บทที่ 1536 – การต่อสู้จบลงเช่นนี้งั้นหรือ? อ่อนโยนและมีเสน่ห์

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1536 – การต่อสู้จบลงเช่นนี้งั้นหรือ? อ่อนโยนและมีเสน่ห์

 

ชิงสุ่ยต้องเดิมพันด้วยชีวิตของเขาแล้วแต่ในตอนนี้ก็มีแสงเปล่งประกายออกมาจากดวงตาของเขา

 

ปัง!

 

ชิงสุ่ยเห็นชายชราที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาเขาต้องกระเด็นไปอย่างน่าสังเวช หลังจากนั้นชิงสุ่ยก็เข้าใจได้อย่างชัดเจนเมื่อเห็นชายคนหนึ่งยืนอยู่ตรงหน้าเขา

 

ฉินป่ายฟง!

 

ชิงสุ่ยยิ้ม ชายผู้นี้ทรงพลังอย่างแท้จริง ในตอนนี้ฉินป่ายฟงนั้นยังคงดูสงบนิ่งแต่สายตาของเขาที่มองไปยังชายชรานั้นดูน่ากลัวอย่างยิ่ง

 

“ตระกูลกู๋ไม่สนใจชื่อเสียงของตนเองแล้วงั้นหรือ พวกเจ้าคิดว่าคฤหาสน์จอมฟ้าฉินของข้านั้นไม่มีผู้อื่นหลงเหลือแล้วงั้นหรือ? หรือเจ้าไม่เห็นคนอื่นในสายตาของเจ้าเลย? ไม่ว่าเจ้าอยากเล่นสกปรกแบบไหนข้าก็จะทำให้มันจบลงเอง” ฉินป่ายฟงกล่าวขึ้น เสียงของเขาไม่ได้ดังมากนักแต่ทุกๆคนก็ได้ยินอย่างชัดเจน

 

เมื่อเสียงของเขาหายไปเสียงของผู้คนที่อยู่เบื้องล่างก็เริ่มดังขึ้นมา

 

“ตระกูลกู๋ช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก นี่ไม่ใช่การทำลายกฏงั้นหรือ? เขาไม่สนใจศักดิ์ศรีของตนเองแล้วแม้ว่าจะอยู่ต่อหน้าราชวงศ์ต่างๆ?”

 

“พลังของฉินป่ายฟงนั้นน่ากลัวอย่างแท้จริง ชายผู้นี้เก็บตัวเงียบมาโดยตลอดและพลังของเขาก็เปิดเผยขึ้นมาในวันนี้ เขาดูเหมือนเสือที่ซ่อนเล็บเอาไว้ ”

 

“เขาช่างเหมาะสมกับนายหญิงชิงยิ่งนัก”

 

……

 

“ชิงสุ่ย เจ้าออกไปก่อน ข้าจะรับมือกับตรงนี้เอง” ฉินป่ายฟงยิ้ม

 

ชิงสุ่ยพยักหน้า เขาได้รับบาดเจ็บหนักจากผลข้างเคียงของยาที่ใช้ก่อนหน้านี้ ดังนั้นชิงสุ่ยจึงออกไปจากลานประลองแต่ก็ยังไม่ได้ออกไปจากพื้นที่แห่งนี้

 

“เจ้าบาดเจ็บหนักงั้นหรือ?” ฉินชิงมองมาที่อาการบาดเจ็บของเขาด้วยความห่วงใย

 

“แค่ได้เห็นหน้าเจ้าข้าก็รู้สึกว่าแผลของข้าหายแล้ว ก่อนหน้านี้ข้าคิดว่าถ้าจะไม่ได้เห็นหน้าของเจ้าอีกแล้วในชีวิตนี้ มันช่างน่ากลัวยิ่งนัก เพียงแค่ความคิดก็ทำให้ข้าต้องสั่นไปทั้งตัว” ชิงสุ่ยยิ้มออกมาแต่ฉินชิงก็ยังคงมีสีหน้าที่ดูกังวล

 

หัวใจของฉินชิงเต้นระรัว ชายผู้นี้ไม่กลัวความตายแต่กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้าของนางอีกครั้ง นางไม่แน่ใจว่าที่เขาพูดนั้นเป็นความจริงหรือไม่แต่นางแน่ใจว่าเขาต้องมีใจให้นางอย่างแน่นอน

 

“เจ้ากำลังบาดเจ็บหนัก อย่าเพิ่งล้อเล่นก่อนได้หรือไม่? ให้ข้าดูแผลของเจ้าก่อน” ฉินชิงบ่นออกมาในตอนนี้

 

“รอให้ท่านลุงฉินจบการประลองนี้ก่อน”

 

ความจริงแล้วฉินชิงรู้สึกกังวลอย่างยิ่งเกี่ยวกับรูปแบบของการประลองครั้งนี้ จิตใจของนางเหมือนดับไปชั่วคราวเมื่อได้เห็นชิงสุ่ยกระอักเลือดออกมา แต่ในตอนนี้ชิงสุ่ยดูไม่ได้มีอาการบาดเจ็บที่รุนแรงนางจึงพยักหน้าและทำตามสิ่งที่เขาบอก

 

“ฉินป่ายฟง เจ้าช่างชั่วร้ายยิ่งนัก เจ้ากล้าลอบโจมตีข้าหรือ?”

 

“ลอบโจมตีเจ้า? เจ้าไม่มีค่าพอหรอก เจ้าไม่รู้สึกว่าการกระทำก่อนหน้านี้ช่างน่าละอายงั้นหรือ? ลอบโจมตีรุ่นเยาว์ในช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของการประลอง เป็นข้าคงรู้สึกอายยิ่งนัก” ฉินป่ายฟงยังคงกล่าวโจมตีตระกูลกู๋

 

“ไร้สาระยิ่งนัก ฝีมือของเจ้าจะดีเหมือนปากของเจ้าหรือไม่!” ชายชราไม่ต้องการให้ฉินป่ายฟงพูดออกมาอีก เขาพุ่งตรงเข้าไปหาฉินป่ายฟง

 

ฉินป่ายฟงโบกมือของเขา ชิงสุ่ยได้เห็นว่าเคล็ดวิชาของฉินป่ายฟงนั้นคล้ายคลึงกับของฉินชิงแต่เขาดูชำนาญกว่ามากนัก ราวกับเป็นยอดฝีมือในด้านเคล็ดวิชานี้

 

ฝ่ามือ 9 คลื่นพฤกษา.

 

คลื่นพลังที่เห็นได้ชัดเริ่มกระจายไปรอบตัวฉินป่ายฟงและพุ่งเข้าไปปะทะกับชายชรา มันดูอ่อนโยนและสงบนิ่งแต่เมื่อปะทะกับศัตรูมันก็ระเบิดขึ้นในทันที

 

ชายชราที่กำลังพุ่งตรงเข้ามาหาฉินป่ายฟงเมื่อเจอระลอกคลื่นที่พุ่งเข้ามาราวกับใยแมงมุมความเร็วของชายชราก็ลดลงไปทันที

 

ความเร็วของชายชรานั้นโดนลดลงไปและเขารู้สึกได้ว่าแขนขาของตนเองนั้นหนักมากยิ่งขึ้นเช่นกัน

 

ระเบิด!

 

ตู้ม!

 

รอยแตกปรากฏขึ้นบนพื้นรอบๆตัวชายชราหลังจากที่ระเบิดขึ้นและคลื่นที่เหมือนกับใยแมงมุมนั้นก็หายไปในทันที

 

แต่ชายชราก็ยังคงได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย ฉินป่ายฟงไม่ได้เจตนาที่จะสังหารเขา

 

หลังจากผ่านไปหนึ่งก้านธูปผู้คนของตระกูลกู๋ก็ปรากฏตัวขึ้นจากอากาศ “หยุดมือ ตระกูลกู๋ของเราพ่ายแพ้แล้ว”

 

ฉินป่ายฟงกำลังรอฟังคำนี้อยู่ เป็นไปไม่ได้ที่จะกำจัดตระกูลกู๋ให้หมดสิ้นไป เมื่อเป็นเช่นนี้ก็ไม่จำเป็นต้องต่อสู้อีกต่อไป สิ่งสำคัญที่สุดคือตระกูลกู๋ต้องเป็นผู้ยอมแพ้ หากไม่เช่นนั้นก็ยากที่จะทำให้ตระกูลกู๋ล่มสลายไป

 

ชายชราผู้ที่ประกาศความพ่ายแพ้นั้นเป็น 1 ใน 3 ผู้อาวุโสที่แข็งแกร่งที่สุดของตระกูลกู๋ พูดได้เลยว่าตระกูลกู๋นั้นถูกปกครองโดยพวกเขา แม้ว่าตระกูลฉินจะมีผู้ที่ทรงพลังอย่างเช่นฉินป่ายฟง แต่เขาก็ถือว่าแข็งแกร่งกว่าเหล่าผู้อาวุโสของตระกูลกู๋เพราะว่าฉินป่ายฟงนั้นยังอายุน้อยนัก

 

ตระกูลฉินและราชวงศ์ต่างๆนั้นมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันเมื่อมองเพียงผิวเผิน แต่ถ้าหากตระกูลฉินไม่ได้ทรงพลังมากพอทุกๆสิ่งก็จะไร้ประโยชน์

 

ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนขึ้นอยู่กับพลังทั้งสิ้น

 

ผู้อาวุโสที่มีอายุมากที่สุดนั้นเป็นชายชราร่างผอม เขายืนอยู่ตรงนั้นโดยปราศจากความยิ่งใหญ่ใดๆ สีหน้าของเขาดูโศกเศร้าและผิดหวังเมื่อเขาคิดว่ารุ่นเยาว์ของตระกูลจะต้องเผชิญกับเรื่องใดบ้างในอนาคต

 

ฉินป่ายฟงไม่ได้กล่าวอะไรออกมา เขาเพียงมองเหล่าชายชราที่ยืนอยู่บนท้องฟ้าอย่าเงียบๆ ปัญหาทั้งหมดนั้นเริ่มขึ้นเพราะตระกูลกู๋ พวกเขาเป็นคนเริ่มการปะลองครั้งนี้ ในตอนนี้พวกเขากลับหยุดแค่นี้งั้นหรือ? มันไม่ง่ายไปหน่อยเลย?

 

“ครั้งนี้ถือเป็นความผิดของตระกูลกู๋เอง ข้าเป็นตัวแทนของตระกูลกู๋เพื่อออกมาขอโทษน้องชายชิงสุ่ยด้วย” ชายชรากล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

 

แม้ว่านี่จะเป็นเพียงคำพูดของเขาเพียงผู้เดียวแต่ก็ถือว่ามากพอ ชายชราไม่ได้ขอโทษคฤหาสน์จอมฟ้าฉินแต่กลับขอโทษชิงสุ่ยแทน

 

ฉินป่ายฟงก็ไม่ได้โต้แย้งแต่อย่างใด ตระกูลกู๋มันไม่ได้จริงใจในการขอโทษครั้งนี้ พวกเขาเพียงขอโทษเพื่อยุติข้อพิพาทที่เกิดขึ้นในตอนนี้เท่านั้น การต่อสู้ครั้งนี้มีบทสรุป 2 แบบคือ  1. ทำลายอีกฝ่ายจนหมดสิ้น หรือ 2. ยอมรับการยอมแพ้ของอีกฝ่าย

 

ดังนั้นฉินป่ายฟงจึงตัดสินใจยอมรับข้อที่ 2 เขากล่าวจบเรื่องนี้อย่างสุภาพ แม้ว่าชิงสุ่ยจะได้รับบาดเจ็บแต่ตระกูลกู๋ก็มีผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมาก ในตอนนี้ชิงสุ่ยยังได้เห็นพลังที่น่ากลัวของเหล่าตระกูลใหญ่และฉินป่ายฟง – พวกเขาต่างก็อยู่ในจุดสูงสุดของระดับพลังปราณบัญชาสวรรค์พินาจ ดูเหมือนว่าการมาอาศัยอยู่ในมหาทวีปอุดรเทวาไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เขาคิด

 

“เอ๋? จบแบบนี้หรือ? น่าผิดหวังจริงๆ”

 

“หืม… พูดเบาๆหน่อย เจ้าอยากให้ตระกูลกู๋ทำลายตระกูลของเจ้างั้นหรือ”

 

“หลังจากการประลองครั้งนี้ชื่อเสียงของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินและชายหนุ่มผู้นั้นก็จะโด่งดังมากขึ้นไปอีก แม้ว่าพลังของตระกูลกู๋จะไม่ได้รับผลกระทบมากนัก แต่พวกเขาก็เทียบไม่ได้กับตระกูลฉินในตอนนี้ ในอนาคตความแตกต่างระหว่างตระกูลกู๋และตระกูลฉินก็คงจะมากขึ้นเรื่อยๆ”

 

“หากท่านหญิงฉินได้ครองคู่กับชายหนุ่มคนนั้น คฤหาสน์จอมฟ้าฉินจะยิ่งใหญ่มากเพียงใดกันในอนาคต?”

 

“ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีที่พวกเขาจะทรงพลังขึ้นอย่างรวดเร็ว”

 

……

 

ผู้คนจากราชวงศ์ต่างๆไม่ได้ปรากฏขึ้นที่นี่ ชิงสุ่ยก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรเช่นกัน หลังจากจบเรื่องที่นี่ชิงสุ่ยก็กลับไปยังคฤหาสน์จอมฟ้าฉินพร้อมกับฉินชิง

 

ชิงสุ่ยได้รับบาดเจ็บและเหนื่อยล้าเป็นอย่างมาก ฉินชิงเดินทางไปพร้อมกับเขาขณะที่เหล่าคนสำคัญของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินต่างมารวมตัวกันเพื่อพูดคุยถึงสิ่งที่เกิดขึ้น

 

ชิงสุ่ยได้กลับมายังอาคารที่ฉินชิงอาศัยอยู่ เสื้อที่เปื้อนเลือดทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวยิ่งนัก อาการบาดเจ็บของชิงสุ่ยนั้นถือว่าค่อนข้างหนัก

 

“ข้าจะไปรักษาแผลของตนเองก่อน” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“ข้าจะช่วยเจ้าเอง” ฉินชิงกล่าวขึ้นเมื่อนางมองมาทางชิงสุ่ย

 

“ไม่เป็นไร ค่าทำเองได้” ชิงสุ่ยตอบกลับไปหลังจากคิดครู่หนึ่ง

 

“ไม่ ข้าจะช่วยเจ้าเอง เรามาล้างแผลก่อนดีหรือไม่?” ฉินชิงตอบกลับทันที

 

ชิงสุ่ยพยักหน้าขณะที่ทั้งสองคนเดินไปที่ห้องอาบน้ำ ฉินชิงกัดริมฝีปากของตนเองเล็กน้อยขณะที่เดินเข้าไป เมื่อเข้ามาชิงสุ่ยก็ถอดเสื้อของตัวเองออก มีบาดแผลใหญ่ๆ 2 รอยอยู่บนร่างกายของเขา

 

เลือดหยุดไหลแล้วแต่มันก็ยังคงซึมออกมาเล็กน้อยเมื่อมีการขยับตัว

 

ชิงสุ่ยยิ้มเมื่อเขาเห็นสายตาที่ทำอะไรไม่ถูกของฉินชิง เขารู้ว่าท่านหญิงของตระกูลฉินผู้นี้ไม่เคยรักษาบาดแผลมาก่อน ดังนั้นนางจึงไม่รู้ว่าต้องทำเช่นไร

 

นี่เป็นเรื่องที่ยากยิ่งนัก โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการทำครั้งแรก

 

ฉินชิงรู้สึกเขินอาย นางนำผ้าที่เปียกน้ำมาเช็ดตัวให้ชิงสุ่ย มันรู้สึกแปลกประหลาดเล็กน้อยจะต้องทำเรื่องแบบนี้ให้ผู้ชายดังนั้นฉินชิงจึงตัดสินใจช่วยถูหลังให้ชิงสุ่ย

 

แม้ว่านี่จะเป็น ‘ครั้งแรก’ ของฉินชิงนางก็ดูจริงจังกับสิ่งที่ทำเป็นอย่างยิ่ง นี่ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูกในหัวใจของเขา

 

“เจ็บหรือไม่?” ฉินชิงรู้สึกว่าบรรยากาศเริ่มแปลกไปเล็กน้อยเพราะชิงสุ่ยร้องออกมาเบาๆขณะที่ใบหน้าของนางนั้นแดงฉานเป็นอย่างยิ่ง

 

“ไม่เลย” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“เช่นนั้นแล้วเหตุใดเจ้าจึงร้องออกมา?” ฉินชิงหายใจเข้าลึกๆแล้วตอบกลับไป

 

“มันช่างรู้สึกสบายยิ่งนักและข้าก็ไม่อาจควบคุมตัวเองได้ อ้าาาา~!” ชิงสุ่ยร้องออกมาอีกครั้ง

 

“เจ้าจอมวายร้าย เจ้าอยากจะตายงั้นหรือ!” ฉินชิงตีไปบนบาดแผลของชิงสุ่ยด้วยความโกรธทำให้เขาต้องร้องออกมาเสียงดัง

 

แต่นางก็เสียใจกับการกระทำของตนเองทันที “ข้าขอโทษ! เจ็บมากหรือไม่?”

 

“มันเจ็บยิ่งนัก ข้ากำลังจะตาย!” ชิงสุ่ยตอบกลับไป เลือดเริ่มไหลออกจากบาดแผลของเขาอีกครั้ง

 

“ใครใช้ให้เจ้าพูดเช่นนั้นกัน”

 

“ชิงชิงน้อย เจ้าคิดมากในเรื่องนี้กันอีก?” ชิงสุ่ยไม่ได้ซ่อนเร้นเจตนาของเขาและหันไปยิ้มให้ฉินชิง

 

“เจ้าอยากจะร้องอีกหรือไม่?” ฉินชิงนำผ้าที่เปื้อนเลือดไปซัก นี่ทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างยิ่ง

 

เมื่อฉินชิงซักผ้าเสร็จแล้วก็หันกลับมาหาชิงสุ่ยและพบว่าเขากำลังจ้องมองมาที่นาง ใบหน้าของนางเริ่มแดงขึ้นขณะที่นางก้มศีรษะลง เมื่อเห็นว่านางเขินอายส่วนล่างของชิงสุ่ยก็เริ่มแข็งตัวขึ้นทันที’

 

แม้ว่าฉินชิงจะยังคงบริสุทธิ์ แต่นางก็สามารถรับรู้เรื่องนี้ได้ ใบหน้าที่แดงฉานของนางเริ่มก้มลงไปอีก

 

ชิงสุ่ยกระแอมออกมาถึง 2 ครั้ง “ให้ข้าทำเอง”

 

ฉินชิงส่ายศีรษะซึ่งชิงสุ่ยไม่คาดคิดว่าจะเป็นเช่นนี้ หลังจากนั้นนางก็เริ่มเช็ดบริเวณหน้าอกของชิงสุ่ย เขาตกตะลึงไปในทันทีเมื่อได้สบตากับนางในตอนนี้ ความเขินอายของนางทำให้นางดูเย้ายวนเพิ่มมากขึ้นอย่างมหาศาล

 

ชิงสุ่ยเริ่มมองไปที่ใบหน้าของฉินชิงด้วยความหลงใหลอีกครั้ง มือของเขาโอบไปที่เอวของนางโดยไม่รู้ตัว ในตอนที่นางกำลังเช็ดตัวให้เขา ในตอนนี้เขาไม่สามารถควบคุมตนเองได้อีกต่อไป

 

แต่ในตอนที่มือของเขาสัมผัสกับผิวที่อ่อนนุ่มของนาง เขาก็ดึงมือกลับทันที เขารู้สึกได้ว่าฉินชิงกำลังสั่นอยู่ในตอนนี้ “ข้าขอโทษด้วยที่ไม่อาจควบคุมตัวเองได้เมื่ออยู่ต่อหน้าเจ้า”

 

ชิงสุ่ยยิ้มเจื่อนๆ แต่ฉินชิงหัวเราะออกมา “เจ้าต้องคิดอะไรที่ไม่เหมาะสมอยู่แน่นอน หยุดแก้ตัวได้แล้ว”

 

จากนั้นชิงสุ่ยก็นำยาผงออกมา ฉินชิงช่วยเขาพันแผลและในตอนนี้ราวกับว่านางกำลังโอบกอดชิงสุ่ยอยู่ ฉินชิงเป็นคนที่มีจิตใจดีอย่างแท้จริง แม้ว่าหน้าอกของนางจะต้องสัมผัสกับชิงสุ่ยนางก็ไม่ได้ปฏิเสธแต่อย่างใด

 

“ขอบคุณ!”

 

ชิงสุ่ยมองไปที่หญิงสาวผู้นี้ บางทีอาจเป็นเพราะเขาได้ช่วยเหลือนางเอาไว้มากมายก่อนหน้านี้นางจึงตอบแทนเขาในตอนนี้ แต่ในตอนนี้เขาได้รู้แล้วว่าฉินชิงนั้นรักเขา!