บทที่ 1534 – พลังไร้ขีดจำกัด

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1534 – พลังไร้ขีดจำกัด

 

ชิงสุ่ยกำลังยืนมองไปที่ชายชราตรงหน้าเขาที่กำลังสั่น เขาเดิมพันทุกสิ่งทุกอย่างเอาไว้กลับระเบิดมังกรปฐพีทองคำ ชายชราหันมามองชิงสุ่ยไร้รอยขีดข่วนด้วยความไม่เชื่อ

 

ชิงสุ่ยเริ่มลงมือทันที เขาแทงง้าวทองทะลวงศัตรูที่อยู่ในมือขวาไปยังชายชราทันที

 

สังหาร!

 

ชิงสุ่ยย่อมไม่มีเมตตาต่อผู้ที่ต้องการสังหารเขา เขาไม่อยากสร้างความสัมพันธ์ที่ดีใดๆต่อตระกูลกู๋

 

ตอนนี้ทุกๆคนตกอยู่ในความเงียบ ชิงสุ่ยเอาชีวิตรอดมาได้จากการประลองครั้งนี้ ตระกูลกู๋เริ่มตระหนักได้ว่าชายหนุ่มผู้นี้นั้นยากที่จะต่อกรได้ – แม้แต่อสูรปฐพีทองคำก็ต้องตายไปเพราะเขา

 

ทางด้านฝั่งคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็ยังคงเงียบอยู่เช่นกันแต่ทุกๆคนนั้นมีความสุขอย่างยิ่ง ชิงสุ่ยทำให้พวกเขาประหลาดใจครั้งใหญ่ ในตอนนี้เขาเป็นตัวแทนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินและยังสามารถกำหนดอนาคตของทุกๆคนได้เลย

 

สถานะของฉินชิงในคฤหาสน์จอมฟ้าฉินนั้นสูงขึ้นอีกครั้ง เหล่าผู้อาวุโสในตระกูลต่างบอกว่าฉินชิงนั้นมีพรสวรรค์หลังจากที่นางได้เป็นผู้สืบทอดของเทพธิดาสงคราม ในตอนนี้นางกำลังจะเป็นเสาหลักของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินในอนาคต

 

แม้ว่าในโลกใบนี้สถานะของผู้หญิงนั้นจะถือว่าต่ำกว่าผู้ชายแต่หากเป็นด้านพลังนั้นถือว่ายอมรับได้ ฉินชิงสามารถเป็นผู้สืบทอดของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินได้ในอนาคต มันไม่ได้ถูกจำกัดอยู่เพียงลูกชายของตระกูลเท่านั้น

 

พลังคือทุกสิ่งทุกอย่างทุกๆคนต่างต้องการให้ตระกูลของตนเองอยู่ไปได้ยาวนานมากที่สุด ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็ต้องมีทั้งพลังและชื่อเสียงจึงสามารถนำพาตระกูลให้อยู่รอดต่อไปได้ ตอนนี้มีโอกาสมากกว่า 80% ที่ฉินชิงจะได้เป็นผู้นำคนต่อไปของของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน

 

ความตายของอสูรปฐพีทองคำทำให้ตระกูลกู๋เริ่มเคร่งเครียดขึ้นมาในทันที ชิงสุ่ยได้จัดการคนของตระกูลกู๋ไปกว่า 11 คนแล้วในการประลองครั้งนี้ ยิ่งไปกว่านั้นเขายังได้สังหารผู้อาวุโสไปด้วย

 

ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดออกมาและชิงสุ่ยก็ยังคงยืนอยู่บนอากาศมองตรงไปที่ตระกูลกู๋ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม แต่ไม่ว่าสีหน้าของเขาจะเป็นแบบไหนในตอนนี้เขาก็ไม่สนใจทั้งนั้น

 

“เด็กหนุ่มที่ทรงพลัง ขอข้าเล่นกับเจ้าหน่อย!” เสียงที่แก่ชราดังออกมาพร้อมเสียงหัวเราะ

 

ชิงสุ่ยมองตรงไปที่ชายชรา เขาดูแก่ชราแต่ก็ยังคงแข็งแรงกำยำและเต็มไปด้วยจิตวิญญาณที่ดุดัน

 

“ท่านผู้อาวุโสช่างทรงพลังยิ่งนักแต่ข้ายังไม่เข้าใจว่าเหตุใดตระกูลกู๋จึงมีพฤติกรรมเช่นนี้ ท่านผู้อาวุโสรู้สึกเช่นไรกับตระกูลกู๋งั้นหรือ?” ชิงสุ่ยยิ้ม เมื่อเห็นว่าชายชราผู้นี้ดูเป็นมิตรก็ไม่จำเป็นสำหรับเขาที่จะต้องแสดงท่าทีเหยียดหยามออกมา แต่เขาก็ยังคงป้องกันอย่างระมัดระวังในตอนนี้

 

“ข้ามีนามว่า กู๋รั่วไห่ ข้าไม่ได้มีส่วนร่วมในตระกูลมาเป็นเวลานานแล้ว แม้ว่าข้าจะเสียใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าใครผิดหรือใครถูกแต่ข้าก็เป็นคนของตระกูลกู๋ นั่นทำให้ข้าต้องก้าวขึ้นมาบนนี้!”

 

ชายชราผู้นี้พยายามจะใช้คำพูดทางจิตวิทยาเพื่อให้ส่งผลต่อจิตใจของชิงสุ่ย เพื่อช่วยเหลือครอบครัวของตนเองเขาจึงต้องทิ้งเหตุผลทุกๆอย่าง แม้ว่าคนในครอบครัวจะทำในสิ่งที่ผิดแต่ก็ยังสามารถให้อภัยได้ แต่การที่ครอบครัวของเขาโดนรังแกโดยคนแปลกหน้า ไม่ว่าเรื่องนี้จะถูกหรือผิดกู๋รั่วไห่ก็ต้องออกมาเพื่อกู้หน้าให้แก่ตะกูลของเขา

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าด้วยความเข้าใจ “เมื่อมันเป็นเช่นนี้ ก็มาเริ่มการประลองกันเถอะสุดท้ายแล้วทุกๆคนก็ต้องชดใช้ในความผิดพลาดของตนเอง”

 

“เช่นนี้เป็นไร เราจะประลองกัน 1 รอบในวันนี้ ไม่ว่าจะชนะหรือแพ้ ผลของการประลองทั้งหมดก็จะเป็นแบบนั้น?” กู๋รั่วไห่ยิ้มและกล่าวกับชิงสุ่ย

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ชิงสุ่ยก็สูญเสียความสงบนิ่งของตนเองไปในทันที ศัตรูของเขานั้นเป็นจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ เจตนาของกู๋รั่วไห่เปิดเผยออกมาแล้ว – หากเขาชนะปัญหาของตระกูลกู๋ก็จะหมดไปและเขายังสามารถกู้หน้าของตระกูลกลับมาได้ หากเขาแพ้ตระกูลกู๋ก็ไม่จำเป็นต้องประลองอีกต่อไป

 

แต่เป็นตระกูลกู๋ที่ส่งจดหมายท้าปะลองมาดังนั้นคฤหาสน์จอมฟ้าฉินจึงไม่สามารถโต้แย้งอะไรได้ ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าแม้ว่าตระกูลกู๋จะพ่ายแพ้ไปในวันนี้ คฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็ยังไม่สามารถจัดการพวกเขาได้อย่างง่ายดาย

 

“ข้าไม่ตัดสินใจใดๆ ท่านไม่คิดงั้นหรือว่าตระกูลกู๋นั้นพยายามหาผลประโยชน์เพียงฝ่ายเดียว?” ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

กู๋รั่วไห่นั้นมีตำแหน่งที่สูงส่งภายในตระกูลกู๋ แม้แต่ประมุขตระกูลก็ต้องเคารพเขา การอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งเป็นเวลานานย่อมสามารถทำให้ผู้คนเสพติดความยิ่งใหญ่ที่ได้รับ

 

ดวงตาของกู๋รั่วไห่ค่อยๆดูดุดันมากยิ่งขึ้น ชิงสุ่ยเกลียดชังพฤติกรรมเช่นนี้ เหยียบย่ำคนที่อ่อนแอกว่าแต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับคนที่ทรงพลังกว่ากลับร้องขอสันติภาพ เขาได้รับประโยชน์เพียงฝ่ายเดียวนั่นไม่ถือว่าเป็นการดูถูกกันไปหน่อยหรือ?

 

“มาเริ่มกันเถอะ! บางทีหากท่านชนะข้าอาจจะตกลง” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา

 

กู๋รั่วไห่พยักหน้าและหัวเราะออกมา เขานำขวานยักษ์ของเขาที่มีขนาดใหญ่กว่าง้าวทองทะลวงศัตรูของชิงสุ่ยมากกว่าครึ่งออกมา

 

เคล็ดวิชาล่าสังหาร!

 

ปราณจักรพรรดิ!

 

กู๋รั่วไห่พุ่งตรงมาราวกับลูกธนูที่พุ่งออกจากคันศร ชิงสุ่ยกับชายชราในตอนนี้ก็เหมือนกับไฟปะทะกันไม่มีผู้ใดเกรงกลัวกันเลย

 

ชิงสุ่ยเรียกอสูรสยบมังกร อสูรนรกรัตติกาล และอสูรอัสนีคลั่งของเขาออกมา!

 

อสูรนรกรัตติกาลของเขาพุ่งเข้าไปป้องกันการโจมตีของกู๋รั่วไห่ ขณะที่อสูรสยบมังกรโจมตีจากทางด้านข้าง สำหรับชายชราที่สูญเสียความเร็วไปกว่า 40% ทำให้เขาต้องรวบรวมพลังเพื่อป้องกันการโจมตีของอสูรสยบมังกร

 

เมื่อชิงสุ่ยเรียกสัตว์อสูรของเขาออกมาผู้คนโดยรอบก็อยู่ในความตกตะลึง

 

“สัตว์อสูรของเขาดูทรงพลังยิ่งนัก เขาเป็นนักฝึกสัตว์อสูรงั้นหรือ?”

 

“การมีสัตว์อสูร 3 ตัวไม่ได้หมายความว่าเขาจะเป็นนักฝึกสัตว์อสูร หากไม่มีการสั่งการที่ดีพวกสัตว์อสูรเหล่านั้นก็ไร้ประโยชน์”

 

“อสูรปฐพีทองคำก็ถูกกำจัดไปแล้ว ข้าไม่รู้ว่ากู๋รั่วไห่จะสามารถจัดการชายหนุ่มผู้นี้ได้หรือไม่”

 

“ข้ามีความรู้สึกว่ากู๋รั่วไห่ไม่อาจทำเช่นนั้นได้ ชายหนุ่มผู้นี้มาจากไหนกัน ทำไมเขาถึงทรงพลังยิ่งนัก ในตอนนี้ข้าเชื่อแล้วว่าท่านหญิงชิงเป็นหญิงสาวของเขา”

 

…..

 

อัสนีกัมปนาท!

 

อัสนีกัมปนาทจากอสูรอัสนีคลั่งฟาดเข้าใส่กู๋รั่วไห่อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ชิงสุ่ยก็โจมตีเข้ามาด้วยเช่นกัน ในตอนนี้กู๋รั่วไห่สามารถตระหนักได้ถึงพลังของอสูรอัสนีคลั่ง แม้ว่าพลังโจมตีของมันจะไม่ได้มากมายอะไรแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกว่าตนเองเชื่องช้าราวกับหอยทาก

 

ชิงสุ่ยกำลังสังเกตอย่างต่อเนื่องในตอนนี้ เขากังวลว่ากู๋รั่วไห่อาจจะพุ่งไปโจมตีอสูรอัสนีคลั่งอย่างกะทันหัน

 

ถ้าเป็นเช่นนั้นเหตุใดเขาจึงไม่โจมตีตั้งแต่แรก

 

เครื่องรางแห่งสวรรค์!

 

ชิงสุ่ยโยนเครื่องรางไปหากู๋รั่วไห่และเปิดใช้ตราประทับซวนเทียน!

 

อัสนีจู่โจม!

 

อัสนีจู่โจม!

 

อัสนีจู่โจม!

 

อสูรอัสนีคลั่งใช้อัสนีจู่โจมออกไปในทันทีแล้วในเวลาเดียวกันสายฟ้าของมันก็เป็นประกายราวกับดาวตก

 

สีหน้าของกู๋รั่วไห่เปลี่ยนไปในทันทีแต่เขาก็ยังคงบังคับร่างกายของตนเองให้ถอยไป 3 เมตรได้ อย่างไรก็ตามแขนข้างหนึ่งของเขาโดนอสูรสยบมังกรฉีกขาดออกไป กู๋รั่วไห่ไม่ได้ส่งเสียงร้องแต่อย่างใดและขวานยักษ์ก็ร่วงหล่นลงมาบนพื้น

 

ทั่วร่างกายของกู๋รั่วไห่เต็มไปด้วยหยาดเหงื่อ หากไม่ใช่เพราะทักษะสังหารไร้ปรานีของเขาที่ได้ช่วยเอาไว้เขาคงตายไปแล้วในตอนนี้

 

แม้ว่าเขาจะมีทักษะสังหารไร้ปรานีแต่เขาก็ยังคงต้องเสียแขนไปข้างหนึ่ง

 

เลือดไหลออกมาอย่างต่อเนื่องแต่เขาใช้นิ้วจิ้มลงไปที่จุดลมปราณของตนเองเพื่อห้ามเลือดเอาไว้ ในตอนนี้อสูรสยบมังกรพุ่งตรงเข้ามาหาเขาอีกครั้ง

 

ชายชราฟาดขวานของเขาไปยังอสูรสยบมังกรรวดเร็วราวกับสายฟ้า

 

เขาเกลียดชังอสูรสยบมังกรไปถึงกระดูกดำจนอยากฉีกมันออกมาเป็นชิ้นๆ อสูรอัสนีคลั่งก็ด้วยเช่นกัน หากไม่ใช่เพราะมันเขาก็ไม่ต้องตกอยู่ในสภาพเช่นนี้ – สูญเสียแขนข้างหนึ่งไปและยังต้องสูญเสียพลังไปอีกด้วย

 

ความเร็วที่ถูกลดลงไปถึง  40% นั่นเป็นเกือบครึ่งหนึ่งของเขา… เขาพยายามอย่างมากที่จะสู้ต่อไปในตอนนี้

 

ปัง!

 

อสูรสยบมังกรกระเด็นออกไปแต่อสูรนรกรัตติกาลก็เข้ามาปะทะกับกู๋รั่วไห่อีกครั้ง ในตอนนี้ดวงตาของกู๋รั่วไห่แดงก่ำดุจเลือด ราวกับเขาเป็นสัตว์ร้ายที่กำลังบ้าคลั่ง

 

ชิงสุ่ยมองไปที่ชายชราและสายศีรษะของเขา เขาเรียกมังกรไอยราเกล็ดทองคำออกมา เขารู้สึกว่าจำเป็นต้องจบการประลองครั้งนี้แล้วและสอนบทเรียนให้แก่ตระกูลกู๋

 

วชิระสยบอสูร!

 

ปราณกระบี่วชิระ!

 

ก้าวพสุธามังกรไอยรา!

 

การจู่โจมมังกรไอยราคุ้มคลั่ง!

 

ทุกๆอย่างเกิดขึ้นในพริบตาและลื่นไหลราวกับสายน้ำ เสียงคำรามอันมหึมาดังขึ้น มังกรไอยราเกล็ดทองคำพุ่งตรงเข้าไปหากู๋รั่วไห่และกลืนกินเขาเข้าไปทั้งตัว

 

ด้วยพลังในตอนนี้ของมังกรไอยราเกล็ดทองคำ กู๋รั่วไห่ที่สูญเสียพลังไปกว่าครึ่งย่อมถูกกลืนกินเข้าไปอย่างง่ายดาย

 

ในตอนนี้ผู้คนตกอยู่ในความเงียบ!

 

มีเพียงชิงสุ่ยและสัตว์อสูรทั้ง 4 ของเขาเท่านั้นที่จะอยู่บนอากาศ แม้แต่ผู้คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็ยังต้องตกตะลึงด้วยเช่นกัน ไม่มีใครคิดว่าจะเป็นเช่นนี้เลยในตอนที่คฤหาสน์จอมฟ้าฉินรับจดหมายท้าประลองของตระกูลกู๋ ชิงสุ่ยเป็นผู้ประลองเพียงผู้เดียวทั้งหมด….

 

“เขามีสัตว์อสูรอีกกี่ตัวกัน มังกรตัวนั้นช่างดูทรงพลังยิ่งนัก!”

 

“เขาต้องเป็นนักฝึกสัตว์อสูรอย่างแน่นอน สัตว์อสูรทุกตัวของเขาต่างก็ทรงพลังและพวกมันก็ประสานงานกันได้เป็นอย่างดี”

 

“ตระกูลกู๋ต้องกระอักเลือดออกมาอย่างแน่นอนในตอนนี้ ตระกูลใหญ่ทั้งตระกูลกลับพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มเพียงคนเดียว”

 

“หากตระกูลกู๋ยังไม่หยุดความพ่ายแพ้ของพวกเขาก็จะมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

“ตระกูลกู๋น่าจะยังคงมียอดฝีมืออยู่ แต่พวกเขาจะยอมลงมาที่ลานประลองนี้หรือไม่ก็อีกเรื่อง ชายหนุ่มผู้นี้ดึงดูดความสนใจของผู้คนมากยิ่งนักพวกเขาคงไม่อยากออกมาเพื่อสร้างปัญหาเพิ่มใดๆ หากข้าเป็นคนของตระกูลกู๋ ข้าก็จะยอมแพ้ในการประลองครั้งนี้” ชายชราคนหนึ่งที่มีสีหน้าดูโง่งมกล่าวขึ้น

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าพวกเขาน่าจะประลองกันอีกสักรอบหนึ่ง เมื่อมาถึงจุดนี้พวกเขาก็ไม่มีอะไรจะเสียแล้ว”

 

……

 

สีหน้าของฉินชิงเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วแต่ผู้คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินต่างมองมาที่ชิงสุ่ยด้วยสีหน้าที่ครุ่นคิด นายหญิงใหญ่แห่งตระกูลฉินย่อมต้องมีความสุขอย่างแน่นอนในที่สุดก็สามารถหาชายที่เหมาะสมได้แม้เวลาจะผ่านมานานก็ตาม

 

ฉินชิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก นางรู้สึกว่าชิงสุ่ยจะสามารถป้องกันตัวเองได้โดยไม่มีปัญหาอะไร หวังว่าตระกูลกู๋จะไม่ส่งผู้อาวุโสคนไหนออกมาอีก

 

นี่เป็นเรื่องที่ไม่คาดคิดสำหรับชิงสุ่ย ตราบใดที่ยังไม่มีผู้ที่อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจปรากฏตัวออกมาเขาก็จะไม่มีอันตรายใดๆ แต่เขาก็ยังคงระแวงในตอนนี้เพราะระดับพลังของจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจนั้นถือว่ากว้างใหญ่ยิ่งนัก

 

ชิงสุ่ยรู้สึกว่าตระกูลกู๋จะส่งคนออกมาอีกเขาจึงรอคอยในตอนนี้ แม้ว่าจะมาถึงจุดนี้แต่พวกเขาก็ยังคงเลือกที่จะไม่ยอมแพ้

 

ทันใดนั้นชิงสุ่ยก็ต้องชะงักไปเมื่อเขารู้สึกได้ถึงอะไรบางอย่างจากการรับรู้ทางจิตวิญญาณของเขา เขาเห็นชายชราคนหนึ่งที่ผอมบางราวกับไม้ขีดไฟและมีอะไรบางอย่างที่เหมือนกับผีอยู่ไม่ไกลจากเขา

 

ชายชราผู้นี้มีผมสีขาวที่ยาวไปจนถึงข้อเท้าของเขา มันปกคลุมทั้งใบหน้า เสื้อผ้าที่ดูหลวมของเขาทำให้เขาดูราวกับโครงกระดูกที่ห่อเอาไว้ด้วยผ้า