ตอนที่ 219 ถ้อยคำเสียดสีอันเจ็บแสบ

ปาฏิหาริย์รัก เทพธิดาจำแลง

เฉียวเหลียงถอนหายใจ เอาล่ะ เขาจะเล่าเรื่องหลงเซี่ยวให้เธอฟังภายหลัง ถ้าเขาบอกตอนนี้เธออาจยอมรับไม่ได้ เอาไว้เมื่อถึงเวลาที่ใช่เขาจะพาเธอไปประเทศ M แล้วเธอจะเห็นด้วยตาตัวเอง

 

 

หลังจากทั้งคู่ขึ้นรถแล้วถังซีก็อุทานออกมาทันที “โอ…ไม่!”

 

 

เฉียวเหลียงหันมามอง “มีอะไรหรือ”

 

 

ถังซีเกาศีรษะอย่างเคอะเขิน “ฉันชวนหลี่ม่านหยางกับจินฮั่นที่มาสัมภาษณ์วันนี้ ไปที่สำนักงานของเรากับฉันด้วย แต่ทั้งคู่ยังไม่ได้ทานอาหารกลางวัน ฉันก็เลยบอกให้พวกเขาไปทานก่อน จินฮั่นขอให้ฉันส่งที่อยู่สำนักงานไปที่โทรศัพท์มือถือ” เธอขมวดคิ้วด้วยความวิตกกังวล “แต่ฉันลืมประวัติส่วนตัวพวกเขาไว้ที่ห้องทำงานคุณ…”

 

 

เฉียวเหลียงมองหน้าถังซีอย่างพูดไม่ออก ถังซีทำหน้ามุ่ยเหมือนเด็กๆ “ฉันคงไม่ลืมหรอก ถ้าคุณไม่ทำอย่างนั้นกับฉัน… คุณก็รู้…”

 

 

“ทำอะไร”

 

 

ถังซีหน้ามุ่ยยิ่งขึ้น “คุณก็รู้ว่าฉันไม่เคยต้านทานเสน่ห์คุณได้เลย! ถ้าฉันยังจำได้ว่าจะหยิบประวัติของพวกเขามาด้วย ทั้งที่ฉันถูกคุณยั่วยวนขนาดนั้น ฉันก็ไม่ใช่ถังซีที่รักคุณน่ะสิ”

 

 

เมื่อได้ยินคำสารภาพรักอย่างฉับพลันจากเธอ เฉียวเหลียงก็เงียบกริบ เขาจ้องมองแก้มนวลนุ่มนิ่มและริมฝีปากสีชมพูด้วยดวงตาเปล่งประกาย เขายื่นมือมาดึงถังซีเข้าไปในอ้อมแขน แล้วทำสิ่งที่เขาอยากทำตอนอยู่ในห้องทำงาน ถังซีตกตะลึง จ้องหน้าเขาที่อยู่ใกล้ใบหน้าเธอเหลือเกิน แล้วเขาก็แง้มริมฝีปากเธอด้วยปลายลิ้น…

 

 

เฉียวเหลียงไม่ยอมปล่อยถังซีจนกระทั่งเธอหายใจไม่ออก หน้าเธอแดงก่ำขณะที่เฉียวเหลียงดูปกติ ยกเว้นสายตาที่เร่าร้อน ถังซีผลักประตูรถเปิดออก กระโดดลงจากรถ และกระแทกประตูปิดลง แล้วทันใดนั้นเธอก็เปิดประตูรถอีกครั้ง หยิบหมวกและหน้ากากมาสวม กล่าวกับเฉียวเหลียงว่า “ฉันจะกลับไปเอาประวัติส่วนตัวของพวกเขา!”

 

 

เฉียวเหลียงยื่นคีย์การ์ดเข้าลิฟต์ให้เธอ “คีย์การ์ด”

 

 

ถังซีคว้ามาแล้วหันหลังกลับรีบวิ่งไปโดยไม่มองหน้าเฉียวเหลียง เฉียวเหลียงมองตามร่างเธอที่วิ่งห่างออกไป ทำไมเธอช่างน่ารักอย่างนี้

 

 

แม้จะสวมหมวกและหน้ากาก แต่ถังซีก็ยังรู้สึกว่าคนอื่นเห็นใบหน้าแดงก่ำของเธอ เธอรีบเข้าไปในลิฟต์ กดปุ่ม ก้มศีรษะลง รอให้ประตูลิฟต์ปิด อย่างไรก็ตามในขณะที่ประตูกำลังจะปิด ก็มีใครคนหนึ่งกั้นปิดประตูไว้และเดินเข้ามา

 

 

ถังซีเงยหน้าขึ้นมองด้วยความประหลาดใจ เมื่อเห็นบุคคลนั้นเธอก็ขมวดคิ้ว รอยยิ้มบนใบหน้าหายไปทันที และสีหน้าเธอเปลี่ยนเป็นบึ้งตึง แม้ใบหูแดงก่ำจะค่อยๆ เป็นปกติ แต่น้ำเสียงถังซีเยือกเย็น ขณะลิฟต์กำลังเคลื่อนขึ้นไป “ถ้าความจำของฉันถูกต้อง คุณไม่ได้รับอนุญาตให้ใช้ลิฟต์นี้นี่คุณฉิน คุณเข้ามาทำไม”

 

 

เมื่อได้ฟังคำพูดเสียดสีของถังซี ฉินซินหยิ่งก็ยิ้มอย่างเย็นชากล่าวว่า “เซียวโหรว เข้าใจภาษามนุษย์หรือเปล่า แม่เธอเจ็บหนักจนลุกไปไหนไม่ได้อย่างนี้แล้ว เธอยังจะรีบมายั่วยวนเฉียวเหลียงที่บริษัทเขาอีกหรือ ไม่กลัวจะโดนอีกหรือไง”

 

 

ถังซีเหลือบตามองและเย้ยหยันฉินซินหยิ่ง “คุณฉิน ถ้าฉันเป็นคุณฉันคงไม่มีเวลามายุ่งเรื่องนี้หรอก คุณควรเอาเวลาไปกังวลเรื่องงานออกแบบจะดีกว่าไหม ฉินซินหยิ่ง ถึงคุณจะไม่ปริปากบอกใคร คุณก็อาจจะไม่สามารถเก็บความลับสุดยอดของคุณไว้กับตัวเองได้ ถ้ามีคนรู้ว่าฉินซินหยิ่ง ที่ใครๆ เรียกว่านักออกแบบผู้มีพรสวรรค์ ไม่รู้แม้กระทั่งวิธีเขียนภาพสเก็ตช์งานออกแบบ พวกเขาจะว่ายังไงกันน้า”

 

 

ใบหน้าฉินซินหยิ่งแข็งทื่อเป็นน้ำแข็งทันที น้ำเสียงเธอกระด้าง ประกายวาววับกะพริบตาในดวงตา ขณะที่เธอกล่าวอย่างเยือกเย็น “ใครบอกเรื่องนี้กับแก!”

 

 

“ถังซีไง” ถังซียิ้ม มองหน้าฉินซินหยิ่ง “คุณบอกว่าถังซีทำร้ายแม่ฉัน ฉันก็เลยขอให้อาเหลียงพาฉันไปพบถังซี แต่ถังซีบอกว่าเธอไม่ได้สนใจเรื่องของฉันเลย เฉียวเหลียงเลิกกับเธอเมื่อห้าปีก่อนและเธอไม่สนใจเขาแล้ว เธอบอกฉันว่าคุณร้ายกาจมาก และไม่ลังเลที่จะทำลายผู้อื่นเพื่อผลประโยชน์ของคุณเอง และแม้แต่… ภาพสเก็ตช์งานออกแบบของคุณ คนที่สเก็ตช์ภาพพวกนั้นจริงๆ แล้วคือเธอ ตอนนี้เธอไม่เห็นคุณอยู่ในสายตาแล้วเพราะผิดหวังกับคุณมาก… ดังนั้น… เธอจึงนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอไปซ่อน เผื่อว่าคุณจะไปขโมย”

 

 

“เป็นไปไม่ได้!” ฉินซินหยิ่งกัดฟันแน่น จ้องหน้าถังซีเขม็ง และตะโกนอย่างเจ็บแค้น “เป็นไปไม่ได้ที่ถังซีจะพูดอย่างนั้น! และฉัน…”

 

 

“และฉันอะไร” เมื่อลิฟต์มาถึงชั้นหกสิบสาม ถังซีก็ก้าวออกไป เธอยิ้มขณะมองกลับไปที่ฉินซินหยิ่งซึ่งยังคงยืนอยู่ในลิฟต์ “ฉินซินหยิ่งฉันจะแนะนำให้นะ ไม่ว่าคุณจะทำอะไร อย่าคิดทำให้คนอื่นหลงทางด้วยการสร้างเรื่องหลอกลวง ไม่อย่างนั้นจะไม่มีใครช่วยเมื่อคุณตกอยู่ในปัญหายุ่งยาก… ดูตัวเองสิ เห็นไหมว่าท่าทางคุณเป็นยังไง”

 

 

“ไม่จำเป็นต้องให้แกมาบอกฉันแบบนี้!”

 

 

“ดี แล้วเราจะได้เห็นกัน รอดูก็แล้วกันว่าใครจะเป็นผู้ชนะเมื่อสิ้นสุดสงคราม”

 

 

รอยยิ้มบนใบหน้าถังซีหายไป เธอไปที่ห้องทำงานเฉียวเหลียง หยิบประวัติส่วนตัวของสองคนนั้นใส่กระเป๋าแล้วเดินออกไป อย่างไรก็ตามเมื่อเปิดประตูลิฟต์ เธอพบฉินซินหยิ่งยังยืนอยู่ในนั้น เธอเลิกคิ้ว แล้วกดปุ่มลงไปชั้นหนึ่ง

 

 

เมื่อถึงตอนนี้ฉินซินหยิ่งก็ก้าวเข้ามาหาเธอ และถามอย่างเยือกเย็น “เธออยู่ที่ไหน”

 

 

ถังซีเลิกคิ้ว เธอรู้ว่าฉินซินหยิ่งถามถึงที่อยู่ของเธอ เธอพูดในใจว่า ‘ฉันก็อยู่ตรงหน้าเธอนี่ไง!’ แต่เธอกล่าวออกมาว่า “คุณเป็นเพื่อนสนิทที่สุดของเธอไม่ใช่หรือ คุณไม่รู้หรือว่าเธออยู่ที่ไหน ทำไมถึงมาถามฉันล่ะ”

 

 

“บอกฉันมาว่าเธออยู่ที่ไหน!” ไม่น่าแปลกใจที่เฉียวเหลียงยังคงสงบนิ่งเมื่อรู้ข่าวว่าถังซีตายแล้ว! เขาต้องร้องไห้อย่างหนักแน่นอนถ้ามั่นใจว่าถังซีเสียชีวิต จากนั้นเธอก็จะมีโอกาสเข้าหาเขา แต่ไม่มีอะไรเป็นไปตามที่เธอวางแผนไว้เลย เฉียวเหลียงไม่เศร้ากับการเสียชีวิตของถังซี แต่กลับไปตกหลุมรักผู้หญิงคนนี้! ที่แย่ไปกว่านั้นคือ ถังซียังมีชีวิตอยู่! และถังซีนำภาพสเก็ตช์งานออกแบบชิ้นสำคัญไปซ่อน!

 

 

บัดซบที่สุด! ถังซี! ทำไมเธอถึงทำกับฉันอย่างนี้! ในเมื่อเธอตกลงแล้วที่จะให้ฉันได้มีชื่อเสียงและฐานะที่ดี เธอมาซ่อนภาพสเก็ตช์งานออกแบบของเธอแบบนี้ได้ยังไง!

 

 

ทำไมเธอถึงใจดำกับฉันอย่างนี้!

 

 

“ฉันถามเธอว่าถังซีอยู่ที่ไหน!” บ้าที่สุด! ไม่แปลกใจเลยที่เธอหาภาพสเก็ตช์งานออกแบบพวกนั้นไม่พบ! ปรากฏว่าถังซีเล่นกลตลบหลังเธอ นำภาพสเก็ตช์ทั้งหมดไปซ่อนจนเธอหาไม่เจอ!

 

 

ถังซีมองฉินซินหยิ่งด้วยสายตาดุดัน ยิ้มอย่างเย็นชา ผลักฉินซินหยิ่งออกไป และกล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น “ตามหาเธอเองสิ!”