ตอนที่ 205 คืนลมฝนกระหน่ำ 

 

 

การอยู่ในวัง แผนการนั้นคนเป็นคนกำหนด ส่วนจะสำเร็จหรือไม่ขึ้นอยู่กับฟ้า 

 

 

แรกเริ่มในคืนนี้ลมราตรียังพัดอย่างสงบ แต่จู่ๆ เกิดมีฝนตกหนักลงมา สายลมบ้าคลั่งพัดกิ่งท้อกระทบหน้าต่าง พาใจให้รู้สึกหงอยเหงา 

 

 

สวี่อี้หาผ้าคลุมมาคลุมให้เซียงฉือ ลมในยามราตรีจะค่อนข้างเย็น 

 

 

เซียงฉือเห็นปฏิกิริยานั้นแล้วก็หันกายกลับมายิ้มน้อยๆ กับนาง 

 

 

“ขอบใจมาก สวี่อี้” 

 

 

สวี่อี้ยิ้มตอบจางๆ อารมณ์สบายๆ ของเมื่อครู่ถูกเก็บขึ้นแล้ว ทั้งสองหยุดสนทนาเรื่องบทกลอนความรัก เพราะเพิ่งมีข่าวคราวเข้ามาถึงหูของสวี่อี้เมื่อครู่ 

 

 

พวกนางจัดแจงเสื้อผ้าให้กระชับ รอคอยคนที่พวกนางเฝ้ารอมาทั้งคืนคนนั้น 

 

 

“น้องสาวคนดี วันนี้แหละที่จะเปิดโปงโฉมหน้าแท้จริงของคนคนนั้น ไม่ต้องเป็นห่วง ถึงจะไม่มีหลักฐานโดยตรง แต่เพียงความเคลื่อนไหวของนางในวันนี้ อย่างไรพวกเราก็มีโอกาสแล้ว” 

 

 

สวี่อี้พูดจบก็ถือโคมไฟเดินนำออกประตูไป นางพาหมัวหมัวผู้ดูแลของกองคดีไปด้วยสองคน ทั้งยังมีทหารองครักษ์ที่จัดเตรียมไว้อีก 

 

 

คืนนี้นางจะปิดประตูตีแมวจึงจงใจปล่อยด้านหน้าของกองคดีให้ว่างแต่กระชับข้างในไว้ เพื่อจะล่อให้พวกตีนแมวคิดว่าสบโอกาส 

 

 

เมื่อครู่หลิวหมัวหมัวมาแจ้งว่ามีคนของตำหนักอวี้หยวนมาจริงๆ 

 

 

สวี่อี้กับเซียงฉือจะยังไม่ปรากฏตัวออกมา สวี่อี้สั่งการหลิวหมัวหมัวแล้วให้นางออกไปต้อนรับ ส่วนพวกนางหลบอยู่ในมุมมืดเพื่อแอบดูฝ่ายตรงข้าม 

 

 

“แม่นางมาจากตำหนักไหน ดึกป่านนี้แล้วเหตุใดจึงมายังกองคดีอีก” 

 

 

หลิวหมัวหมัวก็เป็นคนผ่านประสบการณ์มามาก ถึงแม้จะตื่นเต้นอยู่บ้าง แต่เมื่อเห็นอีกฝ่ายหนึ่งเป็นเพียงหญิงสาวจึงค่อยวางใจและเป็นธรรมชาติขึ้น 

 

 

นางผ่อนคลายแล้วแต่อีกฝ่ายคือมั่วมั่วที่ยังตื่นเต้น ถึงหลิ่วเหยียนจะกำชับไว้หลายรอบ แต่เมื่อมาถึงกองคดีจริงๆ ก็ไม่วายต้องหวาดกลัว 

 

 

อีกทั้งลมฝนที่ข้างนอกยิ่งทำให้ใจนางหวั่นไหว 

 

 

“หมัวหมัว ข้ามาจากตำหนักอวี้หยวน แม่นางเซียงฉือถูกคุมขังอยู่ในกองคดีนี้ ข้าได้รับพระบัญชาจากกุ้ยเฟยให้มาส่งเสบียงให้นาง และยังมีคำพูดที่จะฝากถึงนางอีกด้วย ขอหมัวหมัวได้โปรดอำนวยความสะดวกให้ด้วยเถิด” 

 

 

หลิวหมัวหมัวฟังคำพูดนั้นแล้วไม่รู้ว่าเชื่อหรือไม่ แต่ใบหน้ายิ้มแย้มอย่างประจบ ทำให้เซียงฉือที่แอบอยู่ด้านข้างต้องยกหัวแม่มือไปทางสวี่อี้ 

 

 

คนที่เลือกไม่เพียงร้ายกาจแต่การแสดงก็ยังดีอีกด้วย ฉากนี้หากเป็นตนเองก็คงจะหลงเชื่อเช่นกัน ในวังนี้เป็นที่ซ่อนเสือซุ่มมังกรจริงๆ 

 

 

“โอ้ย พวกเราในวังมีใครบ้างที่ไม่รู้ว่าอีกหน่อยกุ้ยเฟยก็จะได้เป็นฮองเฮาอย่างแน่นอน พระดำรัสของกุ้ยเฟยก็คือพระราชเสาวนีย์ข้ารู้ดี แม่นางพูดแบบนี้เห็นเป็นอื่นไกลไปได้” 

 

 

“ข้าจะส่งเสบียงเข้าไปให้เอง แม่นางรออยู่ในห้องนี้สักครู่ก่อนก็แล้วกัน” 

 

 

หลิวหมัวหมัวพูดให้มั่วมั่วคลายกังวลแล้วจะนำเสบียงไปจากมือนาง 

 

 

แต่มั่วมั่วเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้วย่อมไม่มีทางที่จะล้มเลิก นางยึดอีกด้านหนึ่งของกล่องอาหารไว้แล้วยิ้มกระอักกระอ่วน 

 

 

“เมื่อครู่หมัวหมัวคงยังฟังไม่ชัดเจน กุ้ยเฟยของพวกเรามีพระดำรัส จะให้ข้าบอกกับแม่นางเซียงฉือด้วยตนเอง ถ้าหมัวหมัวเป็นคนที่เข้าใจอะไรดีก็ควรให้ข้าเข้าไปเอง” 

 

 

คำพูดพวกนี้หลิ่วเหยียนเป็นคนสอนนางมา นางเป็นเพียงคนรับใช้ระดับล่างในตำหนักที่วันๆ ทำแต่งานหนัก เรื่องแบบนี้หากไม่ใช่หลิ่วเหยียนแนะนำให้ มีหรือที่นางจะกล้าพูดออกมา 

 

 

แต่ถึงจะเป็นเช่นนี้ เอาเข้าจริงกลับไม่มีความมั่นใจเพียงพอ หลิวหมัวหมัวเหลือบมองดูนาง เริ่มรู้สึกไม่พอใจ “แม่นางพูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร เพราะข้าหวังดีหรอกนะ ในคุกน่ะมีหนูยั้วเยี้ยไปหมด แมลงสาบก็แทบจะกินคนได้ แม่นางไม่รับความหวังดีก็ช่าง แต่พูดแบบนี้หมายความว่าอย่างใด”