ตอนที่ 890 ต้นสายปลายเหตุ

เนตรเซียนทะลุสมบัติ

ตอนที่ 890 ต้นสายปลายเหตุ

แสงสว่างวาบผ่านตาหยางโปไป พลังลมปราณในร่างกายของเขากำลังขับเคลื่อน สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ไอซ์โกะฟุคุดะด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างโน้มน้าวใจ ” ไอซ์โกะ พูดออกมาเถอะ พูดออกมาแล้วมันจะทำให้รู้สึกดีขึ้น “

เมื่อได้ยินคำพูดเหล่านี้ ไอซ์โกะฟุคุดะดูเหมือนถูกสาป เธอแข็งทื่อไปทั้งตัว ” เขา นั้นแหละเขา ! “
” เขาเป็นใคร ? อยู่ที่ไหน ? ” หยางโปกล่าวต่อ

สีหน้าไอซ์โกะฟุคุดะเต็มไปด้วยความเจ็บปวด ” ฉันไม่อยากไปเจอเขาฉันไม่อยากไปเจอเขา ! “

หยางโปจ้องไปที่ไอซ์โกะฟุคุดะหน้านิ่วคิ้วขมวด เพราะเขาเคยประสบพบเจอกับสถานการณ์แบบนี้มาก่อน  ถ้าว่ากันด้วยเหตุผลแล้ว ไอซ์โกะฟุคุดะคงไม่สามารถหลบหนีไปไหนได้ แต่ท่าทีที่เธอแสดงออกในตอนนี้ แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าคนคนนั้นต้องทำให้เธอเจ็บปวดมากอย่างแน่นอน !

“ เขาอยู่ที่ไหน ? ” หยางโปถามอีกครั้ง

“ เขาอยู่ที่วัดนันเซ็นจิ เขาเป็นผู้ชายคนเดียวในวัด ! ”

 

จู่ๆ ไอซ์โกะฟุคุดะก็หลุดปากพูดออกมา
หยางโปตกตะลึงนิ่งอึ้งไป และนึกขึ้นมาได้ว่า ตอนที่พวกเขาอยู่ที่วัดนันเซ็นจิ ก็ได้สังเกตเห็นความผิดปกติในวัดจริงๆ มีพระเพียงรูปเดียวในวัด แต่คิดไม่ถึงว่าจะเป็นเขา !

” เขาทำอะไรกับคุณ ” หยางโปมองไปทางไอซ์โกะฟุคุดะ และยังคงพยายามสอบถามอีกครั้ง
ใบหน้าที่เต็มไปด้วยความหวาดกลัว และดวงตากลมโตเบิกกว้างของไอซ์โกะฟุคุดะ  เหมือนกับว่าได้ไปเห็นบางสิ่งที่น่ากลัวเข้า เธอเอาแต่จ้องมองไปด้านหน้า

ลัวย่าวหัวที่นั่งอยู่ตรงหน้า  จับตาดูท่าทีของไอซ์โกะฟุคุดะเขาอดไม่ได้ที่จะส่ายหัวและพูดว่า

” ผู้ชายคนนั้นทำอะไรกันแน่  ถึงทำให้เธอมีท่าทีแบบนี้ออกมาได้ ? “

หยางโปมองไปที่ไอซ์โกะฟุคุดะจากนั้นก็พูดต่อว่า ” เขาทำอะไรกันแน่ ? ” ไอซ์โกะฟุคุดะมีสีหน้าที่ตกใจและหวาดกลัว ไม่ยอมพูดออกมา  ผ่านไปได้สักพักจึงส่ายหน้าและเอ่ยออกมาว่า

” เขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ! เขาเป็นสัตว์เดรัจฉาน ! “

ในระหว่างที่พูดคุยกันอยู่นั้น  ดูเหมือนไอซ์โกะฟุคุดะจะตกใจกลัวมากจนในที่สุดก็ไม่สามารถทนอีกต่อไปได้ จึงค่อยๆทรุดตัวลงนั่งบนเบาะอย่างช้าๆ

เมื่อหยางโปเห็นไอซ์โกะฟุคุดะเป็นแบบนั้นก็ไม่รู้จะทำอะไรดี
“ พวกเรากลับไปดูที่วัดนันเซ็นจิกันเถอะ ” หยางโปพูด

ในขณะที่นั่งอยู่ในรถ หยางโปได้หันไปชะเง้อมองลัวย่าวหัว “ นายว่าที่ทานิกาวะบอกเรื่องนี้กับเรา มันหมายความว่าอะไรกันแน่ ? ตอนนี้ไม่มีข่าวคราวของหญ้ามงคลพันปีเลยแม้แต่น้อย เขาคงไม่โกหกพวกเราหรอกนะ ? ”

 

ลัวย่าวหัวส่ายหน้า ” ฉันจะไปรู้ได้ยังไง  ฉันว่านะทางที่ดีที่สุดนายน่าจะถามอู่อีดูนะ ! น้องอู่อีมีใจให้นายอยู่แล้วหนิ ! “

หยางโปส่ายหน้าและไม่ตอบกลับอะไร
เมื่อกลับมาที่โตเกียว  ก็เป็นเช้าวันรุ่งขึ้นของอีกวันแล้ว ไอซ์โกะฟุคุดะนอนอยู่ยังไม่ตื่น รถของเธอมีบอดี้การ์ดคอยตามอารักษ์ขาอยู่ด้านหลัง

หยางโปนั่งอยู่ในตำแหน่งคนขับ และกำลังมองเข้าไปในวัดนันเซ็นจิ
วัดนันเซ็นจิมีขนาดไม่ใหญ่  ได้ปิดประตูไปนานแล้ว  ขณะนี้วัดเงียบสงบ ไม่มีเสียงแม้แต่เสียงใดๆเล็ดลอดออกมา

 

หยางโปมองทะลุกำแพงเข้าไป ก็เห็นว่าแม่ชีในวัดหายไปกันหมดแล้วเหลือเพียงพระรูปเดียว

พระรูปนั้นนั่งเคาะไม้อยู่ในห้องโถง ดูน่าเคารพนับถือมาก ดูลักษณะแล้วเหมือนเป็นพระชั้นสูง

หยางโปจ้องอยู่ที่พระรูปนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นไม่ได้เขารู้สึกได้ว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะมีความชั่วร้ายแอบแฝงอยู่ และดูเหมือนว่าจะมีความเลือดเย็นแผ่กระจายออกมา

ทันใดนั้นดูเหมือนพระรูปนั้นจะรู้ตัว เงยหน้าขึ้นมองไปรอบๆ หยางโปจึงรีบถอนสายตากลับทันที
พระรูปนี้น่าจะมีวิทยายุทธอยู่ !

หลังจากรออยู่สักพัก หยางโปก็มองเข้าไปในวัดอีกครั้ง ครั้งก่อนเขาตรวจสอบดูอย่างละเอียดแล้ว  แต่กลับไม่พบร่องรอยของหญ้ามงคลพันปี แต่หลังจากได้เห็นพระรูปนั้นแล้วเขาถึงรู้สึกว่า

ทานิกาวะไม่ได้โกหกเขา !

หยางโปถึงกับมั่นใจเลยว่า  ทานิกาวะต้องเคยติดต่อกับพระรูปนี้มาก่อน และน่าจะพอรู้อะไรมาบ้าง มิฉะนั้นเขาจะรู้ได้ยังไงว่าอีกฝ่ายมีหญ้ามงคลพันปีอยู่ ?

หยางโปจ้องมองไปในวัดและมองสำรวจไปรอบๆอีกครั้ง  แต่ก็ยังไม่พบอะไร จึงอดไม่ได้ที่จะเงียบ
ลัวย่าวหัวเหลือบมองออกไปนอกหน้าต่างรถ เห็นว่าข้างนอกฟ้ามืดสนิทแล้ว มองไม่เห็นสภาพภายในวัดแล้ว เขาก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ พรุ่งนี้เช้าเราค่อยมากใหม่กันดีไหม

ไม่จำเป็นต้องมาในเวลานี้  เพราะตอนนี้มันเป็นเวลาพักผ่อนแล้ว  ต่อให้อยากเห็นก็ไม่มีทางมองเห็นได้ ! “

หยางโปเหลือบมองมาทางเขา “ นายนอนพักในรถสักครู่ รอจนตีสี่ตีห้าก็ไปเข้าแถวต่อคิว เข้าไปในวัดนันเซ็นจิ  และไปตรวจสอบดูสภาพภายในกัน ”

เมื่อลัวย่าวหัวเห็นว่าหยางโปยืนกรานแบบนั้น จึงไม่รู้จะพูดอะไรดี  จึงหลับตาลงและเข้านอนเลย
ในเวลานี้มีเสียงฝีเท้าดัง ” ตุ๊บๆ ” อยู่นอกรถ เมื่อหยางโปมองผ่านกระจกหลังก็มองเห็นผู้หญิงคนหนึ่งสวมเสื้อกันลมที่มีปกเสื้อสูง  สวมหมวกและหน้ากาก เดินมุ่งหน้าไปทางทิศใต้ของวัดนันเซ็นจิ

เมื่อลัวย่าวหัวได้ยินเสียงฝีเท้า  ก็รู้สึกผิดปกติและน่าสงสัย จึงรีบลุกขึ้นนั่งและมองไปที่กระจกหลังรถทันที

ทั้งสองกลั้นหายใจจากนั้นก็เห็นผู้หญิงคนนั้นเดินไปจนถึงนอกประตูวัดนันเซ็นจิ จากนั้นก็เริ่มเคาะประตูวัด ผู้หญิงคนนั้นเคาะประตูอย่างเป็นจังหวะ ทุกครั้งจะเคาะสามครั้งและหยุด จากนั้นก็เริ่มเคาะใหม่อีกสามครั้ง

ไม่นาน ประตูใหญ่ของวัดนันเซ็นจิก็ถูกเปิดออกโดยมีพระรูปหนึ่งมาเปิดประตูให้ จากนั้นก็ได้ยินผู้หญิงคนนั้นพูดว่า “ พระอาจารย์มิยามะ ทำไมไม่เห็นซือไท่ฮุ่ยหรานเลยล่ะ ? ”

พระอาจารย์มิยามะกระซิบว่า ” ซือไท่ฮุ่ยหรานอยู่ข้างใน อาตมาจึงมาเฝ้าประตูอยู่ข้างนอก “
หญิงสาวคนนั้นถึงได้พยักหน้าลง และเดินตามเข้าไป

หยางโปนั่งอยู่ในรถ จึงไม่ได้ยินเสียงของพวกเขา  เห็นเพียงพระอาจารย์มิยามะที่มองสำรวจออกไปด้านนอกรอบๆ จากนั้นถึงได้ปิดประตู

ลัวย่าวหัวรู้สึกมึนงงมาก  ” นี่คิดจะทำอะไร ? “
หยางโปส่ายหน้า “ หรือว่าเป็นการชุมนุมอย่างลับๆ ? ”

“ ที่นี่ไม่มีองค์กรลับอะไร ! ” ลัวย่าวหัวที่เดิมที ยังคงง่วงงัวเงียอยู่  แต่เมื่อเขาได้เห็นเรื่องราวเหล่านี้ก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาทันที

” รอดูไปก่อน ! ” หยางโปกล่าว
หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นเดินเข้าไปเธอก็ถอดหน้ากากออกแม้ว่าเธอจะสวมเสื้อกันลม แต่ก็ยังสามารถบอกได้ว่าเธอมีรูปร่างสมส่วนมาก หลังจากถอดหน้ากากออกถึงได้เห็นใบหน้าที่สวยงามของเธอ เธอเป็นหญิงสาวที่หน้าตางดงามมาก

น้ำเสียงของเธออ่อนโยน เอ่ยปากพูดกับพระมิยามะว่า ” พระอาจารย์มิยามะ ซือไท่ฮุ่ยหรานอยู่ไหนเหรอเจ้าคะ ? ” พระอาจารย์มิยามะจึงพาเธอเดินไปที่ห้องรับแขกจากนั้นก็รินน้ำให้แก้วหนึ่ง ยิ้มและพูดว่า ” โยมดื่มน้ำสักแก้วก่อน เดี๋ยวอาตมาจะไปเรียกซือไท่ฮุ่ยหรานให้ตอนนี้ ”

หญิงสาวคนนั้นพยักหน้าตอบรับ ” ดึกมากแล้วยังเข้ามารบกวนซือไท่ฮุ่ยหราน ต้องขอโทษด้วยจริงๆ “

พระอาจารย์มิยามะยิ้มและกล่าวว่า ” นี่เป็นช่วงเวลาที่พวกเจ้านัดหมายกันเอาไว้แล้ว โยมสบายใจได้ ซือไท่ฮุ่ยหราน มีประสบการณ์มาอย่างโชกโชน จะต้องรักษาอาการของโยมให้หายขาดได้ในไม่ช้า และทำให้โยมมีลูกได้เร็วๆนี้ “

หญิงสาวคนนั้นรีบกุมมือโค้งคำนับให้ ” ถ้าอย่างนั้นก็ขอบคุณมากๆเลยเจ้าค่ะ “
พระอาจารย์มิยามะชำเลืองมองไปที่ผู้หญิงคนนั้น “ โยมสบายใจได้ ”

พอพูดจบ พระอาจารย์มิยามะก็เดินออกไปด้านนอก
หยางโปมองออกไปนอกหน้าต่างรถและสามารถมองเห็นสถานการณ์ภายในของวัดได้อย่างชัดเจน แต่เขาไม่ได้ยินเสียง จึงไม่รู้ว่าทั้งสองกำลังคุยกันเรื่องอะไร  เมื่อเห็นพระเดินจากไป หยางโปก็ขมวดคิ้วขึ้น นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?

ในวัดมีพระอยู่เพียงรูปเดียว ไม่มีคนอื่นอยู่ ทำไมตอนนี้เขาถึงเดินจากไป ?
คืนนั้นอากาศหนาวมาก ตลอดทางที่หญิงสาวเดินทางมาอากาศค่อนข้างหนาวเลยทีเดียว

เธอจึงยกถ้วยน้ำชาขึ้นจิบแล้วเอามือกุมถ้วยน้ำชาไว้ในมือ

เพียงครู่เดียวผู้หญิงคนนั้นก็ล้มลงอยู่บนพื้นอย่างอ่อนแรง !

เห็นแบบนั้นหยางโปก็ตกใจถึงกับผงะ !