129 ก็ลองรูดดูสิ

ปล้นสวรรค์

SPH:บทที่ 129 ก็ลองรูดดูสิ!

 

SPHะบทที่ 129 ก็ลองรูดดูสิ!

 

หลิวเฉียนที่ยืนอยู่ข้างเย่หยได้ยินชัดเจนว่าเขาพูดอะไรจากคําพูดของเย่หยู เด็กหนุ่มที่ยังเป็นนักเรียนที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าจะสามารถซื้อบ้านราคามากว่าล้านหยวนได้อย่างนี้หรือ

 

“คุณคะ คุณแน่ใจนะคะว่าอยากจะซื้อบ้าน?”

 

หัวใจของหลิวเฉียนเต็มไปด้วยความหวัง

 

ดูเหมือนเธอจะทําได้สําเร็จนะวันนี้

 

“แน่นอนครับว่าผมอยากจะซื้อบ้าน แต่คุณไม่มีแบบอื่นที่ดีกว่านี้หรอครับ?”

 

เย่หยุมองส่วนของพื้นที่โชว์พวกโมเดลบ้านแล้วขมวดคิ้ว

 

อย่างไรก็ตาม เย่หยุผู้ที่มีสมบัติอยู่หมื่นล้านหยวน บ้านพวกนี้ไม่ทําให้เขาขนหน้าแข้งร่วงเหรอ

 

“บ้านที่ดีกว่านี้?”

 

ตอนนี้ พวกพนักงานขายรอบๆ บางคนก็ค่อนข้างสวยมองไปที่เย่หยุด้วยด้วยความเหยียดหยามและพูดว่า 

 

“แน่นอนเรามีที่ดีกว่านี้แน่ แต่ฉันแค่เกรงว่านายจะไม่สามารถจ่ายไหว!”

 

พนักงานคนอื่นๆพูดขึ้นมาว่า

 

“เหอะ เฉียนเฉียน อย่าไปเชื่อเขานะ เขาก็แค่พูดขึ้นมา แต่ไม่ได้ต้องการซื้อบ้านจริงๆหรอก!”

 

ยังจะอวดดีมาซื้อบ้านพวกนี้อีก

 

ไม่กลัวว่าต้องหดหัวหนีที่หลังหรอ?”

 

หลิวเฉียนท่าทางเป็นทุกข์ขณะมองไปที่เย่หยู

 

“พวกเรามีบ้านที่ดีกว่าค่ะ แต่มันอยู่ในห้องรับรองวีไอพี หากคุณต้องการไปดูฉันจะพาคุณไปค่ะ

 

แต่ถ้าคุณไม่ต้องการจะซื้อมัน งั้นฉัน…”

 

ไม่รอให้เย่หูได้ตอบกลับ ก็มีพนักงานขายพูดว่าพล่อยๆออกมา

 

“นี่จะเล่นมุกแบบไหนอีก!? ห้องรับรองวีไอพีเป็นห้องที่อยากจะไปมากที่สุดหรอ?”

 

“หืม! ถ้าพวกคุณไม่ซื้อมันเราจะถูกหักค่าจ้าง!”

 

เย่หยูจองพนักงานขายคนนั้นด้วยสายตาที่เยือกเย็นและ พูดกับหลิวเฉียนว่า

 

“ถ้าผมซื้อบ้านที่ดีกว่า ค่าคอมมิชชันของคุณจะสูงขึ้นไหม? ”

 

หลิวเฉียนหัวเราะเมื่อเธอได้ยิน แววตาของเธอก็เต็มไป ด้วยความคาดหวัง

 

“อย่างเป็นกลางนะคะ โดยเฉพาะโต๊ะรับรองลูกค้าวีไอพี เรตค่าคอมมิชชั่นก็จะยิ่งสูงขึ้น!”

 

เย่หยูพยักหน้าแล้วยิ้มบางๆ

 

“โอเค งั้นการซื้อครั้งนี้ เราก็ไปห้องรับรองวีไอพี ครั้งนี้คุณจะได้กําไรเล็กๆน้อยๆ ”

 

หลิวเฉียนลังเลสักพักก่อนที่จะพยักหน้า

 

“โอเค งั้นมากับฉันได้เลยค่ะ”

 

เมื่อพนักงานรอบๆเห็นหลิวเฉียนพาเหยไปห้องรับรองวีไอพีจริงๆ พวกเขาทั้งหมดก็เหมือนจะห้ามเธอ

 

“เฉียนเฉียน อย่าไร้สาระไปหน่อยเลย เขากําลังโกหกเธออยู่นะ!”

 

“ใช่ เฉียนเฉียน ถ้าเธอทํามันพัง เธอก็ลืมเรื่องเงินเดือนเดือนนี้ไปได้เลยนะ!”

 

“ฉันคิดว่าเด็กหนุ่มนั้นก็แค่ตอแหล เขาไม่แม้แต่จะซื้อบ้านข้างนอกอยู่ได้หรอก!”

 

แววตาของหลิวเฉียนแน่วแน่เธอพูดอย่างเอาจริงเอาจัง

 

“อย่ามาโน้มน้าวฉันเลย ฉันตัดสินใจแล้ว เพราะเป็นหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบต่อลูกค้า และ

 

แน่นอนฉันต้องทําให้สําเร็จ!”

 

หลังจากที่หลิวเฉียนพาเย่หยุและเย่เว่ยกัวมาที่ห้องรับรองวีไอพี

 

พนักงานขายคนอื่นๆที่อยู่ด้านหลังก็ต่างพากันจับจ้อง และกระซิบกัน

 

“ชิ!…ถ้าไม่ฟังคําแนะนําของพวกเรา หลิวเฉียนถูกหลอกแน่!”

 

“แน่นอน! พี่สาวฉันทํางานที่นี่มาก็มากกว่าสิบปีแล้ว ไม่ต้องพูดอะไร ถึงเรื่องอื่นเลย มาให้ฉันดูว่าใครมีเงินหรือไม่มีเถอะ! สองพ่อลูกคู่นี้ต้องไม่มีเงินแน่ๆ!”

 

“ฉันเห็นด้วยกับพี่ฟางนะ ตอนนี้ทั้งสองคนนั้น ตาแก่นั้นก็ดูไม่มีประสบการณ์ ส่วนเด็กหนุ่มนั้นก็ยังเป็นเด็กนักเรียน พวกเขายังอยากจะซื้อบ้านอยู่อีกหรอ”

 

“ช่างไม่รู้เรื่องอะไรเลย!”

 

“พี่คะ? ให้เราไปข้างนอกห้องรับรองแล้วแอบฟังพวกเขาไหมคะ? “

 

พนักงานขายสองสามคนมองกันและกันแล้วค่อยๆเคลื่อน

 

ย่องไปยังข้างนอกห้องรับรองวีไอพีในขณะที่กําลังแอบฟังอย่างตั้งใจ

 

ในห้องรับรองวีไอพี เย่หยูพาเย่เว่ยกัวมานั่งที่โซฟานุ่มแล้วมองไปรอบๆสภาพแวดล้อมที่ดูสะดวกสบาย

 

เขาได้ยินเสียงดนตรีละมุนและพยักหน้าตามมอย่างสบาย

 

“อย่างที่คิดไว้ ห้องรับรองวีไอพี มันรู้สึกค่อนข้างดี!”

 

หลิวเฉียนยิ้ม

 

“แน่นอนค่ะ! เพราะฉะนั้นประธานของพวกเราจึงจะหักค่าจ้างเราหากพวกเราขายไม่สําเร็จ ”

 

เย่หยุอยู่ในท่าที่ผิงโซฟาแล้วมองไปที่หลิวเฉียนและพูดกับเธอ

 

“งั้น คุณไม่กังวลหรอว่าพวกเราจะไม่ซื้อบ้าน?”

 

หลิวเฉียนยิ้มและตอบเย่หยู

่ 

“กังวลค่ะ! แต่เพื่อลูกค้าทุกคน ฉันคิดว่าเราควรบริการให้ดีที่สุด!”

 

“ใช่”

 

หลังจากที่หลิวเฉียนพูดจบ เย่หยูก็ไม่ได้ปฏิเสธอะไร เขาพูดต่อ

 

“งั้นทําไมไม่แนะนําห้องให้ผมหละ?”

 

“เอาหละค่ะ!”

 

หลิวเฉียนก้มลงเปิดโปรเจคเตอร์ที่อยู่ในห้องรับรอง

 

“คุณคะ นี่เป็นวิลล่าที่ตั้งอยู่ในเมืองที่คึกคักมากที่สุด ต่อไปเป็นโรงพยาบาล ห้างสรรพสินค้าและโรงเรียน พูดได้เลยว่าสะดวกสบายมาก วิลล่าดูเพล็กซ์ครอบคลุมพื้นที่ประมาณ 800 ตารางเมตร”

 

เย่หยูจ้องและพยักหน้าตาม เขาพูดขึ้นมาว่า

 

“มันดูวุ่นวายเกินไป ช่วยเปลี่ยนเซตให้ด้วยครับ!”

 

เธอชี้ไปยังบ้านบนภาพโปรเจ็คเตอร์ และพูดกับเย่หยูว่า

 

“คุณคะ นี่เป็นบ้านที่ตั้งอยู่บนชั้นบนสุดของตึกหมิงจูในเมืองหมิงโจวครอบคลุมพื้นที่ถึง 1,350 ตารางเมตร พร้อมด้วยสระว่ายน้ํา หน้าต่างสามารถมองลงไปยังมุมต่างๆของเมืองหมิงได้คะ!”

 

หลังจากที่หลิวเฉียนพูดจบเธอก็หยุดพูดสักพัก

 

“บ้านหลังนี้ราคาอยู่ที่130 ล้านหยานค่ะ!”

 

เย่หยูพยักหน้า

 

“ปู่ของผมอายุมากแล้ว ผมเกรงว่าเขาไม่สามารถอยู่ในที่ ที่สูงขนาดนั้นได้ มีที่อื่นอีกไหม?”

 

“ค่ะ งั้นก็เป็นวิลลานี้”

 

หลิวเฉียนชี้ไปที่หน้าจอแล้วพูดกับเย่หยู

 

“วิล่านี้สวยมากๆค่ะ!”

 

“ตั้งอยู่แถวทะเลสาบซึ่งสภาพแวดล้อมรอบๆนั้นทั้งสวย และสงบ ครอบคลุมเนื้อที่ประมาณเจ็ดร้อยหกสิบตารางเมตร

 

เป็นอาคารเลียนแบบสถาปัตยกรรมโบราณและให้กลิ่นอายของวัฒนธรรม ราคาประมาณ 250 ล้านหยวน!”

 

หลิวเฉียนมองไปที่รูแบบบ้านบนโปรเจ็คเตอร์แล้วแววตาโหยหาของเธอก็ประกายขึ้นมา

 

ดูเหมือนว่าเธอจะชอบวิลล่านี้จริงๆ

 

“ใกล้น้ําเกินไป ขึ้นด้วย ยังไม่ดี!”

 

หลิวเฉียนเม้มปาก ถอนหายใจแล้วพูดแนะนําเย่หูต่อ

 

“คิดอย่างไรกับคฤหาสน์หลังนี้คะ?”

 

“วิลล่านี้สร้างที่ภูเขาและมีพื้นที่กว้างขวาง ส่วนบ้านเป็นอาคารสไตล์ยุโรปพร้อมยังมีพนักงาน

 

บํารุงรักษาและคอยให้บริการ และยังมีโรงกลั่นไวน์ขนาดเล็ก เป็นแบบพอเพียงแต่ยังคงสไตล์แบบขุนนางชนชั้นสูงราคาประมาณ 570 ล้านหยวน !”

 

หลิวเฉียนมองเหยูอย่างไม่แน่ใจแล้วถาม

 

“คุณมีแผนอะไรคะ?”

 

เย่หยุส่ายหัว

 

“เปล่า มันไกลเกินไป! ไม่มีอย่างอื่นแล้วหรอ?”

 

หลิวเฉียนลังเลสักพัก จากนั้นก็พยักหน้า

 

“ยังเหลือเซตสุดท้ายอยู่ค่ะ?”

 

เย่หยูยกคิ้ว

 

“งั้นไปดูกันว่ามันเป็นยังไง!”

 

หลิวเฉียนพยักหน้าและฉายบ้านที่จะแนะนําเป็นหลัวสุดท้ายบนจอ

 

นี่คือบ้านสี่ปราสาทซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมืองหมิงโจวครอบคลุมพื้นที่โดยประมาณ

 

1600 ตารางเมตร บ้านสี่ปราสาทด้านขวาแต่ถูกขายไป เรียบร้อยแล้ว

 

ส่วนนี้คือบ้านเซตที่สองซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง

 

ตอนแรกมันจะถูกรื้อออกแต่ด้วยเหตุผลบางอย่างที่ยังคงต้องเก็บมันไว้

 

ข้างนอกห้องรับรองมีกลุ่มพนักงานขายกําลังฟังอยู่อย่างตั้งใจ

 

“เฮ้ ฟังสิ เกิดอะไรขึ้นข้างใน?”

 

“เหมือนกําลังจะแนะนําบ้านสี่ปราสาทที่อยู่ใจกลางเมือง!”

 

“อะไร? บ้านสี่ปราสาทยังอยู่ในใจกลางเมืองเหรอ?” 

 

“โอ้พระเจ้า! บ้านหลังนั้นราคาเป็นพันล้าน เป็นราคาที่สูงที่สุดด้วย! พวกเขาจะซื้อมันจริงๆหรอ?”

 

“จะเป็นจริงได้ไง! ต้องหลอกกันแน่! ถ้าพวกเขามีปัญญาจ่ายถึงพันล้านดอลลาร์ งั้นฉันจะคุกเข่าลงบนพื้นแล้วเรียก เธอว่าพ่อเลย!”

 

ภายในห้องรับรอง

 

หลังจากที่หลิวเฉียนพูดการแนะนําจบ เธอพูดกับเย่หยูว่า

 

ราคาของเซตสามบ้านประมาณ1.3 พันล้าน คุณคิดว่ายังไงคะ?”

 

เย่หยุมองไปที่การแนะนําบ้านบนโปรเจ็คเตอร์ แล้วหลังจากนั้นไม่นาน

 

เขาก็หัวเราะเบาๆ

 

“โอเค นั้นแหละ!”

 

“ถ้าคุณไม่เห็นชอบ ฉันจะ…”

 

หลิวเฉียนพูด เธอตอบโต้กลับเย่หยุทันทีด้วยความตกใจ แล้วถามด้วยความประหลาดใจ

 

“เอ่อ? ก่อนอื่นนะคะ คุณ คุณพูดว่า นั้นแหละ?”

 

เมื่อเห็นอาการตกตะลึงของหลิวเฉียน

 

เย่หยูก็หัวเราะ

 

“เอิ่ม บ้านสี่ปราสาทดูแล้วค่อนข้างดี ดังนั้นผมจะซื้อมัน!”

 

หลิวเฉียนเบิกตากว้าง เธอยังคงไม่เชื่อคําพูดเหยู 

 

“แต่บ้านหลังนี้ราคาถึง 1.3 พันล้านเลยนะคะ!”

 

ปัง!

 

เย่หยูวางแบล็กการ์บนโต๊ะดังปัง

 

และพูดกับหลิวเฉียนว่า

 

“เธอก็ลองรูดบัตรนี้ดูสิ!”