ตอนที่ 324 ทุกหนแห่งล้วนอวดฝีมือการแสดงได้ / ตอนที่ 325 กังวลใจจริงๆ

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 324 ทุกหนแห่งล้วนอวดฝีมือการแสดงได้

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดไปก็โขกหัวไป รู้สึกตกใจอย่างยิ่ง

 

 

ชุนเหนียงมีความคิดในใจแล้ว เห็นหลิงอวี้จื้อคุกเข่ากับพื้นโขกหัวไม่หยุดก็ลุกขึ้นทันใด ประคองหลิงอวี้จื้อขึ้นมาจากพื้นด้วยมือของตนเอง ความโกรธบนใบหน้ามลายหายไปสิ้น แถมยังยิ้มให้หลิงอวี้จื้อด้วย เพียงแต่รอยยิ้มนั้นดูปลอมมากเท่าที่จะปลอมได้ ฝีมือการแสดงน่าเป็นห่วงจริงๆ

 

 

“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้ารู้ว่าเจ้าฟังคำสั่งนางมา ข้าจะทำให้เจ้าลำบากใจไปทำไม แม่สาวน้อย เจ้าชื่ออะไร อายุเท่าไหร่แล้ว”

 

 

หลิงอวี้จื้อยินดีทันใด ชุนเหนียงเริ่มลงมือตามคาด สองคนนี้สะสมความแค้นจนฝังลึก แทบจะเรียกได้ว่าจุดนิดเดียวก็ติด ต่อไปเธอจะต้องอวดฝีมือการแสดงให้ดี ๆ

 

 

“บ่าวชื่ออวี้จื้อ ปีนี้อายุสิบเจ็ดปีแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

“หน้าไม่เหมือนอายุสิบเจ็ดเลย ถึงแม้จะดูแล้วอ่อนวัยไปหน่อย แต่ก็หน้าตาไม่เลว มาเป็นสาวใช้อยู่กับหลานเขยช่างน่าเสียดายจริง ๆ”

 

 

หลิงอวี้จื้อทำหน้าเศร้า ยกมือขึ้นเช็ดน้ำตา

 

 

“นี่คือชะตาชีวิตของบ่าวเจ้าค่ะ บ้านบ่าวมีพี่น้องผู้ชายหกคน มีเพียงบ่าวคนเดียวที่เป็นผู้หญิง เพื่อให้พวกพี่ชายสามารถสู่ขอพี่สะใภ้มาได้ พ่อแม่จึงขายบ่าวมาเป็นสาวใช้

 

 

บ่าวมีชะตาเป็นสาวใช้ไปตลอดชีวิต ยังไม่รู้ด้วยว่าจะมีชีวิตถึงวันไหน บ่าวถูกท่านเรียกพบ ไม่รู้ว่าผู้คุมกฎเฟิงจะคิดอย่างไรกับบ่าว กลัวเพียงแต่ว่ากลับไปก็ตายเช่นกัน

 

 

ชุนเหนียง ท่านมีน้ำใจเมตตากรุณา ช่วยคลายทุกข์ให้บ่าวทีเถิด! ได้ยินมาว่าผู้คุมกฎเฟิงมีวิธีทรมานมากมาย บ่าวกลัวจริงๆ เจ้าค่ะ”

 

 

พูดจบก็น้ำตาร่วงสามสี่เม็ด ไม่ทำให้ใครสงสัยคำพูดของเธอแม้แต่น้อย

 

 

“เจ้าพูดได้ถูกต้องมาก ออกจากที่นี่ไป ผู้คุมกฎเฟิงไม่มีทางปล่อยเจ้าแน่ คนที่ตายด้วยน้ำมือนางมีนับไม่ถ้วน เจ้าก็คงรู้ว่าพวกสาวใช้สำนักอู๋จี๋แอบเรียกเฟิงอิ๋นว่าอะไรใช่หรือไม่”

 

 

หลิงอวี้จื้อส่ายหน้าอย่างงุนงง แสดงให้เห็นว่าตนไม่รู้

 

 

“ทุกคนต่างเรียกนางว่าพญายมราช วิธีการลงโทษต่างๆ ไม่มีสิ้นสุด ทั้งควักหัวใจ ตัดเอว ใช้ม้าแยกร่าง ทอดน้ำมัน…”

 

 

ชุนเหนียงพูดพลางสังเกตสีหน้าของหลิงอวี้จื้อไปพลาง เห็นเธอตกใจจนตัวสั่นงันงก ก็รู้สึกพอใจอยู่ในใจ แม่สาวน้อยคนนี้ตกใจไม่เบาจริงๆ

 

 

“อย่างนั้นบ่าวจะทำอย่างไร ชุนเหนียง ช่วยบ่าวหน่อยเถิด ขอร้องเจ้าค่ะ”

 

 

“นี่ก็!”

 

 

ชุนเหนียงมองหลิงอวี้จื้ออย่างจงใจทำให้ลำบากใจ แววตาเปี่ยมด้วยความเสียดาย หลิงอวี้จื้อโขกหัวขอความเมตตาต่อ แสร้งทำท่าทางกลัวตายอย่างยิ่ง เดิมทีนางก็กลัวตาย เพียงแต่ไม่ได้แสดงออกในลักษณะแบบนี้

 

 

เมื่อเห็นว่าพอใช้ได้แล้ว ชุนเหนียงถึงได้เอ่ยปาก

 

 

“เห็นเจ้าน่าสงสาร ข้าช่วยเจ้าสักครั้งแล้วกัน ไม่ใช่ว่าจะไม่มีวิธี ดูแค่ว่าเจ้ากล้าหรือไม่”

 

 

“ชุนเหนียง ท่านรีบบอกมาเถิด”

 

 

“เจ้าก็รู้ว่าพรุ่งนี้เฟิงอิ๋นจะแต่งงานแล้ว ข้าไม่อยากให้นางสมหวัง หากเจ้าช่วยข้าทำเรื่องนี้สำเร็จ ถึงตอนนั้นข้าก็จะปกป้องชีวิตเจ้าต่อหน้าเจ้าสำนักเอง หากข้าเอ่ยปาก เจ้าสำนักคงไม่มีทางทำให้เจ้าลำบาก ซ้ำยังปล่อยเจ้าให้ออกไปจากที่นี่ด้วย”

 

 

“คือ…”

 

 

หลิงอวี้จื้อลังเลแล้ว แบบนี้ตรงกับใจเธอต้องการพอดี เธออยากจะรับปากในทันที แต่ทำแบบนั้นก็จะไม่สอดคล้องกับนิสัยตัวละครของเธอในขณะนี้

 

 

“โอกาสมีเพียงครั้งเดียว ทำไม่ทำก็แล้วแต่เจ้า”

 

 

พูดจบก็โบกมือให้หลิงอวี้จื้อออกไป หลิงอวี้จื้อหักใจ แล้วรับคำ

 

 

“ได้ ข้าช่วยท่านทำธุระ ชุนเหนียง ท่านต้องจำสิ่งที่ตกลงกับข้าเอาไว้นะเจ้าคะ”

 

 

ชุนเหนียงกวักมือด้วยความพอใจอย่างยิ่ง เป็นสัญญาณให้หลิงอวี้จื้อเข้าไปใกล้ๆ แล้วกระซิบกระซาบข้างหูหลิงอวี้จื้อ หลิงอวี้จื้อทำสายตาสงสัย สุดท้ายก็พยักหน้ารับคำ

 

 

พอเห็นหลิงอวี้จื้อรับคำแล้ว ชุนเหนียงก็วางใจ คราวนี้นางจะต้องตั้งใจกำจัดความกร่างของเฟิงอิ๋น อย่างดีที่สุดคือทำให้เฟิงอิ๋นกลับมาผงาดไม่ได้อีก

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 325 กังวลใจจริงๆ

 

 

พอออกมาจากเรือนชุนเหนียง หลิงอวี้จื้อก็เช็ดๆ ตา เมื่อครู่ร้องไห้ตั้งนาน ตาเริ่มบวมนิดนึงแล้ว

 

 

หน้าผากก็ยังเลือดออก ชุนเหนียงลงมือหนักขนาดนี้ อีกนิดเดียวจะทำเอาเธอเป็นลมแล้ว นางบอกว่าเพื่อเอาไว้รับมือการสอบสวนของเฟิงอิ๋น หวังว่าจะคุ้มค่ากับที่ลงทุนไป มิเช่นนั้นคราวนี้คงโดนรังแกไปโดยเปล่าประโยชน์จริงๆ

 

 

ระหว่างทางกลับไป เธอปล่อยมวยผมให้กระเซอะกระเซิงที่สุด ดูอ่อนแรงเหนื่อยล้าไปทั้งตัว

 

 

ขณะนี้เฟิงอิ๋นอยู่ที่ห้องของเซียวเหยี่ยน เห็นเธอกลับมา เฟิงอิ๋นก็ถามตรงๆ ว่า

 

 

“ชุนเหนียงเรียกเจ้าไปมีเรื่องอะไรหรือ”

 

 

หลิงอวี้จื้อคุกเข่ากับพื้นดังตึง เงยหน้าขึ้น น้ำตาอาบแก้ม

 

 

“วันนี้ชุนเหนียงมาหาท่านหลานเขยเจ้าค่ะ นางไม่สบายท้อง เป็นเพราะตัวเองไปกินอาหารจนท้องเสียมาแน่นอน

 

 

บ่าวรินชาให้นางหนึ่งถ้วย นางก็เอาแต่บอกว่าบ่าวใส่ยาลงไปในนั้น จะบังคับให้บ่าวยอมรับว่าผู้คุมเฟิงเป็นคนสั่งมา บ่าวบอกว่าไม่ใช่ นางก็ตีบ่าวจนมีสภาพเช่นนี้ บ่าวไม่มีหน้าจะมาพบท่านแล้วเจ้าค่ะ”

 

 

พอเห็นหน้าผากหลิงอวี้จื้อเลือดไหล ผมกระเซอะกระเซิง เฟิงอิ๋นก็มีสีหน้าขรึมลง จะตีหมายังต้องดูเจ้าของ ชุนเหนียงทำเช่นนี้แสดงว่าเอาสาวใช้คนนี้ไปตบตีต่างหน้า

 

 

นางเป็นตัวอะไร ก็แค่คนใช้ที่อาศัยการปรนนิบัติพัดวีเจ้าสำนักเพื่อเลื่อนขั้นเท่านั้น คิดว่าตนเองเป็นคนสำคัญจริงๆ เสียแล้ว

 

 

เซียวเหยี่ยนก็อยู่ในห้อง พอเห็นหลิงอวี้จื้อกำลังร้องไห้ ก็แค่กวาดตาแวบเดียว แล้วเคลื่อนสายตาไปที่อื่นอย่างเร็ว ราวกับไม่เห็นหลิงอวี้จื้ออย่างไรอย่างนั้น

 

 

“ในเมื่อเจ้าเป็นคนในเรือนข้า ต่อไปไม่อนุญาตให้ร้องไห้กระซิกอีก โดยเฉพาะต่อหน้าชุนเหนียง เช่นนี้ดูไม่จืดเลย”

 

 

เฟิงอิ๋นตีหน้าเคร่งพูดสั่งสอน

 

 

หลิงอวี้จื้อรีบเช็ดน้ำตา

 

 

“ผู้คุมกฎเฟิงสั่งสอนถูกแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจำได้แล้ว ต่อไปจะไม่ทำให้ผู้คุมกฎเฟิงขายหน้าอีก คราวนี้บ่าวไม่ได้เรื่องเองเจ้าค่ะ”

 

 

“ข้ารับรู้เรื่องนี้แล้ว เจ้าไปพันแผลสักหน่อย คืนนี้ไม่ต้องมารับใช้หลานเขยแล้ว”

 

 

“เจ้าค่ะ บ่าวขอตัวก่อนเจ้าค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรับปากแล้วถอยออกไป

 

 

ก่อนไปเธอแอบพิจารณาดูเซียวเหยี่ยนแวบหนึ่ง เห็นว่าตลอดเวลาที่อยู่ในห้องเซียวเหยี่ยนไม่มองตนเองเลย อารมณ์เธอก็ดำดิ่งลงมาก ดูท่าทางเขาคงจำเธอไม่ได้แล้ว เธอบาดเจ็บแบบนี้ เซียวเหยี่ยนไม่ชายตาดูเธอเลย หากเป็นปกติแบบเมื่อก่อนเขาจะต้องเข้ามาปลอบเธอตั้งนานแล้ว

 

 

พันแผลเสร็จแล้ว หลิงอวี้จื้อก็นอนเหยียดในห้องคนใช้อย่างหงุดหงิดไม่เป็นสุข เธอนอนห้องเดียวกับหมิ่นเอ๋อร์ ตอนนี้หมิ่นเอ๋อร์กำลังเข้ากะทำงาน ดังนั้นในห้องจึงมีเธอเพียงคนเดียว

 

 

ช่วงที่กำลังสะลึมสะลือนั้น รู้สึกว่ามีคนเข้ามาในห้อง เธอไม่กล้านอนหลับลึก ลืมตาขึ้น เห็นหมิ่นเอ๋อร์เดินเข้ามา เธอก็หาวหนึ่งครั้ง

 

 

“เข้ากะเสร็จแล้วหรือ”

 

 

“ข้ามาดูเจ้า เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

“ข้าไม่เป็นอะไร แค่รู้สึกมึนหัวเล็กน้อย”

 

 

หมิ่นเอ๋อร์ยื่นขวดกระเบื้องสีดำให้ ยิ้มพูดว่า

 

 

“ข้าเปิดดูแล้ว นี่คือยาจินช่วง [1] ไม่รู้ใครมาวางเอาไว้ตรงปากประตู ข้าแค่หยิบเข้ามาให้เจ้า เจ้ารีบทาสิ”

 

 

หลิงอวี้จื้อรับยาไป

 

 

“ก่อนหน้านี้ข้าหลับไปแล้ว ผู้คุมกฎเฟิงอาจจะให้คนเอามาวางไว้ที่นี่”

 

 

“ผู้คุมกฎเฟิงดีกับเจ้าจริงๆ ”

 

 

หมิ่นเอ๋อร์ทำหน้าอิจฉา หลิงอวี้จื้อยิ้ม ที่จริงเธอแปลกใจมากว่าใครเอาขวดยานี้มาวางไว้ตรงประตู อย่างไรเสียก็ไม่มีทางเป็นเฟิงอิ๋นแน่ หรือว่าเป็นมั่วชิง

 

 

หมิ่นเอ๋อร์พูดไม่กี่ประโยคก็ไปก่อนแล้ว หลิงอวี้จื้อพิงขอบเตียง หยิบยามาแต่ไม่กล้าทา ถึงแม้หมิ่นเอ๋อร์บอกแล้วว่าเป็นยาจินช่วง เธอก็ยังกลัวว่ายานี้อาจจะมีปัญหา เธอกับหมิ่นเอ๋อร์เพิ่งจะรู้จักกัน ยังไม่กล้าเชื่อคำพูดของหมิ่นเอ๋อร์

 

 

 

 

——

 

 

[1] ยาจินช่วง(金创药)เป็นยาใช้พอกสมานแผลที่บาดเจ็บจากอาวุธพวกโลหะ