งานแถลงข่าวนทีบดีจัดได้อย่างราบเรียบ แต่ก็มีคนนั่งไม่ติดแล้ว
หลังจากที่ซูซีพูดจบก็รีบโทรหาไกรภพ น้ำเสียงลุกลี้ลุกลนว่า “Eric นทีบดีบอกว่าจะฟ้องฉันข้อหาใส่ร้ายจะทำไงดี?”
เดิมทีซูซีไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองจะมีความยุ่งยากอย่างนี้ สำหรับเธอถ้าแผนการใส่ร้ายหลินจือนี้ไม่ได้ผล อย่างมากก็แค่ถูกคนภายนอกด่าอีกก็เท่านั้น
เธอจะรู้ข้อหาใส่ร้ายผู้อื่นที่ไหน แล้วไหนจะยังมีโอกาสได้รับโทษทางกฎหมายอีก
เธอให้กลัวขึ้นมาทันใด
เธอไม่ยอมเข้าคุกแน่ นั่นไม่ใช่สถานที่ที่ไว้ใช้ชีวิต
หลังจากเบลซพ่อของเธอได้เข้าไปอยู่ในคุก เธอกับแม่ก็ไปเยี่ยมบ้าง ดูเหมือนพ่อของเธอให้แก่ลงสิบปี ผมหงอกทั้งหัวท่าทางไร้เรี่ยวแรง
ไกรภพพูดในโทรศัพท์ว่า “อย่ากลัว หลักฐานที่อยู่ในมือของพวกเขาไม่ใช่ของจริง แค่พวกเขาไม่มีหลักฐานถึงฟ้องไปก็เท่านั้น”
“จริงหรอ?” ซูซียังไม่วางใจ “ในเมื่อวันนั้นเป็นงานเลี้ยงตอนกลางคืน คนที่เข้าร่วมงานก็เยอะ ตอนที่หลินจือไปเข้าห้องน้ำแม้ว่ารอบๆจะไม่มีคน แต่ถ้าหากมีคนแอบอยู่ในมุมอับล่ะ?”
ตอนนี้แค่โทรศัพท์เครื่องเดียวก็มีให้ถ่ายรูป ทำลายกล้องวงจรปิดได้ ถ้ามีคนแอบถ่ายไว้จะทำยังไง?
น้ำเสียงของไกรภพยังคงราบเรียบ “ซูซี ตอนนี้คุณมีความตระหนกนะ คุณลองใจเย็นมั้ย”
ซูซีพูดแค่ “ค่ะ ฉันจะใจเย็น ฉันเชื่อคุณ”
นอกจากเชื่อไกรภพซูซีก็ไมมีทางอื่นแล้ว ตัวเธอเองตอนนี้ไม่มีอำนาจแม้แต่นิดเดียว ไม่มีกำลังพอที่จะช่วยเหลือได้จริงๆ
เหมือนเพื่อจะพูดปลอบเธอ ไกรภพก็พูดอีกว่า “ผมจะส่งคนไปตรวจสอบ ถ้ามีอย่างที่คุณว่าจริงๆ ผมก็จะจัดการคนนั้นให้สิ้นซาก”
“จะ…จัดการให้สิ้นซาก?” น้ำเสียงของซูซีมีความสั่นเทา
แม้ว่าเธอจะทำเรื่องเลวมาไม่น้อย แต่ไม่เคยถึงชีวิตคน
เสียงของไกรภพเยือกเย็นลงหลายเท่า “ไม่จัดการหรือจะรอให้พวกเราถูกมันแฉหรอ?”
ซูซีพอคิดว่าตัวเองจะถูกแฉและมีโอกาสทีจะเข้าไปนอนคุกจึงรีบพูดทันทีว่า “ฉันฟังคุณค่ะ”
ไกรภพพอใจอย่างที่สุด “ซูซี ก่อนหน้านี้คุณถูกพ่อคุณปกป้องดีเกินไป บนโลกนี้มันก็โหดร้ายอย่างนี้แหละ ถ้าฝั่งตรงข้ามไม่พินาศเราก็พินาศ”
ซูซีวางสายลงแล้วนอนอยู่บนเตียง ใช่ Ericพูดถูก เพื่อปกป้องตัวพวกเขาเอง สนใจอะไรมากไม่ได้
เทาเท่กับนทีบดีคิดจงใจสร้างเรื่องว่ามีคนถ่ายหลักฐานไว้ได้เพื่อเป็นอุบายล่อ คิดไม่ถึงว่าไกรภพจะเหลี่ยมจัดจริงๆ เขาไม่ได้ลงมือทำอะไร
แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงว่าจะได้ผลลัพธ์ที่เหนือความคาดหมายมา เทาเท่ได้รับสายๆนึง ผู้ชายที่อยู่ในสายพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำว่า “ท่านประธานเทาเท่ ผมคือมาเรีย”
เทาเท่กระดกคิ้วขึ้น น้ำเสียงเรียบๆ “มีธุระหรอ?”
มาเรียคนนี้มีเจตนาไม่ดีต่อหลินจือ เทาเท่เลยมีภาพจำที่ไม่ดีต่อเขา
มาเรียที่อยู่ในสายนั้นเงียบไปชั่วครู่แล้วพูดอีกว่า “คืนนั้นผมก็เข้าร่วมงานเลี้ยงด้วยครับ”
เทาเท่ชะงัก สังเกตความเป็นนัยๆที่อยู่ในคำพูดของมาเรียได้อย่างว่องไว แต่เขาก็ถามด้วยความนิ่งๆต่อว่า “แล้วไง?”
มาเรียพูดอย่างเปิดเผยว่า “ผมชอบบทพระเอกในบทละครฉันจะหาคุณให้เจอของอาจารย์จอร์แดนครับ คืนนั้นผมก็เลยจับตาดูหลินจือตลอด อยากหาโอกาสพูดคุยกับเธอเป็นการส่วนตัวเพื่อที่จะช่วงชิงบทนั้น”
“ต่อมาเธอได้ไปเข้าห้องน้ำ ผมก็ตามไปด้วย แต่ผมคิดไม่ถึงว่ายังไม่ทันที่ผมจะไปหาเธอ ซูซีก็มาขวางเธอไว้ก่อน”
“ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นหลังจากนั้น ผมได้ถ่ายคลิปไว้” มาเรียพูดในสิ่งที่ตัวเองอยากพูดรวดเดียวจบ และไม่มีความเสแสร้งใดๆเลย
เทาเท่เข้าใจเจตนาของมาเรีย เลยพูดอย่างตรงไปตรงมาว่า “บอกข้อเสนอของคุณมาดีกว่า”
ตัวของมาเรียไม่ใช่คนดีอะไรอยู่แล้ว ตอนนี้ในมือกุมหลักฐานไว้อย่างนี้ จะต้องช่วงชิงอะไรเพื่อตัวเขาเองเป็นแน่
และก็ได้ยินมาเรียพูดว่า “ผมต้องการที่จะแสดงบทพระเอกของเรื่องนี้ ถ้าพวกคุณตกลง ผมจะรีบเอาหลักฐานที่อยู่ในโทรศัพท์ให้พวกคุณทันที”
ใบหน้าของเทาเท่มีความเยาะเย้ย แต่มาเรียไม่ได้รู้ตัวเองดีเลยจริงๆว่าตัวเขาเหมาะกับบทพระเอกในเรื่องนี้ที่ไหน?
แต่ว่าตอนนี้จุดนี้ไม่สำคัญ จุดสำคัญคือในมือของมาเรียมีหลักฐานอยู่จริงหรือเปล่า และถึงแม้ว่าจะมีหลักฐาน เขาต้องแน่ใจว่าหลักฐานนั้นจะช่วยพวกเขาในรูปคดี
ดังนั้นเขาถามมาเรียกลับอีกว่า “ผมจะรู้ได้ไงว่าคุณถ่ายได้จริงๆ?”
มาเรียก็เข้าใจถึงความระวังตัวของเทาเท่ “พวกเราเจอกันก็ได้ คุณมาดูคลิปด้วยตัวเองสักหน่อย”
“มุมที่ผมยืนนั้นพอดี ถ่ายเห็นมือของซูซีที่จับหลินจือไว้ได้อย่างชัดเจนแล้วหลังจากนั้นก็ตั้งใจเอาตัวเองตกลงมาจากบันได”
เทาเท่ตอยรับอย่างรวดเร็ว “ได้ อีกยี่สิบนาทีเจอกันที่ไทม์คาเฟ่”
“ครับ” มาเรียก็ตอบรับ
หลังจากที่วางสายเทาเท่ก็บอกเรื่องของมาเรียให้กับหลินจือ หลินจือพูดอย่างไม่ต้องคิดว่า “มาเรียไม่เหมาะกับบทพระเอกเลย”
“ถ้าเขาต้องการแสดงบทใดบทนึงในละครนี้ บทพระรองที่เล่นเป็นตัวร้ายเหมาะกับเขา” หลินจือพิจารณาจากรูปลักษณ์และเสน่ห์ตัวบทของเขาที่แสดงออกมา
เทาเท่สนับสนุนการตัดสินใจของหลินจือ “ผมจะไปคุยกับเขา”
“ฉันไปกับคุณด้วยดีกว่า” หลินจือเสนอ “ฉันจะพยายามโน้มน้าวให้เขาเล่นบทพระรอง”
หลินจือรู้ว่าทุกคนอยากเล่นบทพระเอก แต่ตัวประกอบใช่ว่าจะไม่เด่น
“โอเค” คนทั้งสองจัดแจงข้าวของแล้วออกไปพร้อมกัน
มาเรียได้รออยู่ที่ไทม์คาเฟ่ก่อนแล้ว หลังจากที่คนทั้งสามเจอหน้ากัน เทาเท่ก็ดูคลิปที่อยู่ในโทรศัพท์ของมาเรียก่อนเลย เป็นหลักฐานที่พวกเขาอยากจะได้จริงๆ ทุกๆท่าทางระหว่างหลินจือกับซูซีนั้นได้ถูกถ่ายไว้อย่างชัดเจน
มาเรียพูดก่อนว่า “ถ้าปล่อยหลักฐานนี้ออกไป ไม่ใช่แค่จะล้างคำครหาที่คุณหลินจือผลักซูซีตกบันไดไปเท่านั้นนะครับ แต่ยังตัดสินซูซีในข้อหาเจตนาใส่ร้ายได้อีกด้วย”
มาเรียพูดมาถึงตรงนี้ก็ยิ้มอย่างมั่นใจ “ดังนั้นนะครับท่านประธานเทาเท่ คุณหลินจือ ผมต้องการแสดงบทพระเอกนี้ไม่ถือว่าเกินไปนะครับ”
เทาเท่เอ่ยปากขึ้นว่า “มาเรีย คนเราต้องรู้ตัวเองนะครับ บทพระเอกนี้ไม่เหมาะกับคุณ”
มาเรียรีบเก็บโทรศัพท์ของตัวเองทันที ถามอย่างไม่พอใจว่า “ทำไม?”
เทาเท่โจมตีเขาอย่างไม่เกรงใจ “ออร่าและทักษะการแสดงของคุณมันไม่ได้”
สีหน้าของมาเรียเจื่อนลงไปมาก หลินจือที่อยู่ข้างๆได้โอกาสพูดขึ้นว่า “คุณมาเรีย ฉันคิดว่าบทพระรองค่อนข้างที่จะเหมาะกับคุณค่ะ”
“เป็นไปไม่ได้!” มาเรียปฏิเสธอย่างไม่คิดเลยว่า “บทพระรองเลวขนาดนั้น ไม่ ต้องพูดว่าเลวขั้นสุดเห็นจะได้ ผมเล่นบทนี้ก็เท่ากับว่าเป็นการทำลายตัวเองน่ะสิ”
ในเมื่อมาเรียชอบบทฉันจะตามหาเธออยู่แล้ว แน่นอนว่าเขาก็ต้องอ่านหนังสือเล่มนี้จบไปหลายรอบ เข้าใจอย่างแจ่มชัดว่าพระรองนั้นเลวขนาดไหน ภาพลักษณ์นี้เขาไม่ชอบจากใจ
หลายปีมานี้ชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของเขาค่อนข้างแย่ เขาอยากที่จะร่วมแสดงบทนี้ของจอร์แดนก็เพื่อกู้ภาพลักษณ์ของตัวเอง ตอนนี้หลินจือให้เขาเล่นเป็นพระรองและเป็นตัวร้ายอีก เขากลัวว่าตัวเองเล่นแล้วและทุกคนจะพากันรังเกียจ