บทที่ 146 ความแข็งแกร่งของตระกูลมี่[รีไรท์]

พ่อเลี้ยงยอดเซียน (异界无敌奶爸)

บบที่ 146 ความแข็งแกร่งของตระกูลมี่[รีไรท์]

 

เมื่อเห็นว่ามันไม่สามารถตามทัน อสูรทมิฬจึงบินกลับไปหามี่ตั้วตั้ว และพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “เวลาการอันเชิญของข้ากำลังจะหมดแล้ว ข้าติดหนี้เจ้าสำหรับอีก 4 เป้าหมายที่หนีรอดไปได้ไว้ก่อน นอกจากนี้ผู้อาวุโสเผ่าข้า ฝากข้าให้ถามเจ้าว่าใครกันที่ช่วยเจ้าสร้างเจดีย์นี้ขึ้นมา”

 

มี่ตั้วตั้วมองไปที่อสูรทมิฬที่พึ่งสังหารผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราไป 6 คนโดยที่ตัวมันเองไม่มีแม้แต่รอบขีดข่วน เขารู้สึกหวาดเกรงในความน่ากลัวของมันมาก

 

เมื่อได้ยินคำถามของอสูรทมิฬ เขารีบพูดว่า “ข้าไหว้วานให้คนรู้จักของข้าสร้างมันขึ้นมา และนี่คือค่าจ้างของพวกท่านที่ข้าสัญญาไว้”

 

พูดจบมี่ตั้วตั้วส่งมอบแหวนมิติที่ภายในบรรจุเหรียญทอง 60 ล้านเหรียญที่สัญญาไว้กับผู้อาวุโสของเผ่าอสูรทมิฬ

 

อสูรทมิฬรับแหวนมิติไปจากมี่ตั้วตั้ว มันพูดด้วยน้ำเสียงเฉยชาว่า “ข้าเป็นหนี้เจ้า 4 เป้าหมายที่เหลือรอดไปได้ นอกจากนี้ถ้าเจ้าสามารถติดต่อคนที่สร้างเจดีย์ของเจ้าให้กับข้าได้ ข้าจะมอบสิ่งตอบแทนให้กับเจ้าอย่างงาม สุดท้ายนี้ขอขอบคุณที่ว่าจ้างพวกเราเผ่าอสูรทมิฬ ข้าหวังว่าความร่วมมือของเราจะมีขึ้นอีกในอนาคต”

 

พูดจบ มันจึงเดินมายังเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์และเมื่อประตูของเจดีย์เปิดออกมันจึงย่อตัวและหายเข้าไปในเจดีย์ขนาด 1 ฟุตอย่างไร้ร่องรอย

 

ทุกคนที่เฝ้าดูเหตุการณ์ทั้งหมดต่างเงียบไม่กล้าส่งเสียงใด ๆ ขึ้น ภาพที่พวกเขาเห็นนั้นน่าตกใจเกินไป ผู้เชี่ยวชาญหลายคนที่เตรียมที่จะฉกฉวยโอกาสจากหายนะของตระกูลมี่ต่างก็ถอยออกไปอย่างเงียบ ๆ ในความคิดของทุกคน ขอบเขตรวมแสงดาราเป็นขอบเขตที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีปเทียนหยวน แต่ตอนนี้ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตที่เคยดูสูงส่งกลับถูกเชือดง่าย ๆ เหมือนไก่ตัวหนึ่ง

 

ยิ่งไปกว่านั้นผู้ที่สังหาร ผู้เชี่ยวชาญขอบขตรวมแสงดารานั้นกลับไม่ใช่มนุษย์ ผู้คนต่างรู้สึกสงสัยว่ามันเป็นสัตว์ประหลาดชนิดไหนกัน? ที่สำคัญที่สุดตระกูลมี่อันเชิญสัตว์ประหลาดตัวนี้มาช่วยพวกเขาได้อย่างไร? และเจดีย์สีทองที่อยู่ในมือมี่ตั้วตั้วมันคือสมบัติระดับไหนกัน?

 

ตอนนี้มุมมองตระกูลมี่ในใจของหลาย ๆ คน ได้ถูกเปลี่ยนไปหมด ตระกูลมี่ตอนนี้กลายเป็นตระกูลต้องห้ามสำหรับบรรดาผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดาราไปแล้ว

 

อันที่จริงอย่าว่าแต่บรรดาคนอื่น ๆ ที่กำลังตกตะลึงอยู่ แม้แต่มี่ตั้วตั้วเองก็ตกใจมาก เขานึกไม่ถึงเช่นกันว่าการที่เขาใช้เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์เพื่อสื่อสารกับสิ่งมีชีวิตลึกลับ และใช้ 60 ล้านเหรียญทองเพื่ออันเชิญสัตว์ประหลาดปริศนานี้มาช่วย มันจะให้ผลลัพธ์ที่น่าทึ่งได้ขนาดนี้ ในตอนแรกเขารู้สึกประหม่ามากเพราะเขาไม่รู้ว่าสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้จะทรงพลังพอที่จะช่วยเขาได้ไหม แต่ตอนนี้เขารู้สึกทั้งตกตะลึงและดีใจเป็นอย่างมาก

 

“หลังจากการเหตุการณ์นี้ คงไม่มีใครในอาณาจักรจันทรากล้ามาดูถูกตระกูลมี่ของเราอีกแล้ว” มี่ตั้วตั้วพูดกับมี่ไลอย่างภาคภูมิใจ

 

มี่ไลที่ได้ยินคำพูดของมี่ตั้วตั้วนั้นนางพูดอย่างมีความสุขว่า “ท่านพ่อ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์จะทรงพลังขนาดนี้ ถ้าข้ารู้มาก่อน ข้าคงไม่มาที่นี่และบังเอิญขัดขวางแผนการของท่านตั้งแต่แรก”

 

มี่ตั้วตั้วยิ้มและพูดว่า “อย่าได้ไปใส่ใจเรื่องที่ผ่านมาแล้วเลย ยังไงซะตอนนี้อาณาจักรจันทรารู้แล้วว่าเราสามารถเรียกสิ่งมีชีวิตลึกลับที่แข็งแกร่งได้และเจ้าก็มีอาวุธวิเศษที่ทรงพลัง ด้วยความแข็งแกร่งของเราที่แสดงออกในวันนี้ จะไม่มีใครกล้าดูถูกเราอีกต่อไป”

 

ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันเสี่ยวเยว่เฟิงและโม่หยูถังก็ลงมาจากท้องฟ้าและร่อนลงมาต่อหน้าคู่พ่อลูก

 

มี่ตั้วตั้วเมื่อเห็นคนทั้งสองร่อนลงมา เขาโค้งตัวให้กับคนทั้งสองเล็กน้อย

 

โม่หยูถังหัวเราะ “ขอแสดงความยินดีด้วย ที่ท่านสามารถจัดการกับปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างสวยงาม ข้านึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าท่านจะพบวิธีติดต่อกับเผ่าอสูรทมิฬสงคราม”

 

มี่ตั้วตั้วแสดงสีหน้าสงสัยและถามขึ้นว่า “หืม? สิ่งมีชีวิตที่ข้าเรียกมาเมื่อครู่ ชื่อของพวกเขาคือ เผ่าอสูรทมิฬสงคราม งั้นเหรอ? ท่านพ่อบ้านโม่ ท่านช่วยเล่ารายละเอียดของพวกเขาให้ข้าฟังหน่อยได้ไหมว่าพวกเขาเป็นใครมีที่มายังไง?”

 

 เสี่ยวเยว่เฟิงตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เผ่าอสูรทมิฬสงคราม เป็นกลุ่มอสูรที่มีสติสัมปชัญญะเหมือนกับคน จุดเด่นของพวกเขานั้นมีนิสัยในการชอบการสู้รบและฆ่าฟัน พวกเขานิยมรับคำเชิญจากผู้อื่นที่ขอความช่วยเหลือเพื่อแลกเปลี่ยนกับบางสิ่งที่พวกเขาต้องการ หรือจะให้พูดง่าย ๆ ก็ถือได้ว่าพวกเขาเป็นหนึ่งในเผ่าทหารรับจ้างที่มีชื่อเสียงอันดับต้น ๆ ในดินแดนแข็งแกร่งที่อยู่ห่างไกลจากที่นี่มาก”

 

“นอกจาก เผ่าอสูรทมิฬสงคราม แล้วยังมีอีกหลายเผ่าหลายกลุ่มที่นิยมรับงานเป็นทหารรับจ้างเช่นพวกเขา แต่ก็ไม่ใช่ทุกกลุ่มที่จะไว้ใจได้ ดังนั้นท่านควรระมัดระวังในการว่าจ้างใช้งานพวกเขา”

 

โม่หยูถังยิ้มและพูดว่า “ท่านไม่ต้องกังวลมากเกินไป ชื่อเสียงของเผ่าอสูรทมิฬสงคราม นั้นดีมาโดยตลอด พวกเขาเป็นเผ่าที่ให้ความสำคัญกับความซื่อตรงในสัญญาจ้างมากเป็นที่สุด แต่ความแข็งแกร่งของพวกเขาที่ท่านสามารถจ้างวานได้จะผันแปรไปตามจำนวนเงินที่ท่านว่าจ้างพวกเขา ยิ่งท่านจ่ายได้มากเท่าไหร่เผ่าอสูรทมิฬสงครามก็จะยิ่งส่งผู้เชี่ยวชาญที่แข็งแกร่งมากขึ้นของพวกเขาให้ท่านได้มากเท่านั้น”

 

เมื่อพูดกับมี่ตั้วตั้วจบ โม่หยูถังหันมาทางมี่ไลและพูดว่า “แม่นางมี่ ในตอนนี้ท่านสามารถวางใจกับความปลอดภัยของตระกูลท่านได้แล้วใช่ไหม? นายท่านฝากบอกให้เรามาถามท่านว่าท่านจะกลับไปที่คฤหาสน์สราญรมย์เลยหรือท่านจะอยู่ที่นี่ต่ออีก หากท่านต้องการจะกลับเลย เราสามารถพาท่านบินกลับไปได้ภายในตอนนี้ทันที”

 

ก่อนที่มี่ไลจะพูดอะไร มี่ตั้วตั้วได้บอกมี่ไลให้รีบกลับไปพร้อมโม่หยูถังและเสี่ยวเยว่เฟิง

 

และเมื่อมี่ตั้วตั้วนึกถึงสิ่งที่อสูรทมิฬพูดกับเขาก่อนที่จะจากไป มี่ตั้วตั้วพูดอย่างเร่งรีบกับโม่หยูถังว่า “พ่อบ้านโม่ ข้ารบกวนให้ท่านถามปรมาจารย์หลิงให้ที เมื่อครู่อสูรทมิฬแจ้งกับข้าว่าเขาต้องการพบกับผู้สร้างเจดีย์นี้ ท่านช่วยถามปรมาจารย์หลิงให้ข้าทีว่าเขาสะดวกที่จะพบกับอสูรทมิฬตัวที่วันนี้ข้าเรียกออกมาหรือไม่?”

 

โม่หยูถังพยักหน้าและพูดว่า “ได้ ข้าจะนำข่าวไปบอกกับนายท่านและเมื่อได้ความว่ายังไงข้าจะกลับมาแจ้งให้ท่านได้ทราบอีกที”

 

โม่หยูถังรู้สึกว่ามีโอกาสไม่สูงนักที่เจ้านายของเขาจะตกลง เพราะก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ หลิงตู้ฉิงได้พูดอย่างชัดเจนว่าเขาไม่ต้องการให้บางคนรู้ถึงตัวตนของเขาได้ ซึ่งโม่หยูถังเดาว่าตัวตนที่อาจจำหลิงตู้ฉิงได้น่าจะเป็นตัวตนระดับสูงในเผ่าอสูรทมิฬสงคราม

 

“ขอบคุณพ่อบ้านโม่!” มี่ตั้วตั้วขอบคุณเขา

 

 มี่ไลยังพูดลาอย่างเร่งรีบ  “ท่านพ่อ ข้าไปก่อนนะ!”

 

หลังจากพูดจบ มวลพลังวิญญาณจากเสี่ยวเยว่เฟิงก็พามี่ไลบินขึ้นไปบนฟ้าและมุ่งหน้าไปที่คฤหาสน์สราญรมย์

 

เมื่อมองลูกสาวของเขาที่บินจากไป ในจิตใจของมี่ตั้วตั้วก็เต็มไปด้วยอารมณ์หลากหลาย

 

หลังจากนั้นมี่ตั้วตั้วก็เดินกลับเข้าไปในคฤหาสน์ทันทีและรวบรวมผู้ช่วยที่ไว้ใจได้และสั่งว่า “พรุ่งนี้ส่งคนออกไปตรวจสอบสถานการณ์ของหอการค้าทั้งหลายทันทีและดูว่ามีการเคลื่อนไหวหรือเปลี่ยนแปลงอะไรหรือไม่ ถ้ามีหอการค้าไหนมีการเปลี่ยนแปลงที่ดูน่าสงสัยหรือประหลาดไป พวกเจ้าจงส่งคนไปที่บรรดาร้านค้าของหอการค้าเหล่านั้นครอบครองอยู่และยึดมันมาเป็นของพวกเราให้หมด ผู้เชี่ยวชาญขอบเขตรวมแสงดารา 6 คนได้ตายไป จะต้องมีพวกเขาบางคนเป็นผู้นำของหอการค้ารวมอยู่แน่นอน ดังนั้นเมื่อหอการค้าเหล่านั้นขาดหัวหน้าที่แข็งแกร่งแล้วบรรดาพวกลิ่วล้อมันจะต้องดิ้นพล่านอย่างแน่นอน ตอนนี้ถึงเวลาแล้วที่ตระกูลมี่ของเราจะโต้กลับ!”

 

ตอนนี้มี่ตั้วตั้วต้องพยายามหาวิธีหาเงินจากทุกช่องทางและทุกวิธีการให้ได้มากที่สุด ยิ่งมีเหรียญทองมากเท่าไหร่ทั้งตัวเขาและเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นเท่านั้น

 

หากเป็นก่อนหน้านี้เขาอาจจะไม่กล้าตัดสินใจทำอะไรบุ่มบ่ามเช่นนี้ แต่ในเมื่อตอนนี้ที่เขารู้ถึงความน่ากลัวของเจดีย์ที่เขาครอบครองอยู่ เขาก็แทบไม่กลัวตระกูลต่าง ๆ แทบทั้งหมดในอาณาจักรจันทราอีกต่อไปแล้ว

 

หลังจากข่าวที่เขาสามารถอัญเชิญสัตว์ประหลาดที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้กระจายไป ตระกูลไหนยังจะกล้าต่อต้านเขาได้อีก?

 

ในเวลานี้บรรดากลุ่มคนที่ยังคงยืนหยัดรับใช้มี่ตั้วตั้วอยู่ต่างก็รู้สึกประหลาดใจและดีใจในเวลาเดียวกัน

 

พวกเขาไม่เคยคิดเลยว่าหลังจากที่ตระกูลมี่ถูกกดดันมานาน จู่ ๆ ก็ผงาดขึ้นมาทำให้พวกเขารู้สึกดีใจที่พวกเขาตัดสินใจได้ถูกต้องที่ไม่ละทิ้งตระกูลมี่ไปในยามที่ลำบากและเลือกติดตามผู้นำได้ถูกคน

 

ในอีกด้านหนึ่งโม่หยูถัง เสี่ยวเยว่เฟิงและมี่ไลก็กลับไปถึงคฤหาสน์สราญรมย์แล้ว

 

“นายท่านคำพูดของผู้นำมี่เป็นแบบนี้ทุกประการ” โม่หยูถังเล่าคำพูดของมี่ตั้วตั้วที่กล่าวว่า เผ่าอสูรทมิฬสงคราม ต้องการพบผู้สร้างเจดีย์ให้หลิงตู้ฉิงฟัง

 

หลิงตู้ฉิงหัวเราะ “อันที่จริงคนที่อยากเจอข้าไม่ใช่อสูรที่โผล่ออกมาในวันนี้หรอก แต่เป็นตาแก่ที่อยู่เบื้องหลังอสูรตนนี้ต่างหาก”

 

พูดจบหลิงตู้ฉิงหันมาพูดกับมี่ไลต่อ “มี่ไล เจ้าติดต่อบอกพ่อของเจ้าว่าถ้าเขาสามารถเจรจาให้เผ่าอสูรทมิฬสงครามมอบเลือดอสูรทมิฬมาให้ข้าได้ ข้าสัญญาว่าจะยอมพบกับอสูรตัวที่ออกมาในวันนี้สักครั้ง”

 

โม่หยูถังถามอย่างสงสัย “นายท่าน ท่านไม่กลัวว่าจะมีอสูรตัวอื่น ๆ ที่น่ากลัวออกมาจากเจดีย์นั่นเหรอ?”

 

โม่หยูถังไม่รู้ว่าตัวตนที่อยู่เบื้องหลังของอสูรทมิฬที่โผล่ออกมาในวันนี้คือใคร แต่เขาสังเกตได้จากคำพูดของหลิงตู้ฉิง ว่าเขาไม่ต้องการพบอสูรที่อยู่เบื้องหลังตนนั้น

 

หลิงตู้ฉิงเคยเห็นเก้าจักรพรรดิอสูรมาก่อน ดังนั้นเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับเผ่าอสูรทมิฬสงครามหรือไม่?

 

“เจ้าไม่ต้องกังวลไป ตาแก่ที่อยู่เบื้องหลังนั่นไม่รู้หรอกว่าข้าเป็นใคร” หลิงตู้ฉิงตอบกลับ

 

จากนั้นหลิงตู้ฉิงหันไปหามี่ไลด้วยรอยยิ้มและพูดว่า “นอกจากเรื่องที่ข้าต้องการเลือดของอสูรทมิฬ ข้าต้องการให้พ่อของเจ้าหาวัสดุบางอย่างให้ข้าด้วย หากพ่อของเจ้าหาของให้ข้าได้เสร็จแล้ว ข้าสัญญาว่าข้าจะให้โอกาสเขาเข้ามาถามสิ่งที่เขาต้องการรู้ได้อีกครั้ง”

 

มี่ไลพยักหน้า “ข้าจะรายงานให้ท่านพ่อของข้าทราบทันที และ ขอบคุณ นายท่านที่มอบสมบัติที่มหัศจรรย์ขนาดนี้ให้กับพ่อของข้า”

 

เสี่ยวเย่วเฟิงที่ยืนเงียบฟังอยู่ตลอดในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “นายท่าน ข้าขอถามท่านสักหน่อยได้ไหม สมบัติที่ท่านมอบให้มี่ตั้วตั้วชิ้นนี้สามารถติดต่อกับเผ่าอสูรทมิฬสงครามได้ยังไง? ที่อยู่อาศัยของเผ่าอสูรทมิฬสงครามนั้นช่างห่างไกลจากที่นี่มาก มันไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะติดต่อกับพวกเขา เว้นแต่จะมีตราคำสั่งเผ่าของพวกเขาเท่านั้นถึงจะสามารถใช้ติดต่อกับพวกเขาได้ แต่เหรียญตรานั่นก็ต้องให้ผู้อาวุโสในเผ่าของพวกเขาเป็นผู้สร้างมันขึ้นมาอีก แต่ตอนนี้ผู้นำมี่กลับสามารถใช้เจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์ติดต่อกับเผ่าอสูรทมิฬสงครามได้ ข้ารู้สึกสับสนมาก หรือว่าเจดีย์เชื่อมเก้าสวรรค์อันนี้จะมีความเกี่ยวข้องกับเหรียญตราคำสั่งของเผ่าอสูรทมิฬสงคราม?”