ถังซีก้าวออกจากลิฟต์แล้วหันกลับไปมองฉินซินหยิ่งด้วยสีหน้าเย็นชา “ฉินซินหยิ่ง รู้ไหมตอนนี้คุณดูเป็นยังไง คุณเหมือนคางคก ส่วนเฉียวเหลียงเหมือนหงส์ขาว คางคกพยายามรวบหัวรวบหางหงส์! แต่น่าเสียดายที่หงส์ไม่ชอบคางคก คุณก็เลยทำได้แค่ตามตื๊อเขา คุณนี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!”

 

 

ฉินซินหยิ่งแทบระเบิดด้วยความโกรธ เธอจ้องหน้าถังซีอย่างดุดันและขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน “ฉันขอท้า ถ้าเธอกล้าพูดอีกครั้ง!”

 

 

ถังซียิ้มเยาะ มองเธออย่างสบายใจ “คุณนี่มันไร้ยางอายสิ้นดี!” จบคำพูดเธอก็หันหลังจากไป

 

 

ฉินซินหยิ่งกำมือแน่น จ้องเขม็งไปที่ร่างถังซีที่ค่อยๆ ลับสายตา แล้วกล่าวขึ้นอย่างเยือกเย็น “เซียวโหรว สักวันหนึ่งฉันจะทำให้เธอมาคุกเข่าต่อหน้าฉัน ขอความเมตตาจากฉัน ไม่เพียงแค่เธอ…” เธอจะทำลายเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปด้วย “คิดว่าเธอจะทำให้ฉันย่อยยับได้โดยมีเฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปหนุนหลังอย่างนั้นหรือ ดี… ฉันจะทำให้เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปหายไปจากโลกนี้!”

 

 

ด้วยความคิดนี้ฉินซินหยิ่งจึงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา กดหมายเลขโทรออก ค่อนข้างนานกว่าปลายสายอีกด้านหนึ่งจะรับ ฉินซินหยิ่งเอ่ยขึ้นทันที “คุณปู่ถังคะ โปรดช่วยชีวิตซีซีด้วยค่ะ”

 

 

ถังเจิ้นหวาตอบกลับหลังจากนิ่งอยู่นาน “นั่นซินหยิ่งหรือ เกิดอะไรขึ้นกับซีซี”

 

 

ฉินซินหยิ่งออกจากลิฟต์ หยุดนิ่งอยู่สองวินาที แล้วเดินพลางร้องไห้พลางออกจากอาคารเฉียว “คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูคนเดียว ถ้าไม่ใช่เพราะหนูซีซีก็จะไม่ไปต่างประเทศด้วยความเศร้าอย่างนั้น เป็นเพราะหนู แต่คุณปู่ช่วยเธอก่อนนะคะได้ แล้วคุณปู่ค่อยโกรธหนู”

 

 

ถังเจิ้นหวายืนอยู่หน้าแผ่นป้ายจารึกผู้วายชนม์ในห้องโถงบรรพบุรุษ มองดูรายงานผลการตรวจพิสูจน์ความเป็นบิดาในมือ ขมวดคิ้ว และเผารายงานนั้นด้วยเปลวเทียนในมืออีกข้าง ขณะมองดูแผ่นกระดาษมอดไหม้เป็นเถ้าถ่าน ท่านก็ถามเสียงเรียบ “ซินหยิ่ง เธอหมายความว่ายังไง ฉันไม่เข้าใจ”

 

 

ท่านค่อนข้างมั่นใจว่า คนอย่างฉินซินหยิ่งจะไม่สารภาพผิดในสิ่งที่เธอกระทำลงไป เธอเป็นคนไร้ยางอาย ทายาทของพวกเลือดเย็น และไม่เคยตระหนักว่าตัวเองทำอะไรผิด ไม่เคยสำนึกที่จะขอโทษ

 

 

“คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูเองค่ะ หนูไม่ควรบอกซีซีเลยว่าเฉียวเหลียงไปตกหลุมรักผู้หญิงอื่น…”

 

 

ฉินซินหยิ่งเดินเข้าไปนั่งในสวนหน้าอาคารเฉียว เฝ้ามองถังซีเดินไปขึ้นรถเฉียวเหลียง ประกายตาเธอวาววับด้วยความไม่พอใจ แต่เธอกล่าวอย่างนุ่มนวล “ผู้หญิงคนนั้นร้ายกาจเหลือเกินค่ะ ซีซีไม่ควรลดตัวลงไปเป็นคู่แข่งกับเธอ เฉียวเหลียงอยากเลิกกับซีซี หลังจากที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างความบาดหมางระหว่างเขาสองคนหลายครั้ง ซีซีผิดหวังมาก เธอจึงยอมเลิก… คุณปู่ถังคะ เป็นความผิดของหนูค่ะ ถ้าเพียงแต่หนูไม่บอกซีซีเรื่องนี้ และห้ามไม่ให้เธอมาตามหาผู้หญิงคนนั้นที่เมือง A”

 

 

ถังเจิ้นหวาตกอยู่ในความเงียบ และคิดในใจอย่างเยือกเย็น ฉินซินหยิ่งคิดว่าท่านโง่หรือ ท่านสามารถรู้ทุกเรื่องเกี่ยวกับชีวิตของเฉียวเหลียงได้อย่างง่ายดาย ตราบใดที่ท่านต้องการ…

 

 

ท่านไม่เปิดเผยอารมณ์ที่แท้จริง แต่ถามด้วยน้ำเสียงโกรธว่า “ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้ ทำไมเธอไม่บอกฉันก่อนหน้านี้”

 

 

“หนูไม่แน่ใจค่ะ แต่ตอนนี้ซีซีไม่ยอมกลับบ้าน และหนูทำงานที่เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุป วันนี้หนูเห็นเฉียวเหลียงกับผู้หญิงคนนั้นต่อหน้าต่อตาหนู ผู้หญิงคนนั้นหัวเราะเยาะซีซีใส่หน้าหนู หนูก็เลย… โทรหาคุณปู่ เพราะหนูเป็นห่วงซีซีค่ะ”

 

 

ถังเจิ้นหวามองแผ่นป้ายจารึกตรงหน้า แผ่นป้ายมีตัวหนังสือจารึกไว้บนนั้นว่า ‘ถังซี หลานสาวสุดที่รักของฉัน’ มีธูปและเทียนจุดอยู่ที่หน้าแผ่นป้าย ดวงตาท่านลึกล้ำไม่อาจหยั่งถึง ท่านถามอย่างเยือกเย็น “ทุกอย่างที่เธอพูดเป็นความจริงหรือ ซีซีของฉันทนทุกข์ทรมานมานานหลายปี เพราะผู้หญิงอีกคนก้าวเข้ามาระหว่างเธอกับเฉียวเหลียงอย่างนั้นหรือ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของถังเจิ้นหวา ฉินซินหยิ่งก็รู้ว่าเธอใกล้จะประสบความสำเร็จแล้ว ประกายความตื่นเต้นกะพริบอยู่ในดวงตา แต่น้ำเสียงเธอยังดูไม่พอใจ เธอกล่าวต่อไปทันทีด้วยความขุ่นเคือง “ใช่ค่ะ หนูเผชิญหน้ากับเธอ และถามว่าทำไมเธอถึงทำอย่างนี้กับซีซี แต่เธอบอกให้หนูหุบปากเสีย และระวังเรื่องของตัวเองให้ดีดีกว่า ไม่อย่างนั้นเธอจะพูดใส่ร้ายซีซีให้เฉียวเหลียงฟัง คุณปู่ถังคะ ผู้หญิงคนนี้หน้าด้านมากเลยค่ะ!”

 

 

ถังเจิ้นหวาแอบเยาะหยันในใจ ความเหยียดหยามส่องประกายอยู่ในดวงตาท่าน ผู้หญิงคนนี้ต้องการใช้ประโยชน์จากท่าน เธอต้องการยืมมือท่านกำจัดผู้หญิงคนนั้น คนที่สร้างโทสะให้เธอในวันนี้

 

 

“เธอคนนั้นชื่ออะไร” ถังเจิ้นหวาถามด้วยน้ำเสียงเ**้ยมโหด

 

 

ดวงตาฉินซินหยิ่งเปล่งประกายขึ้นทันที เธอรีบตอบว่า “เธอชื่อเซียวโหรวค่ะ เป็นคุณหนูตระกูลเซียว เธอมีเซียวกรุปหนุนหลังถึงได้เชิดหน้าใส่คนอื่นๆ แล้วยังดูถูกว่าเอ็มไพร์กรุปไม่อยู่ในสายตาเธออีกด้วย!”

 

 

“เอาล่ะ ฉันเข้าใจแล้ว” ถังเจิ้นหวาวางแผ่นป้ายจารึกในมือลง แล้วหันหลังเดินออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ ท่านกล่าวว่า “ฉันจะจัดการกับเซียวกรุปนี้เอง อย่าไปใส่ใจ ซีซีอยู่อย่างมีความสุขดีในต่างประเทศ ฉันคุยวิดีโอคอลกับซีซีเมื่อคืน ไม่ต้องเป็นห่วงซีซี ตั้งใจทำงานของเธอไปก็แล้วกัน”

 

 

ทันทีที่ถังเจิ้นหวาเดินออกจากห้องโถงบรรพบุรุษ ประตูหินก็ปิดลงโดยอัตโนมัติ และล็อคด้วยการสแกนม่านตาที่ประตู

 

 

เมื่อได้ยินคำสัญญาของถังเจิ้นหวา ฉินซินหยิ่งก็กล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตกลงค่ะ ขอบคุณนะคะคุณปู่ถังที่ห่วงใยหนู” หลังจากวางสายโทรศัพท์เธอก็ยิ้มอย่างพึงพอใจ จ้องมองไปยังทิศทางที่ถังซีจากไปและหัวเราะเยือกเย็น “เซียวโหรว เราจะได้เห็นกัน ถ้าเอ็มไพร์กรุปต้องการให้ใครตกที่นั่งลำบากแล้วละก็ เฉียวอินเตอร์แนชันนัลกรุปก็ช่วยอะไรไม่ได้ ฉันจะคอยดูซิว่าใครจะช่วยเธอได้คราวนี้!”

 

 

 

 

ทางด้านถังซี ขณะนั่งอยู่ในรถเฉียวเหลียง เธอบ่นว่าเธอช่างโชคร้ายเหลือเกินที่มาเจอฉินซินหยิ่ง ทำให้เสียอารมณ์ “ฉันนี่ตาบอดจริงๆ! คบคนแบบนี้เป็นเพื่อนได้ยังไง”

 

 

ตอนนี้เธอได้กลับมามีชีวิตอีกครั้งในตัวตนของเซียวโหรว ถ้าเธอเสียชีวิตไปจริงๆ เธอก็จะกระโดดออกจากโลงศพมาด่าฉินซินหยิ่งให้หนำใจ เมื่อได้ยินคำพูดอันน่ารังเกียจของผู้หญิงคนนี้

 

 

เฉียวเหลียงจับมือเธอไว้ด้วยมือข้างหนึ่ง ขณะขับรถด้วยมืออีกข้าง เขากล่าวอย่างอ่อนโยนว่า “ตาคุณบอดข้างหนึ่ง แต่อีกข้างไม่บอดนะ”

 

 

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ถังซีซึ่งกำลังค้นหาหมายเลขโทรศัพท์ของจินฮั่นอยู่ก็เลิกคิ้วขึ้น “ทำไมล่ะคะ”

 

 

เฉียวเหลียงยิ้ม ยกมือเธอขึ้นแตะริมฝีปาก จูบอย่างนุ่มนวลแล้วกล่าวว่า “เพราะคุณได้มองเห็นผมด้วยดวงตาอีกข้างหนึ่งไงล่ะ”