ตอนที่ 1930

 

หนึ่งวันต่อมา

 

ณ ดาวไม้มังกรในทางตะวันตกของจักรวาล นี่คือหนึ่งในสถานที่ที่เซี่ยปิงเคยปรากฏตัวขึ้นมา

 

ในช่วงเวลานี้ดาวเคราะห์ที่โด่งดังดวงนี้ก็มีแขกที่ไม่ได้คาดคิดจํานวนหนึ่ง พวกเขาก็คือโรชเซนต์ของเผ่าพันธุ์เทวดา ฉงฉี-บรรพบุรุษเก่าแก่ของกลุ่มพันธมิตรบรรพกาล รวมถึงพระอรหันต์มหาปัญญาของพระพุทธศาสนา

 

พวกเขาต่างก็เป็นเซนต์ในระดับสุดยอด มีพลังอํานาจที่เหนือกว่าเซนต์ธรรมดาทั่วไป ในช่วงเวลานี้พวกเขากําลังยืนตระหง่านอยู่ในความว่างเปล่า ราวกับเป็นอิสระจากจักรวาลก็ว่าได้

 

ทว่าสิ่งมีชีวิตทั้งหมดในดาวไม้มังกร รวมถึงยานอวกาศที่บินอยู่รอบๆนั้น ไม่สามารถที่จะตรวจจับตัวตนของพวกเขาได้แม้แต่น้อย เหมือนว่านี่ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตของห้วงมิตินี้

 

ตราบใดที่พวกเขาต้องการ กลุ่มของสิ่งมีชีวิตเหล่านี้ก็ไม่มีทางที่จะสัมผัสได้ถึงตัวตนของพวกเขา

 

“ไม่คาดคิดว่าเรื่องนี้จะกระตุ้นให้พระอรหันต์มหาปัญญาและโรชเซนต์ของเผ่าพันธุ์เทวดาเคลี่อนไหวออกมาเช่นกัน คนของพวกเจ้าก็ถูกจับตัวไปหรือถูกสังหารโดยเจ้าอู๋ตี้นั่นหรือ?” ฉงฉีก็หรี่ตาลงและจ้องมองเซนต์ทั้งสองนี้

 

เดิมที่มันคิดว่ามีเพียงแค่มันเท่านั้นที่ตัดสินใจเคลื่อนไหวออกมา ไม่คาดคิดว่าจะบังเอิญมาพบเข้ากับตัวตนในระดับเดียวกันถึงสองคนในสถานที่แห่งนี้

 

“ไม่ใช่แค่สังหารเท่านั้น ทว่าเจ้าอู๋ตี้นั่นยังปล้นชิงสิ่งประดิษฐ์เซนต์ขั้นกลาง-คทาแห่งความรุ่งโรจน์ของเผ่าพันธุ์เทวดาของข้าไป นี่คือศัตรูคู่อาฆาตของเผ่าพันธุ์เทวดาของข้า ต่อให้จะหลบหนีไปอีกฝากหนึ่งของจักรวาล ก็ยังเป็นเรื่องยากที่จะหลบหนีไปจากการลงทัณฑ์ของพระองค์เจ้า

 

โรชเซนต์ของเผ่าพันธุ์เทวดาก็เอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย

 

“อาตมาเพียงแค่มาเพราะความสงสัยก็เท่านั้น”

 

พระอรหันต์มหาปัญญาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เผยสีหน้าที่อ่อนโยน เหมือนว่าในจักรวาลนี้ไม่มีสิ่งใดที่จะทําให้สีหน้าของเขาเปลี่ยนแปลงไปได้

 

ต่อให้จะเป็นอาชญากรที่สังหารผู้คนมานับไม่ถ้วน ทว่าหากสัมผัสเข้ากับออร่าของเขา ก็เหมือนว่าจะบรรลุทางสว่างในทันที วางดาบฆ่าคนและบรรลุธรรมเป็นพุทธะ

 

“เหอะ เจ้ามนุษย์อู๋ตี้นั่นจับสมาชิกในกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลของข้าไปเป็นจํานวนไม่น้อยเลย เขาก็เป็นศัตรูคู่อาฆาตของกลุ่มพันธมิตรบรรพกาลของข้าเช่นกัน พวกเจ้าควรที่จะหลีกทางให้ข้าซะ ไม่อย่างนั้นก็อย่าโทษข้าก็แล้วกันหากว่าข้าจะทําตัวเสียมารยาทกับพวกเจ้า” ฉงฉีก็เปล่งเสียงออกมาในลําคอ ร่างกายของมันมีออร่าความชั่วร้ายและความคลุ้มคลั่งที่แผ่ออกมา ส่งผลกระทบต่อความว่างเปล่า เหมือนว่าพื้นที่ในระยะนับสิบปีแสงจะตกอยู่ภายใต้อํานาจของมัน

 

“แสงรุ่งโรจน์แห่งพระองค์เจ้าจะแปดเปื้อนไม่ได้ มันผู้ใดที่กล้าขัดขวางการลงทัณฑ์ของพระองค์เจ้า มันผู้นั้นก็คือศัตรูเช่นกัน จะต้องสังหารอย่างไร้ความปรานี” เทวดาโรชก็มีสีหน้าที่นิ่งเฉย ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็มีแสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องสว่างออกมา เหมือนว่าจะสามารถฉีกผ่านผืนความว่างเปล่านี้ได้อย่างง่ายดาย ประจันหน้ากับออร่าความชั่วร้ายของฉงนี้ได้อย่างเท่าเทียม ไม่ได้ตกเป็นรองแม้แต่น้อย

 

“ใจเย็นกันก่อนเถอะ การปรองดองและอยู่ร่วมกันอย่างสุขใจเป็นสิ่งที่ล้ําค่า ยังไม่ทันได้ตาม หาเจ้าอู่ตี้นั่นเลย เหตุใดจะต้องทะเลาะกันก่อน บางที่พวกเราก็อาจจะตามหาร่องรอยของเขาไม่ได้” พระอรหันต์มหาปัญญาก็กวักมือ พลังอํานาจของความเมตตาก็แผ่ออกมาจากร่างของเขา ทันใดนั้นก็ยับยั้งพลังอํานาจของฉงฉีและโรชได้อย่างกะทันหัน เปลี่ยนพลังอํานาจทุกอย่างกลายเป็นความว่างเปล่า

 

ฉงฉีก็หรี่ตาลงและมองไปที่พระอรหันต์มหาปัญญาด้วยสีหน้าที่หวั่นเกรงเล็กน้อย จากนั้นก็แสยะออกมา “เหอะ มนุษย์ที่ต่ําต้อยเพียงคนเดียว ทําไมจะตามหาไม่ได้ ข้าคิดว่าเจ้ากําลังประเมินความสามารถของเขาสูงเกินไป”

 

มันไม่เชื่อคําพูดของพระอรหันต์มหาปัญญา

 

“ภายใต้แสงรุ่งโรจน์ของพระองค์เจ้า ไม่มีสิ่งชั่วร้ายใดๆที่จะสามารถหลบซ่อนได้”

 

เทวดาโรชของเผ่าพันธุ์เทวดาก็เอ่ยออกมาอย่างเรียบเฉย

 

“ในเมื่อพวกโยมไม่เชื่อ ก็ลองดูเถิด” พระอรหันต์มหาปัญญาก็ไม่ต้องการที่จะโต้เถียงอะไรกับพวกเขา

 

เมื่อได้ยินคําพูดของพระอรหันต์มหาปัญญา โรชของเผ่าพันธุ์เทวดาก็ไม่ได้ลังเลแต่อย่างใด เขาชี้นิ้วออกไปบนอากาศ “แสงศักดิ์สิทธิ์สาดส่อง กระแสเวลาไหลย้อนกลับ!”

 

หล่ง หล่ง หล่ง

 

ทันใดนั้นผืนความว่างเปล่านี้ก็เกิดคลื่นระรอกขึ้นมา เหมือนว่าจะเปลี่ยนกลายเป็นกระจกเงา

 

ทว่ากระจกเงานี้ก็เหมือนว่าจะสะท้อนสรวงสวรรค์ สิ่งที่เกิดขึ้นในดาวไม้มังกรแห่งนี้ได้ก่อตัวกลายเป็นภาพ ภาพนี้ก็ไหลนย้อนกลับอย่างต่อเนื่องตามนิ้วของเทวดาโรช

 

ไม่ว่ามีสิ่งใดที่เกิดขึ้นในสถานที่แห่งนี้ มันจะถูกเปิดเผยออกมาภายใต้กระจกเงานี้อย่างไม่ต้องสงสัย

 

“ไม่คาดคิดว่าจะเข้าใจกฎแห่งกาลเวลาจนถึงระดับนี้”

 

ฉงฉีก็หรี่ตาลงและจ้องมองไปที่โรชของเผ่าพันธุ์เทวดาอย่างไม่ละสายตา ทันใดนั้นมันก็เพิ่มระดับความอันตรายของเซนต์เทวดาผู้นี้ขึ้นมาอย่างมาก

 

“เป็นเพียงความเข้าใจเล็กๆน้อยๆเท่านั้น เป็นความเข้าใจในด้านกาลเวลาเพียงผิวเผิน สามารถที่จะส่งผลกระทบต่อความเร็วกระแสกาลเวลารอบๆตัวเท่านั้น ยังไม่มีทางที่จะเทียบได้กับพระองค์เจ้า”

 

โรชเซนต์ของเผ่าพันธุ์เทวดาก็พูดออกมาอย่างเรียบเฉย ทว่าการเคลื่อนไหวมือของเขาก็ยังไม่ได้หยุดลง ย้อนภาพกลับไปอย่างต่อเนื่อง ในที่สุดก็เห็นภาพของเซี่ยปิงที่กําลังขับเคลื่อนยานอวกาศเข้ามาในดาวไม้มังกรแห่งนี้

 

ทว่าเมื่อได้เห็นภาพนี้ เดิมที่มีหน้าที่นิ่งเฉยและเย็นชาของโรชกลับเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ราวกับว่าไม่อยากที่จะเชื่อสายตาของตนเอง

 

เพราะว่าภาพนี้พร่ามัว ราวกับเป็นภาพที่ถูกเซนเซอร์ก็ว่าได้ เกิดการบิดเบือนของห้วงมิติ ไม่สามารถที่จะมองเห็นแม้กระทั้งรูปลักษณ์ที่ชัดเจนของยานอวกาศด้วยซ้ํา เห็นเพียงแค่กลุ่มของลูกบอลแสงที่พร่ามัว

 

ต่อให้เซี่ยปิงจะเข้าไปในดาวไม้มังกรและปรากฏตัวอยู่ภายในดาวเคราะห์ดวงนี้แล้วนั้น ร่างของเขาก็ยังคงพร่ามัวอยู่ ไม่สามารถที่จะมองเห็นได้ถึงรูปลักษณ์ที่แท้จริงของเขา

 

เหมือนกับว่าตัวตนของเขาในกระแสกาลเวลานี้ถูกลบล้างไปโดยพลังอํานาจที่ลึกลับบางอย่าง

 

“นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน? ไม่คาดคิดว่าภาพของเขาจะพร่ามัวเช่นนี้? ร่างกายของเขาเหมือน ว่าจะมีพลังอํานาจที่ลึกลับและทรงอํานาจบางอย่างที่คอยคุ้มครองอยู่ บิดเบือนกาลเวลา อันที่จริ งบนตัวของเขามีสมบัติใดกัน ไม่คาดคิดว่ามนุษย์ที่ต่ําต้อยเช่นนี้จะมีพลังอํานาจในระดับนี้อยู่”

 

เทวดาโรชก็มีสีหน้าที่ตึงเครียดขึ้นมา รู้สึกหงุดหงิดเป็นอย่างมาก

 

เพราะหากแม้แต่กระแสเวลาไหลย้อนกลับก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของเจ้าอู๋ตี้ได้นั้น เขาก็ไม่สามารถกอบกู้เกียรติยศศักดิ์ศรีของพระองค์เจ้าได้ นี่เป็นการบ่งบอกว่าเจ้าคนนอกรีตที่ดูหมิ่นเผ่าพันธุ์เทวดาจะยังคงโลดแล่นอยู่เหนือกฎหมายได้อย่างอิสระ เผ่าพันธุ์เทวดาไม่สามารถที่จะจัดการอะไรกับเขาได้

 

“ไม่คาดคิดว่าจะหาไม่ได้?!”

 

ฉงฉีก็สะดุ้งตกใจเช่นกัน เดิมที่มันคิดว่าการตามหาเจ้าอู่ตี้เป็นเรื่องที่ง่ายดายอย่างมาก การที่เซนต์คิดจะสังหารมนุษย์เพียงคนเดียวนั้น มันเป็นเรื่องง่ายดายยิ่งกว่าการปลอกกล้วยเข้าปาก

 

ทว่าตอนนี้มันกลับมีปัญหายุ่งยากขึ้นมา ในตัวของเจ้าเด็กนั่นมีความลับที่ยิ่งใหญ่อยู่ ไม่คาดคิดว่าจะสามารถบิดเบือนได้แม้กระทั่งกฏแห่งกาลเวลา แม้แต่การย้อนกลับกระแสเวลาของเซนต์ก็ไม่สามารถตามหาร่องรอยของเขาได้

 

“พระอรหันต์มหาปัญญา เจ้ารู้เรื่องนี้อยู่แล้วรึ? หรือว่าจะเป็นเจ้าที่ลบกระแสกาลเวลาช่วงนั้นไป?”

 

เทวดาโรชก็หันไปมองและจ้องมองพระอรหันต์มหาปัญญาอย่างดุร้าย คิดว่าพระผู้นี้อาจจะแอบแทรกแซงอยู่เบื้องหลัง

 

“อย่ามองอาตมาเช่นนั้น อาตมาไม่ได้ทราบอะไรเลย ในความเป็นจริงอาตมาก็สงสัยไม่ต่างไปจากโยม บางทีเบื้องหลังของเจ้าอู๋ตี้อาจจะมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวคอยคุ้มครองเขาอยู่ ไม่สามารถที่จะทําอะไรทุ่มบ่ามได้”

 

พระอรหันต์มหาปัญญาก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย เหมือนว่าจะบ่งชี้บางอย่าง

 

อะไรนะ?!

 

เมื่อได้ยินเช่นนี้ โรชก็หรี่ตาลง รู้สึกได้ว่าคําพูดนี้แอบแฝงไปด้วยข้อมูลที่ลึกซึ้ง หากเจ้าอู่ตี้นั่นเป็นเพียงแค่หมากตัวหนึ่งในกระดาน เบื้องหลังของเขาก็อาจจะมีตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวสนับสนุนอยู่

 

จากนั้นเรื่องนี้ก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่กว่าที่คิด บางทีอาจจะเพ่งเล็งมาที่เผ่าพันธุ์เทวดาของเขาโดยเฉพาะ เป็นแผนการสมคบคิดครั้งใหญ่ต่อเผ่าพันธุ์เทวดา

 

การที่จะต่อกรกับตัวตนที่น่าสะพรึงกลัวเช่นนี้ จะต้องระมัดระวังเป็นอย่างมาก ไม่อย่างนั้น เผ่าพันธุ์เทวดาก็อาจจะถึงคราวสูญสลายได้

 

เขาคิดว่าเรื่องนี้จะต้องรายงานพระองค์โดยเร็วที่สุด จะต้องสืบสวนหาข่าวคราวของศัตรูผู้นี้ จะปล่อยให้เป็นไปตามแผนการของฝ่ายตรงข้ามไม่ได้

 

วิซ!

 

จากนั้นร่างของเทวดาโรชกกะพริบหายไปอย่างกะทันหัน ไม่ได้เอ่ยอะไรด้วยซ้ํา เดินทางไปจากที่นี่โดยตรง

 

“พระอรหันต์มหาปัญญา เจ้าไม่รู้อะไรจริงๆรี?!”

 

ฉงฉีก็รู้สึกสงสัยในตัวพระอรหันต์มหาปัญญาเล็กน้อย

 

“รู้แล้วเป็นอย่างไร ไม่รู้แล้วเป็นอย่างไร”

 

พระอรหันต์มหาปัญญาก็เพียงทิ้งท้ายคําเหล่านี้ก่อนที่จะจากไปเช่นกัน

 

“เจ้าลาหัวโล้นเอ๊ย รู้จักแต่การพูดถ้อยคําคลุมเครือทั้งวัน หากพูดให้ชัดเจนมันจะตายหรือไม่ อ้ากก!”

 

ฉงฉีก็โมโหจนเจียนตาย ทว่ามันก็เข้าใจความหมายของพระอรหันต์มหาปัญญาเป็นอย่างดี ไม่ต้องพูดถึงว่าเขารู้ว่ามีเรื่องอะไรอยู่เบื้องหลังหรือไม่ เพราะต่อให้เขาจะรู้จริงๆและไม่เต็มใจพูดออกมา มันก็ไม่สามารถทําอะไรพระอรหันต์มหาปัญญาได้

 

ทว่ามันก็ยังไม่ยอมแพ้ มันลองสํารวจหาในสถานที่จํานวนหนึ่งที่เจ้าอู๋ตี้เคยปรากฏตัวขึ้นมา โดยที่ใช้กระแสเวลาไหลย้อนกลับ

 

ทว่ามันก็ไม่ได้รับผลลัพธ์ใดๆเช่นเดิม ไม่มีความคืบหน้าใดๆ

 

สุดท้ายมันก็ทําได้เพียงแค่ยอมแพ้เท่านั้น