บทที่ 1537 – คำโกหกสามารถเป็นจริงได้

Ancient Strengthening Technique เทพอสูร บรรพกาล

บทที่ 1537 – คำโกหกสามารถเป็นจริงได้

 

“เหตุใดเจ้าถึงขอบคุณข้า? เจ้าทำสิ่งต่างๆให้ข้ามามากมายเป็นข้าเสียอีกที่ต้องขอบคุณเจ้าไม่ใช่หรือ?”

 

“ข้าไม่รู้ ข้ารู้สึกว่าระยะห่างระหว่างเรานั้นสั้นลงไปแต่ข้าก็ยังไม่ใกล้ชิดเจ้าได้” ชิงสุ่ยกล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา

 

ก่อนหน้านี้ชิงสุ่ยบอกกับนางว่าถ้าหากว่าเขาสามารถยืดอายุขัยให้แก่ท่านปู่ของนางได้นางก็จะต้องติดตามเขาไปเป็นเวลาเท่ากัน แต่ที่เขาพูดเป็นเพียงเรื่องตลกเท่านั้น หากเขาจริงจังกับเรื่องนี้ฉินชิงคงจะรู้สึกรังเกียจเขาเป็นอย่างมาก

 

ฉินชิงยิ้มขึ้นเมื่อนางมองมาที่ชิงสุ่ย นางรู้สึกได้ว่าชายผู้นี้มีความรักต่อนาง ความจริงแล้วชายผู้นี้ค่อนข้างหื่นกามและไร้ยางอาย แต่อย่างน้อยที่สุดเขาก็เป็นคนที่ซื่อสัตย์ แม้ว่าเขาจะเป็นคนไร้ยางอายแต่เขาก็ไม่ได้ทำให้นางรู้สึกรังเกียจเขา

 

นางไม่รู้ว่านี่เป็นเพราะความรักที่นางมีหรอเขาหรือไม่

 

“เหตุใดเจ้าถึงต้องการใกล้ชิดกับข้า?” ฉินชิงช่วยชิงสุ่ยสวมเสื้อผ้า เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่ก่อนหน้านี้นั้นถูกฉีกขาดไปแล้ว

 

“พี่สาวชิง ข้าตระหนักได้ว่าข้าตกหลุมรักเจ้า” ชิงสุ่ยกล่าวขึ้น

 

“ความรักของเจ้าช่างมากมายยิ่งนัก เพียงแค่ข้าเช็ดหลังให้เจ้า เจ้าก็หลงรักข้าเสียแล้ว?” ฉินชิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทีผ่อนคลาย

 

“แล้วข้าจะมีหวังหรือไม่?” ชิงสุ่ยจับมือข้างหนึ่งของนางและกล่าวขึ้นด้วยความจริงจัง ชิงสุ่ยกล้าทำเช่นนี้เพราะเขารู้ว่าฉินชิงก็ตกหลุมรักเขาด้วยเช่นกัน

 

ฉินชิงขัดขืนเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ดึงมือของนางกลับมา นางกลัวว่าแผลของชิงสุ่ยจะเปิดออกอีกครั้งหากเขาขยับตัวมากเกินไป บางทีนางอาจจะรู้ว่าชิงสุ่ยบาดเจ็บและดังนั้นนางจึงปล่อยให้เขาจับมือของนางต่อไป

 

“ข้าไม่เข้าใจว่าเจ้าพูดอะไรกัน” ฉินชิงก้มหน้าลงขณะที่นางกล่าวขึ้น

 

ชิงสุ่ยไม่เชื่อในสิ่งที่นางกล่าวออกมา เขารู้สึกว่าฉินชิงกล่าวเช่นนี้เพราะความเขินอาย เขาดึงมือของนางออกไปข้างนอกและนั่งลงบนเก้าอี้นวมด้วยกัน

 

“ข้ารู้สึกเหนื่อยเล็กน้อย เจ้าก็บาดเจ็บอยู่กลับไปพักที่ห้องของเจ้าก่อน” ฉินชิงนั่งลงและกล่าวขึ้น

 

“นี่เพิ่งจะตอนบ่ายเท่านั้น เหตุใดเจ้าถึงรู้สึกเหนื่อย? บาดแผลเล็กน้อยพวกนี้ไม่มีผลต่อข้าหรอก ยากยิ่งนักที่จะหาบรรยากาศดีๆแบบนี้ได้ เจ้ามีอะไรที่อยากจะบอกกล่าวต่อข้าหรือไม่? เจ้ายังไม่ได้ให้คำตอบข้าเลย ให้ความหวังข้าบ้าง!” ชิงสุ่ยจับมือของนางเอาไว้แน่นขณะที่เขากล่าวขึ้น

 

มือของนางนั้นเย็นเหมือนกับหยกและอ่อนนุ่มราวกับผ้าไหม เมื่อเขาจับมือของนางไว้ชิงสุ่ยรู้สึกได้ว่าหัวใจของเขากำลังเต้นอย่างรวดเร็วโดยที่เขาไม่สามารถควบคุมได้เลย

 

“เจ้าอยากจะได้ยินความจริงหรือการโกหกกันล่ะ?” ฉินชิงยิ้มให้ชิงสุ่ย

 

“เรื่องแบบนี้ยังมีความจริงและการโกหกนั้นหรือ?” ชิงสุ่ยถามขึ้นด้วยความงุนงง

 

“แน่นอนว่ามี!” ฉินชิงกล่าวขึ้นด้วยท่าทีน่ารัก ชิงสุ่ยตอบกลับมาว่า “เช่นนั้นก็บอกความจริงต่อข้า”

 

“ความจริงก็คือในตอนนี้ข้ายังไม่สนใจที่จะแต่งงานกับผู้ใด ข้ายังไม่มีความรู้สึกที่อยากจะอยู่กับผู้ชายเพียงคนเดียวไปตลอดชีวิต” น้ำเสียงของฉินชิงสงบนิ่ง ทำให้เดาไม่ออกว่าที่นางพูดนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่

 

เมื่อเขาได้ยินคำพูดของนางชิงสุ่ยก็รู้สึกหดหู่ใจเล็กน้อย แต่เขาก็ยังคงยิ้มแล้วตอบกลับไปว่า“แล้วถ้าเป็นการโกหกล่ะ?”

 

“การโกหกนั้นน่าสนใจยิ่งนัก หากข้าโกหกข้าจะบอกว่า ข้าอยากเป็นผู้หญิงของเจ้า” ฉินชิงยิ้ม

 

แม้ว่านางจะบอกว่านี่เป็นการโกหกชิงสุ่ยก็รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างยิ่ง เขาจับมือของนางเอาไว้นั่นแหละพูดว่า “เจ้าจะเป็นหญิงสาวที่ข้ารักมากที่สุดในหัวใจตลอดไป”

 

“เจ้าช่างไร้ยางอายยิ่งนัก…” ฉินชิงตอบกลับมา นางดึงมือของตัวเองกลับมาและเดินจากไป

 

“ไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะมาเรียกเจ้าไปทานอาหารค่ำภายหลัง” ฉินชิงเดินขึ้นบันไดไปและหันมายิ้มให้ชิงสุ่ย

 

“อื้ม!” ชิงสุ่ยพยักหน้าด้วยรอยยิ้ม

 

ฉินชิงเดินไป 2 ก้าวก่อนที่จะหยุดและหันกลับมา “บางครั้งการโกหกก็สามารถเป็นเรื่องจริงได้เหมือนกัน”

 

หลังจากที่กล่าวจบนางก็จากไปในทันที ชิงสุ่ยรู้สึกราวกับมีสายฟ้าฟาดเข้าใส่หัวใจของเขา หลังจากนั้นคู่หนึ่งเขาก็ได้สติกลับมา รอยยิ้มที่มีความสุขความกดขึ้นบนใบหน้าของเขา นี่ถือว่านางได้ให้ความหวังแก่เขาใช่หรือไม่? เป็นการบอกเขาว่านางจะเป็นหญิงสาวของเขาอย่างแน่นอน

 

ฉินชิงยอมให้ชิงสุ่ยจับมือของนาง แม้ว่านางจะไม่ได้แต่งงานกับชิงสุ่ยแต่นางก็ยอมมาใกล้ชิดกับเขาอย่างยิ่ง หากนางจะแต่งงานก็คงจะต้องแต่งงานกับเขา

 

……

 

การประลองครั้งนี้ได้สร้างชื่อเสียงให้กับชิงสุ่ยเป็นอย่างมาก เขายังสามารถเติบโตและมีพลังเพิ่มมากขึ้นได้อีก

 

แต่แม้ว่าจะมีคนที่สามารถเอาชนะเขาได้ แต่หากเขาต้องการหนีก็ไม่มีใครในจักรวรรดิฉินที่จะสามารถหยุดเขาได้

 

ในขณะเดียวกันเหล่าคนสำคัญของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินก็กำลังพูดคุยกันถึงเรื่องนี้

 

ผู้อาวุโสฉินเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน ผู้คนของคฤหาสน์จอมฟ้าฉินต่างก็มีพลังที่เป็นเอกลักษณ์ พวกเขามีอายุไม่มากนักแต่ก็มีความสวรรค์เป็นอย่างมาก

 

ผู้อาวุโสฉินและน้องชายอีก 2 คนของเขาเป็นผู้ที่มีอายุมากที่สุดในตระกูล หนึ่งในสองพี่น้องนั้นไม่มีลูกสาวขณะที่อีกคนมีลูกสาวแต่ก็แต่งงานไปแล้วและออกไปอยู่ในที่ห่างไกลจะกลับมาที่นี่ในทุกๆ 10 ปีเท่านั้น

 

“ทุกๆคนคิดอย่างไรเกี่ยวกับเหตุการณ์ในวันนี้?” ชายชราถามขึ้นด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย

 

“ตระกูลกู๋ย่อมต้องมีเหตุผลที่จะทำเรื่องนี้ บางทีอาจจะมีผู้ที่อยู่เบื้องหลังพวกเขาอีก” ฉินเทียนฉงที่ยืนอยู่ทางซ้ายกล่าวขึ้น

 

“หากตระกูลกู๋มีผู้ที่อยู่เบื้องหลังก็เป็นไปได้มากว่าจะต้องเป็นคนของราชวงศ์อื่นๆ” ชายชราอีกคนเก่าขึ้นทันที เขาเป็นน้องชายคนที่  2 ของชายชรา ฉินเทียนลู่

 

“ป่ายฟง เจ้าคิดเช่นไรกัน?” ชายชราถามขึ้นช้าๆ

 

“ข้ารู้สึกได้ว่าที่ท่านลุงทั้งสองคนพูดนั้นก็มีเหตุผล ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นคฤหาสน์จอมฟ้าฉินของเราก็มีความสัมพันธ์อันดีกับเหล่าราชวงศ์มาโดยตลอด ที่ตระกูลกู๋กล้าทำเรื่องเช่นนี้ก็อาจจะเป็นไปได้” ฉินป่ายฟงตอบ

 

“บางทีตระกูลกู๋อาจจะต้องการใช้โอกาสนี้แสดงตัวตนต่อเหล่าตระกูลขุนนางและแสดงให้เห็นว่าตระกูลกู๋นั้นสามารถแทนที่พวกเราได้” ชายชรากล่าวอย่างไม่รีรอ น้ำเสียงของเขาดูสงบนิ่ง

 

คนอื่นๆต่างก็ตกอยู่ในความเงียบ ฉินป่ายฟงหยุดนิ่งในตอนนี้และกล่าวขึ้นว่า “ท่านพ่อ ท่านคิดว่าเหล่าราชวงศ์จะมีท่าทีเช่นไรต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นบ้าง?”

 

“พวกราชวงศ์นั้นหวาดกลัวอยู่ 2 อย่าง อย่างแรกคือศัตรูที่ทรงพลัง อย่างที่ 2 คือมิตรสหายที่หักหลัง พวกเราไม่ใช่ศัตรูและไม่ได้มีท่าทีที่จะหักหลังแต่อย่างใด ดังนั้นสิ่งที่เราควรทำคือทำให้พวกราชวงศ์เชื่อมั่นในตัวพวกเรา ในทางกลับกันพวกเราก็ต้องยกระดับตระกูลให้แข็งแกร่งขึ้นเพื่อเตรียมพร้อมกับสิ่งที่อาจจะมาในอนาคต” ชายชรากล่าวกับทุกๆคน

 

“ปัญหานี้ช่างยากที่จะรับมือยิ่งนัก ตอนนี้มารอดูกันเถอะว่าพวกราชวงศ์จะมีท่าทีแบบใดกัน” ฉินเทียนฉงกล่าวขึ้นหลังจากที่คิดเรื่องนี้

 

“ไม่จำเป็นต้องรีบร้อน คฤหาสน์จอมฟ้าฉินของเรานั้นเปิดเผยอยู่เสมอ ในตอนนี้พวกราชวงศ์คงไม่ยื่นมือมาข้องเกี่ยวกับพวกเรา ตระกูลกู๋ต้องทุกข์ทรมานจากความสูญเสีย เรามาเปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องของฉินชิงกันดีกว่า”

 

ในตอนนี้เมื่อเรื่องของฉินชิงถูกพูดขึ้นมาสายตาของทุกๆคนก็เปล่งประกายขึ้นในทันที

 

“ข้าแน่ใจว่าทุกๆคนรับรู้แล้วว่าเด็กน้อยผู้นี้เป็นผู้สืบทอดของเทพสงครามนกหงษ์เพลิง นี่เป็นสิ่งที่มอบให้โดยชิงสุ่ยผู้ที่เป็นผู้สืบทอดแห่งเทพสงคราม สำหรับเรื่องพ่อของฉินชิง เจ้ามีอะไรอยากจะพูดหรือไม่ ป่ายฟง?” ชายชราหัวเราะออกมา

 

“เด็กหญิงผู้นั้นได้เติบโตขึ้นเป็นผู้ใหญ่แล้ว นางควรตัดสินใจเรื่องนี้ด้วยตัวเอง” ฉินป่ายฟงกล่าวขึ้น

 

ความจริงแล้วแม้แต่ฉินป่ายฟงก็ไม่อยากที่จะพูดอะไร ใครสามารถที่จะทำเช่นนั้นได้? ฉินชิงนั้นถือเป็นคนสำคัญของคฤหาสน์จอมฟ้าฉิน หลังจากที่ผ่านมานานหลายปีในที่สุดนางก็ได้พบกับคนที่นางรัก ใครกันจะกล้าปฏิเสธความรักของนาง? แม้ว่าทั้งสองคนนั้นอาจจะไม่ได้เคียงคู่กันก็ตาม

 

“ไม่มีผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องของฉินชิง แต่ข้าต้องการได้ยินว่าเจ้าคิดเช่นไรกับชิงสุ่ย.” ชายชรายิ้มและมองไปที่ฉินป่ายฟง

 

“ชิงสุ่ยนั้นเป็นอัจฉริยะที่ท้าทายสวรรค์จนหาได้ยากยิ่งนัก เขายังมีความลับอีกมากมายและเป็นผู้ที่มีพรสวรรค์มากที่สุดที่ข้าเคยพบเจอ ข้าไม่มีข้อคิดเห็นใดๆเกี่ยวกับเขาแต่ถ้าหากต้องพูดก็คงจะเป็นเรื่องที่ไม่รู้ว่าฉินชิงจะสามารถยอมรับชายที่มีภรรยาอยู่แล้วได้หรือไม่ ชิงสุ่ยย่อมไม่ลงเอยกับหญิงสาวเพียงคนเดียวอย่างแน่นอน หญิงสาวรอบตัวเขาต้องมีมากมาย”

 

คนเป็นพ่อนั้นรู้จักลูกสาวของตนเองดีที่สุด ฉินป่ายฟงรู้สึกกังวลเป็นอย่างยิ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้

 

“เรื่องนี้ข้าก็เป็นกังวลเช่นกัน ข้าเข้าใจฉินชิงเป็นอย่างดี ไม่อย่างนั้นนางก็คงไม่ครองตัวเป็นโสดมานานหลายปี แต่เด็กน้อยผู้นี้ดูแลชิงสุ่ยต่างออกไปจากชายคนอื่นๆ นางน่าจะตกหลุมรักเขาแล้วแต่ในความรักของนางนั้นก็มีความเจ็บปวดอยู่เช่นกัน ข้ากลัวว่าฉินชิงอาจจะต้องเจ็บปวดกับอนาคตที่นางได้เลือก” ชายชราถอนหายใจออกมา

 

ไม่มีผู้ใดกล่าวอะไรเพิ่มเติม ในตอนนี้ทุกๆคนอยู่ในความเงียบ

 

“ลืมเรื่องนี้ไปเถอะ พวกเราไม่อาจเข้าไปข้องเกี่ยวได้ปล่อยให้มันเป็นไปตามธรรมชาติ” ชายชราครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนที่เขาจะยิ้มออกมา

 

……

 

เมื่อชิงสุ่ยขึ้นก็เป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว แต่ชิงสุ่ยก็ยังคงเข้าไปยังดินแดนหยกยุพราชอมตะเพื่อให้บาดแผลของเขาหายจนเป็นปกติ ในตอนที่เขาออกมาเขาก็เห็นฉินชิงกำลังรอคอยเขาอยู่ในห้องครัว

 

“เหตุใดเจ้าจึงไม่ปลุกข้า?” ชิงสุ่ยยิ้มและนั่งลง บางทีอาจเป็นเพราะคำพูดของฉินชิงก่อนหน้านี้ทำให้ชิงสุ่ยรู้สึกมีความสุขอย่างยิ่งในวันนี้

 

“ข้าต้องการให้เจ้าพักผ่อนมากอีกหน่อยบาดแผลของเจ้าจะได้หายดี”

 

“ว๊าว เจ้าก็เป็นห่วงข้าด้วย” ชิงสุ่ยยิ้มให้กับหญิงสาวที่งดงามผู้นี้

 

“หากเจ้าหยุดแกล้งข้าเจ้าจะตายหรือไม่?” ฉินชิงตอบกลับไป

 

“ฮ่าฮ่าฮ่า” ชิงสุ่ยหัวเราะออกมา

 

“ข้าจะอุ่นอาหารให้เจ้า ไปอาบน้ำก่อน!” ฉินชิงตอบกลับ

 

ชิงสุ่ยยิ้มขณะที่เขามองตามร่างที่งดงามเข้าไปในห้องครัว หญิงสาวผู้นี้อ่อนโยนยิ่งนัก เขารู้สึกดีใจในระหว่างการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้

 

จานอาหารถูกจัดเตรียมเอาไว้แล้วและทุกๆจานก็ถือว่ายอดเยี่ยม ชิงสุ่ยไม่รู้ว่าฉินชิงเป็นคนปรุงอาหารพวกนี้ขึ้นมาหรือไม่ เมื่อนางวางจานลงบนโต๊ะชิงสุ่ยก็นำเหล้าดอกท้อที่เขาได้เตรียมเอาไว้รินให้กับนาง

 

“ชิงชิงน้อย มาทานอาหารกันเถอะ!” ชิงสุ่ยยิ้ม

 

“เจ้ายังไม่ได้รับอนุญาตให้เรียกข้าด้วยชื่อนี้” ฉินชิงปฏิเสธกลับมา

 

“เช่นนั้นให้เลือกเจ้าว่าอย่างไร?” ชิงสุ่ยหัวเราะ

 

“ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ไม่ได้รับอนุญาต!”

 

“เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าพี่สาวแทน”

 

“เจ้าช่างน่ารังเกียจยิ่งนัก?” ฉินชิงถอนหายใจพร้อมกับตอบกลับมา

 

“พี่สาวชิง มาดื่มกันเถอะ” ชิงสุ่ยเย้าหยอกนาง

 

ฉินชิงยกแก้วสุราของนางขึ้น “สุรานี้เป็นหนึ่งในสุราที่ดีที่สุดที่ข้าเคยพบเจอเลยในด้านรูปลักษณ์ของมัน”

 

“รสชาติของมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่ารูปลักษณ์หรอก”