ตอนที่ 326 ความรู้สึกนั้นช่างแทงใจดำเหลือเกิน / ตอนที่ 327 คู่รักฟ้าประทาน

ชายาหยุดเย้าข้าเสียทีเถิด

ตอนที่ 326 ความรู้สึกนั้นช่างแทงใจดำเหลือเกิน

 

 

คราวนี้ประตูห้องถูกคนผลักเปิดเบาๆ มู่หรงนี่อวิ๋นรีบสาวเท้าเดินมาข้างเตียงหลิงอวี้จื้อ เห็นหลิงอวี้จื้อมีแผลที่หัว ก็ทำหน้าเจ็บปวดถามว่า

 

 

“หน้าผากเจ้าเป็นอะไร”

 

 

หลิงอวี้จื้อเล่าเรื่องทั้งหมดคร่าวๆ เมื่อได้ยินขั้นตอนทั้งหมดแล้ว มู่หรงนี่อวิ๋นก็เอาแต่ส่ายหน้า

 

 

“อันตรายเกินไป หากโดนจับได้ เจ้าจะเอาตัวรอดอย่างไร”

 

 

“จะโดนจับได้ได้อย่างไร หากข้าไม่มีความสามารถนี้แม้แต่น้อย จะมีหน้าไปเป็นพระชายาอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เสียที่ไหน

 

 

สองคนนี้แค้นเคืองกันมาก่อนแล้ว ข้าแค่ช่วยผสมโรงอยู่ที่นี่ก็พอแล้ว ไม่ว่าอย่างไร ต้องยับยั้งการแต่งงานวันพรุ่งนี้ให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน แล้วทางเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นถอนหายใจเบาๆ หนึ่งครั้ง

 

 

“อย่าพูดถึงเลย มั่วชิงยังคอยรับใช้อยู่ข้างใน นึกไม่ถึงว่าจะแบ่งงานให้ข้าไปกวาดลานบ้าน ยังดีที่เป็นงานสบายๆ ข้าไม่วางใจเรื่องเจ้า จึงตั้งใจมาดูเจ้าสักหน่อย”

 

 

หลิงอวี้จื้อกลั้นขำไม่ไหว

 

 

“กวาดลานบ้านเป็นงานที่จะไม่เผยตัวตนของเจ้าที่สุดแล้ว เหมาะกับเจ้ามาก”

 

 

“เจ้ายังกล้ามีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่นอีกหรือ ข้าอัดอั้นมามากพอแล้ว ช่วงบ่ายตอนที่ข้ากวาดพื้น อยู่ๆ ก็ได้ยินเรื่องๆ หนึ่ง จริงๆ ที่ข้ามาก็เพื่อบอกเรื่องนี้กับเจ้าด้วย”

 

 

“เรื่องอะไรหรือ”

 

 

หลิงอวี้จื้อถามอย่างจริงจัง

 

 

“ได้ยินแม่นมชราสองคนบอกว่าขาดยาอีกหนึ่งตัวก็จะสำเร็จแล้ว พวกนางดูเหมือนจะกำลังผลิตยาที่ทำให้คนตายฟื้นขึ้นมา ข้าอยู่ไกล ได้ยินไม่ค่อยชัดเจน เรื่องก็คงเป็นประมาณนี้”

 

 

“นั่นไม่ใช่นักรบไร้ชีพของสำนักอู๋จี๋หรอกหรือ”

 

 

“ไม่ใช่ ฟังจากน้ำเสียงของพวกนาง สำนักอู๋จี๋ทำเรื่องนี้มาหลายปีมากแล้ว นับรบไร้ชีพมีมาแต่เดิมแล้ว ไม่ใช่การฟื้นคืนชีพในลักษณะนี้แน่นอน

 

 

การฟื้นคืนชีพเช่นนี้มีประโยชน์อะไร เป็นเพียงแค่หุ่นเชิดเท่านั้น มิหนำซ้ำพวกนางยังพูดถึงอ๋องอะไรสักอย่าง ข้าได้ยินไม่ค่อยแม่นยำชัดเจน เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวพันกับราชสำนัก”

 

 

หลิงอวี้จื้อชักสนใจขึ้นมาแล้ว ซักถามต่อ

 

 

“นอกจากเรื่องพวกนี้แล้วยังได้ยินอะไรมาอีก”

 

 

“ไม่มีแล้ว ที่ปรุงยาอยู่ที่เรือนตะวันตก ข้าไปสืบถามมาแล้ว ที่นั่นเป็นเขตหวงห้าม มีทหารยามเฝ้าอยู่ข้างนอก ห้ามคนอื่นเข้าไป ไม่มีใครรู้ว่าข้างในนั้นมีอะไรอยู่”

 

 

“จะอะไรเสียอีกล่ะ ก็พวกของบ้าๆ ที่สำนักอู๋จี๋ปรุงแต่งขึ้นมานั่นแหละ ข้าสงสัยว่าสำนักอู๋จี๋ก็มีนักรบไร้ชีพ เอาละ เอาละ อย่าพูดเรื่องไร้สาระกันเลย ที่นี่มีคนไปๆ มาๆ ตลอดเวลา เจ้าออกไปก่อนเถิด มีอะไรข้าค่อยไปหาเจ้า”

 

 

มู่หรงนี่อวิ๋นยังอยากอยู่ต่ออีกสักหน่อย แต่ก็กังวลว่าจะมีใครมาพบเข้า ที่นี่เป็นสำนักอู๋จี๋เสียด้วย พวกเขาสองสามคนแฝงตัวเข้ามา อย่างไรก็ยังอันตรายมาก พวกเขาจะประมาทเลินเล่อไม่ได้เด็ดขาด

 

 

พอมู่หรงนี่อวิ๋นไปแล้ว หลิงอวี้จื้อก็อยากนอนหลับสักครู่ สะลึมสะลือจนผล็อยหลับไปจริงๆ ในความฝัน เธอเห็นเซียวเหยี่ยนจูงมือเฟิงอิ๋นไปกราบไหว้ฟ้าดิน เธอเรียกเซียวเหยี่ยนสุดแรง แต่เซียวเหยี่ยนไม่มีปฏิกิริยาใดๆ จับมือเฟิงอิ๋นเอาไว้ตลอด เธอตกใจตื่นขึ้นมาทันที

 

 

พอตื่นแล้ว หลิงอวี้จื้อก็ยื่นมือออกไป ลูบหน้าผากมีแต่เหงื่อ เธอมองออกไปข้างนอก ฟ้าเริ่มสางแล้ว หมิ่นเอ๋อร์ที่อยู่เตียงตรงข้ามยังนอนหลับสนิทอยู่

 

 

เธอไม่มีอารมณ์จะนอนแล้ว จึงสวมเสื้อผ้าลุกจากเตียงเสียเลย ข้างนอกประดับอักษรมงคลสีแดงทั่วไปหมด ส่วนแนวระเบียงทางเดินมีโคมแดงใหญ่แขวนอยู่ บนโคมก็ติดอักษรมงคลสีแดงไว้เช่นกัน

 

 

เห็นสิ่งเหล่านี้ หลิงอวี้จื้อก็รู้สึกบาดตาเหลือเกิน ตอนที่เซียวเหยี่ยนออกจากเมืองหลวงยังบอกเธอให้รอเขากลับมาอยู่เลย บอกให้รอถึงวันปีใหม่ก็จะไปสู่ขอเธอ แต่ตอนนี้เธอกลับต้องมาเป็นผู้ชมการแต่งงานของเขากับผู้หญิงอื่น ความรู้สึกนั้นช่างแทงใจดำเหลือเกิน

 

 

เห็นอักษรมงคลที่ติดบนหน้าต่าง เธอก็ยื่นมือไปกำลังจะฉีกออก เพิ่งจะแตะโดนอักษรมงคลนั้น เสียงของเฟิงอิ๋นก็ดังขึ้นข้างหลังเธอ

 

 

“เจ้ากำลังทำอะไร”

 

 

 

 

 

 

ตอนที่ 327 คู่รักฟ้าประทาน

 

 

หลิงอวี้จื้อหันกลับไป ทำหน้าเริงร่า

 

 

“บ่าวเห็นอักษรมงคลตัวนี้ติดไม่แน่น จึงตั้งใจติดใหม่ให้ดี ยินดีกับผู้คุมกฎเฟิงด้วยเจ้าค่ะ”

 

 

“ข้างนอกฟ้าเพิ่งจะสาง เหตุใดเจ้าถึงตื่นเร็วเช่นนี้”

 

 

“เมื่อวานผู้คุมกฎเฟิงมิได้ตำหนิบ่าว บ่าวรู้สึกขอบพระคุณอย่างยิ่งเจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันมงคลของผู้คุมกฎ บ่าวจึงอยากตื่นเช้าสักหน่อย ดูว่าช่วยอะไรได้บ้าง ผู้คุมกฎจะไปเยี่ยมท่านหลานเขยใช่หรือไม่เจ้าคะ บ่าวจะช่วยประคองท่านเข้าไปเจ้าค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อพูดจบก็เข้าไปหาอย่างเอาใจใส่ เฟิงอิ๋นอารมณ์ดีทีเดียว และไม่ได้จุกจิกกับหลิงอวี้จื้อ ใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางๆ

 

 

“นับว่าเจ้ามีความตั้งใจดี”

 

 

พูดจบก็ยื่นมือให้หลิงอวี้จื้อ ให้หลิงอวี้จื้อช่วยประคองนาง

 

 

ตอนแรกหลิงอวี้จื้อคิดจะใช้เซียวเหยี่ยนเป็นข้ออ้างไปหาเฟิงอิ๋น แบบนี้ก็ดี ประหยัดแรงไปหนึ่งเรื่อง

 

 

เซียวเหยี่ยนแต่งตัวเรียบร้อยแต่เช้าแล้ว นั่งอยู่ข้างหน้าโต๊ะน้ำชา ดูเหมือนกำลังเขียนอะไร

 

 

บนโต๊ะน้ำชาจุดตะเกียงน้ำมันไว้หนึ่งดวง เห็นเฟิงอิ๋นเข้ามา เซียวเหยี่ยนก็ดึงเฟิงอิ๋นไปอย่างอ่อนโยน หยิบกระดาษเซวียนจื่อบนโต๊ะให้เฟิงอิ๋นดู ในนั้นมีเพียงห้าพยางค์ คู่รักฟ้าประทาน

 

 

หลิงอวี้จื้อยืนอยู่ข้างหลังเฟิงอิ๋น เธอย่อมมองเห็นได้อย่างชัดเจน เห็นคำห้าพยางค์นั้น ใจเธอเหมือนโดนเข็มแทง เจ็บแปลบ เจ็บจี๊ด

 

 

นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะเขียนคำห้าพยางค์นี้ให้เฟิงอิ๋น หากพวกเขาเป็นคู่รักฟ้าประทาน แล้วเธอเป็นอะไร

 

 

เฟิงอิ๋นอารมณ์ดีถึงขีดสุด แอบอิงอ้อมอกเซียวเหยี่ยน สีหน้ามีความสุข หลิงอวี้จื้อทนดูต่อไปไม่ไหวจริงๆ จึงรีบหลบตาลง เผื่อควบคุมตนเองไม่อยู่แล้วจะทำให้เฟิงอิ๋นจับพิรุธได้

 

 

“อุ๊ย ข้างนอกฟ้าสว่างแล้ว ผู้คุมกฎเฟิงควรจะกลับไปแต่งหน้าหวีผมแล้ว ท่านหลานเขยกับผู้คุมกฎยังไม่ได้กราบไหว้ฟ้าดิน ตอนนี้ท่านหลานเขยก็ไม่สะดวกไปส่งผู้คุมกฎเฟิง เช่นนั้นบ่าวส่งผู้คุมกฎเฟิงกลับไปแทนท่านหลายเขยนะเจ้าคะ!”

 

 

แม้ใบหน้าหลิงอวี้จื้อจะมีรอยยิ้มสดใส แต่จิตใจย่ำแย่ไปหมด ดีที่ตนเองเป็นนักแสดงมืออาชีพ รู้จักการควบคุมอารมณ์ตนเอง มิเช่นนั้นคงไม่มีทางแสดงออกได้ดีขนาดนี้

 

 

“เฟิงอิ๋น ให้นางไปส่งเจ้าแล้วกัน เช่นนี้ข้าจะได้วางใจด้วย”

 

 

น้ำเสียงเซียวเหยี่ยนอบอุ่น เพิ่งจะสิ้นเสียงของเขา เฟิงอิ๋นก็หอมแก้มเซียวเหยี่ยนต่อหน้าหลิงอวี้จื้อ เซียวเหยี่ยนมิได้ปฏิเสธ ซ้ำยังลูบหัวเฟิงอิ๋นด้วย

 

 

หลิงอวี้จื้อเกือบจะพุ่งเข้าไปดึงเฟิงอิ๋นออก แต่ก็ควบคุมตนเองไว้ให้มั่น ได้แต่บอกตัวเองไม่หยุดหย่อนว่าเซียวเหยี่ยนสูญเสียความทรงจำไปแล้ว โกรธไม่ได้นะ โกรธไม่ได้

 

 

หลิงอวี้จื้อรู้สึกว่าตนเองเป็นเทพไปแล้วจริงๆ เผชิญเรื่องแบบนี้ยังยิ้มออกมาได้ เธอยังนับถือตนเอง ที่ถือว่าทั้งหมดนี้เป็นแค่ละครฉากหนึ่งโดยสมบูรณ์แบบ

 

 

ความใกล้ชิดของเซียวเหยี่ยนได้ผลกับเฟิงอิ๋นอย่างยิ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าไม่หายไปเลย เธอพยักหน้าให้เซียวเหยี่ยน เตรียมจะออกจากห้อง

 

 

หลิงอวี้จื้อประคองมือเฟิงอิ๋นอย่างเอาใจใส่ สองคนเดินไปทางห้องของเฟิงอิ๋นด้วยกัน ตลอดทาง หลิงอวี้จื้อปรนนิบัติอย่างทั่วถึงมาก คอยถามไถ่ทุกข์สุขอยู่ไม่ขาด หากเธอมีวิทยายุทธ์ จะต้องบีบมือเฟิงอิ๋นแตกกระจุยแน่นอน

 

 

เมื่อถึงห้องของเฟิงอิ๋น หลิงอวี้จื้อก็ประคองเฟิงอิ๋นนั่งลง พูดอย่างกระตือรือร้น

 

 

“ผู้คุมกฎเฟิง บ้านเกิดของบ่าวมีกฎอย่างหนึ่งคือ ตอนที่ผู้หญิงแต่งงานจะให้คนจากฝั่งผู้ชายมาหวีผมให้เจ้าสาว เมื่อเจ้าสาวแต่งไปแล้วทุกอย่างจะได้ราบรื่น เช่นนั้นให้บ่าวเป็นตัวแทนของคนฝั่งท่านหลานเขยหวีผมให้ผู้คุมกฎเฟิงดีไหมเจ้าคะ จะได้เป็นการเริ่มต้นที่ดีด้วยเจ้าค่ะ”

 

 

หลิงอวี้จื้อมีหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอยู่แล้ว ประกอบกับวันนี้เฟิงอิ๋นอารมณ์ดีมาก ได้ยินหลิงอวี้จื้อพูดถึงเรื่องนี้ ก็ตอบรับไปโดยไม่ได้คิดด้วยซ้ำ

 

 

“ให้เจ้าเป็นคนหวีผมให้ข้าก็แล้วกัน แม่สาวน้อย เจ้าชื่ออะไรหรือ”