เจ้าสุนัขหยางโกรธ และโบกมือให้ลูกน้องปิดล้อมในทันที

เมื่อคนของสวีชิงเห็นเช่นนั้น และถูกปิดล้อมไว้ การตะลุมบอนจึงเริ่มขึ้น

“กึง ๆ ๆ ……”

การต่อสู้ดุเดือดมาก คนที่อยู่ข้าง ๆ สวีชิงระงับความโกรธไว้ไม่ไหว เขาลงมืออย่างโหดเหี้ยม และอดไม่ได้ที่จะระบายความโกรธทั้งหมดออกมา

ยิ่งไปกว่านั้นเจ้าสุนัขหยางและคนอื่น ๆ ที่ได้รับการสนับสนุนจากรองหัวหน้าเผ่าและคนอื่น ๆ เคยชินกับการยโสโอหังมานานแล้ว พวกเขาจะทนต่อการดูถูกเหยียดหยามเช่นนี้ได้อย่างไร

ไม่นานทั้งสองฝ่ายก็เลือดตกยางออก ยิ่งต่อสู้ก็ยิ่งดุเดือด

ไม่รู้ว่าเหวินเส่าอี๋ถูกรบกวนหรือไม่

เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และไม่คิดว่า……เขาจะค่อย ๆ ออกไปมาจากสถานที่ที่ชุลมุนวุ่นวาย

กู้ชูหน่วนรู้สึกประหลาดใจ

ด้วยนิสัยของเหวินเส่าอี๋แล้ว การต่อสู้นองเลือดเช่นนี้ เขาไม่สามารถเพิกเฉยได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหนึ่งในนั้นพยายามที่จะต่อสู้แทนเขาเลย

เผ่าหยกลงมือกับเขาอย่างโหดเหี้ยมเกินไป

“หยุด”

ด้านข้างมีผู้อาวุโสผมขาวเข้ามาด้วยความโกรธเคือง เขาโบกมือ การต่อสู้ที่ชุลมุนจึงถูกแยกออก

“ใครอนุญาตให้พวกเจ้ามาทะเลาะกันที่ตำหนักเฉินหยู?ที่นี่คือสถานที่ใด หรือว่าพวกเจ้าไม่รู้?”

แววตาของผู้อาวุโสโหลวเผยให้เห็นเยือกเย็นและความน่าเกรงขามอย่างชัดเจน

เขากวาดสายตามองทุกคนอย่างเยือกเย็น และในที่สุดก็จ้องมองไปที่เหวินเส่าอี้ที่จากไปเพียงลำพัง

“นายน้อย ท่านเป็นนายน้อยของเผ่า เห็นพวกเขาต่อสู้ แต่ก็ไม่ห้าม ถือว่าละเลยหน้าที่?”

เหวินเส่าอี๋เพิกเฉย และยังคงเดินต่อไปข้างหน้า

เมื่อผู้อาวุโสโหลวเห็นเช่นนี้ เขาก็โกรธมากยิ่งขึ้น

ในทันทีที่เขาโบกมือ เหล่าสาวกก็ปิดล้อมเขาไว้

“นายน้อย ในฐานะที่ข้าเป็นผู้อาวุโสของชั้นศาล ข้าไม่อาจเพิกเฉยต่อผู้ที่ทำผิดได้ แม้ว่าท่านจะเป็นนายน้อยของเผ่าก็อาจละเว้น บุตรสวรรค์ทำผิดกฎก็ต้องได้รับโทษเช่นเดียวกัน”

เมื่อก่อนผู้อาวุโสโหลวประจบสอพลอเหวินเส่าอี๋มาโดยตลอด

ในตอนนี้เหวินเส่าอี๋กำลังตกทุกข์ได้ยาก ผู้อาวุโสโหลวไม่ช่วยเขาก็ไม่เป็นไร แต่ยังจะพาคนของรองหัวหน้าเผ่ามาคอยรังควานเขาไปทุกที่

สวีชิงทนดูต่อไปไม่ไหว

เขาขึ้นเสียง “ขอถามผู้อาวูโสโหลว นายน้อยมีความผิดอะไร?เพราะพวกเราทะเลาะกันแล้วไม่ห้ามงั้นหรือ?สาวกในตระกูลไม่ได้เป็นหน้าที่รับผิดชอบของผู้อาวุโสที่คอยบังคับบัญชาหรือ หรือว่าไม่ใช่หน้าที่รับผิดชอบของผู้อาวุโสในชั้นศาล?”

เหวินเส่าอี๋เป็นเพียงคนไร้ประโยชน์คนหนึ่ง ยังจะกล้าปฏิบัติต่อเขาอย่างเมินเฉย ผู้อาวุโสโหลวโกรธเคือง และก็กังวลว่าจะไม่มีใครกล้าลงมือ

สวีชิงบุ่มบ่ามขึ้นมา

ผู้อาวุโสโหลวดูเยือกเย็น เขาฝืนยิ้มและกล่าวว่า “สาวกในเผ่าทะเลาะกัน ควรถูกลงโทษอย่างไร?”

“สถานเบาคือเฆี่ยนหนึ่งร้อยไม้และจำคุกหนึ่งเดือน สถานหนักตือเฆี่ยนให้ตาย เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

“เฮ้อ สวีชิงไม่เห็นผู้อาวุโสอยู่ในสายตา พูดจาสามหาว และยังไม่ห้ามที่สาวกทุบตีเจ้าสุนัขหยาง ทำให้มีผู้คนบาดเจ็บสาหัส มีโทษร้ายแรง ฟังคำสั่งของข้า ลากออกไปแล้วเฆี่ยนให้ตาย เพื่อให้เป็นเยี่ยงอย่าง”

“ข้าไม่เห็นด้วย ทั้งสองฝ่ายทะเลาะกัน ทำไมถึงถูกลงโทษแค่พวกเรา?” สวีชิงกล่าว

เจ้าสุนัขหยางลูบจมูกแล้วกล่าวว่า “เพราะเจ้าเป็นผู้ที่ลงมือทำร้ายผู้อื่นก่อน พวกเราเพียงแค่ป้องกันตัว หากพวกเราไม่สู้กลับ พวกเจ้าก็คงจะถูกทำร้ายจนตาย?”

“หากเจ้าไม่ไร้เหตุผลกับนายน้อย พวกเราจะลงมือกับพวกเจ้าหรือ?”

“แค่ทำร้ายผู้อื่นก็ผิดแล้ว ยังไม่ลากออกไปเฆี่ยนให้ตายอีก” ผู้อาวุโสโหลวไม่ให้โอกาสพวกเขาได้อธิบายและออกคำสั่งในทันที

เหวินเส่าอี๋หันกลับมา และเสียงที่อ่อนโยนของเขาก็ดังขึ้น

“แม้ว่าสวีชิงและคนอื่น ๆ จะมีความผิดและมีโทษตาย แต่ก็ควรจะให้ผู้อาวุโสของชั้นศาลพิจารณาร่วมด้วย จึงจะให้พวกเขารับโทษตายได้ ผู้อาวุโสโหลวใจร้อนเกินไปหรือไม่? หรือ… ละเลยกฎของเผ่าเพลิงฟ้า และต้องการแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่า”

ผู้อาวุโสโหลวและคนอื่น ๆ ตกตะลึง

กระดูกสะบักของเหวินเส่าอี๋ถูกทำลาย จึงไม่มีอะไรต้องหวาดกลัว

แต่คำพูดของเขามีพลังมากเกินไป

หากแพร่กระจายออกไป แล้วเขาจะอยู่ในเผ่าเพลิงฟ้าได้อย่างไร?

ผู้อาวุโสโหลวรีบกล่าวในทันที “นายน้อยอย่าได้พูดเหลวไหล ข้าจะแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าได้อย่างไร?”

“งั้นหรือ เช่นนั้นทำไมท่านถึงเพิกเฉยต่อคำสั่งของหัวหน้าเผ่า และจะฆ่าคนในเผ่าตามอำเภอใจ นี่ถือเป็นการฝ่าฝืนกฎและคำสั่งของเผ่าอย่างโจ่งแจ้งไม่ใช่หรือ?”

“ข้า……”

ผู้คนมารุมล้อมตำหนักเฉินหยูมากขึ้นเรื่อย ๆ

เมื่อเผชิญหน้ากับการบีบคั้นของเหวินเส่าอี๋ ผู้อาวุโสโหลวก็ไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไร จึงทำได้เพียงกล่าวว่า

“ถึงอย่างไรสวีชิงก็เป็นคนหาเรื่อง โทษประหารมิอาจละเว้น และยากที่จะพ้นผิด เฆี่ยนหนึ่งร้อยไม้ก่อน แล้วค่อยไปที่ชั้นศาลเพื่อพิจารณาคดีร่วมกัน”

“ผู้อาวุโสโหลว เกรงว่าท่านจะลืมไปแล้ว ท่านเป็นเพียงผู้อาวุโสระดับเจ็ดเท่านั้น ตามกฎของเผ่าเพลิงฟ้า มีเพียงผู้อาวุโสระดับห้าขึ้นไป หรือผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้นที่สามารถลงโทษสาวกในเผ่าได้โดยตรง หรือว่าท่านคิดอยากจะเหนือกว่า?และที่ท่านกล่าวเมื่อครู่ว่าไม่ได้ต้องการจะแย่งชิงตำแหน่งหัวหน้าเผ่าก็เป็นเรื่องโกหก?”

“บังอาจ ข้าเป็นผู้อาวุโสของชั้นศาล เจ้ากล้าดีอย่างไรมาพูดกับข้าเช่นนี้”

“เจ้าสิบังอาจ ข้าเป็นนายน้อยของเผ่า ไม่ว่าสถานะหรือตำแหน่งก็ห่างไกลจนเจ้าไม่สามารถทียบได้ เจ้าเห็นข้าก็ไม่ทำความเคารพ และยังกล้าเอะอะโวยวายใส่ข้า ท่านกำลังบีบบังคับให้ข้ายกเลิกตำแหน่งผู้อาวุโสระดับเจ็ดของท่านงั้นหรือ?”

สีหน้าของผู้อาวุโสโหลวเย็นชา

ตั้งแต่เหวินเส่าอี๋กลับมาจากเผ่าหยก เขาก็เงียบขรึมและไม่สนใจเรื่องในเผ่า ไม่ว่าสาวกในเผ่าจะรังแกเขาอย่างไร เขาก็ไม่ตอบโต้ ไม่ต่อปากต่อคำ และปล่อยให้ผู้อื่นรังแก

วันนี้เขาผิดปกติไป?

และไม่คิดว่าจะต่อต้านเขา

อย่างไรก็ตาม ในตอนนี้เขายังคงเป็นนายน้อยของเผ่า เพียงแค่เขาต้องการยกเลิก ตำแหน่งผู้อาวุโสระดับที่เจ็ดของเขาก็ยากที่จะรักษาไว้ได้

ผู้อาวุโสโหลวรู้สึกวิตกกังวล

แม้ว่าเหวินเส่าอี๋จะถูกถอดกระดูกสะบัก รองหัวหน้าเผ่าจึงสั่งการอย่างลับ ๆ ว่า ทำให้เหวินเส่าอี๋ถูกสบประมาท

แต่……

ในเผ่ายังมีผู้อาวุโสสูงสุดอีกหลายคนที่ยืนอยู่ข้างเหวินเส่าอี๋

หากบีบคั้นมากจนเกินไป แล้วทำให้ผู้อาวุโสสูงสุดเหล่านั้นโกรธเคือง หรือบีบบังคับให้หัวหน้าเผ่าต้องออกจากด่านก่อนกำหนด เช่นนั้น……

วันดี ๆ ของเขาก็คงจะจบสิ้น

ผู้อาวุโสโหลวกลัว

แต่เจ้าสุนัขหยางไม่กลัว

เพราะมีข่าวลือในเผ่าเพลิงฟ้าว่าหัวหน้าเผ่าล้มเหลวในการนิพพาน และเป็นไปได้ว่าจะตายอยู่ในเขตหวงห้าม มิเช่นนั้นหากตายแล้ว ห้ายอดฝีมือขั้นสูงสุดระดับหก สี่ผู้อาวุโสสูงสุด หัวหน้าเผ่าจะสามารถทำอะไรได้ และยิ่งไม่สามารถอออกมาได้เลย

เจ้าสุนัขหยางกล่าวว่า “ถุย คนไร้ประโยชน์ที่ถูกถอดกระดูกสะบัก เจ้าคิดว่าเจ้าสูงส่งจริง ๆ หรือ? เหวินเส่าอี๋ ข้าจะบอกให้ว่าในตอนนี้ฐานะของเจ้าในเผ่าเพลิงฟ้า เทียบไม่ได้เลยกับสุนัขตัวหนึ่ง เผ่าเพลิงฟ้าเกลียดชังผู้ที่วรยุทธที่ต่ำต้อยเป็นที่สุด และเจ้า ในตอนนี้แม้แต่ข้ารับใช้ที่ต่ำต้อยที่สุดของเผ่าเพลิงฟ้า ไม่สิ สุนัขที่ต่ำต้อยที่สุด เจ้าก็สู้ไม่ได้ เจ้ายังจะมาเอะอะโวยวายอยู่ที่นี่อีก”

“เจ้าสุนัขหยาง เจ้าบังอาจ นายน้อย เจ้าสุนัขหยางพูดจาสามหาวกับท่าน ข้าน้อยขอให้ประหารชีวิตเขาในทันที” ในขณะที่กล่าวสวีชิงก็กำหมัดแน่น

ไม่ใช่แค่สวีชิง แต่ลูกน้องของสวีชิงก็เต็มไปด้วยความโกรธแค้น

ที่ผ่านมาพวกเขาจะวิพากษ์วิจารณ์ลับหลังก็ช่าง

แต่ในตอนนี้เขาพูดจาเช่นนี้ต่อหน้านายน้อย

นี่ไม่ใช่การจงใจทำให้นายน้อยอับอายขายหน้าหรือ?

หากเป็นไปได้ใครบ้างอยากจะถูกถอดกระดูกบัก

กู้ชูหน่วนกะพริบตา ไม่รู้ว่านางกำลังคิดอะไรอยู่

ใบหน้าของเหวินเส่าอี๋ยังคงสงบนิ่งและอ่อนโยน ราวกับว่าผู้ที่เจ้าสุนัขหยางพูดถึงไม่ใช่เขา

เพียงแต่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มจาง ๆ ที่มุมปากของเขาหายไปตั้งแต่เมื่อไร มันคงจะหายไปพร้อมกับกระดูกสะบักที่ถูกถอดออกนานแล้ว