ตอนที่ 2120 สงครามของแคว้น (2) / ตอนที่ 2121 สงครามของแคว้น (3)

ยอดชายาจักรพรรดิปีศาจ

ตอนที่ 2120 สงครามของแคว้น (2)

“เมื่อครู่ข้าไปสำรวจสถานการณ์มาแล้ว คนพวกนั้นแบ่งกันออกไปหลายเส้นทางมีเซียนจักรพรรดิสองสามคนรวมกลุ่มไปที่เขตตะวันออก อีกกลุ่มหนึ่งก็มียอดฝีมือไปโจมตีทางเขตตะวันตก เขตเหนือและเขตใต้ ท่านต้องส่งคนไปปกป้องพวกเขาแล้วทิ้งคนบางส่วนไว้ปกป้องจวนนี้” อวิ๋นชิงหย่าแนะนำอย่างใจเย็น

ผู้เฒ่าจวินกัดฟันก่อนจะพูดว่า “ได้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำอย่างที่เจ้าว่า! ทิ้งอีกสามเขตให้ข้าจัดการเอง ท่านต้องไปหยุดเซียนจักรพรรดิเหล่านั้น! ไม่อย่างนั้นหายนะก็จะมาถึงเมืองวิญญาณเหมือนกัน!”

อวิ๋นชิงหย่ามองคนที่อยู่ข้างหลังเขาก่อนจะเดินไปยังประตู

“ท่านพี่อวิ๋น ข้าจะไปกับท่านด้วยเจ้าค่ะ!” หนิงซินรีบเดินมาด้วยใบหน้ามุ่งมั่น

อวิ๋นชิงหย่าครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ตั้งแต่ที่หนิงซินกินผลเขฬะมังกรเข้าไป ความแข็งแกร่งของนางก็เพิ่มขึ้นมากดังนั้นเขาจึงพยักหน้าตกลง

“ได้ พวกเราจะไปด้วยกัน”

หนิงซินยิ้มโดยที่รอยยิ้มของนางงดงามมากราวกับดอกบัวสีเขียวที่บานสะพรั่ง

ตราบใดที่นางสามารถอยู่กับบุรุษที่นางรักได้ ความตายจะอันตรายเพียงใด นางก็ไม่กลัว

“ท่านพ่อ ท่านแม่” ดวงตาของอวิ๋นรั่วสุ่ยแดงก่ำและนางก็ดึงมือหนิงซินเอาไว้ นางมองมารดาของนางด้วยความโศกเศร้า “สุ่ยเอ๋อร์เองก็อยากไปกับท่านด้วยเหมือนกัน”

สีหน้าของหนิงซินอ่อนโยนขณะที่ลูบศีรษะของอวิ๋นรั่วสุ่ยเบาๆ ก่อนจะพูดอย่างอบอุ่นว่า “สุ่ยเอ๋อร์ เจ้าทำตัวดีๆ อยู่ในเมืองเถอะ อีกไม่นานบิดากับมารดาก็จะกลับมา”

หัวใจของอวิ่นลั่วเฟิงบีบตัว นางจะไม่รู้เกี่ยวกับอันตรายที่ครั้งนี้พวกเขาจะต้องเจอได้อย่างไร ดวงตาโตของนางฉายแววกังวล “พวกท่านจะกลับมาจริงๆ หรือเจ้าคะ”

“พวกเราต้องกลับมาอย่างแน่นอน” หนิงซินยกมือขึ้นมาลูบศีรษะของอวิ๋นรั่วสุ่ยก่อนจะยืนขึ้นแล้วมองไปที่อวิ๋นชิงหย่า “พวกเราไปกันเถอะ”

“ได้เลย” อวิ๋นชิงหย่ายิ้ม ก่อนที่เขาจะจากไป เขาก็มองใบหน้าอ่อนเยาว์ของบุตรสาวด้วยความรักใคร่ “สุ่ยเอ๋อร์ บิดารับรองว่าพวกเราจะกลับมาอย่างปลอดภัย แต่เจ้าต้องเชื่อฟังท่านตาของเจ้า เข้าใจหรือไม่”

อวิ๋นรั่วสุ่ยพยักหน้าอย่างแน่วแน่ “สุ่ยเอ๋อร์จะเป็นเด็กดีดังนั้นท่านต้องไม่โกหกสุ่ยเอ๋อร์นะเจ้าคะ ไม่อย่างนั้นสุ่ยเอ๋อร์จะไม่ยกโทษให้ท่านไปตลอดชีวิต”

ใบหน้ามุ่งมั่นของอวิ๋นรั่วสุ่ยทำให้ความเจ็บปวดพุ่งเข้าสู่จิตใจของหนิงซินแต่สุดท้าย นางก็ฝืนตัวเองให้ใจแข็งแล้วจากไป

หลังจากที่คนทั้งสองจากไป อวิ๋นรั่วสุ่ยก็ไม่สามารถกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปแล้วน้ำตาก็ไหลอาบใบหน้าของนาง “ท่านพ่อ ท่านแม่ สุ่ยเอ๋อร์จะรอพวกท่านกลับมานะเจ้าค่ะ…”

ที่นอกประตูเมืองมีบรรยากาศอึมครึม

อวิ๋นชิงหย่ามองยอดฝีมือทั้งหลายบินลงมาจากฟ้าก่อนจะมองบุรุษที่เขาสู้ด้วยเมื่อครั้งแล้ว “มีแต่พวกขี้แพ้ แล้วเจ้าก็ยังกล้ากลับมาอีกงั้นหรือ”

“ครั้งที่แล้ว ข้าดูถูกศัตรูเกินไป ครั้งนี้เป็นวันตายของเจ้าแล้ว!” ใบหน้าของบุรุษชุดคลุมยาวมืดครึ้มและน้ำเสียงของเขาก็เต็มไปด้วยเจตนาสังหารเข้มข้น

“ต่อให้เจ้ามีคนช่วยแล้วอย่างไร” อวิ๋นชิงหย่าเดินมาข้างหน้าสองก้าวก่อนจะยืนกางขาเพื่อป้องกันประตูราวกับเป็นภูเขาขนาดมหึมา “ข้า อวิ๋นชิงหย่า ทายาทตระกูลอวิ๋น ตระกูลทหารชั้นสูง! วันนี้ตราบใดที่ข้ายังอยู่ที่นี่ ข้าก็ไม่อนุญาตให้เจ้าไปทำร้ายคนบริสุทธิ์!”

เขาเป็นทายาทตระกูลทหารชั้นสูง ดังนั้นเขาจึงมีนิสัยทระนงติดตัว เขายอมตายดีกว่าถอย เขาไม่ลังเลเลยที่ต้องเสียสละชีวิตเพื่อปกป้องประตูเมืองด้านหลัง

“ฮะ ฮะๆ !” ชายในชุดคลุมยาวหัวเราะอย่างขบขัน “ถ้าอย่างนั้น ข้าก็อยากเห็นว่าเจ้าจะใช้วิธีไหนหยุดข้า! แล้วเจ้าจะเอาอะไรมาปกป้องคนที่อยู่ข้างหลังเจ้ากัน!”

​​​​​​​

ตอนที่ 2121 สงครามของแคว้น (3)

ตูม!

ตอนนั้นเองเซียนจักรพรรดิก็ก้าวออกมาข้างหน้า กลิ่นอายน่าเกรงขามก็พุ่งออกมาแล้วซัดเข้าตัวอวิ๋นชิงหย่าราวกับคลื่นยักษ์

อวิ๋นชิงหย่ายังคงสงบราวกับภูเขา สีหน้าของเขายังเย็นชาไม่เปลี่ยนและใบหน้าของเขาก็ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็ง

“น้องรอง”

จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้นกลางอากาศ เมื่ออวิ๋นชิงหย่าเงยหน้าขึ้นเขาก็เห็นไป๋หลิงลอยอยู่ตรงหน้าเขา

“พี่สะใภ้ ท่านกลับมาแล้วหรือ” อวิ๋นชิงหย่าพูดอย่างดีใจ

ไป๋หลิงบินลงมาจากฟ้ามายืนข้างอวิ๋นชิงหย่า นางหันไปมองกลุ่มคนที่รวมตัวกันอยู่แล้วมุมปากก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้ม

“ข้าได้ยินว่าแคว้นเจ็ดเมืองกำลังอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ข้าก็เลยพาคนจากแผ่นดินเฟิงอวิ๋นมาช่วย! คนพวกนี้ต้องเป็นคนจากแผ่นดินเทพวิญญาณใช่หรือไม่ แผ่นดินเทพวิญญาณมีเซียนจักรพรรดิมากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ความจริงแล้วแผ่นดินเทพวิญญาณมีเซียนจักรพรรดิมากกว่าที่พวกเขารู้มาก

ถึงแม้ว่าฉินหยวนจะเป็นบุตรชายของตระกูลฉินในแผ่นดินเทพวิญญาณ เขาก็รู้เกี่ยวกับการมีอยู่ของเซียนจักรพรรดิแค่ไม่กี่คน ตรงข้ามกับความจริง เซียนจักรพรรดิหลายคนเก็บตัวอยู่คนเดียวเงียบๆ จากสังคมและไม่ได้ปรากฏตัวต่อหน้าผู้คน เมื่อเวลาผ่านไปคนก็เลยไม่รู้ถึงการมีตัวตนของพวกเขา

“พี่สะใภ้ ตอนนี้พวกเรายังไม่ต้องไปสนใจเรื่องนั้น พวกเราต้องหยุดคนพวกนี้ก่อนและไม่ปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในเมือง”

ในเมืองไม่ได้มีแค่ชาวบ้านที่บริสุทธิ์ แต่ยังมีคนพวกเขาต้องการปกป้องด้วย…

“ได้เลย! น้องรอง น้องสะใภ้ พวกเราจะร่วมมือกำจัดศัตรูพวกนี้!” ไป๋หลิงยิ้ม สายตาของนางที่ใช้มองกลุ่มคนนั้นเป็นประกายเจตนาสังหาร

เวลาเดียวกันศัตรูก็เริ่มโจมตีประตูเมืองอีกสามแห่งเหมือนกัน

ภายใต้การบัญชาของผู้เฒ่าจวิน เมืองประจิมก็ป้องกันได้อย่างง่ายดายเมื่อเทียบกับประตูเมืองอีกสองเมือง ผู้ป้องกันของทั้งสองประตูยังใช้ร่างแข็งแกร่งดุจเหล็กของพวกเขาขวางการโจมตี

ในตอนนี้คนในเมืองวิญญาณยังไม่รู้ว่าสงครามป้องกันครั้งนี้จะกินเวลาถึงสองเดือนเต็มๆ …

ช่วงหลายเดือนนี้ทั้งสองฝั่งต้องทุกข์ทรมานจากการความเสียหายรุนแรงและใครจะเป็นผู้ชนะก็ยังไม่อาจตัดสินได้ ถึงอย่างนั้นทุกคนก็พยายามสู้ และทั่วทั้งเมืองวิญญาณก็ถูกปกคลุมหมอกสีโลหิต

….

ณ นครอนันต์ แดนลับแล

ภายในห้องกว้างใหญ่และว่างเปล่า อวิ๋นลั่วเฟิงวางหินก้อนสุดท้าย ตอนนั้นเองคลื่นพลังฌานที่ทรงพลังก็ไหลผ่านก้อนหินเหล่านี้และเชื่อมต่อกันก่อตัวเป็นกรงขัง

“อวิ๋นเซียว ค่ายกลของข้าเสร็จแล้ว ตอนนี้พวกเราต้องหาทางทำให้มังกรสวรรค์เก้าปีกเข้ามา” อวิ๋นลั่วเฟิงเช็ดเหงื่อเย็นๆ ตรงหน้าผากของนาง หลังจากผ่านเวลาหลายเดือนอันยากลำบากไป ในที่สุดค่ายกลของนางก็สร้างขึ้นได้สำเร็จ

“หลบไปก่อน” อวิ๋นลั่วเฟิงพูดเสริม

อวิ๋นเซียวถอยหลังไปอย่างเชื่อฟัง ดวงตาของเขาจับจ้องอยู่ที่อวิ๋นลั่วเฟิงตลอดเวลาแต่ก็คอยระวังการเคลื่อนไหวในสภาพแวดล้อมๆ

หลายเดือนมานี้ อวิ๋นลั่วเฟิงไม่ได้แค่สร้างค่ายกลแต่ยังพบด้วยว่าเหตุใดมังกรสวรรค์เก้าปีกถึงไม่สามารถเข้ามาในห้องได้

ภายใต้สายตาของอวิ๋นเซียว อวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินไปหินบนแท่นบูชาช้าๆ หินก้อนนี้มีขนาดใหญ่มากและมีสีน้ำเงินเข้มทำให้ดูน่าหวั่นเกรง

“อวิ๋นเซียว ทุบหินก้อนนี้ให้แหลก หลังจากทำลายหินแล้วก็รีบไปซ่อนข้างหลังค่ายกลทันที”

หลังจากที่มองก้อนหิน อวิ๋นลั่วเฟิงก็เดินนำไปที่ค่ายกล