บทที่ 1532 – มันไม่ง่ายที่คนสองคนจะคิดแบบเดียวกันในเวลาเดียวกัน

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1532 – มันไม่ง่ายที่คนสองคนจะคิดแบบเดียวกันในเวลาเดียวกัน

 

ในท้ายที่สุดแล้วชายชราก็ยอมรับคำขอของชิงสุ่ย ชิงสุ่ยคิดว่าบางครั้งพวกผู้ฝึกยุทธก็มักจะไม่มีเหตุผล คำนินทานั้นมักจะกระจายออกไปได้อย่างรวดเร็วแม้ว่าเขาจะเพิกเฉยต่อเรื่องนี้ได้แต่ชื่อเสียงที่เสี่ยมเสียไปเขาคงยอมไม่ได้

 

ครอบครัวนั้นมักดีต่อกันเสมอ ด้วยความสัตย์จริงแม้แต่ชิงสุ่ยเองก็ไม่แน่ใจว่าเขาเป็นคนเริ่มต้นเหตุการณ์ทั้งหมดนี้หรือไม่ เพราะชิงสุ่ยก็รู้ว่าตระกูลกู๋และคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็สะสมความเกลียดชังกันมานาน การกระทำของเขาในครั้งนี้เป็นเหมือนตัวกระตุ้นเหตุการณ์ให้เกิดเร็วขึ้น

 

ชิงสุ่ยไม่สนใจว่ามันจะจริงหรือไม่จริง ตราบใดที่ตระกูลกู๋กล้าที่จะวางเขาเป็นตัวการของเรื่องนี้เขาก็จะตอบแทนให้สาสม คิดว่าจะใช้ประโยชน์จากเขาได้ง่ายๆงั้นหรือ?

 

ราชวงค์ฉินก็ดูจริงจังกับปัญหาเรื่องนี้ ในทางกลับกันฉินชิงนั้นดูจะผ่อนคลายอย่างยิ่ง นางอยู่ในห้องทำงานของบิดาเมื่อชิงสุ่ยพูดเรื่องนี้กับผู้อาวุโส

 

“เด็กน้อย เจ้ามาแล้ว!” ฉินป่ายฟงมองไปที่ลูกสาวของตนเองและยิ้มขึ้น

 

ลูกสาวของเขาช่างโดดเด่นยิ่งนัก โดดเด่นจนในตอนนี้นางก็ยังหาผู้ที่เหมาะสมไม่ได้ ส่วนหนึ่งเป็นเพราะท่านพ่อของนางที่ทำให้ยังหาคนที่คู่ควรกับนางไม่ได้

 

“ท่านพ่อ ข้าขอถามเรื่องของตระกูลกู๋ได้หรือไม่?” ฉินชิงนั่งลงข้างๆฉินป่ายฟงและกล่าวขึ้นทันที

 

“เจ้าอยากรู้อะไรงั้นหรือ?” ฉินป่ายฟงดูสงบอย่างยิ่ง

 

เมื่อเห็นว่าท่านพ่อของนางดูผ่อนคลายฉินชิงก็รู้สึกโล่งใจ นางไม่แน่ใจว่าพ่อของตนเองนั้นแข็งแกร่งมากเพียงใด แต่นางรู้ดีว่าเขาสามารถแก้ปัญหาต่างๆที่พี่น้องของนางสร้างเอาไว้ได้ นางได้รู้ว่าพ่อของตนเองนั้นมีอิทธิพลมากเพียงใดเมื่อนางเติบโตขึ้น นางได้เรียนรู้อะไรหลายๆเรื่องจากเขา ตัวอย่างเช่น พ่อของนางเป็นหนึ่งในคนที่โดดเด่นที่สุดในหมู่รุ่นของเขาและเขาสามารถขึ้นเป็นผู้นำตระกูลด้วยตัวเองในอดีตที่ผ่านมา นี่ไม่ใช่ตระกูลธรรมดาแต่เป็นตระกูลขุนนางชั้นสูง

 

ตั้งแต่นางยังเด็กพ่อของนางก้มีท่าทีที่สงบนิง่อยู่เสมอ เขาไม่เคยแสดงความบ้าคลั่งออกมาแม้แต่ครั้งเดียว ด้วยเหตุนี้นางจึงรู้ได้ว่าใครก็ตามที่กล้ามารุกรานตระกูลฉินย่อมต้องเจอกับปญหาใหญ่อย่างแน่นอน

 

“ครั้งนี้เป็นข้าที่ได้สร้างปัญหาให้แก่ตระกูลฉินใช่หรือไม่?” ฉินชิงถามขึ้นเบาๆ

 

ฮี่ฮี่ ตระกูลกู๋? ยังไงวันนี้ก็มาถึงแม้ว่าเจ้าจะอยู่ในตระกูลฉินหรือไม่ก็ตาม” ฉินป่ายฟงกล่าวขึ้นเบาๆ

 

ฉินชิงยิ้มขึ้นมาหลังจากนั้นนางก็กล่าวออกไปเบาๆ “เขาเหมือนท่านพ่อมากยิ่งนัก เป็นคนที่มีจิตวิญญาณกล้าหาญ เพียงแต่บางครั้งเขาก็ดูหยิ่งยโสมากเกินไปหน่อย”

 

“จริงหรือ? เด็กน้อย เจ้าคิดเช่นไรกับชิงสุ่ย?” ฉินป่ายฟงไม่ได้ถามออกไปตรงๆในเรื่องนี้ เขากำลังถามอ้อมๆเพื่อเข้าประเด็น

 

ฉินชิงยิ้ม “เขาเป็นคนที่ดีมากคนหนึ่ง ท่านพ่อ เหตุใดท่านท่านถึงถามอะไรเช่นนี้?”

 

“นี่เป็รการตัดสินใจครั้งใหญ่ที่สุดในชีวิตของเจ้าและข้าจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ ข้าเพียงแต่อยากรู้ว่าชายที่จะมาเป็นคู่ครองของลูกสาวข้านั้นจะเป็นคนแบบไหน” ฉินป่ายฟงยิ้มออกมาอย่างผ่อนคลาย

 

“ท่านพ่อ ท่านกำลังเล่นตลกกับข้างั้นหรือ? ข้ายังไม่พบคนที่ข้าสนใจ เมื่อข้าพบแล้วข้าจะพามาหาท่านเป็นคนแรกเลย” ฉินชิงเขินอาย นางดูเหมือนเป็นเด็กน้อยเมื่ออยู่ต่อหน้าฉินป่ายฟง

 

“ตกลง แต่ชิงสุ่ยก็ดูเหมาะสมยิ่งนัก เขาดูโดดเด่นมากที่สุดเมื่อเทียบกับคนรุ่นกัน” ฉินป่ายฟงยิ้มและกล่าว เขาเย้าหยอกลูกสาวของตนเองในตอนนี้

 

“เขาเป็นคนที่ดีและโดดเด่น โดดเด่นจนข้ารู้สึกว่าตนเองนั้นไม่เหมาะสมกับเขาเลย” ฉินชิงกล่าวหลังจากที่คิดครู่หนึ่ง

 

ฉินป่ายฟงยิ้มทันทีเมื่อได้ยินที่นางบอก เขาหยุดคิดเรื่องทุกๆอย่างในตอนนี้ แค่มองเขาก็มองนางออก หากไม่ใช่เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นนี้เขาก็คงไม่ได้ยินคำพูดเช่นนี้ แต่เมื่อได้ทราบแล้วเขาเองก็อยากจะตามติดเรื่องความสัมพันธ์ของทั้ง 2 คน เขาเองก็พึงพอใจชิงสุ่ย ชายคนนี้ไร้ที่ติ จากประสบการณ์มากมายในชีวิตของเขา เขาคิดว่าเขาน่าจะมองคนไม่ผิด

 

“ตลอดชีวิตของคนเราไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้พบกับใครบางคนที่เจ้าก็ชอบเขาและในขณะเดียวกันเชาก็ชอบเจ้า”

 

“ข้าทราบดี ข้าเองก็รู้สึกได้เรื่องนี้” ฉินชิงพยักหน้าและกล่าวขึ้น นางเข้าใจว่าเขาหมายถึงอะไร มิฉะนั้นนางย่อมไม่เป็นโสดจนมาถึงตอนนี้ นางเป็นคนที่พิถีพิถันมากนักในเรื่องความรัก

 

นางไม่รู้ว่าทำไมนางถึงไม่ยอมรับชิงสุ่ย ในอดีตนางไม่เคยคิดว่าจะเปิดใจรักใครมาก่อน แต่ในตอนนี้นางรู้สึกว่ามันยากยิ่งนักในเรื่องนี้ หากไม่คิดมากนักนางย่อมรู้ดีว่าชิงสุ่ยย่อมหาหญิงสาวคนอื่นนอกจากนางได้เช่นกัน

 

นางไม่รู้ว่าควรทำเช่นไรดี นางลังเลที่จะยอมแพ้แต่ถ้าหากนางยอมแพ้ย่อมต้องเสียใจอย่างแน่นอน นางอยู่ในตำแหน่งที่ถอยไม่ได้อีกแล้ว นางไม่เคยเจอกับปัญหาในเรื่องนี้มาก่อน

 

“เรื่องพวกนี้ไม่ใช่เรื่องสำคัญ เรื่องที่สำคัญกว่าในตอนนี้คือเขาเป็นคนอย่างไร เด็กน้อย ข้ามไม่รู้ว่าเจ้าจะตัดสินใจเช่นไรและเจ้าอาจจะต้องเสียใจ” ฉินป่ายฟงหยุดพูดหลังจากที่เห็นว่ามันใกล้จะหมดเวลาแล้ว เขาเชื่อมั่นในตัวลูกสาวของตนเอง

 

เมื่อชิงสุ่ยออกมาในตอนนี้เขาก็ได้พบเจอกับฉินชิง ชิงสุ่ยยังคงทำตัวตามปกติและเป็นเช่นนั้นกับฉินชิงด้วย นางยิ้มให้เขาพร้อมกับเดินไปด้วยกัน

 

“เจ้ามีแผนการอะไรบ้างสำหรับรอบแรก?” ฉินชิงถามขณะที่เดินไป

 

“อะไรหรือ? เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้มและกล่าว

 

“อื้ม เจ้าต้องเข้ามาข้องเกี่ยวกับเรื่องนี้ก็เพราะข้า” ฉินชิงกระซิบเบาๆ

 

ชิงสุ่ยพูดต่อว่า “นั่นก็เพราะว่าข้ารักเจ้ามากอย่างไรล่ะ ยากมากหรือที่เจ้าจะพูดอะไรหวานๆต่อข้าบ้าง?”

 

ฉินชิงตกตะลึง ทำไมเขาถึงพูดมากถึงเพียงนี้ นางยิ้มและพูดต่อไปว่า “โปรดนับข้ารวมกับคนที่รักท่านมากมาย”

 

ชิงสุ่ยตกตะลึง!

 

“มีอะไรงั้นหรือ?” ฉินชิงถามขึ้นด้วยความกังวล นางดูคิดมากยิ่งนัก

 

“นับด้วยมือของข้าอาจจะไม่พอ ขอยืมมือของเจ้าได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้นมาอย่างจริงจัง

 

“เจ้ามันจอมวายร้าย!”

 

ฉินชิงจากไปทันทีหลังจากที่ตะโกนออกมา

 

ดูเหมือนว่านางจะโกรธแล้วในตอนนี้ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าลึกๆในใจแล้วเขารู้สึกเช่นไร เขารู้สึกได้ว่าฉินชิงนั้นชื่นชอบเขาแต่ปัญหาคือนางยังไม่ยอมรับเขาในตอนนี้

 

ในตอนนี้เขารู้ดีว่านางเป็นเหมือนกับเหยียน ซิงอี้ ความรักในสายตาของนางนั้นไม่ควรจะมีแม้แต่อุปสรรคเล็กน้อย สิ่งที่แตกต่างกันระหว่างพวกนางทั้งสองคนคือชิงสุ่ยดูแลเหยียน ซิงอี้ราวกับน้องสาวของตนเอง ดังนั้นผลจึงออกมาดีกว่า

 

แต่ฉินชิงนั้นต่างออกไป ชิงสุ่ยพยายามที่จะตามใจนาง ด้วยเหตุนี้ทำให้ความสัมพันธ์ของเขาเป็นไปอย่างธรรมชาติไม่ได้บังคับแต่อย่างใด

 

หากเรารักใครสักคนเราก็ควรเรียนรู้ชีวิตของเขา การที่เขารักนางไม่ใช่ว่าเขาจะสามารถบังคับนางได้ ชิงสุ่ยนั้นมีคติของตนเอง หากหญิงสาวคนไหนไม่ได้ชอบเขาเขาก็จะไม่รั้งตัวนางเอาไว้ หากนางรักเขาจริงๆแต่มีอะไรบางอย่างที่เป็นอุปสรรคกั้นขวางอยู่เขาก็จะพยายามทำลายอุปสรรคนั้นให้หมดไป

 

……

 

สถานที่ประลองนั้นอยู่ที่ลานประลองที่ใหญ่ที่สุดของเมืองราชันย์ฉิน มันเป็นส่วนหนึ่งของบริเวณย่านการค้า ข่าวเรื่องการประลองระหว่างตระกูลกู๋และราชวงค์ฉินได้กระจายไปทั่วเมืองราชันย์ฉินรวดเร็วราวกับไฟลามทุ่ง

 

แม้ว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่แต่ก็ยังสามารถโดนสั่นคลอนได้ เมื่อเทียบกันแล้วตระกูลกู๋นั้นเป็นตระกูลที่ดูดุดันมากกว่า ในมุมมองของคนอื่นๆคฤหาสน์จอมฟ้าฉินงั้นเป็นตระกูลที่แตกสาขามาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่

 

“เจ้าหมายความว่าอย่างไรที่ว่าราชวงศ์จะเข้ามาเกี่ยวกับเรื่องนี้?”

 

“หากราชวงค์ฉินไม่สามารถจัดการปัญหาเล็กๆเช่นนี้ได้ มันคงจะดีกว่าถ้าพวกเขาโดนลบออกไปจากตำแหน่งราชวงศ์”

 

“หมายความว่าราชวงค์ฉินทรงพลังยิ่งกว่าตระกูลกู๋งั้นหรือ?”

 

“สิ่งที่ข้าหมายความคือราชวงศ์ต่างๆจะต้องสามารถจัดการปัญหาเล็กๆเช่นนี้ได้”

 

……

 

ในตอนนี้ที่ย่านการค้าใจกลางเมืองนั้นเต็มไปด้วยผู้คน การต่อสู้นั้นเป็นที่ชื่นชอบของทุกๆคนอยู่แล้วไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม กำปั้นจะเป็นเหตุผลให้แก่ทุกอย่างเอง เมื่อเกิดปัญหาใดๆก็ตามสิ่งเดียวที่สามารถแก้ปัญหาได้ง่ายที่สุดก็คือการใช้กำลัง

 

ทั้งชิงสุ่ยและคนของราชวงค์ฉินต่างก็พักผ่อนอย่าเงียบสงบภายในคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ตระกูลกู๋ปรากฏตัวออกมาเร็วกว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน นอกจากนี้ยังมีผู้ตัดสินในการประลองวันนี้ ผู้ตัดสินนั้นก็เป็นคนของราชวงศ์ด้วยเช่นกัน

 

ชิงสุ่ยสามารถมองเห็นสีหน้าที่ผิดปกติของผู้คนในคฤหาสน์จอมฟ้าฉินได้ ฉินชิงยืนอยู่ข้างขวาของชิงสุ่ยในตอนนี้

 

“ชิงเอ๋อ พวกเราตระกูลขุนนางและคฤหาสน์จอมฟ้าฉินไม่ได้สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องงั้นหรือ? หรือว่าตระกูลกู๋นั้นมีราชวงศ์คอยหนุนหลัง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่พวกเขากล้าที่จะท้าทายพวกเรา?” ชิงสุ่ยถามด้วยความสงสัย

 

“ข้าเองก็ไม่รู้ ความจริงแล้วสายเลือดของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินนั้นถือว่าห่างไกลจากราชวงศ์อื่นๆยิ่งนัก หากไม่ใช่เพราะพลังที่คฤหาสน์จอมฟ้าฉินได้ครอบครองในตอนนี้ พวกเราก็คงจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับเหล่าราชวงศ์” ฉินชิงหันหลังกลับมาและมองมาที่ชิงสุ่ย

 

ดวงตาที่งดงามของนางนั้นเย้ายวนอย่างยิ่ง ในตอนนี้ชิงสุ่ยรู้สึกตกตะลึง เขารู้สึกราวกับตกลงไปในกับดักของนาง ชายหนุ่มธรรมดาย่อมไม่อาจต่อกรกับความเย้ายวนเช่นนี้ได้อย่างแน่นอน

 

“เป็นไปได้หรือไม่ว่าราชวงศ์อื่นๆก็วางแผนที่จะทำลายคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน?” ชิงสุ่ยกระซิบ

 

“ไม่ เว้นแต่ว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะพ่ายแพ้ในการประลองครั้งนี้ แต่ในอีกไม่นานพวกเขาจะต้องพ่ายแพ้ต่อคฤหาสน์จอมฟ้าฉินอย่างแน่นอน ไม่นานหลังจากนี้ผู้คนก็คงจะลืมเรื่องนี้ไป” ฉินชิงยิ้มและกล่าวขึ้นเมื่อเห็นสีหน้าที่เป็นกังวลของชิงสุ่ย

 

ผู้อาวุโสคนหนึ่งเดินขึ้นมาบนลานประลอง เขาเป็นเหมือนประธานในพิธีจากราชวงศ์หนึ่ง เขามีตำแหน่งค่อนข้างสูงในการประลองครั้งนี้และขึ้นมาเพื่ออธิบายกฎอย่างชัดเจนอีกครั้ง

 

ทั้งสองฝ่ายจะต่อสู้อย่างต่อเนื่องจนกระทั่งฝ่ายหนึ่งยอมรับความพ่ายแพ้

 

ผู้อาวุโสผู้นี้ดูเถรตรงยิ่งนัก เขาประกาศเริ่มการประลองทันทีหลังจากที่พูดจบ

 

“ชิงเอ๋อ ข้าจะออกไปแล้วในตอนนี้!” ชิงสุ่ยและฉินชิงกำลังยืนอยู่ในจุดที่เงียบสงบมาก ความจริงแล้วทั้งคฤหาสน์จอมฟ้าฉินและตระกูลกู๋ต่างก็อยู่ในจุดที่เงียบสงบ ทำให้เสียงของฝูงชนไม่สามารถรบกวนพวกเขาได้

 

“จงระวังด้วย!”

 

“เจ้าช่วยอวยพรข้าหน่อยได้หรือไม่?” ชิงสุ่ยยิ้มแล้วมองไปที่นาง

 

หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่งฉินชิงก็ยื่นมือของนางออกมาจับมือของชิงสุ่ยไว้ “ข้าขอให้เจ้าโชคดี!”

 

ชิงสุ่ยจับมือของนางเอาไว้แน่น ลึกๆในใจเขารู้สึกอบอุ่นจนไม่สามารถอธิบายได้ เขาจับมือของนางเอาไว้แน่นจนเหมือนกับว่ากลัวว่านางจะหายไป

 

ฉินชิงก็รู้สึกขัดแย้งกันในใจ นางไม่เคยรู้สึกขัดแย้งเช่นนี้มาก่อน นางลังเลที่จะยอมแพ้ แต่ในเวลาเดียวกันนางก็ไม่สามารถตัดสินใจได้ ในตอนแรกนางคิดว่าตนเองนั้นแน่ใจแล้วแต่ในตอนนี้กับรู้สึกขัดแย้งอย่างยิ่ง

 

“ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ สิ่งใดกันที่ทำให้เจ้ารู้สึกไม่สบายใจ?” ชิงสุ่ยปลอบโยนนางในตอนนี้แม้รู้ว่านางกำลังรู้สึกขัดแย้งในใจ

 

เมื่อได้ยินคำพูดของชิงสุ่ยฉินชิงก็สามารถสัมผัสถึงความรู้สึกนั้นได้เช่นกัน รอยยิ้มจางๆปรากฏบนใบหน้าของนาง “ขอบคุณ!”

 

ขณะที่เดินไปฉินชิงก็จับมือของชิงสุ่ยเอาไว้แน่น

 

ในตอนนี้มีชายหนุ่มคนหนึ่งที่ยืนอยู่บนลานประลองอยู่แล้ว เขาตะโกนออกมาเสียงดังว่า “ชิงสุ่ย จงออกมาในตอนนี้!”

 

นี่ไม่ใช่ใครที่ไหนนอกจากกู๋เยว่หลง

 

ชิงสุ่ยปล่อยมือของฉินชิงและร่างของเขาก็หายไปในทันที ในช่วงเวลานั้นฉินชิงรู้สึกราวกับอยากจะดึงตัวเขากลับมา

 

ชิงสุ่ยยิ้มและมองไปที่กู๋เยว่หลงที่อยู่บนลานประลอง ในทางกลับกันกู๋เยว่หลงนั้นดูโกรธเกรี้ยวอย่างยิ่ง เขารอที่จะฉีกชิงสุ่ยออกเป็นชิ้นๆไม่ไหว นั่นเป็นเพราะสิ่งที่ชิงสุ่ยได้พูดไปเกี่ยวกับตัวเขา ผู้คนที่รู้เรื่องนี้ส่วนใหญ่ได้ตายไปแล้ว แต่ในตอนนี้กลับมีผู้คนจำนวนมากที่ได้ทราบเรื่องนี้ ดังนั้นเขาจึงอยากที่จะสังหารชิงสุ่ยอย่างยิ่ง เขาขึ้นมารอชิงสุ่ยตั้งแต่รอบแรกของการต่อรอง

 

“ความจริงแล้วเจ้าสามารถไล่ตามกัดคนอื่นได้แม้ว่าเจ้าจะไม่ได้มีพลังมากพอ แม้แต่ในช่วงเวลาที่ดีที่สุดของเจ้า เจ้าก็ยังสามารถมีเพศสัมพันธ์ได้เพียง 1 ครั้งในหลายๆวันเท่านั้น แม้ว่าจะเป็นเพียง 1 ครั้งแต่ก็ยาวนานเพียงหนึ่งก้านธูปเท่านั้น ชีวิตเจ้าช่างน่าสงสารยิ่งนัก จงกลับไปเถอะ!”

 

คำพูดของชิงสุ่ยนั้นเหมือนเกลือที่สาดลงมาบนบาดแผล

 

“ตาย!” กู๋เยว่หลงไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะต้องเกลียดชังใครคนหนึ่งมากถึงเพียงนี้

 

แต่สำหรับชิงสุ่ยนั้นยากที่จะเข้าใจได้ว่าเหตุใดผู้ที่มีปัญหาทางด้านเพศสัมพันธ์อย่างเขาถึงพยายามไล่ตามฉินชิง จนถึงในตอนนี้เขาก็ยังคิดเหตุผลไม่ออก หรือทั้งหมดเป็นเพราะความทะนงตัวของเขา? หรือเขาพยายามเติมเต็มความต้องการในหัวใจเท่านั้น? แม้ว่าเขาจะไม่สามารถลงมือได้แต่อย่างน้อยก็ยังมีหญิงงามอยู่ในหัวใจ