บทที่ 59 การตัดสินใจ

ย้อนเวลาแค้น (重生之千金有点狠)

บทที่ 59

การตัดสินใจ

มู่หรงเสวี่ยยิ้ม
“ไม่เป็นไรหรอก!”

“ครั้งหน้าเธอมาดูดอกยี่เข่งเป็นเพื่อนฉันอีกได้ไหม?
ฉันไม่มีเพื่อนเท่าไร เธอเป็นคนเดียวที่ฉันรู้จัก…”
ดวงตาสีม่วงสวยของชางกวนหลินเป็นประกาย

“เอิ่ม
ไม่ได้หรอก…” แน่นอน คำสุดท้ายพูดไม่ออกอยู่แล้วหลังจากที่ได้เห็นสายตาของเขา

“ว่าไง?”

“แน่นอน
ฉันยินดี…” ฮ่าฮ่า
เธอรู้สึกว่าตัวเองเพิ่งจะก้าวเข้าไปในวงจรประหลาดของพี่น้องคู่นี้ซะแล้ว
ถ้าเธอได้กลับไปบ้าน
เธอจะอยู่แต่ในบ้านและจะเลี่ยงการต้องเจอสองปีศาจนี้อย่างแน่นอน
เธอจะเก็บตัวอยู่ในห้องน้ำร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิด

ในทันทีรอยยิ้มที่ไร้เดียงสาของชางกวนหลินทำให้ดวงตาของเธอต้องยิ้มตามไปด้วย

จนกระทั่งเย็น
พวกเขาทั้งสองจึงกลับมาที่การประชุมหินการพนัน
เพราะชางกวนหลินได้รับโทรศัพท์และต้องรีบกลับมาทำงาน
เขาพาเธอกลับมาที่การประชุมหินการพนันและรีบออกไป

เมื่อกลับมาที่ประตูหน้าห้อง
ทันใดนั้นมู่หรงเสวี่ยก็รู้สึกลำบากใจ เธอค่อยๆเปิดประตูอย่างระวัง
แอบชะโงกหัวเข้าไป มองซ้ายมองขวาเพื่อที่จะแอบมอง เธอไม่เห็นร่างของชางกวนโม่เลย
เธอจึงถอนหายใจอย่างโล่งอก

“ในที่สุดก็กลับมาได้แล้วเหรอ?!!”

เบื้องหลังเธอมีเสียงของเย็นเยือกดังขึ้นมา
มู่หรงเสวี่ยตัวแข็งทื่อแล้วเธอก็เผยรอยยิ้มสดใสราวดอกไม้บาน “พี่โม่
ฉันกลับมาแล้วค่ะ ฉันกำลังมองหาพี่อยู่เลย พี่เข้ามาก่อนสิ…”

“เธอเรียกฉันว่าอะไรนะ?”
น้ำเสียงเย็นชาจางหายไปแล้ว

มู่หรงเสวี่ยถอนหายใจอย่างโล่งอก
ยื่นมือออกไปจับมือเขาและดึงเข้ามาในห้อง “เรียกว่าพี่โม่ไง มีอะไรเหรอ? ฉันเรียกไม่ได้เหรอ?” หลังจากพูดจบก็ทำปากจุ๊ๆอย่างพอใจ

“โอ้
ได้สิ! เธอจะเรียกอะไรก็ได้ที่อยากจะเรียก! ฮ่าฮ่า…”

โอ้!
มู่หรงเสวี่ยดวงตาสดใส นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องนึกถึงเขาก่อนหน้านี้
ปีศาจจอมสังหารหายไปไหนแล้วล่ะ นี่มันเสี่ยวไป่ชัดๆ

แต่เพราะความเจ็บปวดในหัวใจ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น…โง่จริงๆ…ทำไมมันถึงเจ็บปวดขนาดนี้

“หิ้วไหมคะ?
ฉันกำลังจะทำอาหาร…”

“ดีเลย…”
รอยยิ้มอย่างมีความสุข

ทำไมความสุขมันถึงง่ายขนาดนี้!!!

ป้อมปราการในใจของมู่หรงเสวี่ยค่อยๆพังทลาย…อาจจะนะ

ในตอนเย็นหลังจากทานอาหารค่ำเสร็จ
ทั้งสองคนก็นั่งดูทีวีอยู่ด้วยกันในห้องนั่งเล่น

“พี่โม่
พี่ไม่ต้องทำงานเหรอคะ?” มู่หรงเสวี่ยถามอย่างสงสัย

ดวงตาของชางกวนโม่มืดลง
“ทำไม? เธอไม่อยากอยู่กับฉันเหรอ?”
เพียงแค่ว่าเวลาที่เขาอยู่กับเสี่ยวเสวี่ย
มันไม่ได้มีเวลาแบบนี้ตลอด

ทำไมบรรยากาศถึงเปลี่ยนไปอีกแล้วล่ะ?
มู่หรงเสวี่ยรีบวางรีโมททีวีลงและนอนพิงไปที่เขา
ทำตัวน่ารักและขี้เล่น “จะเป็นแบบนั้นได้ยังไงล่ะ? ฉันอยากจะอยู่กับพี่ที่สุดแหละ…”

ถึงแม้เขาจะรู้ว่านี่เป็นเรื่องโกหก
แต่เขาก็รู้สึกชื่นชมท่าทางของมู่หรงเสวี่ยที่ทำให้เขารู้สึกดีอย่างมาก
เขาแตะไปที่หัวของเธอและถามด้วยเสียงแหบแห้ง “เสี่ยวเสวี่ย
เธอ…เธอชอบฉันสักนิดบ้างไหม…” มีความห่วงใยและความยากอยู่ในน้ำเสียงด้วย

มู่หรงเสวี่ยเขย่ามือของเขา
เธอชอบเขาหรือเปล่างั้นเหรอ?…ถ้าเธอบอกว่าไม่ชอบเลยก็คงเหมือนโกหก…แต่เธอพร้อมหรือยัง? ชางกวนโม่ภูมิใจมากที่เธอทนรับความรู้สึกในใจเขาไม่ไหว
ถึงแม้นั่นจะเป็นในชีวิตที่แล้ว…รวมทั้งเรื่องครั้งล่าสุดที่เธอกับหยางเฟิง…

บางทีปฏิเสธเขาไปอาจจะดีกว่า
มู่หรงเสวี่ยยืดตัวขึ้นตรง “ชางกวนโม่ ฉัน…อันที่จริงเราไม่ได้…”

เมื่อชางกวนโม่เห็นท่าทางเด็ดเดี่ยวของเธอ
เขาก็ตื่นเต้นขึ้นมาเลย เขารีบหยุดเธอในทันทีและพูดขัดเธอไว้
เป็นเพราะเขากังวลมากเกินไป

“ไม่ต้องพูด
ถ้าฉันไม่ได้ถาม…” ชางกวนโม่ปล่อยมือเธอ

มู่หรงเสวี่ยไม่อยากที่จะหยุด
ครั้งต่อไปเธออาจจะไม่มีความกล้าที่จะพูด “ชางกวนโม่ ฟังฉันนะ เราไม่เหมาะกัน…”
ตัวตนที่น่าภาคภูมิใจของเขาไม่เหมาะสมงั้นเหรอ?! เป็นข้ออ้างที่ดี
เขาพูดไปชัดแล้วว่าให้หยุด แต่ทำไมเธอยังอยากที่จะพูดออกมาอีก
นี่เธออยากจะขยี้หัวใจของเขาซ้ำแล้วซ้ำอีก ให้แตกสลายหรือไง

“ทำไม?”

มู่หรงเสวี่ยคิดเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้ว
“ฉัน…ฉัน…ครั้งที่แล้วฉันกับหยางเฟิง…พูดง่ายๆคือ ฉันไม่คู่ควรกับคุณหรอก”…”

“ฉันจะจัดการมัน!”
หยางเฟิงงั้นเหรอ?! ครั้งที่แล้วไอ้เด็กนี้ทำอะไร?!
ชางกวนโม่ดูเหมือนจะเห็นร่องรอยของความเศร้า
เขายืนขึ้นทันทีและอยากที่จะหาตัวอีกฝ่าย

มู่หรงเสวี่ย
“ไม่เอาน่า มันไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ จะบ้าหรือไง? ยังไงซะมันก็ไม่มีทาง…”
มู่หรงเสวี่ยไม่ได้เศร้ามากนักแต่เพียงแค่อธิบายถึงความจริง

ฮ่ะ?!
ครั้งที่แล้วงั้นเหรอ?!
ถูกวางยางั้นเหรอ?!
เขาพาเธอกลับบ้านไม่ใช่เหรอ?!!!
หรือเธอแค่ใช้เรื่องนี้มาเป็นข้ออ้างเพราะเธอชอบไอ้เด็กนั้น?!
“เธอ…เธอคิดว่ามันง่ายเหรอที่จะ…ให้เธอเข้ามาอยู่ในใจฉัน…ครั้งที่แล้วเธอไม่ได้มีความสัมพันธ์…”
ดูเหมือนเธอจะพยายามหยุดเขาทุกครั้งที่เขาอยากที่พูดถึงหยางเฟิง
เธอกังวลเรื่องผู้ชายคนนี้อย่างมาก

“มันจะเป็นแบบนั้นได้ยังไง?!
ครั้งแล้วเห็นได้ชัดว่าเนื้อตัวเปล่าเปลือยและเต็มไปด้วยรอยจูบไปหมด…และ…วันต่อมาคุณก็ยังมีโกรธใส่ฉันอีก…”

รอยจูบงั้นเหรอ?!
สีหน้าของชางกวนโม่แดงเข้มขึ้นไปอีก
เขาทำรอยพวกนั้นเอง

เอ๊ะ?!
ท่าทางแบบนี้…ไม่น่าจะใช่แล้ว…แต่ทำไมในตอนนั้นหยางเฟิงถึงได้พูดไปแบบนั้น

มู่หรงเสวี่ยจึงตัดสินใจถาม

“คืนนั้นเกิดอะไรขึ้น? ช่วยบอกฉันมาทีได้ไหม?”

ชางกวนโม่จับหัวตัวเอง
เขาอายที่จะพูดถึงสันดานดิบของตัวเองในคืนนั้น
เขาโทษเธอที่มีเสน่ห์เกินต้านขนาดนั้น แค่เขายั้งตัวเองได้ก็เป็นปาฏิหาริย์มากแล้ว
โอเค หลังจากที่ชางกวนโม่เล่าเรื่องทั้งหมดแล้ว
มู่หรงเสวี่ยก็รู้แล้วว่าตัวเองทำพลาดไปครั้งใหญ่

“ทีนี้
เธอจะว่ายังไง?” ชางกวนโม่ถามอย่างคาดหวัง

มุ่หรงเสวี่ยเงียบไปนาน
แล้วค่อยๆพูดออกมาช้าๆ “พี่โม่
ฉันยอมรับนะว่าฉันชอบคุณ…แต่ฉันก็แค่ชอบ…แต่…” แต่อะไร…เธอพูดไม่ได้

ชางกวนโม่มีความสุขมากจนกอดเธอและหมุนไปรอบๆ

“ฮ่าฮ่า ในที่สุดเธอก็ยอมรับแล้วว่าเธอชอบฉัน!
ฮ่าฮ่าฮ่า…” เธอไม่ได้พูด แต่บางทีเขาอาจจะไม่สนใจ เขาแค่อยากให้เธอชอบเขาสักนิด
สักวันเขาจะทำให้เธอตกหลุมรักเขาเหมือนกับที่เขารักเธอ

มู่หรงเสวี่ยเองก็แสดงรอยยิ้มอย่างโล่งอก…แค่…ปล่อยให้ชีวิตที่แล้วผ่านไป…เธอมีสิทธิ์ที่จะมีความสุข
ใช่ไหม?!

เหลืออีกห้าวันก่อนที่การชุมนุมหินจะจบ

“ที่รัก
คุณคิดว่าหินหยกนี้ดีหรือเปล่า?”

“หินหยกนี่หยาบมากเลย
ให้ฉันถือเองเถอะ อย่าเอาผิวละเอียดๆของเธอมาโดนเลย…”

“ฉันไม่ได้บอบบางขนาดนั้น!”

“แต่ในใจฉันคิดว่าเธอนี่บอบบางที่สุด…”

“…”

เย่เฟิงรู้สึกเลี่ยนกับคนคู่ตรงหน้าจริงๆ
นี่เขาต้องมาดูแลคุณชายกับนายหญิงน้อยจริงๆเหรอเนี่ย?! นี่พวกเขาบ้าไปแล้วหรือไง?! คนประหลาดสองคนนี้มาจากไหนเนี่ย?!!
ที่รักงั้นเหรอ!?
ทำไมมันเลี่ยนขนาดนี้…เขาอยากจะหนีกลับบ้านก่อนจริงๆ

คู่รักคู่นี้มากำลังเลือกหินหยกอยู่ด้วยกัน

“พี่ใหญ่
ไม่คิดเลยว่าจะมาเจอพี่ที่นี่…”

สีหน้าของชางกวนโม่หุบยิ้มในทันที
“นายมาทำอะไรที่นี่…”

“โอ้
ฉันกำลังตามหาเสี่ยวเสวี่ย” ชางกวนหลินยกต่างหูที่อยู่ในมือขึ้นมา

มู่หรงเสวี่ยตัวแข็ง
วันนั้นเธอใส่ต่างหูไปดูดอกยี่เข่งกับชางกวนหลินด้วย
และเมื่อเธอกลับมาก็พบว่ามันหายไปแล้ว
เธอคิดว่าคงทำหล่นที่ถนนระหว่างทางเลยไม่ได้สนใจที่จะตามหา

ชางกวนโม่รีบดึงมู่หรงเสวี่ยมาอยู่ด้านหลังเขาทันที
“ทำไมนายต้องตามหาเสี่ยวเสวี่ยด้วย? ไม่มีผู้หญิงคนอื่นให้นายไปหาแล้วหรือไง?”

“โอ้
ไม่ใช่อย่างนั้น?! นี่ต่างหูที่เสี่ยวเสวี่ยบังเอิญทำหล่นครั้งก่อนที่อยู่กับฉันไง
ฉันแค่จะเอามาคืน…”

แค่นี้ก็เพียงพอที่จะทำลายหัวใจเขาแล้ว
เมื่อได้รู้ชัดเจนว่ามู่หรงเสวี่ยกับชางกวนโม่เป็นคู่รักกัน
จึงเดินหน้าที่จะแยกสองคนนี้

มู่หรงเสวี่ยยิ่งตัวแข็งมากขึ้นไปอีก
เธอกับชางกวนโม่เพิ่งจะยืนยันความสัมพันธ์กันไป
และไม่อยากให้อะไรมาทำให้ต้องเข้าใจผิดกันอีก “พี่โม่ วันนั้นฉัน…”

ชางกวนโม่เก็บซ่อนความหึงหวงในจิตใจ
ยกมือขึ้นมาและขัดคำพูดของมู่หรงเสวี่ยไว้ “โอ้ นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นวันนั้นเหรอ?
เสี่ยวเสวี่ยบอกฉันว่ามันก็แค่ต่างหู
ถ้าเธอทำหล่นงั้นก็ทิ้งมันไปเลย…”

“ฮ่า
ฮ่า เสี่ยวเสวี่ยอยู่นี่เอง!” ชางกวนหลินไม่สนใจคำพูดของชางกวนโม่
พร้อมทั้งส่งต่างหูให้มู่หรงเสวี่ย

ดวงตาทุกคู่จ้องมาที่เธอพร้อมกัน
มู่หรงเสวี่ยมองคนทั้งสองอย่างอายๆ ในเวลานี้เธอยังไม่รู้ว่าจะรับมาดีหรือเปล่า

หลังจากนั้นชางกวนโม่รับรู้ได้ว่าเธออาย
เขาจึงยื่นมือออกไปและรับต่างหูมาเอง “ต่อไปเรียกเธอว่าพี่สะใภ้ด้วย
อย่าแม้แต่จะคิดที่จะเรียกว่าเสี่ยวเสวี่ย…”

รอยยิ้มของชางกวนหลินจางไป
“อย่าเพิ่งพูดแบบนั้นเลย
สุดท้ายแล้วใครจะได้มู่หรงเสวี่ยไปหรืออาจจะไม่ได้เลยก็ได้ ใช่ไหม? เสี่ยวเสวี่ยเธอคิดเหมือนกันไหม?”

เมื่อมองไปที่ชางกวนโม่ที่พยายามเก็บกดความโกรธที่แทบจะทนไม่ไหวเลยคิดว่าบางเรื่องก็ควรที่จะพูดออกมาให้ชัดเจนไปเลย
ไม่งั้นมันจะไม่ใช่แค่คนเดียวที่ต้องเจ็บปวด
หลังจากที่ได้เห็นมือของชางกวนโม่ก็กำแน่น เธอจึงพูดออกไปอย่างชัดเจน
“ฉันชอบชางกวนโม่ ถึงแม้ว่าในอนาคตจะยังไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม!
แต่ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ฉันก็เชื่อว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกันได้
ฉันหวังว่านายจะช่วยอวยพรให้เราด้วย…”

ชางกวนหลินที่ไม่คิดว่าเสี่ยวเสวี่ยจะพูดออกมาแบบนี้
ดวงตาสีม่วงถึงกับตกตะลึง
เขาคิดว่าเสี่ยวเสวี่ยถูกบังคับ…จะเป็นไปได้ยังไงที่สองคนนี้จะรักกัน…

มันชัดเจนมากว่าเขาเคยเห็นสายตาสิ้นหวังและไม่ยินยอมอยู่
1-2 ครั้ง…แล้วเพียงไม่กี่วันมันเปลี่ยนไปขนาดนี้ได้ยังไง