ตอนที่ 292 ฉันเชื่อว่าฉันจะยอมรับเขาได้
“บ่ายพรุ่งนี้ผมจะไปรับคุณ” กงจวิ้นฉือเอ่ย ดวงตามีความอ่อนโยนเห็นได้ชัด
เมื่อถังถังเห็นความอ่อนโยนในแววตาของกงจวิ้นฉือแล้ว เบือนสายตาอย่างรวดเร็ว
ซูซานซานชำเลืองดูฉู่เจียเสวียนจากนั้นก็มองดูกงจวิ้นฉือแล้วยิ้ม นิ่งเงียบไม่พูดจา
ฉู่เจียเสวียนพยักหน้า จากนั้นก็ก้มหน้ากินโจ๊กในถ้วยของตัวเอง
หลังจากมื้อดึก กงจวิ้นฉือออกจากวิลล่าของฉู่เจียเสวียนไปแล้ว ส่วนถังถังถูกฉู่เจียเสวียนบังคับให้อยู่ต่อ ดึกมากแล้วเธอไม่ไว้ใจให้เธอขับรถกลับบ้านตามลำพัง
“อัยยา ฉันก็ไม่ใช่เด็กๆ แล้ว” ถังถังนั่งอยู่บนโซฟา มองฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากไม่พอใจ มุ่ยปากแดงๆ
“ไม่ดึกอะไรกัน ใกล้จะตีหนึ่งแล้ว เธอยังกล้าออกไปอีก รีบขึ้นไปนอนซะ พรุ่งนี้ไปที่บริษัทด้วยกัน” ฉู่เจียเสวียนยิ้มเอ่ย พูดจบก็เดินไปยังห้องนอนชั้นบน
ถึงเธอไม่เหนื่อยก็เหนื่อยจะแย่แล้ว คืนนี้เธอตื่นเต้นมากเกินไป หลังจากทานมื้อดึกเรียบร้อยฉู่เจียเสวียนก็เรียกให้ซูซานซานไปนอนแล้ว ดังนั้นในเวลานี้มีเพียงเธอกับถังถังที่ยังไม่นอน
ถังถังตามหลังฉู่เจียเสวียนไป ขึ้นไปอย่างไม่เต็มใจแล้ว
ในห้องนอน ฉู่เจียเสวียนกับถังถังนอนอยู่บนเตียง ทั้งสองคนหลับตา ถ้าหากถังถังไม่เอ่ยปากอย่างกะทันหัน ก็ต้องนึกว่าทั้งสองคนหลับไปแล้ว
“เจียเสวียน” จู่ๆ ถังถังพูดขึ้น ศอกกระทุ้งแขนของเธอเบาๆ
“หลับแล้ว”
“โกหก!”
“ฮาฮา…ถังถัง อย่าเสียงดังสิ ดึกมากแล้ว” ฉู่เจียเสวียนหัวเราะเอ่ย หลบกรงเล็บของถังถังที่ยื่นมาไม่หยุดหย่อน
ถังถังจะยอมปล่อยเธอไปทั้งแบบนี้ที่ไหนกัน “ไหนเธอบอกว่านอนแล้วไง หา? ทำไมตอนนี้ถึงพูดได้ล่ะ”
หลังจากที่ทั้งสองหยอกล้อกันสักพักจึงค่อยๆ สงบลงมา หน้าอกของทั้งสองคนต่างกระเพื่อมไม่หยุด หายใจหอบเฮือกใหญ่
หลังจากจ้องเพดานอยู่ครู่หนึ่งถังถังจึงเอ่ยปาก “เจียเสวียน ตอนนี้เธอรู้สึกยังไงกับกงจวิ้นฉือ ในใจยอมรับเขาแล้วยัง”
พูดมาจนถึงตอนสุดท้าย ถังถังหลับตา ปกปิดความรู้สึกที่อยู่ในแววตา
เห็นได้ชัดว่าฉู่เจียเสวียนคาดไม่ถึงว่าจู่ๆ ถังถังจะเอ่ยถามเช่นนี้ หลังจากอึ้งอยู่พักหนึ่ง จากนั้นก็ส่ายหัว สำหรับกงจวิ้นฉือแล้ว ที่จริงเธอก็ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
วันนี้กงจวิ้นฉือปรากฏตัวอย่างฉับพลันและปกป้องเธอ จะบอกว่าไม่ซาบซึ้งก็โกหกแล้ว
“ฉันเชื่อว่าสักวันหนึ่ง หัวใจของฉันจะยอมรับเขาได้อย่างสมบูรณ์” ผ่านไปเนิ่นนาน น้ำเสียงของฉู่เจียเสวียนจึงดังขึ้น ดวงตาจ้องเพดานเอ่ยด้วยความมั่นใจ
เมื่อก่อนนั้นเธอยังคงลังเลเล็กน้อย แต่ว่าพอผ่านเรื่องในช่วงนี้มาแล้ว ฉู่เจียเสวียนตัดสินใจที่จะยอมรับเขา เธอเชื่อว่าสักวันหนึ่ง เธอจะต้องหลงรักกงจวิ้นฉืออย่างแน่นอน
“เจียเสวียน จวิ้นฉือเป็นผู้ชายที่ดี ฉันหวังว่าเธอจะไม่ทำให้เขาผิดหวัง” ถังถังพลิกตัว เอามือเท้าศีรษะ มองฉู่เจียเสวียนพูดด้วยความจริงจังมาก
ทั้งสองคนต่างเป็นเพื่อนสนิทกัน เธอหวังว่าพวกเขาจะเจอความสุขกันจริงๆ ขอเพียงพวกเขาสองคนมีความสุข เธอจึงจะมีความสุขด้วย ความรักของเธอที่มีต่อเขานั้นเธอจะฝังมันไว้ส่วนลึกในหัวใจ ไม่ปล่อยให้พวกเขารู้ ขอเพียงพวกเขามีความสุขก็พอแล้ว
เมื่อสบสายตาที่เอาจริงเอาจังอย่างกะทันหันของถังถัง ฉู่เจียเสวียนอึ้งไปเล็กน้อย จากนั้นก็พยักหน้า “วางใจเถอะ เขาดีกับฉันแบบนี้ ฉันจะพยายามรักเขา ส่วนเธอน่ะ เมื่อไรจะมีแฟนล่ะ อายุก็เยอะแล้วนะ”
ฉู่เจียเสวียนเอ่ยปากแซวถังถัง แววตาที่มองเธอเปี่ยมด้วยรอยยิ้ม เธอไม่เพียงอยากให้ตัวเองมีความสุข เธอก็อยากให้เธอมีความสุขเช่นกัน เธอหวังว่าต่อไปถังถังจะได้เจอคนที่เธอรักและคนนั้นก็รักเธอด้วย นี่คือการเริ่มต้นของความรัก
“เธอว่าฉันแก่?” ถังถังกล่าวขึงขัง แววตาที่มองฉู่เจียเสวียนเปื้อนยิ้ม
แน่นอนว่าเธอรู้ความหมายของฉู่เจียเสวียน แต่ว่าเรื่องนี้มันเร่งกันไม่ได้ คนที่เธอชอบอย่างยากลำบากตอนนี้ก็มีคนอยู่ในใจแล้ว เธอยิ้มขมขื่นในใจ
ตอนที่ 293 ตัวเองต้องรับในความผิดที่ตัวเองก่อ
“เปล่านะ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน เธอก็คือนางฟ้าในใจของฉัน เอาเถอะ ดึกมากแล้ว พวกเรารีบเข้านอนเถอะ ไม่งั้นพรุ่งนี้จะตื่นไม่ไหว” ฉู่เจียเสวียนพูดพลางห่มผ้าให้ถังถัง
ที่จริงในวิลล่าของฉู่เจียเสวียนมีห้องรับแขก แต่ว่าถังถังไม่อยากนอนคนเดียวจะต้องตัวติดกับเธอ และต้องการนอนด้วยกันกับเธอ
ถังถังพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง จากนั้นทั้งสองคนก็หลับตา
กลางคืนยิ่งล่วงเลยก็ยิ่งมีเสน่ห์มากขึ้น
ในวิลล่าบ้านเผย
เผยหนานเจวี๋ยเพิ่งจะเข้าบ้าน ก็เห็นฉู่อีอีนั่งอยู่บนโซฟา
ฉู่อีอีได้ยินเสียงเคลื่อนไหว รีบลุกขึ้นจากโซฟาทันที หันหลังไปก็เห็นเผยหนานเจวี๋ยอยู่ด้านหลัง ไม่พูดไม่จาก็รี่เข้าไปหาพร้อมกล่าวด้วยความคับค้องใจ “หนานเจวี๋ย ทำยังไงดี คนด่าฉันในอินเทอร์เน็ตเต็มเลย ทำยังไงดี อาชีพการแสดงของฉันจะจบลงจริงๆ เหรอ”
“ไม่หรอก” เผยหนานเจวี๋ยเอ่ยปากเย็นชา มือทั้งสองกำแน่นอยู่ข้างลำตัว จากนั้นก็ผ่อนคลาย ปล่อยให้ฉู่อีอีซบอยู่ในอ้อมอก
ได้ยินเสียงที่เย็นยะเยือกของเผยหนานเจวี๋ย ฉู่อีอีตื่นตกใจ จากนั้นก็กล่าวอีกครั้ง “หนานเจวี๋ย คุณ…เห็นฉันถูกพวกเขาด่าแบบนี้คุณปวดใจหรือเปล่า”
น้ำตาเอ่อล้นในดวงตาของฉู่อีอี พูดอย่างระมัดระวัง
“พวกเขาจะวิจารย์ยังไงผมทำอะไรไม่ได้ อีอี ถ้าหากคุณรู้สึกทุกข์ใจ งั้นก็อย่าดูสิ คุณอย่าถือเป็นเรื่องใหญ่เลย”
เผยหนานเจวี๋ยพูดจบ ก้าวเท้าเดินไปยังโซฟาและหย่อนก้นนั่งลงบนโซฟา ฉู่อีอีเดินตามไปนั่งลงข้างเขา ฉู่อีอีมองดูผู้ชายสีหน้าเย็นชาข้างกายเธอ กัดริมฝีปาก พยายามทำสีหน้าอ่อนแอ เอ่ยปากอย่างไม่เต็มใจ “ฉันจะไม่ถือเป็นเรื่องใหญ่ได่ยังไง ฉันไม่ไปดูไม่ได้หรอก ผู้กำกับพวกนั้นเห็นพวกเขาวิจารณ์ฉันแบบนี้ จะคิดกับฉันยังไง คุณช่วยฉันหน่อยได้หรือเปล่า”
ได้ยินคำพูดของฉู่อีอี เผยหนานเจวี๋ยมองฉู่อีอีอย่างเฉยเมย แววตาราวกับว่าต้องการมองทะลุเธอ
เมื่อเห็นสายตาที่น่ากลัวของเผยหนานเจวี๋ยแล้ว ฉู่อีอีใจคอไม่ดี แต่ว่ายังคงมีสีหน้าอ่อนหวาน “หนานเจวี๋ย ทำไมคุณมองฉันแบบนั้น”
ริมฝีปากบางอ้าออกเล็กน้อย เผยหนานเจวี๋ยเอ่ย “ใครให้คุณปล่อยให้คนอื่นเดาสุ่มสี่สุ่มห้าในงานแถลงข่าวล่ะ ทำให้ทุกคนพุ่งเป้าหมายไปที่ฉู่เจียเสวียน? อีอี ผมก็บอกกับคุณแล้วว่าไม่ให้คุณทำเรื่องที่ไม่จำเป็นอีก ทำไมคุณถึงไม่ฟังล่ะ”
“ตอนนี้ผลกระทบกลายเป็นแบบนี้ ไม่ว่าผลจะเป็นยังไงคุณก็ต้องรับมันไว้”
คำพูดของเผยหนานเจวี๋ยทำให้ร่างกายฉู่อีอีแข็งทื่อ มองเขาด้วยสายตาเหลือเชื่อ ทำไมเขาถึงเป็นแบบนี้ เขารู้ได้อย่างไร
ไม่ทันรอให้ฉู่อีอีเอ่ยปาก เผยหนานเจวี๋ยพูดต่อ “ดึกมากแล้ว ผมจะไปอาบน้ำ คุณพักผ่อนเร็วหน่อย หลับไปก็ไม่ไปคิดถึงเรื่องพวกนี้แล้ว เดี๋ยวเรื่องมันก็จะผ่านไป”
พูดจบ เผยหนานเจวี๋ยลุกขึ้นไปชั้นบนก่อน ปล่อยให้ฉู่อีอีอยู่ในห้องรับแขก ดวงตาจับจ้องเงาของเผยหนานเจวี๋ยที่หายลับไป
ทำไม ทำไมเหตุการณ์ถึงอยู่เหนือความควบคุมของเธออีกแล้ว ทั้งๆ ที่เธอคิดคำนวณทุกอย่างไว้อย่างดี ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห แววตาของฉู่อีอีเปลี่ยนเป็นมืดมน
ฉู่เจียเสวียน เธอนี่มันดวงดีจริงๆ คิดไม่ถึงว่าคราวนี้ก็พลิกตัวกลับมาได้อีก คราวหน้า ฉันจะไม่ปล่อยให้เธอหลุดไปง่ายๆ แบบนี้อย่างแน่นอน!
ตอนเย็นของวันถัดไป กงจวิ้นฉือปรากฏตัวที่หน้าร้านเช่าชุดแต่งงานของฉู่เจียเสวียนในเวลาที่เธอเลิกงาน
ในออฟฟิศ ฉู่เจียเสวียนกำลังวุ่นโดยที่ไม่รู้เลยว่าได้เวลาเลิกงานแล้ว จนกระทั่งเสียงเคาะประตูดังขึ้น เมื่อฉู่เจียเสวียนเห็นกงจวิ้นฉือที่ปรากฏตัวอยู่หน้าประตูจึงรู้ตัวในภายหลัง
“เลิกงานได้แล้ว เจียเสวียน ทำไมคุณถึงยังยุ่งอยู่อีก แล้วถังถังล่ะ?” เสียงอบอุ่นของกงจวิ้นฉือดังขึ้น กวาดตามองรอบออฟฟิศ พบว่าที่นั่งของถังถังว่างเปล่า