ตอนที่ 771 : ไข่มุกผลึกแก้ว

Nine Sun God King เทพราชันเก้าตะวัน

เจี้ยนหลิงหลงกล่าว “ปีศาจน้อยเชี่ยวหยุนผู้นี้ยังเยาว์ ด้วยขีดจำกัดทางอายุ เขาไม่อาจแกะสลักอักขระโทเทมจำนวนมากได้ต่อเนื่อง ไม่อย่างนั้น พลังจิตของเขาจะต้องแบกรับความเสียหายใหญ่หลวง”

ตอนนี้ บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายต่างเริ่มต่อว่าชายชรากันทีละคน

ฉินหยุนตะโกนดังขึ้น “ผู้อาวุโสทุกท่าน ผู้น้อยแบ่งปันโทเทมอัคคีอันล้ำค่าก็เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ กระนั้น กลับเป็นชายชราผู้นี้ที่ฉกชิงมันเอาไปแต่ผู้เดียว!”

“ตอนนี้ไม่ใช่ว่าเขาควรต้องส่งมอบอักขระที่ทัดเทียมกันออกมาเพื่อชดเชยที่ข้าเสียไปหรอกหรือ?”

ได้ยินคำกล่าวนี้ ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะต่างมองทางบรรดาอาจารย์จารึกเต๋า ตัวเขารู้สึกราวกับถูกจ้องมองโดยหมาป่าที่หิวโหย

“จริงด้วย เป็นเช่นนั้น! น้องชายผู้นี้ได้มอบอักขระโทเทมออกมาแล้ว หากต้องการทัดเทียม คงต้องเป็นอักขระเต๋าสักแปดหรือสิบชุดแล้วกระมัง?”

“ใช่ ใช่ ใช่!”

“ท่านผู้เฒ่า เร่งรีบนำอักขระเต๋าที่เชี่ยวชาญหรือโทเทมอัคคีที่มีออกมาแล้ว!”

“น้องชายผู้นี้ยังเยาว์ กระนั้นกลับมีใจคิดแบ่งปันโทเทมอัคคีแก่พวกเรา จึงเป็นเจ้าตาเฒ่าใกล้ตาย ครอบครองอักขระเต๋าจำนวนมากไว้แต่เพียงผู้เดียวยังไม่พออีกอย่างนั้นหรือ?”

“ตาเฒ่า เจ้าได้รับโทเทมอัคคีไปแล้ว ยังจะต้องการอันใดอีก? เร่งรีบส่งอักขระเต๋าออกมา!”

กลุ่มอาจารย์จารึกเหล่านี้ล้วนไม่สนอีกว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ใด ทั้งตระกูลหลงและตระกูลเจี้ยนต่างเข้าร่วมกดดัน อย่างไรแล้ว เรื่องนี้ก็เป็นผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับกันถ้วนหน้า ดังนั้นพวกเขาย่อมพร้อมจับมือกัน

เจี้ยนหลิงหลงลอบนับถือต่อแผนการร้ายของฉินหยุน เขาโยนเอาโทเทมอัคคีครึ่งจริงครึ่งปลอมออกไป ไม่เพียงแต่ทำให้ผ่านพ้นวิกฤต ทว่ายังสามารถสร้างผลกำไรกลับคืน บางทีอาจทำให้เขาได้รับอักขระเต๋าที่ดีมาจำนวนหนึ่ง

ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ เวลานี้ถูกล้อมเอาไว้โดยบรรดาอาจารย์จารึกเต๋า ตัวเขามีแต่ต้องส่งมอบอักขระเต๋าหรือแกะสลักโทเทมอัคคีออกไป กระนั้น เขาไม่มีโทเทมอัคคี เพียงแต่ทราบว่าตัวเขาถูกกลลวงเข้า และเวลานี้ หาได้มีผู้ใดเชื่อไม่หากเขากล่าวว่าถูกกลลวง เวลานี้ เป็นเขาต้องเผชิญความสูญเสียอันขมขื่นออกมาแล้ว!

เวทีการแข่งขันกลับกลายเป็นวุ่นวายขึ้นมา!

บรรดาผู้ชมต่างสะท้านกันถึงทรวง!

ต้องทราบว่าเมื่อครู่นี้ ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะนำกลุ่มคน คิดพยายามบีบบังคับให้เด็กหนุ่มส่งมอบอักขระต้องห้าม ทว่าตอนนี้ อาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายที่นี้ต่างปิดล้อมอีกฝ่าย บีบบังคับให้นำเอาอักขระเต๋าและโทเทมอัคคีออกมา!

หยางฉีเย่ว์ที่รับชม ภายในเวลานี้ลอบยินดี แน่นอนว่านางทราบกระจ่างชัดถึงเรื่องราวที่เป็นไป นอกจากนี้ นางยังสงสัยว่าความทรงจำชาติภพก่อนฉินหยุนได้ตื่นรู้ขึ้นมา เพราะไม่ว่านางพิจารณาอย่างไร นี่ก็เป็นกลลวงเช่นที่ฉินหยุนในชาติภพก่อนชื่นชอบกระทำ

เชี่ยวเสวียนฉินเองก็คิดเห็นเช่นเดียวกัน ก่อนหน้านี้ นางยังมีโทสะดังเช่นเจี้ยนหลิงหลง กระนั้นเวลานี้กลับได้ยินดีและผ่อนคลาย

สถานการณ์ถึงขั้นเกินควบคุม เจี้ยนสือเทียนและคณะครึ่งเซียนแทบไม่อาจเกลี้ยกล่อมบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าเอาไว้ได้

เจี้ยนหลิงหลงพลันตะโกนดัง “หากตาเฒ่าผู้นี้ไม่ยอมส่งมอบอักขระเต๋าและโทเทมอัคคี พวกเราจะไม่เข้าร่วมการแข่งขันอีก พวกเราจะหยุดเข้าร่วมการแข่งขันที่เท่านี้!”

เจี้ยนสือเทียนลอบสบถต่อเจี้ยนหลิงหลง เป็นนางเพิ่งราดน้ำมันลงกองเพลิง

อาจารย์จารึกเต๋าหลายต่อหลายคนต่างเห็นพ้องต่อวิธีการของเจี้ยนหลิงหลง พวกเขาล้วนตะโกน “หยุดการแข่ง!”

“กลุ่มตัวบัดซบ! จงส่งเหรียญตราพวกเจ้ากลับคืนมา!” ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ เวลานี้มีโทสะล้นฟ้าไม่แพ้ผู้ใด

“เหรียญตราเน่านี่หรือ! หายไปแล้วผู้ใดกันสนใจ! พวกเราเป็นอาจารย์จารึกเต๋าทรงคุณค่า ย่อมไม่ต้องการการดูแลอันน้อยนิดจากตำหนักจารึกเทวะพวกเจ้าแม้เพียงนิด!”

บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าเริ่มบดขยี้เหรียญตราตนเองกันอย่างมีโทสะ พวกเขาล้วนทำตามกันคนแล้วคนเล่า

เจี้ยนหลิงหลงกล่าวออกอย่างกราดเกรี้ยว “เชี่ยวหยุนเสียสละโอกาสสุดท้ายในการแกะสลักโทเทมอัคคี นี่ก็เพื่อแบ่งปันโทเทมอัคคีแก่บรรดายอดฝีมือที่นี้ กระนั้น เวลานี้กลับโดนตาเฒ่านี้ฉกชิงไว้!”

“นี่ยังไม่กล่าวถึงความจริงที่ว่าตาเฒ่านี้เก็บโทเทมอัคคีไว้แต่เพียงผู้เดียว! เชี่ยวหยุนส่งมอบโทเทมอัคคีให้แก่มัน ไม่ใช่ว่าเพื่อความยุติธรรมแล้ว จำเป็นต้องส่งอักขระเต๋ากลับคืนแก่เชี่ยวหยุนอย่างเท่าเทียมหรือไร?”

“แต่แล้วตอนนี้เล่า?”

บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าเมื่อได้เห็น ว่าสถานการณ์ตอนนี้ได้ที่มากพอจะบีบบังคับชายชราให้ส่งมอบอักขระเต๋า ดังนั้นพวกเขาจึงยิ่งเผยท่าทีเกรี้ยวกราดออกมากันเต็มที่

ฉินหยุนสาแก่ใจอยู่ภายในขณะรับชม กระนั้นภายนอก เขายังแสดงเป็นผู้โศกเศร้าและบริสุทธิ์ต่อไป สีหน้านี้เผยความนึกเสียใจ จนเป็นผลให้บรรดาสตรีในที่นี้ต่างรู้สึกปวดใจยากทานทน พวกนางต่างสบถก่นด่าสาปแช่งต่อตำหนักจารึกเทวะที่ไร้ซึ่งยางอาย และนี่ ก็เป็นเชี่ยวเย่ว์เหม่ยช่วยปลุกปั่นทางลับด้วย

ฝูงชนที่เป็นผู้ชมหลายต่อหลายคน ต่างก่นด่าถึงเรื่องที่ชายชรากลั่นแกล้งเด็กน้อยผู้หนึ่ง เป็นผู้อาวุโสทว่ากลับทำตัวแก่แล้วแก่เลย พวกเขาล้วนสาปแช่งต่อชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ

ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะเกิดนึกเสียใจที่เข้ามาหาเรื่องฉินหยุน หากไม่แล้ว เขาคงไม่ต้องเผชิญสถานการณ์ยุ่งเหยิงเช่นตอนนี้ เป็นเขาแสวงหายนะมาสู่ตน!

เวทีการแข่งขัน เวลานี้ได้ซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว!

ทว่าไม่มีผู้ใดสนใจ พวกเขายังเอาแต่ปิดล้อมชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ

“ทางเลือกมีสอง หนึ่งคือส่งโทเทมอัคคีนั้นมอบให้แก่ทุกคน หรือไม่ ก็จงนำอักขระเต๋าที่มีค่าทัดเทียมกันออกมา!” อาจารย์จารึกเต๋าวัยกลางคนผู้หนึ่งกล่าว

“ข้าไม่มีโทเทมอัคคี ทั้งหมดมันอยู่บนกระดาษแผ่นนั้น!”

ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะหน้าแดงก่ำเพราะโทสะ ตัวเขากล่าวออกอย่างเกรี้ยวกราด คำเหล่านี้บอกออกไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทว่าหาได้มีผู้ใดเชื่อ

ท้ายที่สุด ชายชราจึงไม่อาจอดรนทนได้ไหว

“ได้ ข้าจะให้อักขระเต๋าชุดหนึ่ง!”

“หนึ่งชุดหรือเพียงพอ? ต้องเป็นสาม!” ผู้หนึ่งตะโกนขึ้น

“ใช่ ต้องเป็นสามชุด!”

ชายชราลอบสบถต่อคนกลุ่มนี้ ตัวเขาไม่คาดคิดว่าเรื่องราวจะกลับกลาย เดิมเขาเพียงคิดว่าพบเห็นโอกาสที่จะตัดสิทธิ์เจี้ยนหลิงหลงและฉินหยุนจากการแข่งขัน กระนั้นตอนนี้ กลับกลายเป็นความวุ่นวายครั้งใหญ่ขึ้นเสียแทน

“สอง!” ชายชราเผยท่าทีต่อรอง

เพราะหากเป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะไม่มีทางกลับไปจากที่นี่ด้วยสภาพรอดชีวิต!

“สองอักขระเต๋าชั้นเลิศ!” เจี้ยนหลิงหลงตะโกน

“ได้!” ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะเผยดวงตาแดงก่ำเคียดแค้น น้ำเสียงตะโกนออกด้วยโทสะสุมอัดแน่น

หลังกล่าวคำจบ เขาจึงนำแผ่นหนังสัตว์ออกมาสองผืน ยิ่งไปกว่านั้น มันคืออักขระเต๋าชั้นเลิศอย่างแท้จริง! บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าพร้อมใจกันสงบปากคำ นำเอาอุปกรณ์ออกมา ตัวอุปกรณ์นี้คล้ายกระจก ตราบเท่าที่ลอยอยู่เหนือแผ่นหนังสัตว์สักครู่หนึ่ง มันจึงสามารถคัดลอกเนื้อหามาได้

เจี้ยนหลิงหลงเดินเข้าไปบันทึกส่วนของนางเช่นกัน ภายในใจของนางเวลานี้บังเกิดเป็นความยินดีไม่รู้จบ และตอนนี้ นางยิ่งนับถือฉินหยุนมากมายขึ้นไปอีก

ชายชราจากตำหนักจารึกเทวะ ภายในเวลานี้ไม่ต่างอะไรกับคนตาย! ตัวเขาเหนื่อยล้าเพราะขว้างเบ็ดออกไปเกิน ปลาไม่ได้รับ ทั้งยังต้องเหนื่อยชักเส้นเอ็นกลับคืนมา!

ฉินหยุนย่อมเดินเข้าไปบันทึกอักขระเต๋า นอกจากนี้แล้ว เขายังเผยท่าทีซาบซึ้งกล่าวคำ “ทำเช่นนี้แต่แรกไม่ดีกว่าหรือ? เหตุใดต้องให้ทุกคนที่นี่ต้องเผยโทสะโต้เถียงกันยาวนานเพียงนี้!”

“เจ้าตัวบัดซบ รอข้าก่อนเถอะ!” ชายชราสีหน้าเขียวคล้ำเพราะความโกรธ ดวงตานั้นมีแต่เจตนาคิดสังหาร

ฉินหยุนย่อมไม่หวั่นเกรงใด เขาเผยเสียงหัวเราะคิกคักก่อนจะกลับไปยืนข้างเจี้ยนหลิงหลง ทั้งยังคว้ามือขาวนุ่มของนางมาจับไว้

เรื่องราวสงบลง บรรดาอาจารย์จารึกเต๋าล้วนยินดี เป็นที่ทราบ ว่าอาจารย์จารึกเต๋าหลายคนถูกคัดออก กระนั้นเวลานี้พวกเขาร่วมกันกดดันอีกฝ่ายจนได้รับผลเก็บเกี่ยวครั้งใหญ่ เป็นอักขระเต๋าถึงสองชุด และอักขระเต๋าทั้งสองชุด ก็เป็นอาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายที่ได้รับ เพียงไม่นานมันจึงกระจายทั่ว แต่อย่างไรแล้ว อักขระเต๋าทั้งสองชุดก็ยังอยู่ระดับชั้นเลิศ มันยังเป็นสิ่งที่ล้ำค่าในตัวของมันเอง

ได้เห็นเรื่องราวสงบลง เจี้ยนสือเทียนค่อยถอนหายใจโล่งอก

“ตอนนี้พวกเราก็เริ่มรอบที่สี่กันได้แล้ว!” เจี้ยนสือเทียนประกาศ “รอบที่สี่คือการตัดสินสู่ชัยชนะ!”

“อาจารย์จารึกผู้ซึ่งคว้าอันดับหนึ่งไปครอง รางวัลที่ได้รับคืออักขระตะวัน อันดับที่สองจะได้รับอักขระเต๋าและอักขระจันทรา ส่วนอันดับที่สาม จึงเป็นอักขระดวงดาวและอักขระเต๋า!”

อันดับทั้งสามกำลังจะถูกตัดสิน ผู้เข้าร่วมมีเพียงสิบ บรรดาอาจารย์จารึกทั้งหลายเวลานี้ล้วนสงบเงียบรับฟัง

เจี้ยนสือเทียนกล่าว “รอบสุดท้ายจะเป็นการแข่งขันแบบกลุ่ม กระนั้นเมื่อตัดสินอันดับ มันจะเป็นการแยกจากกลุ่มออกมา!”

“นั่นหมายความถึง เป็นไปได้ที่อาจารย์จารึกทั้งสองคนจะได้อันดับกันทั้งคู่!”

หลายคนไม่คาดคิด เดิมพวกเขานึกว่าแต่ละกลุ่มจะได้รับเพียงหนึ่งรางวัล รอบการแข่งขันสุดท้ายกลับกลายเป็นไม่ธรรมดาขึ้นมา!

เจี้ยนสือเทียนกล่าว “รอบสุดท้าย คือการสร้างไข่มุกค่ายอาคม!”

เขานำเอาไข่มุกผลึกแก้วขนาดครึ่งตัวคนออกมาและกล่าว “พวกเราจะมอบอักขระลึกล้ำระดับราชันให้ ที่ต้องทำ คือแกะสลักอักขระลึกล้ำเหล่านั้นภายในไข่มุกผลึกแก้ว มีแต่ทำสำเร็จครบถ้วนสมบูรณ์จึงผ่านคุณสมบัติ!”

“อันดับจะถูกตัดสินจากจำนวนไข่มุกที่ทำสำเร็จ หากจำนวนไข่มุกทัดเทียม เช่นนั้นพวกเราจะตรวจสอบระดับความวิจิตรเพื่อตัดสินอันดับ เวลาจำกัดที่สามชั่วยาม!”

ไข่มุกเหล่านี้ถูกใช้เพื่อสร้างค่ายอาคม ผลลัพธ์ที่พวกมันจะเผยออกย่อมต้องดี ตำหนักเซียนดาบจึงให้อาจารย์จารึกที่มีฝีมือเหล่านี้เข้ามาจัดการ

“พี่สาวหลิงหลง หากเป็นท่าน คิดว่าจะแกะสลักได้เท่าใด?” ฉินหยุนกล่าวถาม

“หนึ่งลูก ก็น่าจะราวหนึ่งชั่วยาม ดังนั้นสามชั่วยามน่าจะแกะสลักได้สาม หากทุ่มสุดตัว บางทีอาจได้เป็นสี่” เจี้ยนหลิงหลงกล่าว

เจี้ยนสือเทียนเริ่มส่งมอบอักขระลึกล้ำระดับราชัน

ฉินหยุนรับชม เขารู้สึกว่าไม่น่าจะยากแต่อย่างใด

หลังอาจารย์จารึกทั้งหลายได้พิจารณาอยู่ครึ่งชั่วยาม เจี้ยนสือเทียนจึงค่อยประกาศเริ่มการแข่งขัน

ฉินหยุนย่อมใช้ปากกาลึกล้ำสะท้อนจิตเพื่อแกะสลัก นี่ก็เพื่อเป็นการทำให้มั่นใจว่าจะมีระดับความวิจิตรค่อนข้างสูง เขาไม่ทราบว่าอักขระนี้คืออันใด เพียงทราบว่าดูคุ้นเคยนัก อาจารย์จารึกผู้อื่นเองก็เป็นเช่นฉินหยุน พวกเขาต่างปล่อยพลังจิตวิญญาณโลหิตกันออกมา พร้อมเริ่มทำการแกะสลักอักขระลึกล้ำระดับราชันอย่างขะมักเขม้น

“น่าจะแกะสลักได้หนึ่งลูกในหนึ่งชั่วยาม!”

ตอนนี้ฉินหยุนรู้สึกถึงแรงกดดันมหาศาล เพราะบรรดาอาจารย์จารึกเต๋าที่นี่ล้วนมีระดับการฝึกฝนสูงส่งยิ่ง ดังนั้น พวกเขาย่อมมีเปรียบเหนือกว่าเขาด้านปริมาณพลัง

“สถานการณ์เช่นนี้คล้ายไม่ดี หากปล่อยให้เป็นไปเรามีแต่ต้องแพ้!” ฉินหยุนย่อมทราบ ว่าอาจารย์จารึกทั้งหลายที่นี้ล้วนรวดเร็วยิ่งกว่าเขา

เจี้ยนหลิงหลงทุ่มสุดตัวเพราะนี่คือการแข่งขัน

กว่าครึ่งชั่วยามผ่านพ้น นอกจากฉินหยุนแล้ว อาจารย์จารึกเต๋าทั้งหลายจึงแกะสลักได้หนึ่งลูก

ฉินหยุนต้องใช้เวลาเต็มชั่วยามจึงสามารถแกะสลักได้สำเร็จหนึ่งลูก!

“นี่ไม่ได้แล้ว หากเป็นอย่างนี้ต่อไป อันดับใดเราก็ไม่ได้ ที่ได้คือท้ายตาราง!” ฉินหยุนมองทางเจี้ยนหลิงหลง พบว่านางรวดเร็วที่สุด เป็นไปได้สูงว่านางจะเข้าถึงสามอันดับแรก

“เสี่ยวหยุน หากเป็นอย่างนี้เจ้ามีแต่จะแพ้!” หลิงหยุนเอ๋อพลันกล่าว

“ข้าทราบดี” ฉินหยุนถอนหายใจกล่าว “ข้ายังไม่ก้าวสู่ขอบเขตวรยุทธ์ลึกล้ำ เข้าร่วมปะทะกับกลุ่มราชันยุทธ์และจักรพรรดิยุทธ์ เป็นข้าเสียเปรียบที่ทุกตรง!”

หลิงหยุนเอ๋อกล่าว “ข้ามีความคิด นำเอาแผ่นหนังสัตว์ออกมาจำนวนหนึ่ง ซ้อนพวกมันรวมด้วยกัน จากนั้นจึงใช้ความสามารถเทวะทะลุทะลวงระหว่างการแกะสลักอักขระลึกล้ำระดับราชันบนแผ่นหนังสัตว์ที่ซ้อนกันอยู่ เช่นนี้ เจ้าจะสามารถแกะสลักบนแผ่นหนังสัตว์หลายผืนได้ในคราวเดียว ถึงตอนนั้นค่อยใช้เคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ โอนถ่ายอักขระจากแผ่นหนังสัตว์เข้าสู่ตัวไข่มุก!”

“แกะสลักอักขระต้องใช้พลังจิตวิญญาณโลหิต ดังนั้นแล้ว ด้วยเคล็ดวิชาขัดเกลาวิญญาณ การส่งถ่ายพวกมันย่อมต้องทำได้!”

“นี่เป็นเพียงข้านึกทฤษฎีขึ้นมา ส่วนความมั่นใจข้าหาได้มีไม่ และเจ้าก็มีเวลาเหลือเพียงสองชั่วยาม!”

“สำเร็จหรือไม่ล้วนไม่ใช่สาระแล้ว ข้าคิดอยากทดลอง นี่เป็นวิธีการเดียวที่พวกเราจะทำได้!” ฉินหยุนตอบคำนางกลับ ภายในเวลานี้ย่อมเกิดความตื่นเต้นยินดี เพราะเขารู้สึก ว่าเรื่องราวสมควรสำเร็จได้