บทที่ 145 เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์[รีไรท์]

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บทที่ 145 เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์[รีไรท์]

หลังจากสัมผัสได้ถึงความผันผวนของกระแสพลังวิญญาณ

หลิงเจิ้งสงพูดด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ “ดูเหมือนว่าจะมีบรรดาคนที่ทนไม่ไหว บุกไปยังตระกูลมี่อีกรอบแล้วสินะ รอบนี้ปู่ว่าตระกูลมี่อาจจะรับมือไม่ไหว เจ้าต้องการให้ปู่ไปช่วยพวกเขาไหม?”

หลังหลิงเจิ้งสงพูดจบ โม่หยูถังและเสี่ยวเยว่เฟิงได้เดินเข้ามาพอดีและรายงานขึ้นว่า “นายท่านตอนนี้ตระกูลมี่กำลังถูกโจมตีโดยผู้เชี่ยวชาญจำนวนหนึ่ง พวกเราควรไปช่วยเหลือพวกเขาอีกแรงไหม?”

หลิงตู้ฉิงส่ายหัวและพูดกับโม่หยูถังว่า “พวกเจ้าไปดูพวกเขาหน่อยก็ได้ แต่ถ้าหากผู้เชี่ยวชาญขอบเขตนภาที่แฝงตัวอยู่ไม่ได้ลงมืออะไร พวกเจ้าก็ไม่จำเป็นจะต้องลงมือ ปล่อยให้มี่ตั้วตั้วจัดการกับผู้บุกรุกด้วยตัวเองไป”

“นายท่าน ท่านจะไม่ไปดูพวกเขากับพวกเราด้วยงั้นเหรอ?” เสี่ยวเยว่เฟิงถามขึ้นด้วยแววตาสงสัย

“ข้าคงไม่ไปล่ะ หากข้าไปอาจจะมีคนจดจำตัวตนที่แท้จริงของข้าได้ พวกเจ้าไปกันเถอะ เมื่อพวกเจ้าไปถึงแล้วพวกเจ้าจะได้รู้ว่ามี่ตั้วตั้วนั้นเป็นคนที่น่าสนใจมาก ๆ” หลิงตู้ฉิงยิ้มอย่างมีเลศนัย

โม่หยูถังและเสี่ยวเยว่เฟิงมองหน้ากันด้วยความงุนงงจากคำพูดของหลิงตู้ฉิง จะมีคนจดจำตัวตนที่แท้ของเจ้านายของพวกเขาได้? พวกเขาไม่เข้าใจว่าหลิงตู้ฉิงหมายถึงอะไรกัน

เมื่อทั้งสองคนที่พยายามทำความเข้าใจในคำพูดปริศนาของหลิงตู้ฉิงไม่ได้ พวกเขาจึงทำได้แต่ส่ายหัวและรีบบินจากไปยังทิศทางที่ตระกูลมี่ตั้งอยู่เพื่อดูสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น

ส่วนหลิงเจิ้งสงเมื่อได้ยินคำพูดของหลิงตู้ฉิง เขาเองรู้สึกสงสัยแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรและบินตามโม่หยูถังกับเสี่ยวเยว่เฟิงเพื่อไปดูสถานการณ์ที่ตระกูลมี่เช่นกัน

ณ คฤหาสน์ตระกูลมี่

รอบนี้ บนฟ้าเหนือคฤหาสน์ตระกูลมี่ ผู้เชี่ยวชาญของเขตรวมแสงดาราจำนวน 10 คน กำลังลอยตัวมองลงมาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความโลภ

ผู้เชี่ยวชาญที่มาบุกรุกในรอบนี้ระดับต่ำที่สุดในกลุ่มพวกเขาคือขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 ส่วนระดับสูงที่สุดคือระดับ 6 บรรดาผู้เชี่ยวชาญที่มาบุกนั้นใช้พลังวิญญาณของตนเองปกปิดใบหน้าของตัวเองเพื่อไม่ให้คนอื่นจำได้

ขณะนี้บรรดาผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบต่างแผ่รัศมีพลังวิญญาณขอบเขตรวมแสงดาราเพื่อขู่บรรดาคนที่อยู่ในตระกูลมี่

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 6 ตะโกนลงไปหามี่ตั้วตั้วด้วยน้ำเสียงดุดัน “ผู้นำตระกูลมี่ อย่าหัวรั้นให้มันมากนัก มอบสูตรโอสถและโอสถกำเนิดรากฐานคุณภาพสูงสุดมาให้พวกข้าซะ ไม่เช่นนั้นพวกข้าทั้งสิบคนจะถล่มตระกูลของเจ้าให้ราบเป็นหน้ากลอง และอย่าคิดว่าพวกข้าจะกลัวอาวุธวิเศษนั่นที่อยู่ในมือลูกสาวเจ้า หากพวกข้าทั้งหมดร่วมมือกันต่อให้หลิงตู้ฉิงมาที่นี่ด้วยตนเอง เขาก็ต้านพวกข้าไม่ได้”

เมื่อมองไปยังผู้เชี่ยวชาญที่ลอยอยู่เหนือตระกูลเขาจำนวนมาก มี่ตั้วตั้วก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา 10 คน หากเป็นก่อนหน้านี้ความแข็งแกร่งของคนพวกนี้สามารถที่จะฆ่าล้างตระกูลของเขาได้อย่างสบาย ๆ!

มี่ไลตะโกนขึ้นเสียงดังจากด้านข้าง “ท่านพ่อ ทำไมไม่ให้ข้าลงมือล่ะ ท่านหลิงให้ข้ายืมอาวุธวิเศษของเขามาแล้วและเขาอนุญาตให้ข้าใช้พลังของมันได้เต็มที่ ข้ามั่นใจว่าหากข้าใช้อำนาจของมันทั้งหมดข้าสามารถสังหารผู้เชี่ยวชาญอยู่ระดับ 5 หรือขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 6 ได้อย่างไม่ยากเย็นนัก”

เหมือนรอบที่แล้วมี่ไลลองใช้วิธีการอวดอ้างความแข็งแกร่งของหลิงจู้อีกรอบ เพื่อลองขู่ผู้เชี่ยวชาญพวกนี้ให้ถอยกลับไปเหมือนครั้งที่แล้ว

มี่ตั้วตั้วส่ายหัว “เจ้าไม่จำเป็นต้องลงมือ! วันนี้พ่อจะทำให้คนทุกคนได้เห็นว่าตระกูลมี่ของเรานั้นไม่ใช่ตระกูลเล็ก ๆ ที่ใคร ๆ นึกอยากจะรังแกก็มารังแกกันได้ง่าย ๆ พ่อจะแสดงให้ทุกคนเห็นถึงเขี้ยวเล็บอันแท้จริงของตระกูลเรา”

บทสนทนาระหว่างพ่อและลูกได้ยินไปถึงกลุ่มผู้เชี่ยวชาญที่ลอยอยู่บนฟ้า ทำให้พวกเขาเริ่มรู้สึกกระสับกระส่าย

อันที่จริง พวกเขาเองก็หวังว่าจะให้คนตระกูลมี่ยอมมอบสูตรโอสถและโอสถให้พวกเขาโดยไม่ต้องต่อสู้กันมากกว่า เนื่องจากลึก ๆ แล้วพวกเขาเองก็ยังไม่มั่นใจสักเท่าไหร่ ว่าจะรับมือกับอาวุธวิเศษนั่นได้จริง ๆ หรือเปล่า ต่อให้พวกเขาจะรวมพลังกันทั้งหมดก็ตาม

ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 6 ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะให้เวลาเจ้า 10 นาทีในการตัดสินใจ ถ้าเจ้ายังดื้อดึงไม่มอบเม็ดโอสถและสูตรของมันให้พวกข้า พวกข้าจะสังหารพวกเจ้าให้หมดทั้งตระกูลและชิงมันมาเอง!”

เมื่อได้ยินคำขู่เช่นนี้ มี่ไลเหลือบมองไปที่มี่ตั้วตั้ว นางแอบกังวลและสงสัยว่าพ่อของนางมีไพ่ตายอะไรที่สามารถแก้ไขปัญหาตอนนี้ได้จริงหรือเปล่า

ในเวลานี้มี่ตั้วตั้วเผยรอยยิ้มอันน่าสยดสยอง เขาเรียกเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ออกมาไว้ในมือและกระซิบกับเจดีย์ด้วยเสียงแผ่วเบาว่า “ผู้อาวุโส โปรดช่วยข้าจัดการพวกเขาที”

หลังจากได้ยินเสียงกระซิบของมี่ตั้วตั้ว จู่ ๆ เจดีย์ก็เริ่มเปล่งแสงรัศมีสีทองออกมาและประตูของเจดีย์ก็เปิดออก

จากนั้นภาพที่ปรากฏกับสายตาทุกคนคือ มีสิ่งมีชีวิตออกมาพุ่งออกมาจากเจดีย์ มันเป็นสิ่งมีชิวิตรูปร่างลำตัวคล้ายมนุษย์สูง 2 เมตร ทั่วทั้งตัวปกคลุมไปด้วยเกล็ดสีดำทมิฬที่ดูแข็งแกร่ง มีมือขนาดใหญ่กว่ามนุษย์ปกติ 3 เท่า มีเล็บมืออันแหลมคมที่งอกยาวออกมาถึง 1 ฟุต ส่วนศีรษะนั้นรูปทรงคล้ายศีรษะของนก ซึ่งมีจะงอยปากอันแหลมคม และสิ่งที่น่ากลัวที่สุดคือดวงตา ดวงตาทั้งดวงของมันเป็นสีเขียวและแววตาคู่นั้นหากมองเข้าไปจะรู้สึกได้ถึงความคลุ้มคลั่งและกระหายเลือด

โม่หยูถังและเสี่ยวเยว่เฟิงที่กำลังดูเหตุการณ์อยู่ อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเมื่อเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ พวกเขาอุทานขึ้นมาแทบจะเวลาเดียวกัน “เผ่าอสูรทมิฬสงคราม!?”

หลิงเจิ้งสงที่อยู่ด้านข้างเมื่อได้ยินที่ทั้งสองคนอุทาน เขารู้สึกงุนงง เขาไม่รู้ว่า เผ่าอสูรทมิฬสงครามคืออะไร

ในเวลานี้ดวงตาสีเขียวอันคลุ้มคลั่งของอสูรทมิฬ กวาดไปทั่วและถามมี่ตั้วตั้วด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ผู้อาวุโสเผ่าข้า ส่งข้ามาช่วยเจ้า บอกข้ามาว่าเจ้าต้องการจะฆ่าใคร”

เมื่อมี่ตั้วตั้วเห็นอสูรทมิฬ หัวใจของเขาหวาดผวาไปด้วยความหวาดกลัว กลิ่นอายสังหารอสูรทมิฬที่อยู่ตรงหน้าเขานั้นรุนแรงจนเขาแทบจะทนไม่ไหว

มี่ตั้วตั้วได้แต่พึมพำในใจที่อสูรทมิฬตนนี้ไม่ได้มาเพื่อฆ่าเขา แต่มาเพื่อช่วยเขา

เขาชี้ขึ้นไปที่ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราทั้งสิบบนท้องฟ้าและพูดว่า “ได้โปรดช่วยกำจัดพวกเขาด้วย”

“รับทราบ!” เผ่าอสูรทมิฬสงครามพยักหน้าอย่างเย็นชา

อสูทมิฬเกร็งกล้ามเนื้อขาทั้งสองของมันจนผู้คนใกล้ ๆ ได้ยินเสียงกล้ามเนื้อที่โดนบีบอัดดังลั่น และมันก็กระโจนขึ้นไปในอากาศพุ่งตรงไปยังกลุ่มผู้เชี่ยวชาญทั้งสิบทันที

กลุ่มผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราที่เห็นการเคลื่อนไหวของมี่ตั้วตั้ว พวกเขานั้นมึนงงเป็นอย่างมาก

ทำไมจู่ ๆ ก็มีสัตว์ประหลาดโผล่ออกมาจากเจดีย์สีทองนั่น?

แต่ด้วยศักดิ์ศรีของผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารามันค้ำคอ ไม่ว่าสัตว์ประหลาดที่ตอนนี้กำลังพุ่งมาหาพวกเขามันจะเป็นตัวอะไรก็ตาม พวกเขาก็เตรียมรับมือกับมันด้วยความมั่นใจ

เมื่อเห็นอสูรทมิฬเคลื่อนไหว พวกเขาทุกคนก็หัวเราะเยาะ “มี่ตั้วตั้ว! นี่เจ้าคิดจริง ๆ เหรอว่าสัตว์ประหลาดเพียงตัวเดียวที่เจ้าเรียกออกมามันจะสามารถช่วยอะไรเจ้าได้?”

ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 เมื่อเห็นอสูรทมิฬพุ่งเข้ามาหาเขา เขาจึงโคจรพลังวิญญาณของตน และปาหอกซึ่งเป็นอาวุธระดับวิญญาณขั้นต่ำออกไปยังอสูรทมิฬอย่างรวดเร็ว

โม่หยูถังส่ายหัวและและพูดขึ้น “รนหาที่ตายกันจริง ๆ นี่คือ เผ่าอสูรทมิฬสงคราม และอสูรทมิฬตนนี้อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 แค่มันใช้ความแข็งแกร่งของร่างกายเพียงอย่างเดียวมันก็สามารถบดขยี้ผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราได้ทุกระดับแล้ว ไอ้คนพวกนี้คงได้ตายสมใจอยากแน่!”

เสี่ยวเยว่เฟิงพยักหน้าเห็นด้วย แต่สิ่งที่นางสนใจคือเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ในมือของมี่ตั้วตั้ว ทำไมสิ่งนี้ถึงสามารถใช้เรียกเผ่าอสูรทมิฬสงครามได้? และหลิงตู้ฉิงสร้างมันขึ้นมาได้ยังไง?

นางไม่ได้ใส่ใจการต่อสู้ของอสูรทมิฬด้วยซ้ำเพราะผลลัพธ์ก็เป็นอย่างที่โม่หยูถังได้พูดไว้

ในความเป็นจริงผลที่ปรากฎนั้นน่ากลัวกว่าที่โม่หยูถังพูดไว้ด้วยซ้ำ

อสูรทมิฬพุ่งเข้าหาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 เมื่อมันเห็นหอกวิเศษพุ่งเข้ามา มันไม่แม้แต่จะหลบ มันกลับพุ่งเข้าปะทะโดยตรง

ในจังหวะที่ปะทะมันเหวี่ยงกรงเล็บอันแหลมคมเฉือนปะทะเข้ากับใบหอก ส่งผลให้หอกถูกซัดจนกระจุยแตกสลายหายไปเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

เมื่อหอกที่ตนเองภาคภูมิใจถูกทำลายลงอย่าง่ายดาย ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 หวาดกลัวจนวิญญาณของเขาแทบจะหลุดออกจากร่าง เขาโคจรพลังวิญญาณจนถึงขีดสุดและใช้ความเร็วที่เร็วที่สุดที่เขาสามารถทำได้เพื่อถอยหนี แต่มันก็ไม่เร็วไปกว่ากรงเล็บอันแหลมคมของอสูรทมิฬที่วาดเข้ามาหาตัวเขา

“ไม่…”

เขามีเวลาเพียงแค่กรีดร้องได้คำเดียวจากนั้นร่างกายของเขาก็ถูกแยกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ด้วยกรงเล็บอันแหลมคมของอสูรทมิฬ

ฝนโลหิตและเศษเนื้อของผู้เชี่ยวชาญผู้นั้นได้หล่นกระจายลงมาบนพื้นจำนวนมาก

 “หืม? นั่นมัน หยานเซียงฟาง ที่เป็นผู้นำหอการค้าที่เคยปฏิเสธไม่ยอมค้าขายกับตู้ฉิงนี่” เสียงกรีดร้องก่อนตายเมื่อสักครู่ทำให้หลิงเจิ้งสงรู้ตัวตนของผู้ตายได้ว่าเป็นใคร

หลิงเจิ้งสงเผยตัวตนของผู้เชี่ยวชาญที่พึ่งตายไปพลางจ้องมองไปที่อสูรทมิฬที่น่ากลัวตัวนี้

ในเวลานี้หลังจากอสูรทมิฬแยกร่างของหยานเซียงฟางเสร็จ มันก็พุ่งเข้าหาคนที่ใกล้ที่สุด ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2

ถ้าแม้แต่หยานเซียงฟาง ซึ่งอยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 3 ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของมันแล้วคนที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 2 จะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้อย่างไร?

ฝนโลหิตที่สองโปรยปรายลงบนพื้นอีกรอบ

หลังจากสังหารไปสองศพ อสูรทมิฬไม่ได้หยุดพักแม้แต่นิดเดียว มันพุ่งเข้าหาผู้เชี่ยวชาญคนที่สามทันที

หลังจากเห็นพวกของตนเองถูกสังหารไปอย่างง่ายดาย บรรดาผู้เชี่ยวชาญเริ่มกลัวจนแข้งขาสั่น

เมื่อเจอกับสัตว์ประหลาดที่น่ากลัวเช่นนี้ ผู้เชี่ยวชาญที่เหลือไม่มีความกล้าแม้แต่จะต่อสู้ ถ้าไม่หนีตอนนี้จะให้ไปหนีตอนไหน?

ผู้เชี่ยวชาญอีก 8 คนที่เหลืออยู่ต่างแยกกันหนีออกเป็นแปดทิศทาง พวกเขาหวังเพียงว่าพวกเขาจะโชคดีพอที่จะไม่ถูกสัตว์ประหลาดตัวนี้ไล่ตามมายังทิศทางที่ตนเองกำลังจะหนีไป

ทันทีที่อสูรทมิฬเห็นว่าเป้าหมายของมันแยกกันเป็นแปดทาง มันเริ่มรู้สึกกังวลใจ มันจึงเริ่มโคจรพลังวิญญาณขอบเขตรวมแสงดาราระดับ 9 และไล่ตามฆ่าเหล่าเป้าหมายของมันที่กำลังจะหนีไปอย่างสุดความสามารถ

แต่น่าเสียดายที่คนเหล่านี้ทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ในขอบเขตรวมแสงดารา ความเร็วของพวกเขาแต่ละคนล้วนรวดเร็วมากเช่นกัน ในท้ายที่สุดผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดที่มาบุกตระกูลมี่ 10 คน มี 6 คนถูกสังหาร อีก 4 คนหนีรอดไปได้