ตอนที่ 290 วีดีโอที่ซาบซึ้งที่สุดแห่งปี / ตอนที่ 291 การพลิกผันที่สมบูรณ์แบบ

กับดักรักในรอยแค้น

ตอนที่ 290 วีดีโอที่ซาบซึ้งที่สุดแห่งปี

 

 

           ในออฟฟิศของท่านประธาน บริษัทกลุ่มเผย

 

 

           หลังจากเผยหนานเจวี๋ยประชุมผ่านวีดีโอเสร็จและเห็นงานแถลงข่าวของฉู่อีอีแล้ว ก็ให้ผู้ช่วยรวบรวมภาพยนตร์ที่ผู้กำกับระหว่างประเทศชื่อดังกำลังเตรียมการถ่ายทำ

 

 

           หลังจากผู้ช่วยรวบรวมข้อมูลแล้ว ก็ส่งให้เผยหนานเจวี๋ยด้วยความรวดเร็ว พลิกเปิดข้อมูลที่อยู่ตรงหน้า สายตาจับจ้องอยู่ที่ภาพยนตร์แนวไซไฟเรื่องหนึ่ง “เรื่องนี้แหละ คุณไปติดต่อผู้กำกับกับโปรดิวเซอร์ บอกว่าบริษัทเผยเพิ่มเงินลงทุนหนึ่งร้อยล้าน ตัวเอกจะต้องเป็นนักแสดงนำดีเด่นทั้งฝ่ายชายและฝ่ายหญิง”

 

 

           “แล้วก็ ให้พวกเขาจัดงานแถลงข่าวอย่างช้าสุดวันพรุ่งนี้ เพื่อประกาศข่าวนี้ออกไป”

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยพูดกับผู้ช่วย เขาคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าการวิพากย์วิจารย์จะเบี่ยงเข็มไปที่ฉู่เจียเสวียนแล้ว คำพูดของฉู่อีอีในงานแถลงข่าว ทำให้คนเข้าใจผิดจริงๆ

 

 

           เมื่อคิดถึงตรงนี้ ความเยือกเย็นก็ปรากฏอยู่ในดวงตาของเผยหนานเจวี๋ย เธอต้องการจะทำอะไรกันแน่

 

 

           เขาจะต้องใช้ข่าวที่มีอิทธิพลมากกว่าดึงดูดความสนใจของผู้คน กดการวิพากย์วิจารย์ของฉู่เจียเสวียนเอาไว้ ไม่ว่าอย่างไรการที่ฉู่เจียเสวียนกลายเป็นที่ได้รับความเดือดร้อนในตอนนี้ก็เป็นความรับผิดชอบของฉู่อีอี

 

 

           เผยหนานเจวี๋ยช่วยหาข้ออ้างให้ฉู่เจียเสวียนโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าจะโน้มน้าวตัวเองว่าทำไมถึงช่วยเธอ

 

 

           ผู้ช่วยได้ยินคำพูดของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว คิ้วขมวดกัน แม้ว่าเขาจะรู้ว่าเขาไม่ควรตั้งข้อสงสัยในคำพูดของเจ้านาย แต่ว่าเมื่อได้ยินว่าเขาจะลงทุนด้วยเป้าหมายที่คลุมเครือแบบนี้ เอ่ยถามสงสัย “ประธานเผย ไม่ต้องตรวจสอบเหรอครับ ข้อมูลเฉพาะพวกนั้น”

 

 

           “ไม่ต้องแล้ว ไปทำแบบนี้แหละ ผมจะอธิบายกับคณะกรรมการเอง” เผยหนานเจวี๋ยสูดหายใจลึก พูดด้วยสีหน้าจริงจัง

 

 

 “ครับ” ผู้ช่วยพูดจบ ไม่ได้ถามอีก

 

 

           หลังจากผู้ช่วยออกไป เผยหนานเจวี๋ยทำแผนวิเคราะห์ข้อดีข้อเสียของโครงการลงทุนนี้เสร็จแล้ว จากนั้นก็ส่งอีเมล์ไปให้คณะกรรมการ

 

 

           หลังจากส่งไปแล้ว เผยหนานเจวี๋ยเปิดหน้าเว็บหลัก รีเฟรชหน้าเว็บและพบว่าหัวข้อในเว็บไป๋ตู้ได้เปลี่ยนไปแล้ว

 

 

           ม่านตาหดลง เขาเรียกดูข้อมูลในหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว

 

 

           “ภาพของทูตฉู่เจียเสวียนบริจาคเลือดสองร้อยห้าสิบมิลลิลิตรให้เด็กกำพร้าโดยไม่หวังผลตอบแทน”

 

 

           “วีดีโอที่ซาบซึ้งที่สุดแห่งปี”

 

 

“……”

 

 

           จากนั้นเผยหนานเจวี๋ยก็เปิดดูในเว็บหลักอื่น พบว่าพาดหัวข่าวข้างในก็เปลี่ยนไปหมดแล้ว

 

 

           คลิ๊กเปิดวีดีโอ เห็นฉู่เจียเสวียนที่ยิ้มมีเสน่ห์อยู่ข้างใน แววตาของเธอที่มองเด็กหญิงข้างกายเธอนั้นเปี่ยมด้วยความเอ็นดู

 

 

           ทันใดนั้นมือที่จับเมาส์ก็กำแน่น เขาคิดไม่ถึงเลยว่าฉู่เจียเสวียนจะแก้ปัญหาได้เร็วถึงเพียงนี้ ริมฝีปากบอบบางเม้มกันจนเป็นเส้นตรง สีหน้าเปลี่ยนเป็นมืดมน

 

 

           เสียงเคาะประตูออฟฟิศดังขึ้น เสียงที่มืดมนของเผยหนานเจวี๋ยดังขึ้น “เข้ามา”

 

 

           “ประธานเผย ทางผู้กำกับหยางตอบกลับมาแล้ว อยากจะเชิญคุณไปงานแถลงข่าวด้วยกัน”

 

 

           “ไม่สนใจ” เผยหนานเจวี๋ยพูดเสียงคมกริบ สีหน้าน่ากลัวราวกับอสูร บรรยากาศทั่วร่างกายเยือกเย็นถึงจุดต่ำสุด “ระงับการลงทุน!”

 

 

           “อะไรนะ?” ผู้ช่วยตกใจ เหมือนกับว่าฟังผิด ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองไปชั่วขณะหนึ่ง

 

 

           “ผมบอกให้ระงับการลงทุน! คุณหมดหน้าที่แล้ว” พูดเยือกเย็นอีกครั้ง ความโกรธที่อธิบายไม่ได้ก่อตัวขึ้นในใจของเผยหนานเจวี๋ย ส่วนโกรธเรื่องอะไรนั้นเขาเองก็บอกไม่ได้

 

 

           ยิ่งคิดก็ยิ่งว้าวุ่นใจ เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้น คว้าเสื้อโค้ทเดินออกไปนอกออฟฟิศแล้ว

 

 

           ผู้ช่วยมองดูเผยหนานเจวี๋ยที่ก้าวฉับๆ จากไป มองดูเขาเข้าลิฟท์ผู้บริหาร ลูบๆ จมูก ถือเอกสารอยู่ในมือ สีหน้างงงวย

 

 

           เขาเป็นอะไรไป นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นเผยหนานเจวี๋ยระงับการลงทุน มันไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะสร้างความสัมพันธ์กับผู้กำกับได้ เฮ้อ ช่างเถอะ คำสั่งของเจ้านายใครกล้าขัดบ้าง

 

 

           เดินยังไปที่ออฟฟิศอย่างยอมรับชะตากรรม เริ่มยกสายโทรศัพท์…

 

 

 

 

      ตอนที่ 291 การพลิกผันที่สมบูรณ์แบบ

 

 

           ในวิลล่า ฉู่เจียเสวียน ถังถัง และกงจวิ้นฉือกำลังจ้องอยู่ที่คอมพิวเตอร์ เห็นอัตราการคลิกด้านบนและหน้าความคิดเห็นในที่สุดก็ยิ้มได้

 

 

           ฉวินจ้งอี : [นี่คือวีดีโอของจริง]

 

 

           ฉันคือพ่อของเธอ : [คิดไม่ถึงว่าฉู่เจียเสวียนจะจิตใจดีขนาดนี้ ฮือฮือ…ฉันประทับใจซะแล้ว]

 

 

           อู๋จวินหรูตัวปลอม : [ฉู่เจียเสวียนงามมาก]

 

 

           ลู่เฟย : [คนสวยจิตใจสวยกว่า]

 

 

           กรุณาเรียผมว่าสุภาพบุรุษ : [พระเจ้า อยากแต่งผู้หญิงแบบนี้เป็นศรีภรรยา]

 

 

           เสน่ห์ยามค่ำคืน : [ผู้หญิงจิตใจดีแบบนี้ จะทำร้ายคนได้ยังไง?]

 

 

           คนผ่านทาง : [ได้ข่าวว่าฉู่เจียเสวียนเป็นดีไซเนอร์มือทอง ชุดแต่งงานที่นางออกแบบเริ่ดมากนะ]

 

 

“……”

 

 

           เมื่อได้อ่านความคิดเห็นที่เกี่ยวกับฉู่เจียเสวียนข้างต้น ผู้คนจำนวนมากได้หันเหไปหาฉู่เจียเสวียนแล้ว ส่วนคำพูดที่ไม่รื่นหูก็กลับไปหาฉู่อีอี

 

 

           “เอาล่ะ แก้ปัญหาได้แล้ว เจียเสวียน คราวนี้ฉู่อีอีจะต้องโมโหหนักแน่นอน!” ถังถังลากหน้าเว็บมาจนล่างสุด บนใบหน้ามีความภูมิใจ

 

 

           ริมฝีปากแดงของฉู่เจียเสวียนยกยิ้ม ดวงตามีรอยยิ้ม “วันนี้ลำบากพวกคุณมากเลย”

 

 

           “เฮ้ย พูดอะไรเนี่ย เพื่อนลำบากจะไม่ช่วยได้ยังไง ร้านชุดแต่งงานของพวกเราต้องดังแน่ๆ ฮาฮา…” ถังถังกล่าวกับฉู่เจียเสวียน เธออยากรู้จริงๆ ว่าตอนนี้ฉู่อีอีมีอาการอย่างไร

 

 

           บนใบหน้าของกงจวิ้นฉือก็มีรอยยิ้มอบอุ่นเช่นกัน ดวงตาที่มองฉู่เจียเสวียนมีความรักลึกซึ้ง

 

 

           “ทุกคนคงหิวแล้วสินะ มากินมื้อดึกกันเถอะ”

 

 

           เสียงของซูซานซานดังขึ้นได้จังหวะพอดี เรียกทั้งสามคนให้กินมื้อดึกที่โต๊ะกินข้าว หลังจากที่รู้ว่าพวกเขาหาวิธีแก้ปัญหาได้แล้ว ซูซานซานก็เข้าห้องครัวไปเตรียมมื้อดึกแล้ว

 

 

           ทั้งสี่คนทานมื้อดึกบนโต๊ะอาหารอย่างมีความสุข ทั้งพูดคุยและหัวเราะกัน

 

 

           “เจียเสวียน พรุ่งนี้ต้องซื้อกระดาษเอสี่มาเยอะๆ ถึงจะถูก” ถังถังกินโจ๊กไปคำหนึ่งแล้วพูด

 

 

           “ทำไมล่ะ” เอ่ยถามสงสัย แววตาที่มองถังถังมีความงุนงง เพิ่งซื้อกระดาษเอสี่กลับมาไม่ใช่เหรอ เยอะขนาดนั้น คาดว่าน่าจะเพียงพอให้พวกเธอใช้ได้ถึงสองเดือนแล้วมั้ง

 

 

           “ฉันกลัวว่าธุรกิจจะลุกเป็นไฟ” ถังถังหัวเราะอย่างไร้พิษสง จากนั้นก็ก้มหน้ากินโจ๊ก

 

 

           ฉู่เจียเสวียนหลุดขำ ถังถังคนนี้ไม่ผ่อนคลายสักวินาทีเลยจริงๆ

 

 

           กงจวิ้นฉือที่นั่งข้างๆ หัวเราะแต่ไม่ได้พูดอะไร หลังจากซูซานซานรู้ว่าแก้ปัญหาได้เรียบร้อยแล้ว รอยยิ้มก็เอ่อล้นอยู่ในดวงตา

 

 

           “จริงสิ เจียเสวียน คุณย่าบอกว่า พรุ่งนี้ให้คุณแวะไปกินข้าว” จู่ๆ กงจวิ้นฉือเหมือนกับนึกอะไรขึ้นได้ เอ่ยปากกับฉู่เจียเสวียน

 

 

           ตั้งแต่ที่คุณย่าของกงจวิ้นฉือออกจากโรงพยาบาล ฉู่เจียเสวียนก็ไปเยี่ยมเธอทุกวัน เดิมทีคุณย่าของกงจวิ้นฉือไม่ชอบฉู่เจียเสวียน แต่ว่าตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเล่นอยู่ใต้นึกโรงพยาบาลคราวก่อน จู่ๆ อาการก็กำเริบ โชคดีที่ฉู่เจียเสวียนมาทันเวลา จึงช่วยเธอเอาไว้ได้ ไม่เช่นนั้นก็อาการร้ายแรงและรักษายากแล้ว

 

 

           จากนั้น เธอก็เปลี่ยนทัศคติที่มีต่อฉู่เจียเสวียน และไม่ห้ามกงจวิ้นฉือให้คบกับฉู่เจียเสวียนอีก แม้แต่ยังให้กงจวิ้นฉือพาฉู่เจียเสวียนกลับไปกินข้าวเป็นครั้งคราว

 

 

           ถังถังได้ยินคำพูดของกงจวิ้นฉือ จากนั้นริมฝีปากก็ยกยิ้ม “เมื่อไรจะมีงานเลี้ยงของพวกเธอล่ะ”

 

 

           ขณะที่พูดประโยคนี้ออกไป ถังถังก็รู้สึกปวดใจ แต่ใบหน้ายังคงมีรอยยิ้มหวาน เพื่อนสนิทมีความสุข เธอควรจะดีใจกับเธอไม่ใช่เหรอ

 

 

           ฉู่เจียเสวียนได้ยินคำพูดของถังถังก็หัวเราะ “จะรีบทำไม เธอยังไม่มีแฟนเลย”

 

 

           “ขอเพียงเจียเสวียนเต็มใจ ผมน่ะเมื่อไรก็ได้”

 

 

           เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น ไม่ดังไม่เบาแต่ได้ยินทั่วถึงกัน

 

 

           เงยหน้าขึ้นสบตาที่ลึกซึ้งของกงจวิ้นฉือ ฉู่เจียเสวียนรู้สึกอ่อนไหว “พรุ่งนี้จะไปกินข้าวเมื่อไร”

 

 

           ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปาก ใบหน้ามีรอยยิ้ม มีเขาอยู่ข้างกาย เธอรู้สึกสบายใจจริงๆ อย่างน้อยก็ไม่เคยมีใครดีกับเธอเหมือนเขามาก่อน