บทที่ 366 นักพรตหญิงชินช่วยข้าด้วย

เซียนกระบี่มาแล้ว![剑仙在此]

ตอนที่ 366 นักพรตหญิงชินช่วยข้าด้วย

 

 

“ทำไมท่านถึงมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้น” หลิงเฉินพูดด้วยน้ำเสียงที่บอกว่าหลินเป่ยเฉินทำความผิดมหันต์ นางยกมือปาดน้ำตา แต่ในพริบตาต่อมาก็กลับมายิ้มแย้มอีกครั้งเหมือนไม่เคยมีสิ่งใดเกิดขึ้นมาก่อน แล้วเด็กสาวก็กล่าวออกมาในที่สุดว่า “ท่านจับได้แล้วสินะว่าเราไม่เคยรู้จักกัน”

 

 

ความรู้สึกผิดของหลินเป่ยเฉินสลายหายวับไปทันที

 

 

นี่มันอะไรกัน?

 

 

ยอมรับกันง่ายๆ แบบนี้เลยหรือ?

 

 

ต่อให้เคยคาดเดาคำตอบอยู่ก่อนแล้ว แต่เมื่อได้รับคำยืนยันจริงๆ หลินเป่ยเฉินก็ถึงกับไปต่อไม่ถูก

 

 

“สัญชาตญาณของข้าถูกต้องจริงๆ ด้วย”

 

 

หลินเป่ยเฉินพูดด้วยความภาคภูมิใจ

 

 

“หุหุ ดูเหมือนท่านจะภูมิใจเหลือเกินนะ” หลิงเฉินทำปากยื่น ขมวดคิ้ว กัดริมฝีปาก น้ำตาคลอเต็มสองเบ้าอีกครั้ง แล้วบรรยากาศในป่าไผ่ก็เหมือนกลับกลายเป็นฤดูใบไม้ผลิขึ้นมาทันที แม้แต่ผู้ที่มีหัวใจเย็นชาที่สุดก็ยังอดรู้สึกหวั่นไหวให้กับความน่ารักของหลิงเฉินไม่ได้

 

 

นางมีลักษณะหลายอย่างคล้ายคลึงกับนักพรตหญิงชิน

 

 

ถ้าหลิงเฉินเติบโตไปมีอายุ 20 กว่าปี นางก็จะต้องงดงามหยาดเยิ้มไม่แพ้นักพรตหญิงชินอย่างแน่นอน เพียงแต่ว่าหลิงเฉินคงไม่ได้หันมาเอาดีทางด้านศาสนาเหมือนนักพรตหญิงชินเท่านั้นเอง

 

 

แต่ไม่มีสิ่งใดที่จะสามารถเอาชนะเสน่ห์ของเส้นผมสีเงินยวงของนักพรตหญิงชินได้อีกแล้ว

 

 

หลินเป่ยเฉินนำรูปลักษณ์ของหลิงเฉินกับนักพรตหญิงชินมาเปรียบเทียบกันโดยไม่รู้ตัว

 

 

เอ่อ

 

 

ไม่มีทาง

 

 

เขาไม่ใช่คนแบบนั้นสักหน่อย

 

 

อีกอย่าง นี่ก็คงนับเป็นเรื่องปกติกระมัง

 

 

บุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาอย่างเขา ย่อมต้องสนใจหญิงสาวหน้าตาสะสวยเป็นธรรมดา

 

 

แต่เขารู้สึกได้ว่าวันนี้หลิงเฉินมีความผิดปกติบางอย่าง

 

 

นับตั้งแต่ที่เคยพบหน้านางครั้งแรกเมื่อหลายเดือนก่อน หลินเป่ยเฉินก็ไม่เคยเห็นลักษณะท่าทีอ่อนหวานเจ้าน้ำตาของหลิงเฉินในรูปแบบนี้มาก่อน เพราะส่วนใหญ่แล้วถ้านางไม่เป็น ‘เจ้าหญิงเย็นชา’ ก็ต้องเป็น ‘สาวน้อยผู้สดใส’ อย่างใดอย่างหนึ่งเท่านั้น

 

 

หลินเป่ยเฉินเคยพบตัวตนของนางตอนที่เป็นเจ้าหญิงเย็นชามาแล้ว

 

 

เช่นเดียวกับตอนที่นางเป็นสาวน้อยผู้สดใส

 

 

แต่วันนี้ หลินเป่ยเฉินรู้สึกเหมือนกับว่าเด็กสาวกำลังแสดงตัวตนที่สามผู้อ่อนหวานทรงเสน่ห์ออกมาอย่างไรอย่างนั้น

 

 

เด็กหนุ่มนึกย้อนไปถึงสารคดีที่เกี่ยวกับชายหนุ่มหลายบุคลิกซึ่งเขาเคยดูตอนอยู่โลกมนุษย์ ถ้าจำไม่ผิดหมอนั่นมีบุคลิกที่แตกต่างอยู่ในตัวเองถึง 24 บุคลิก และแต่ละบุคลิกก็มีลักษณะนิสัยรวมถึงความชำนาญแตกต่างกันไป และทุกบุคลิกจะสลับสับเปลี่ยนกันออกมาที่โลกภายนอกตามระยะเวลาอันเหมาะสม…

 

 

เมื่อคิดได้ดังนั้น หลินเป่ยเฉินก็มองหน้าเด็กสาวด้วยแววตาสงสารขึ้นมาจับใจ

 

 

ที่แท้นางก็เป็นคนป่วย

 

 

ไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมหลิงเฉินถึงได้มาชอบเขา

 

 

นั่นเป็นเพราะว่าความผิดปกติทางสมองที่เกิดขึ้น คงทำให้หนึ่งในบุคลิกที่ซ่อนอยู่ในตัวหลิงเฉินตกหลุมรักเขาตั้งแต่แรกเห็น ในขณะที่บุคลิกอื่นๆ ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดกับเขาเป็นพิเศษ

 

 

นี่ต้องโทษว่าหลินเป่ยเฉินเกิดมาหล่อเหลามากเกินไปแล้วจริงๆ

 

 

มิน่าเล่า ท่านเจ้าเมืองและภรรยาถึงไม่ค่อยอยากให้บุตรสาวออกมารับแขกสักเท่าไหร่

 

 

เพราะกลัวว่าหลิงเฉินจะอาการกำเริบต่อหน้าผู้คนจำนวนมากนั่นเอง

 

 

รวมถึงที่พวกท่านต้องการขัดขวางความรักระหว่างพวกเขาด้วย

 

 

หากไม่ใช่เป็นเพราะเหตุผลนั้น มีหรือที่ท่านเจ้าเมืองจะปฏิเสธเด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา และมีความสมบูรณ์แบบในทุกๆ ด้านอย่างเขา ไม่ให้เข้ารับตำแหน่งลูกเขยในอนาคตได้ลงคอ

 

 

เวลาเพียงชั่วกะพริบตา หลินเป่ยเฉินสามารถนึกถึงซีรีส์ออนไลน์แนวรักโรแมนติกและลึกลับเขย่าขวัญ รวมถึงซีรีส์แนวโรแมนติกผสมกำลังภายในได้หลายร้อยตอน

 

 

“ตกลงท่านจะไม่เชิญข้าเข้าไปในบ้านจริงๆ หรือ?”

 

 

หลิงเฉินถามพร้อมกับยิ้มหวาน “นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ข้ามาหาท่าน แต่ท่านก็ไม่ยอมให้ข้าเข้าดูห้องนอนของท่านเลย”

 

 

หลินเป่ยเฉินมีสีหน้าวิตกกังวลขึ้นมาแล้ว

 

 

จะเข้าไปทำไมล่ะ?

 

 

ไปดูห้องนอนของเขาเนี่ยนะ?

 

 

ถ้าเข้าไปดูเฉยๆ ก็ไม่เป็นไรหรอก แต่ถ้าเกิดหลิงเฉินหน้ามืดทนความหล่อเหลาของเขาไม่ไหว คิดปลุกปล้ำหลินเป่ยเฉินคนนี้ขึ้นมา แล้วเขาจะทำอย่างไรดี?

 

 

“ถ้าอยากเข้านักล่ะก็… เชิญ”

 

 

เด็กหนุ่มหมุนตัวและเดินนำทาง

 

 

หลิงเฉินเดินตามเข้ามาในตำหนักไม้ไผ่และกวาดสายตามองรอบตัวด้วยความอยากรู้อยากเห็น

 

 

“บอกไว้ก่อนนะว่าข้าไม่ได้ชอบท่าน แต่เป็นตัวข้าอีกคนหนึ่งต่างหากที่ชอบท่าน เพราะฉะนั้น เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอะไรกับข้าเลย” เด็กสาวคลี่ยิ้มระหว่างที่นั่งลงบนเก้าอี้ตัวหนึ่งในห้องรับแขก หันมามองหน้าหลินเป่ยเฉินด้วยแววตาที่เหมือนอยากจะกลืนกินเขาทั้งตัว “ข้าจะให้ท่านได้ครอบครองของลับของข้า ดีหรือไม่?”

 

 

หืม?

 

 

ขะ… ของลับ?

 

 

ในห้องรับแขกเนี่ยนะ?

 

 

ตรงนี้เลยหรือ?

 

 

หลินเป่ยเฉินพูดตะกุกตะกักว่า “คงไม่ดีกระมัง…”

 

 

เสียงพูดยังไม่ทันขาดหาย

 

 

เด็กหนุ่มก็ต้องชะงักกึก

 

 

เพราะบนใบหน้าขาวใสของหลิงเฉินพลันปรากฏรอยเส้นสีแดงขึ้นเต็มไปหมด ใบหน้าของเด็กสาวในขณะนี้มีสภาพไม่ต่างไปจากไข่ไก่ที่ถูกกะเทาะจนแตกร้าว แต่ลวดลายสีแดงเหล่านั้นกลับเสริมสร้างเสน่ห์บางอย่างให้แก่หลิงเฉินได้อย่างแปลกประหลาดนัก

 

 

“เจ้า…”

 

 

สีหน้าหลินเป่ยเฉินปรากฏความตื่นกลัวขึ้นมาทันที เขาดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้เหมือนก้นติดสปริง แต่ก็สะดุดขาตัวเองล้มชนข้าวของตกแตกกระจายระเนระนาด

 

 

วูบ!

 

 

อากวงที่กำลังเล่นอยู่กับหมาป่าน้ำแข็งด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาในห้องรับแขกด้วยความเร็วไว

 

 

“จี๊ด!”

 

 

มันส่งเสียงคำรามในลำคอ แยกเขี้ยวอวดฟันที่คมเหมือนกริช ขนสีขาวบนลำตัวตั้งชันเหมือนเข็มแหลม ร่างกายที่อ้วนพีโค้งงอพร้อมกระโจนเข้าโจมตีได้ตลอดเวลา

 

 

หลินเป่ยเฉินลุกขึ้นมาเห็นดังนั้นก็รู้สึกโล่งใจเล็กน้อย

 

 

คิดไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาแห่งความเป็นความตาย อากวงจะปรากฏตัวขึ้นเพื่อปกป้องเจ้านาย

 

 

นี่แสดงให้เห็นว่าอดีตราชันย์หนูอสูรภักดีกับเขามากกว่าหวังจงไม่รู้กี่เท่า

 

 

“ว๊าย หนูอสูรจริงหรือเปล่าเนี่ย ทำไมน่ารักจังเลย”

 

 

หลิงเฉินยกมือปิดปากหัวเราะคิกคัก

 

 

ฟันของนางงอกยาวเหมือนเขี้ยวเสือ แหลมคมราวกับใบมีด ในเวลาเดียวกันนั้น ดวงตาก็เป็นประกายสีแดงฉานวูบวาบ

 

 

“จี๊ด?”

 

 

อากวงชะงักกึก

 

 

หลิงเฉินหันไปอ้าแขนพูดกับมันว่า “ไอ้ต้าวหนูน้อยตะเล้กตะมุตะมิ มาให้พี่สาวกอดหน่อยเร็ว”

 

 

อากวงเลิกแยกเขี้ยวขู่ ตัวที่พองฟูก็กลับมาเป็นปกติดังเดิม มันเดินเข้าไปหาหลิงเฉินด้วยความเชื่อฟังเป็นอย่างดี สุดท้ายก็กระโดดเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของนางเหมือนกับแมวน้อยเชื่องๆ ตัวหนึ่ง

 

 

สถานการณ์กลับตาลปัตรอีกครั้ง

 

 

อดีตราชันย์หนูอสูรหลับตาพริ้ม ปล่อยให้หลิงเฉินลูบหัวมันอย่างออดอ้อน

 

 

หลินเป่ยเฉินพูดอะไรไม่ออก

 

 

ให้ตายเถอะ…

 

 

หวังจงไปมุดหัวอยู่ที่ไหนเนี่ย?

 

 

หากพ่อบ้านชรากลับมาเมื่อไหร่ หลินเป่ยเฉินจะสั่งให้หวังจงนำหนูอสูรตัวนี้ไปต้มน้ำซุปรับประทานซะ

 

 

“เด็กดี เด็กดี” ในระหว่างที่หลิงเฉินเล่นอยู่กับอากวง รอยเส้นสีแดงบนใบหน้าของนางก็หายไป เช่นเดียวกับเขี้ยวยาวที่งอกออกมาจากด้านในปาก และดวงตาก็กลับมาเป็นปกติแล้วเช่นกัน “พี่เป่ยเฉิน ไม่ต้องมองข้าด้วยสายตาเช่นนั้นก็ได้ ข้าไม่มีเจตนาทำร้ายท่าน เพราะถ้าข้าจะทำ ท่านคงตายไปนานแล้ว”

 

 

หลินเป่ยเฉินสูดหายใจลึก

 

 

หัวใจของเขาปั่นป่วนวุ่นวายด้วยหลากหลายความรู้สึก

 

 

ต่อให้ถามเขาเป็นล้านครั้ง เด็กหนุ่มก็ไม่กล้าคิดว่าคำตอบจะออกมาเป็นเช่นนี้

 

 

ปรากฏว่าสาวกปีศาจที่หลบซ่อนตัวอยู่ในเมืองหยุนเมิ่งก็คือหลิงเฉินอย่างนั้นหรือ?!

 

 

บุตรสาวคนเล็กของท่านเจ้าเมืองเป็นสาวกปีศาจ?

 

 

น่าเหลือเชื่อเกินไปแล้ว

 

 

“สรุปว่าเจ้าเป็นใครกันแน่?” หลินเป่ยเฉินพยายามตั้งสติด้วยการรวบรวมสมาธิตามคัมภีร์เทพเจ้าที่ฝึกฝน เขาถามออกไปอีกครั้งด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นว่า “สิ่งที่เจ้าแสดงออกมาเมื่อสักครู่นี้ คืออิทธิฤทธิ์ของพลังปีศาจใช่หรือไม่?”

 

 

การฆาตกรรมกลุ่มนักฆ่าไร้หน้า การฆาตกรรมฟางเจิ้นหรู่ ความโกลาหลในลานจัตุรัสหน้าวิหารเทพกระบี่ การที่มี่หรู่หยานและเยว่หงเซียงถูกพลังปีศาจครอบงำ…

 

 

เรื่องราวทั้งหมดนี้…

 

 

เป็นฝีมือของหลิงเฉินอย่างนั้นหรือ?

 

 

ไม่ต้องสงสัยอีกแล้วว่าทำไมหลังจบการแข่งขันรอบประลองตัวต่อตัว นางถึงได้หายตัวไปและไม่ออกมาพบหน้าผู้คนอีกเลย

 

 

เพราะว่ากลัวความลับจะถูกเปิดเผยกระมัง?

 

 

หลินเป่ยเฉินก็หลงคิดอย่างใสชื่อว่านางตั้งใจถอนตัวเพราะว่าหลงรักเขา อยากจะหลีกทางให้เขาในการแข่งขัน

 

 

คราวนี้เด็กหนุ่มพบว่าตนเองมีปัญหาแล้วจริงๆ

 

 

นักพรตหญิงชินขอรับ ท่านอยู่ที่ไหน ยังไม่รีบมาช่วยเหลือข้าอีก!!!