บทที่ 1531 – ปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1531 – ปัญหาใหม่เกิดขึ้นอีกครั้ง

 

ชิงสุ่ยรู้ว่านี่เป็นช่วงเวลาที่สำคัญ ฉินชิงนั้นหน้าบางยิ่งนัก แต่สำหรับหญิงสาวผู้นี้เขารู้สึกว่าเข้าใจนางได้ยากเล็กน้อย ฉินชิงนั้นเป็นเหมือนมังกรสีเขียวขนาดยักษ์ที่ปกครองดินแดนแห่งนี้

 

ฉินชิงนั้นคล้ายคลึงกับถานท่าย หลิงเยียน นางทำให้ผู้คนรู้สึกได้ว่านางนั้นไร้เหตุผลใดๆ แต่ตอนนี้เขาไม่คิดว่ามันเป็นแบบนั้น เพียงแค่ในการต่อสู้เท่านั้นที่นางจะเป็นแบบนั้น โดยปกติแล้วนางเป็นหญิงสาวที่งดงามและอ่อนโยนคนหนึ่ง

 

“ท่านหญิงฉิน บังเอิญยิ่งนัก เราพบกันอีกครั้งแล้ว!”

 

เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น กู๋เยว่หลงและผู้คนที่มากับเขานั่งลงที่โต๊ะข้างๆชิงสุ่ยและฉินชิง

 

ฉินชิงยิ้มแต่ก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ชิงสุ่ยนั้นรังเกียจคนที่คิดว่าตนเองสูงส่งจนหญิงสาวทุกๆคนต้องตกหลุมรักเช่นนี้ เขาพึมพัมออกมาว่า “ไอโง่”

 

แม้ว่าชิงสุ่ยจะไม่ได้พูดดังมากนักแต่ทุกๆคนก็ได้ยิน ฉินชิงตกตะลึงไปในทันทีเมื่อนางได้ยินที่ชิงสุ่ยกล่าว นางยิ้มมุมปากขึ้นและมองไปที่ชิงสุ่ยด้วยสายตาที่ดูมีความสุขและโกรธในเวลาเดียวกัน

 

แต่กู๋เยว่หลงรู้สึกโกรธอย่างยิ่งเมื่อได้ยินที่ชิงสุ่ยกล่าว แต่เขาก็ยังคงสงวนท่าทีที่สง่างามของตนเองไว้ไม่ได้หันไปกล่าวอะไรต่อชิงสุ่ย แต่ผู้คนรอบตัวของกู๋เยว่หลงใช่ว่าจะเป็นแบบนั้น

 

“หากไม่ใช่เพราะท่านหญิงฉิน ข้าจะตบปากเจ้าซะ ไอ้สารเลว”

 

ชายที่อยู่ใกล้ๆกู๋เยว่หลงกล่าวขึ้นมาด้วยความโกรธ

 

“ชิงเอ๋อ ถึงเวลาแล้ว ไปกันเถอะปล่อยให้ไอคนหลงตัวเองนี้อยู่คนเดียวเถอะ พวกเขาคิดจริงๆหรอว่าจะมีใครอยากอยู่ใกล้พวกเขา?” ชิงสุ่ยยืนและกล่าวขึ้นโดยไม่แม้แต่ชายตามอง

 

ฉินชิงยิ้มและพยักหน้าพร้อมกับยืนขึ้น

 

กู๋เยว่หลงตกตะลึงอย่างยิ่ง ตั้งแต่เมื่อใดกันที่หญิงสาวที่สูงส่งเช่นนี้เชื่อฟังชายผู้นี้? นางยอมเชื่อฟังคนอื่นมากถึงเพียงนี้เมื่อใดกัน?

 

“อย่าไปไหน! ข้าบอกแล้วงั้นหรือว่าเจ้าไปได้? เจ้าคิดว่าเจ้าสามารถดูถูกองค์ชายกู๋ได้ตามต้องการนั้นหรือ หรือเจ้าคิดว่าเจ้ามีท่านหญิงฉินคอยหนุนหลัง?” ชายคนก่อนหน้านี้ตะโกนขึ้นมา ในเวลาเดียวกันกลุ่มคนที่มาพร้อมกับเขาก็กระจายตัวออกไปรอบห้อง

 

ชิงสุ่ยยิ้ม “เจ้ามันก็แค่สุนัข มีสิทธิ์อะไรกันที่มาเห่าต่อหน้าข้า? ไม่ว่าเจ้าจะเชื่อหรือไม่ก็ตามข้ากำลังจะหักขาเจ้า”

 

“เจ้ากำลังขุดหลุมฝังศพให้ตัวเองอยู่!”

 

ชายคนนั้นหายไปในพริบตาและปรากฏตัวขึ้นตรงหน้าของชิงสุ่ย ก่อนที่เขาจะได้ทำอะไรต่อไปชิงสุ่ยก็ยกขาขึ้นและถีบเขากระเด็นออกไป หลังจากนั้นเสียงของกระดูกที่หักก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน

 

การต่อสู้ที่เกิดขึ้นนี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนจำนวนมาก พวกเขากำลังอยู่ที่ชั้นสูงสุดของร้านอาหาร ผู้คนที่สามารถขึ้นมายังชั้นสูงสุดได้นั้นมีเพียงเเหล่าผู้ฝึกตนเท่านั้น และสำหรับเหล่าผู้ฝึกตนแล้วเรื่องที่น่าสนุกที่สุดนั่นก็มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น

 

ชายที่โดนถีบสลบไปในทันที ชิงสุ่ยทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นเมื่อเขามองไปที่กู๋เยว่หลงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา “ข้าจะสังหารทุกๆคนที่จ้องมองมายังหญิงสาวของข้า”

 

ฉินชิงหันไปมองชิงสุ่ยทันที แต่นางก็ไม่ได้กล่าวอะไรออกมา ชิงสุ่ยก็ยังคงทำเหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

 

“เจ้าคิดจริงๆนั้นหรือว่าข้าจะปล่อยคนที่ทำร้ายคนของข้าไปอย่างง่ายดาย? ไม่ว่าเขาจะเป็นอะไรเจ้าก็ต้องโดนแบบเดียวกับเขา หากเจ้ายอมเชื่อฟังข้าจะยอมไว้ชีวิตเจ้าก็ได้” กู๋เยว่หลตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง

 

“รู้หรือไม่ว่าข้าเกลียดอะไรมากที่สุด?” ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปยังกู๋เยว่หลง

 

แต่ก่อนที่กู๋เยว่หลงจะได้กล่าวอะไรออกมาชิงสุ่ยก็พูดต่อไปว่า “พวกคนที่จอมปลอมเหมือนกับเจ้า เจ้าไม่ควรแม้แต่จะทำให้หญิงสาวคนไหนตั้งครรภ์ ข้าไม่มีเวลามาเล่นกับเจ้า ไปซะ”

 

ฉินชิงจ้องมองมาที่ชิงสุ่ย ในตอนนี้ความประทับใจของนางที่มีต่อชิงสุ่ยนั้นไม่ได้เพิ่มมากขึ้นแต่นางคิดว่าเขานั้นหยาบคายยิ่งนัก ชิงสุ่ยยิ้ม การเผชิญหน้ากับคนที่หน้าซื่อใจคดอย่างกู๋เยว่หลงที่ชอบทำตัวสูงส่งนั้น ชิงสุ่ยคิดว่าคงไม่มีสิ่งใดสนุกเท่ากับการทำตัวเป็นคนเลวร้ายต่อหน้าเขา มันจะสนุกมากกว่านี้ถ้าหากกู๋เยว่หลงทำแบบเดียวกันกับเขาตอบกลับมา

 

“เจ้าช่างหยาบคายยิ่งนัก… เจ้าขาดสิ่งสำคัญที่ชายทุกคนควรมี”

 

“คนที่ดูสูงส่งแบบเจ้ายังต้องเจ็บปวดเพราะหยิงหยาเอ๋องั้นหรือ?” ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

ก่อนหน้านี้เมื่อชิงสุ่ยกำลังจะจากมา เขาได้ยินผู้คนพูดถึงหยิงหยาเอ๋อที่รอคอยองค์ชายกู๋ในค่ำคืนนี้ มันเป็นเหตุผลที่ทำไมชิงสุ่ยถึงพูดเรื่องนี้ขึ้นมา เขาเพียงต้องการทำให้กู๋เยว่หลงอับอายมากที่สุด

 

“เจ้ากำลังกล่าวไร้สาระ! ข้าไม่เคยได้ยินผู้ใดที่มีชื่อว่าหยิงหยาเอ๋อ!” ใบหน้าของกู๋เยว่หลงเปลี่ยนเป็นสีแดงทันทีและตะโกนออกมา

 

“คิดว่าข้าจะสนใจงั้นหรือว่าเจ้าจะรู้จักนางหรือไม่? ชิงเอ๋อไปกันเถอะ ชายผู้นี้นี่จะมีปัญหาในด้านเพศจึงไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไรดี” ชิงสุ่ยผู้อยู่คนเดียวจนถึงตอนนี้ แต่ถึงกระนั้นทุกๆคนก็ได้ยินที่เขาพูดอย่างชัดเจน

 

“องค์ชายกู๋มีปัญหาด้านเพศจริงๆงั้นหรือ?

 

“ข้าไม่รู้ ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าข้าได้ยินมาจากหญิงสาวในตำหนักลมหวนก็เคยพูดเช่นนี้ แต่ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดไม่นานหลังจากที่นางพูดเรื่องนี้นางก็ตายไป”

 

“หากปราศจากลม ทะเลก็ไม่มีคลื่น เช่นนั้นเรื่องนี้อาจจะเป็นเรื่องจริง”

 

……

 

ในตอนนี้ฉินชิงไม่อยากอยู่ที่นี่อีกต่อไปแม้แต่น้อยจึงตัดสินใจเดินออกไป แต่ทันใดนั้นกู๋เยว่หลงก็มาขวางทางชิงสุ่ยและฉินชิงเอาไว้

 

“การกล่าวดูถูกคนอื่นก็ต้องได้รับผลตอบแทน” ใบหน้าของกู๋เยว่หลงระเบิดความโกรธออกมา ในตอนนี้เขารู้สึกโกรธอย่างยิ่ง

 

ในสายตาของคนอื่นๆนั้นความโกรธของเขานั้นมาจากความอาย เดิมทีชิงสุ่ยไม่เคยคิดที่จะพูดถึงเรื่องส่วนตัวของคนอื่นๆ แต่ข้อผิดพลาดเดียวของกู๋เยว่หลงที่ชิงสุ่ยนึกออกนั้นคือเรื่องผู้หญิง ชิงสุ่ยพูดเพิ่มเติมให้เรื่องนี้ดูแย่ลงมากขึ้นเรื่อยๆ

 

“ดูถูกหรือ? ในช่วงเวลากลางเดือนของทุกๆเดือนอัณฑะของเจ้าจะมีอาการเจ็บปวดยาวนานถึงครึ่งวัน ข้าพูดถูกหรือไม่? โอ้ ข้าเกือบลืมไป ข้าเป็นหมอยิ่งไปกว่านั้นหลายๆคนให้สมญานามข้าว่าหมอเทวดา” ชิงสุ่ยเดินจากไปพร้อมกับฉินชิง ทิ้งให้กู๋เยว่หลงที่ยังคงตกตะลึงอยู่เบื้องหลัง

 

การสังหารหรือทุบตีนั้นอาจไม่ใช่วิธีการที่ดีที่สุดในการลงโทษ วิธีที่ดีที่สุดก็คือทำให้เขารู้สึกสิ้นหวัง

 

“เจ้ากล่าวรุนแรงเกินไปหรือไม่?” ฉินชิงถามขึ้นขณะที่เดินไป

 

“หมายความว่ายังไงกัน?” ชิงสุ่ยถามขึ้นแม้ว่าเขาจะรู้ดีว่านางพูดถึงอะไร

 

“หมายความว่ายังไงกันที่เจ้าพูดแบบนี้? เจ้าไม่กลัวงั้นหรือว่าตระกูลกู๋จะสร้างปัญหาให้แก่เจ้าได้?” ฉินชิงส่ายศีรษะของนางและถามขึ้น

 

“เช่นนี้ จะปล่อยให้พวกเขาจ้องมองหญิงสาวของข้างั้นหรือ หากเป็นเช่นนั้นมันก็คงไม่เป็นะรรมต่อท่านไม่ว่าคนผู้นั้นจัเป็นจักรพรรดิหรือชายชราธรรมดา” ชิงสุ่ยกล่าวเหมือนว่าเขารู้สึกไม่พอใจกับความอยุติธรรม

 

“เจ้าช่างโง่เขลายิ่งนัก เจ้ารู้ตัวหรือไม่ว่ากำลังขุดหลุมฝังศพให้ตัวเอง? แล้วข้าไปเป็นผู้หญิงของเจ้าเมื่อใดกัน?” ฉินชิงกล่าวพร้อมกับต่อยชิงสุ่ยเบาๆ

 

“เจ้าอย่าคิดมากในเรื่องนี้ วางใจเถอะ ข้าจะต่อสู้อย่างหนักเพื่อเจ้าอย่างแน่นอน”

 

ฉินชิงตัดสินใจข้ามเรื่องนี้ไป นางรู้ดีว่าหากพูดเรื่องนี้ต่อไปก็คงจะไม่จบ “กลับกันเถอะ พวกเราได้จัดห้องไว้ให้เจ้าแล้ว”

 

“เจ้าอาศัยอยู่ที่ใดกัน?” ชิงสุ่ยอึดอัดใจเล็ฏน้อยเมื่อกล่าวเช่นนี้ออกไป

 

“พวกเราจะอยู่แยกชั้นกัน” ฉินชิงกล่าว

 

“ตกลง ข้าคิดว่าข้าจะได้อยู่กับเจ้าซะอีก นั่นทำให้ข้ารู้สึกตกใจเล็กน้อยเพราะข้ารู้สึกว่าข้ายังไม่พร้อม” ชิงสุ่ยถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก

 

ฉินชิงรู้สึกตกตะลึง นางรู้สึกอยากจะต่อยหน้าเขาแต่ก็สามารถทนต่อความรู้สึกของตนเองเอาไว้ได้ นางรู้สึกอยากจะบ้า แม้ว่านางจะรู้สึกรำคาญอย่างยิ่งในตอนนี้แต่ลึกๆในใจแล้วนางก็รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก

 

นี่คือสิ่งที่ชิงสุ่ยต้องการ เขาต้องการสื่อสารกับหญิงสาวผู้นี้และทำให้นางคิดถึงเขาให้มากที่สุด.

 

ฉินชิงอาจจะงามจนหาใครเปรียบไม่ได้แต่นางก็ไม่ใช่คนโง่ ก่อนหน้านี้เมื่อนางได้ยินสิ่งที่ชิงสุ่ยได้กล่าวกับท่านปู่ของนาง นางก็เข้าใจได้ทันทีว่าสิ่งที่ชิงสุ่ยทำทั้งหมดนั้นก็เพื่อนาง แม้ว่านางจะดูไม่ชอบใจแต่ลึกๆลงไปในใจแล้วนางรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่ง

 

“เจ้าโกรธนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามขึ้น

 

“ไม่ เหตุใดข้าจะต้องโกรธ?” ฉินชิงตอบกลับมา

 

“ข้ารู้ดีว่าฉินเอ๋อของข้านั้นย่อมไม่คิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องเช่นนี้” ชิงสุ่ยกล่าวตอบกลับมา

 

ในตอนนี้ฉินชิงเริ่มจะเข้าใจได้ทีละน้อย ท่าทีที่เฉยชาของชิงสุ่ยทำให้เขาสามารถเข้ามาพัวพันกับนางได้อย่างไม่ห่างและสุดท้ายนางก็ต้องตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน

 

……

 

เมื่อพวกเขากลับไปที่คฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ชิงสุ่ยก็ได้ไปที่ลานบ้านที่ฉินชิงอาศัยอยู่ ลานแห่งนี้ไม่ได้ใหญ่นักแต่มันดูมีเอกลักษณ์อย่างยิ่ง มีเพียงอาคารหลังเดียวในที่แห่งนี้และมันมีถึง 3 ชั้น

 

พื้นของอาคารมีสีชมพูอ่อนและดูงดงามอย่างยิ่ง เวลาค่ำคืนได้มาถึงแล้วในตอนนี้ขณะที่กำลังเดินไปนั้นฉินชิงก็กล่าวขึ้นมาว่า “ห้องของเจ้านั้นอยู่ชั้น 2  ข้าจะนำทางไปเอง”

 

ชิงสุ่ยขณะที่เขาเดินตามนานขึ้นไปที่ชั้น 2  ชั้นแรกนั้นมีเพียง 2 ห้อง แต่เตียงในห้องทั้ง 2 นั้นเป็นเตียงคู่

 

ห้องนอนที่นี่อาจจะไม่ได้มีขนาดใหญ่นักแต่ก็ดูอบอุ่นอย่างยิ่ง ทั่วทั้งห้องเต็มไปด้วยกลิ่นหอม

 

ในสายตาของชิงสุ่ย ผ้าห่มสีขาวที่อยู่บนเตียงนั้นดูงดงามอย่างยิ่ง ฉินชิงสามารถมองเห็นอารมณ์ในสายตาของชิงสุ่ยได้ดังนั้นนางจึงกล่าวขึ้นมาว่า “ท้องฟ้าเริ่มมืดแล้ว เจ้าไปพักเถอะ”

 

หลังจากที่ฉินชิงกล่าวจบนางก็จากไปทันที

 

ในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่สามารถควบคุมตัวเองได้และคว้ามือของนางเอาไว้ เขาค่อยๆดึงนางมาแนบกายและกอดนางเอาไว้ จากนั้นเขาก็กำลังจูบไปที่ริมฝีปากของนาง

 

“เจ้าไม่เคยรักข้า!” ฉินชิงกล่าวขึ้นมาเบาๆ

 

คำพูดนี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับว่ามีน้ำเย็นสาดมาที่เขาในฤดูหนาว ในตอนนี้ริมฝีปากที่เย้ายวนของหญิงสาวผู้นี้ค่อยๆใกล้เข้ามา เขาสามารถได้กลิ่นลมหายใจที่สดชื่นของนางได้อย่างชัดเจน

 

“ข้าขอโทษที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้…”

 

“ดูเหมือนจะดึกมากแล้วเจ้าไปพักผ่อนเถอะ ราตรีสวัสดิ์” ฉินชิงยิ้มและกล่าวออกมาเบาๆ เมือ่ได้เห็นสีหน้าของชิงสุ่ย นางก็ยื่นมือออกไปลูบศีรษะของชิงสุ่ยก่อนที่จะจากไป

 

ชิงสุ่ยรู้สึกพูดไม่ออก เขาตรงไปอาบน้ำทันที ในตอนนี้เขาตัดสินใจทิ้งเรื่องของฉินชิงเอาไว้ก่อนและเริ่มคิดเรื่องของกู๋เยว่หลง เพราะสิ่งที่เขาได้กระทำลงไปในวันนี้ตระกูลกู๋ย่อมต้องตามหาเขาเพื่อจัดการปัญหานี้อย่างแน่นอน

 

ขณะที่ชิงสุ่ยกำลังคิดอยู่นั้น ตระกูลกู๋ก็เริ่มเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว ในวันถัดมาข่าวลือก็กระจายไปทั่วว่าตระกูลกู๋ต้องการให้คฤหาสน์จอมฟ้าฉินส่งตัวชิงสุ่ยออกมา

 

พวกเขาประกาศออกไปว่าชิงสุ่ยนั้นเป็นชายที่เอาแต่ซ่อนตัวอยู่หลังฉินชิง เรื่องที่เขาเป็นสามีของฉินชิงหรือไม่นั้นพวกเขาเองก็ไม่แน่ใจในเรื่องนี้ มันเหมือนกับว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินไม่อาจปฏิเสธคำขอของตระกูลกู๋เรื่องชิงสุ่ยได้

 

แน่นอนว่าตระกูลกู๋ก็ยังคงสุภาพต่อผู้คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ปัญหาเดียวที่พวกเขาไม่คาดคิดคือคฤหาสน์จอมฟ้าฉินนั้นปฏิเสธคำขอของพวกเขาอย่างตรงไปตรงมา

 

ชิงสุ่ยได้ทำให้ตระกูลกู๋ต้องอับอายอีกครั้ง แม้ว่าเวลานี้กู๋เยว่หลงอาจมีปัญหาจริงๆ แต่ชิงสุ่ยก็บอกกล่าวเรื่องนี้ต่อหน้าทุกๆคน นี่ทำให้ตระกูลกู๋รู้สึกเสียหน้าอย่างยิ่ง จากนั้นพวกเขาก็ร้องขอให้คฤหาสน์จอมฟ้าฉินส่งตัวชิงสุ่ยออกมาแต่ก็โดนปฏิเสธครั้ง ทำให้พวกเขาต้องเสียหน้าอีกครั้ง

 

ตระกูลกู๋ไม่อาจทนต่อคำดูถูกที่เกิดขึ้นเพราะชิงสุ่ยได้อีกต่อไป อย่างไรก็ตามพวกเขาคิดว่าพวกเขานั้นทรงพลังมากกว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน แต่พลังส่วนใหญ่นั้นอยู่กับสมาชิกในตระกูลไม่กี่คนเท่านั้น

 

เพราะคฤหาสน์จอมฟ้าฉินไม่ไว้หน้าพวกเขา ตระกูลกู๋ก็รู้สึกว่าถึงเวลาที่ต้องต่อสู้แล้ว เป็นไปไม่ได้ที่ตระกูลกู๋จะตัดสินใจเรื่องนี้ได้ในทันทีเพราะพวกเขามีความสัมพันธ์อันดีกับคฤหาสน์จอมฟ้าฉินมาโดยตลอด จากตระกูลทั้งหมดนั้นพวกเหล่าตระกูลขุนนางนั้นถือว่าลึกลับอย่างยิ่ง ไม่มีใครรู้ว่าพวกเขามียอดฝีมือมากเพียงใดอยู่ในตระกูล สำหรับตระกูลที่สามารถดูแลทั้งจักรวรรดิได้นั้นคงไม่ถูกจัดการอย่างง่ายดายแน่นอน

 

ตระกูลกู๋ส่งจดหมายท้าปะลองไปให้คฤหาสน์จอมฟ้าฉิน เดิมทีนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองตระกูลก็ไม่ได้ถือว่าดีมากนักแต่ในตอนนี้ตระกูลกู๋ได้ส่งจดหมายท้าประลองไปให้ราชวงศ์ฉินและยังบอกให้พวกเขาส่งตัวชิงสุ่ยออกมาหรือไม่ก็จงยอมรับการประลองครั้งนี้

 

คฤหาสน์จอมฟ้าฉินนั้นถือว่าเสียเปรียบไม่ว่าพวกเขาจะยอมรับเรื่องนี้หรือไม่ก็ตาม ดังนั้นทางเลือกเดียวสำหรับพวกเขาคือยอมรับการทดลองครั้งนี้ ทั้งสองฝ่ายต้องต่อสู้จนกว่าฝ่ายหนึ่งจะยอมรับความพ่ายแพ้

 

นี่คือแผนที่ตระกูลกู๋ได้วางเอาไว้ เพราะตระกูลกู๋จะไม่ได้รับประโยชน์อะไรหากเป็นการต่อสู้ตัวต่อตัว นั่นทำให้พวกเขาตัดสินใจประลองแบบนี้ ตระกูลกู๋นั้นมียอดฝีมือมากมาย แรงจูงใจเพียงอย่างเดียวของพวกเขาคือการเอาชนะคฤหาสน์จอมฟ้าฉินไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น

 

ชิงสุ่ยย่อมไม่ปล่อยให้คฤหาสน์จอมฟ้าฉินพ่ายแพ้อย่างแน่นอนและดังนั้นเขาจึงตัดสินใจจัดการปัญหาของตนเอง แต่ผู้อาวุโสฉินปฏิเสธที่จะทำเช่นนั้นเพราะนั่นหมายความว่าชิงสุ่ยดูถูกคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ดังนั้นชิงสุ่ยไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วย แต่เขาก็มีเงื่อนไขนั่นก็คือให้เขาออกไปเป็นตัวแทนคนแรกของการทดลอง

 

การต่อสู้ในครั้งนี้หากผู้ชนะในการต่อสู้ยังสามารถต่อสู้ได้นั้นก็จะสามารถอยู่บนเวทีไปได้อย่างต่อเนื่อง