอย่างนี้ซูฉิงฉิงก็ไม่คิดที่จะเซ็นสัญญากับเฉินอี้

แม้ชื่อเสียงของเฉินอี้จะสำคัญ

แต่ซูฉิงรู้อยู่แก่ใจดี ว่าคนคนนี้คงดังได้ไม่นานหรอก

และพอเฉินอี้ได้ยินซูฉิงพูดอย่างนั้นก็มีสีหน้าไม่สู้ดี เขาโน้มมาข้างหน้ายื่นหน้าเข้ามาใกล้ซูฉิง:”ประธานซู ความดังของผมตอนนี้…..”

เฉินอี้พูดยังไม่ทันจบก็ถูกซูฉิงพูดแทรกขึ้นมาก่อน:”ความดัง คุณคิดว่าคุณจะรักษาความดังนี้ไปตลอดชีวิตรึไง”

“ดังนั้นผมถึงต้องการสนับสนุนจากบริษัทของคุณไง บริษัทของคุณมีชื่อเสียงใหญ่โต จะต้องให้การสนับสนุนอะไรกับผม:”เฉินอี้ยืนขึ้นแล้วพูดออกมา

“ฉันสามารถสนับสนุนคุณได้อย่างดีที่สุด ทำให้คุณกลายเป็นตัวแทนของบริษัทของเราได้”

ซูฉิงขยับเอนตัวไปด้านหลัง นั่งพิงกับเก้าอี้เงยหน้ามองเฉินอี้:”แต่ว่า คุณคิดว่าคุณเหมาะสมแล้วหรอ เฉินอี้ คุณเห็นว่าตัวเองสูงส่งไปแล้ว”

เฉินอี้ทำหน้าโกรธมือที่อยู่ข้างลำตัวก็กำหมัดแน่น

“สมกับเป็นบริษัทใหญ่และมีชื่อเสียง แม้ดาราตัวเล็กๆ อย่างผมก็ไม่อยู่ในสายตา”

ซูฉิงมองท่าทางของเฉินอี้ก็รู้สึกตลก เธอไม่รู้จริงๆ เลยว่าเฉินอี้ไปเอาความกล้ามาจากไหน ถึงทำให้เขาทำตัวสูงส่งอย่างนี้

ก็เห็นอยู่ว่าเขาอยากเซ็นสัญญากับบริษัท ไม่ใช่ว่าตนอยากจะไปของให้เขามาเซ็นสัญญาด้วยสักหน่อย

“ไม่แน่อาจจะเป็นเพราะว่าบริษัทเล็กๆ ของฉันไม่สามารถรับคนที่มีชื่อเสียงอย่างคุณได้ คุณเฉินไม่ใช่บอกเองหรอว่ามีบริษัทมากมายที่อยากเซ็นสัญญากับคุณ งั้นก็เชิญคุณไปที่บริษัทอื่นเถอะ”

ซูฉิงทำหน้าเศร้าเคาะโต๊ะเบาๆ แล้วพูด:”เฉินอี้คุณไม่คุ้มค่าหรอกนะ และก็ไม่มีสิทธมาพูดกับฉันอย่างนี้ด้วย”

เด็กยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมยังกล้ามาพูดจาพล่อยๆอีก

“เธอ!”เฉินอี้จ้องหน้าซูฉิงอย่างโมโห เขาเข้ามาในวงการบันเทิงได้สักพักแล้ว ไม่มีใครที่ไม่เคารพเขา แต่นี่แววตาเหน็บแนม เป็นครั้งแรกที่เขาพบเจอ

เขาก็รับไม่ได้อย่างแน่นอน มองไปทางซูฉิงพร้อมกับส่งเสียงเย็นชาออกมา

“เธอจะต้องเสียใจแน่”เขาที่ทั้งพูดทั้งหันหลังเดินออกไป

แต่พอเขากำลังเดินออกไปจากห้องทำงานนั้นเฉินอี้ก็เดินชนเข้ากับคนคนหนึ่ง

เฉินอี้ที่มีอารมณ์คุกรุ่นอยู่แล้ว พอเจอเหตุการณ์อย่างนี้เข้าก็ยิ่งโมโหส่งเสียงเย็นชาออกมา:”เธอไม่มองทางรึไง”

“ขอโทษด้วยค่ะ ขอโทษด้วยจริงๆ”หญิงสาวที่เดินชนเขาก้มหน้าขอโทษไม่หยุด

“หึย มันน่าโมโหนัก”เฉินอี้ตบเข้าที่คอของตัวเองแล้วก็เดินออกไปอย่างเย่อหยิ่ง

แต่ว่าซูฉิงที่อยู่ในห้องทำงานไม่ได้เห็นภาพเหตุการณ์นี้ ถ้าให้เธอรู้เข้าเธอจะต้องไม่ปล่อยเฉินอี้ไว้แน่

ทว่าซูฉิงก็ได้ให้เลขาไปสืบเรื่องของเฉินอี้แล้ว

เธอสงสัยว่าคนอย่างเฉินอี้ที่ทำตัวไม่เห็นหัวใครอย่างนี้ ไม่แน่เขาจะต้องมีคนใหญ่คนโตอยู่เบื้องหลัง แต่ถ้าหากไม่มีละก็ ซูฉิงคิดว่าเฉินอี้เป็นคนโง่คนหนึ่ง

ยังไม่ต้องพูดถึงเธอก่อน จะต้องมีคนอื่นที่จะต้องสั่งสอนเฉินอี้แน่

และทันใดนั้นเอง ผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่หน้าประตูห้องทำงานซูฉิงก็มองซ้ายแลขวา และตอนที่กำลังเคาะประตูก็ได้ยินเสียงดังมาจากข้างหลัง:”นี่ เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”เย่ซีหันไปมองด้วยสายตาอึ้งตะลึง

“ที่นี่ไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาได้นะ”

หัวหน้ามองไปหน้าห้องทำงานของซูฉิง เห็นว่ายังไม่ได้เข้ารบกวนก็ได้ถอนหายใจโล่ง มองผู้หญิงด้วยสายตาตำหนิ

“รีบไปเลยนะ”เขาที่คิดจะไล่เย่ซีไป

เย่ซีลังเลอยู่ชั่วครู่ก็เดินตามหัวหน้าไป:”เพลงสองเพลงเมื่อกี้ของฉันโอเคมั้ยคะ”

“เพลงอะไร”หัวหน้าถามอย่างสงสัย

เย่ซีที่ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าซีดเผือด:” “ฉันส่งเพลงต้นฉบับของฉันสองเพลงให้แก่คุณ และคุณบอกว่าพวกเขาจะส่งเพลงนั้นไปให้เบื้องบนตรวจนี่”

เขามองอย่างหมดความอดทน:”เพลงสองเพลงนั้นหรอ ไม่ผ่าน แย่มาก”

“จะเป็นอย่างนั้นได้ยังไง ไม่น่าจะเป็นอย่างนั้นนะ”เธอกะพริบตาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เพื่อนๆ ของเธอต่างก็บอกว่าสองเพลงนี้ดีมาก ถึงกับยุให้เธอส่งประวัติมาที่นี่ แต่พอมาถึงตอนนี้กับเป็นอย่างนี้

“ไม่น่าจะอะไร บริษัทของเราเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ เพลงอะไรที่จะทำให้ดังได้พวกเรารู้ดี รีบกลับไปเถอะ!”