ได้ทราบว่าสามารถแกะสลักอักขระ สีหน้าของบรรดาอาจารย์จารึกต่างผ่อนคลายได้มาก
“แล้วมีเวลาเพียงใดให้พวกเราแกะสลักมัน?” อาจารย์จารึกเต๋าวัยกลางคนกล่าวถาม
“ข้าจะปล่อยฝูงสัตว์อสูรดวงดาวในทันที หลังทำการสังหารพวกมันได้ จึงเป็นช่วงเวลาครึ่งชั่วยามที่จะเว้นไป ก่อนข้าจะปลดปล่อยฝูงสัตว์อสูรดวงดาวอีกครั้งหนึ่ง”
“ระยะเวลาครึ่งชั่วยามถือเป็นการพักในตัว กระนั้น ก็ขึ้นอยู่กับผู้แข่งขันว่าคิดอยากพักหรือแกะสลักอักขระ!” เจี้ยนสือเทียนกล่าว
สีหน้ายินดีของบรรดาอาจารย์จารึกพลันเลือนหาย เพราะระยะเวลาเท่านั้น มันไม่พอให้พวกเขาได้แกะสลักอักขระ
ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงต่างมองกันเอง พลางสนทนาผ่านเสียงสื่อสาร
“พวกเราสังหารชุดแรกก่อน จากนั้นจึงค่อยแกะสลักอักขระ!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว
“ตามนั้น!” ฉินหยุนก็คิดเช่นเดียวกับเจี้ยนหลิงหลง
ฉินหยุนยังไม่อาจตัดสินใจได้ ว่าตนเองควรแกะสลักอักขระใด เขาคิดต้องการทราบสถานการณ์ก่อน
เจี้ยนสือเทียนบินขึ้นฟ้า อาจารย์จารึกทั้งหลายต่างกระทำเช่นเดียวกัน พวกเขาควบคุมอาวุธลึกล้ำผลึกแก้วจากด้านบนนั้น พร้อมเข้าสังหารสัตว์อสูรดวงดาว
“ข้าจะปลดปล่อยสัตว์อสูรดวงดาวแล้ว!” เจี้ยนสือเทียนตะโกน เขาโยนหอคอยของตนออก มันเริ่มขยายขนาดขึ้นอย่างรวดเร็ว
อย่างกะทันหัน พื้นแผ่นดินพลันสั่นไหว ฝูงสัตว์อสูรดวงดาวได้ร่วงหล่นจากส่วนล่างของหอคอย มันราวกับน้ำตกสีดำสนิท ฝูงสัตว์อสูรดวงดาวเหล่านี้เป็นหมาป่า ขนาดตัวพวกมันราวกระทิงโตเต็มวัย กล่าวได้ว่าเป็นสัตว์อสูรดวงดาวร่างเล็ก ไม่ช้า เวทีการแข่งขันเบื้องล่างจึงกลายเป็นสถานที่อัดแน่นด้วยหมาป่าสีดำฝูงใหญ่
เวลานี้ บรรดาอาจารย์จารึกต่างควบคุมอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของตนเอง บุกเข้าโจมตีใส่ฝูงหมาป่าสีดำที่เบื้องล่าง
ฉินหยุนใช้งานเคล็ดวิชาเทวะควบคุมต่ออุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้ว ที่เขาได้รับคือกระบี่ยาว ภายใต้เขาควบคุม มันจึงบินเร็วรี่เข้าสับฟันใส่ร่างหมาป่าสีดำเหล่านั้น
อาจารย์จารึกส่วนใหญ่ที่นี่ ต่างเป็นราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ กระนั้น ยามเมื่อใช้พลังจิตควบคุมอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้ว พวกเขาไม่อาจทำได้ดีทัดเทียมฉินหยุน อย่างดีที่สุด พวกเขาก็เพียงมีพลังจิตระดับหนึ่ง และหากนำมาเทียบเปรียบ พลังจิตของพวกเขาแทบไม่ต่างอะไรกับฉินหยุน
หมาป่าสีดำไม่ใช่ง่ายสังหาร เพราะอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วมีกำลังไม่เพียงพอ บางครั้ง พวกมันก็ไม่อาจเฉือนหั่นเข้าถึงผิวหนังหมาป่าได้ ที่ทำได้ ก็ต้องผ่านการสับฟันหลายต่อหลายครั้ง หลังเฉือนทะลวงผ่านชั้นผิวหนังหมาป่าสีดำ อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วจึงค่อยโจมตีใส่ร่างหมาป่าสีดำ
ถัดจากนั้น อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วจะถ่ายเทพลังจิตปริมาณมหาศาลสู่ร่างหมาป่าสีดำ พร้อมตราชื่อเอาไว้ภายในผลึกแก้วแกนกลาง ขั้นตอนทั้งหมดค่อนข้างซับซ้อน หากไม่ทำอย่างถูกต้อง นามนั้นจะไม่อาจปรากฏที่ผลึกแก้วแกนกลางในช่วงเวลาที่สังหารพวกมันได้
ฉินหยุนเองก็รู้สึก ว่าการทำเช่นนี้ค่อนข้างสิ้นเปลืองพลัง ทว่า เพื่อให้ได้รับอันดับหนึ่ง เขาต้องลงแรงอย่างเต็มที่ รางวัลคือผลึกแก้วแกนกลางจำนวนหนึ่งหมื่น หากเขาได้รับ อย่างนั้นมันจะช่วยเหลือตัวเขามหาศาล
เจี้ยนหลิงหลงมีพลังจิตเลิศล้ำเช่นเดียวกัน จำนวนของสัตว์อสูรดวงดาวหมาป่าสีดำที่นางสังหารได้ แทบไม่น้อยหน้าไปกว่าอาจารย์จารึกเต๋าผู้ใด ฉินหยุนย่อมถูกนำหน้า อย่างไรแล้วเขาก็ยังไม่ก้าวถึงขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ ตอนนี้เขาเพียงปรารถนาที่จะก้าวสู่ระดับถัดไปโดยเร็ว หากได้ฝึกฝนแก่นเต๋าลึกล้ำ พลังจิตของเขาย่อมเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาล
สุดท้ายแล้ว กว่าครึ่งชั่วยามได้ผ่านพ้น สัตว์อสูรดวงดาวสองพันตัวถูกสังหารสิ้น เจี้ยนสือเทียนนำคนเข้ามาเก็บรวบรวมผลึกแก้วแกนกลาง เริ่มนับจำนวน บรรดาอาจารย์จารึกเริ่มไปพัก แทบไม่มีผู้ใดลงมือแกะสลัก มีเพียงแต่ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงที่แกะสลักอักขระ
บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าต่างคิด ว่าไม่มีเหตุผลใดต้องลงแรงแกะสลักอักขระ เพราะเวลามีน้อยเกินไป และก่อนหน้า พวกเขาได้สังหารหมาป่าไปหลายต่อหลายตัว พลังจิตจำนวนมหาศาลถูกใช้งาน หากยังต้องแกะสลักอักขระบนอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้ว อย่างนั้นพวกเขาก็ต้องสูญเสียพลังจิตเพิ่ม เวลาพักมีเพียงครึ่งชั่วยาม ด้วยเวลาเพียงเท่านั้น พวกเขาไม่มีทางแกะสลักอักขระใดที่ดีออกมาได้แน่
สำหรับฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลง ครึ่งชั่วยามกล่าวได้ว่ากระชั้นชิด เพราะพวกเขาเองก็ต้องการพัก ฉินหยุนคิดอยากแกะสลักอักขระที่ดี เขาต้องการแกะสลักอักขระสองประเภท หนึ่งคืออักขระจันทรา นามว่าอักขระจันทราชักนำ มันสามารถดึงสิ่งของจากผู้อื่นได้ และอย่างที่สอง คืออักขระดวงดาวนามว่า อักขระดวงดาวสายลม มันสามารถสร้างสายลมที่สลายพลังจิต
อักขระเหล่านี้เขาได้รับจากประตูจารึก ฉินหยุนครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวดวงดาวและนายหญิงจันทรา ดังนั้นแล้ว เขาจึงสามารถแกะสลักอักขระเหล่านี้ได้ในเวลาอันสั้น เจี้ยนหลิงหลงแกะสลักอักขระเต๋า พวกมันมีอำนาจแข็งแกร่งไม่ยิ่งหย่อน
หลายคนต่างได้เห็นฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงขะมักเขม้นแกะสลักอักขระ พวกเขาต้องเผยความอึ้งทึ่ง เพราะก่อนหน้า เจี้ยนหลงหลิงมีท่าทีคิดอยากสังหารเด็กหนุ่มผู้นั้นปานจะขาดใจ กระนั้นตอนนี้ คล้ายทั้งสองไปด้วยกันได้ดี
เจี้ยนสือเทียนเริ่มประกาศจำนวนนับผลึกแก้วแกนกลางในรอบแรก กลุ่มของฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลง ได้ผลึกแก้วแกนกลางสามสิบห้าก้อน ฉินหยุนได้รับสิบ และเจี้ยนหลิงหลงได้รับยี่สิบห้า ความแตกต่างกระจ่างชัด กลุ่มอื่นที่คะแนนสูงที่สุดคือหกสิบก้อน พวกเขาคือกลุ่มอาจารย์จารึกเต๋าจากตระกูลเจี้ยนทั้งสองคน
ครึ่งชั่วยามผ่านพ้นในพริบตา! เจี้ยนสือเทียนเริ่มปล่อยฝูงสัตว์อสูรดวงดาวอีกกลุ่มหนึ่ง การล่าล้างสังหารรอบที่สองเริ่มขึ้น ทันทีเมื่อเริ่ม ผู้คนต่างต้องร้องออกอย่างตื่นตะลึงต่อเรื่องราวที่เผยตรงหน้า
ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงไม่ลงมือใด ทั้งสองยังคงแกะสลักอักขระบนอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้ว นี่คือสิ่งที่ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงเห็นพ้องต้องกัน ไม่เพียงแต่คิดอยากแกะสลักอักขระที่ดี พวกเขายังต้องการพักผ่อนอย่างเพียงพอเพื่อฟื้นฟูพลังจิตด้วย ดังนั้นแล้ว ทั้งสองจึงตัดสินใจไม่ลงมือใดในรอบที่สอง!
“พี่สาวหลิงหลง รอบที่สามท่านรับหน้าที่สังหาร ข้าจะรับหน้าที่สกัดผู้อื่นเอาไว้เอง ฮ่าฮ่าฮ่า!” ฉินหยุนส่งเสียงสื่อสารบอกต่อเจี้ยนหลิงหลง
“ย่อมได้ เพราะอย่างไรกฎก็ไม่ได้กล่าวว่าพวกเราไม่อาจขวางทางผู้อื่น!” เจี้ยนหลิงหลงกล่าวตอบ
รอบที่สองสิ้นสุดลงแล้ว
แม้เจี้ยนหลิงหลงและฉินหยุนเข้าร่วม อย่างดีที่สุด พวกเขาคงได้รับราวสามสิบผลึกแก้ว ดังนั้น อาจารย์จารึกผู้อื่นจึงไม่ใส่ใจแต่อย่างใดต่อเรื่องที่คนทั้งสองไม่เข้าร่วม ชัดเจนว่าหลังผ่านพ้นรอบที่สอง ฉินหยุนและเจี้ยนหลิงหลงจึงมีอันดับรั้งท้าย ตกอยู่อันดับที่ห้าสิบ
“ต่อให้แกะสลักอักขระที่ดีออกมาได้ แล้วจะยังใช้งานอันใด? อย่างดีก็แค่สังหารสัตว์อสูรดวงดาวได้มากขึ้นเล็กน้อย!”
“เป็นเช่นนั้น ช่างโง่เขลานัก! นี่ต้องเป็นความคิดของเจี้ยนหลิงหลงเป็นแน่!”
“สตรีก็เป็นเช่นนี้ ไว้ผมยาว ทว่าความคิดตื้นเขิน!”
กลุ่มอาจารย์จารึกต่างเริ่มทำการเย้ยหยันต่อเจี้ยนหลิงหลงจากระยะไกล
ฉินหยุนพอได้ยิน เขามีโทสะโกรธแค้นแทนเจี้ยนหลิงหลง เขากล่าวคำออก “พวกเจ้าตาเฒ่าโอหังอวดดี รอสักประเดี๋ยว ไม่ช้าพวกเราจะให้พวกเจ้าได้ทราบ ว่าผู้ใดกันที่มีความคิดตื้นเขิน!”
“โอ้ เจ้าปีศาจน้อย เจ้ากำลังคิดสวมบทวีรบุรุษปกป้องบุปผาอย่างนั้นหรือ?” หนึ่งในชายวัยกลางคนระเบิดเสียงหัวเราะดังออก “เจ้าปีศาจน้อยเอ๋ย ตัวเจ้ายังมีกลิ่นนมแม่ติดอยู่ที่ปากด้วยซ้ำ กระนั้นกลับคิดอยากเอาใจเจี้ยนหลิงหลงอย่างนั้นหรือ?”
“หรือมันไม่ทราบว่าเจี้ยนหลิงหลงอารมณ์ร้ายเพียงใด? นางมีชื่อเสียงเป็นสตรีภูเขาไฟอันโด่งดัง!” หนึ่งในกลุ่มอาจารย์จารึกเต๋าตระกูลเจี้ยนกล่าวคำขึ้น
“เจ้าปีศาจน้อย ตัวเจ้าคิดอยากปกป้องเจี้ยนหลิงหลง กระนั้นนางหาได้มีเมตตาโอบอ้อมใดแก่เจ้าไม่ นี่ไม่คิดรู้สึกว่าน่าละอายบ้างเลยหรือไร?” อาจารย์จารึกวัยกลางคนอีกหนึ่งคนแค่นเสียงกล่าวคำดัง
เจี้ยนหลิงหลงจึงแค่นเสียงดังขึ้น พร้อมขยับเข้ามาข้างกายฉินหยุนก่อนจะจูบที่ริมฝีปาก นางกล่าวคำดัง “ข้าย่อมมีความโอบอ้อม พวกเจ้ายังจะกล่าวอันใด?”
สีหน้าอาจารย์จารึกวัยกลางคนนิ่งค้าง ใบหน้านั้นคล้ายเพิ่งกลืนยาขมที่สุดในชีวิตเข้าไป!
ต่อหน้าผู้คนนับแสนที่นี่ เจี้ยนหลิงหลงถึงขั้นกล้าจูบเด็กหนุ่มที่ตรงหน้า! เรื่องนี้เป็นผลให้หลายผู้คนต่างต้องเผยสีหน้างงงันกันสุดขั้วหัวใจ ผู้คนตระกูลเจี้ยนที่รู้จักเจี้ยนหลิงหลงเป็นอย่างดี เวลานี้พวกเขาคือผู้ตื่นตะลึงอย่างถึงที่สุด เรื่องราวที่เกิดขึ้นยากเกินเชื่อได้ ว่าสตรีดุร้ายร้อนแรงเช่นเจี้ยนหลิงหลง จะถึงขั้นเปิดเผยถึงเพียงนี้!
ฉินหยุนเองก็ไม่คิด ว่าเจี้ยนหลิงหลงจะจูบที่ริมฝีปากเขาเช่นนี้!
ตอนนี้เอง กลุ่มคนตระกูลเจี้ยนต่างคิด ว่าเจี้ยนหลิงหลงกระทำไปก็เพราะความโกรธ!
เจี้ยนหลิงหลงแกะสลักอักขระที่ดีไปบ้าง นางโบกอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วในมือพลางยิ้มภาคภูมิกล่าวคำ “พวกเราย่อมต้องได้รับอันดับหนึ่ง ข้าได้แกะสลักอักขระเต๋าที่อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของข้า พวกเจ้าจงรอรับชม!”
“หลิงหลง เท่าที่ข้าทราบ เจ้าไม่คล้ายมีอักขระเต๋าที่ดีอันใด โดยเฉพาะกับอักขระเต๋าที่เพิ่มพูนพลังจิต!” อาจารย์จารึกเต๋าชราจากตระกูลเจี้ยนแค่นเสียงขึ้นจมูก
“เหอะ พวกเราย่อมไม่หวาดกลัวเจ้า” ชายวัยกลางคนตระกูลเจี้ยนอีกหนึ่งหัวเราะดัง
“หลิงหลง เจ้าควรยอมรับความผิดพลาด และกลับมาช่วยงานพวกเราแกะสลักเส้นสว่าง!”
เจี้ยนหลิงหลงหาได้โกรธใดไม่ กลับกัน นางเผยยิ้มบาง “พวกเจ้าคิดว่านครเซียนยุทธภัณฑ์ถี่เหนียวเช่นพวกเจ้างั้นหรือ? พวกเขามอบอักขระเต๋าที่ดีแก่ข้ามากมายนัก!”
เรื่องนี้เป็นความจริง เพราะปิงชิงส่งคำสั่งออกไป ว่าให้มอบความสำคัญแก่เจี้ยนหลิงหลง ดังนั้นแล้ว อาจารย์จารึกเต๋าของนครเซียนยุทธภัณฑ์ จึงส่งมอบอักขระเต๋าที่ดีให้แก่เจี้ยนหลิงหลงเป็นของกำนัล!
บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าตระกูลเจี้ยนต่างต้องทึ่ง! พวกเขาคิด ว่าหลังไปยังนครเซียนยุทธภัณฑ์ เจี้ยนหลิงหลงก็ยังจะได้รับแต่งานแกะสลักเส้นสว่าง เป็นพวกเขาไม่คาดคิด ว่าอาจารย์จารึกเต๋าของนครเซียนยุทธภัณฑ์ จะถึงขั้นส่งมอบอักขระเต๋าที่ล้ำค่าให้แก่เจี้ยนหลิงหลง!
ช่วงเวลาพักผันผ่านอย่างรวดเร็ว
ผู้คนเวลานี้มีแรงใจพร้อมออกศึกอีกครั้ง พวกเขาเหล่านี้ล้วนคาดหวังถึงรอบที่สาม เพราะในรอบที่สาม เจี้ยนหลิงหลงย่อมลงมือ นอกจากนี้ นางยังได้แกะสลักอักขระเต๋าไว้ที่อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้ว!
ยอดฝีมือทั้งหลายต่างคาดหวังได้เห็นศักยภาพเลิศล้ำจากเจี้ยนหลิงหลง เด็กหนุ่มเช่นฉินหยุนถูกเมินเฉยอย่างสมบูรณ์ เพราะเจี้ยนหลิงหลงครอบครองจารึกวิญญาณจ้าวเต๋า นางสามารถแกะสลักอักขระเต๋าที่ดีในระยะเวลาอันสั้น
เพียงเรื่องดังกล่าว ก็มากพอให้ผู้คนต่างเชื่อ ว่าอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของนางแข็งแกร่งขึ้นมาก และของเด็กหนุ่มนาม “เชี่ยวหยุน” อย่างดีก็คงเป็นอักขระวิญญาณทั่วไป ไม่มีผู้ใดให้ความสนใจเขาแม้แต่น้อย
หากกล่าวถึงความยาก อย่างนั้นอักขระดวงดาวและจันทราที่ฉินหยุนแกะสลักจึงยากที่สุดแล้ว ดังนั้น อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของเขาจึงแข็งแกร่งมากล้ำ
เจี้ยนสือเทียนปลดปล่อยสัตว์อสูรดวงดาวหมาป่าสีดำออกมาอีกสองพันตัว
“เริ่มได้!” เจี้ยนสือเทียนประกาศดัง บรรดาอาจารย์จารึกต่างลงมือปลดปล่อยอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของตนอย่างพร้อมเพรียง
อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของเจี้ยนหลิงหลงและฉินหยุน ย่อมร่วมทางบินไปในครั้งนี้ด้วย ยิ่งไปกว่านั้น พวกมันยังเผยแสงสว่างไสว นี่เป็นผลมาจากอักขระที่แกะสลักไว้บนตัวอุปกรณ์
เรื่องราวที่น่าทึ่งยิ่งกว่า คืออุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของฉินหยุนไม่ได้มุ่งตรงสังหารสัตว์อสูรดวงดาว กลับกัน มันหมุนวนกลับขึ้นสู่พื้นที่สูง! ระหว่างการหมุนวน มันได้ปลดปล่อยพลังการชักนำ ก่อนจะบังคับนำเอาอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วผู้อื่นเข้ามาใกล้ โดยจะยกเว้นไว้เพียงแต่อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของเจี้ยนหลิงหลง ส่วนของผู้อื่นนั้น ราวกับพวกมันถูกจับเอาไว้พร้อมเคลื่อนเข้าหาฉินหยุนจนนิ่งค้าง
อาจารย์จารึกหลายต่อหลายคนต่างมองกันเองราวผู้โง่งม! บรรดาอาจารย์จารึกต่างสบถก่นด่าอย่างโกรธแค้น! ถัดจากนั้น พวกเขาจึงเร่งร้อนพยายามควบคุมอุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของตนกลับคืน ทว่ามันไม่อาจทำได้สำเร็จ!
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
อุปกรณ์ลึกล้ำผลึกแก้วของเจี้ยนหลิงหลงสร้างความน่าทึ่ง มันระเบิดเอาคลื่นพลังก่อเกิดเป็นร่างดาบ เหล่านี้คือพลังจิตที่แปรเปลี่ยนเป็นภาพจำแลง พวกมันทะยานเข้าสู่ตัวของสัตว์อสูรดวงดาวหมาป่าสีดำ ก่อนจะเข้าสังหารพวกมันจำนวนมากไปในเวลาอันสั้น!
ฝูงชนที่รับชมต่างเริ่มพูดคุยกันเสียงดัง บ้างก็สบถต่อกลุ่มของเจี้ยนหลิงหลงที่ก่อการไร้ยางอาย บ้างก็ต้องทึ่งยามได้เห็นพลังอันแปลกประหลาดของอักขระที่ถูกแกะสลักลงไป