บทที่ 408 คิดคำนวณ เสด็จอาเก้าพ่ายแพ้ราบคาบ
ไม่ใช่ใครของท่าน!
ดี ดี
เสด็จอาเก้าโกรธจัดแต่กลับยิ้มออกมา รอยยิ้มนั้นเหมือนหิมะในฤดูหนาวละลาย แต่ดวงตาของเขากลับเย็นเยียบราวน้ำแข็ง “เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าจะเอาตัวเองไปแต่งงานเพื่อแลกกับที่ดิน เจ้า เจ้าช่างกล้าหาญเสียเหลือเกิน”
เสด็จอาเก้าโกรธมากจนอยากจะพูดว่าถ้านางกล้าประกาศหาสามี เขาจะเข้าวังไปทูลขอพระราชโองการปลดบรรดาศักดิ์จงอี้โหวของบิดาเจ้า แต่เมื่อเขานึกถึงความดื้อรั้นของเฟิ่งชิงเฉินแล้ว เขาก็เก็บคำพูดนี้ไป
ต้องมีสักวันหนึ่ง เขาจะต้องถูกเฟิ่งชิงเฉินทำให้โกรธตาย
“จวนเฟิ่งเป็นบ้านของข้า ที่นั่นมีความทรงจำของบิดามารดาของข้า เพื่อโฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งแล้ว ข้าไม่รังเกียจที่จะแต่งงาน” เฟิ่งชิงเฉินเชิดหน้าขึ้นสบตาเสด็จอาเก้า เผชิญหน้ากับเฟิ่งชิงเฉินด้วยดวงตาที่เฉียบคม เฟิ่งชิงเฉินก็ไม่ถอยเลยแม้แต่ครึ่งก้าว
นางไม่ได้ทำอะไรผิด
“เจ้ากล้าหรือ!” ท่าทางดื้อดึงของเฟิ่งชิงเฉินทำให้อารมณ์ขุ่นมัวของเสด็จอาเก้าแย่ลงไปอีก
“ทำไมจะไม่กล้า หญิงชายเมื่ออายุถึงเกณฑ์ก็ต้องแต่งงาน ทำไมข้าจึงไม่มีแม้แต่อิสระที่จะแต่งงาน” เสด็จอาเก้ายิ่งโกรธเท่าไหร่ นางก็ยิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น
เฟิ่งชิงเฉินแม้กระทั่งคิดว่านางมีแนวโน้มที่จะโรคจิตหรือเปล่า เมื่อเห็นเสด็จอาเก้าโมโหและไม่รู้จะระบายอย่างไร ทำให้นางรู้สึกรื่นรมย์ยิ่ง
ฮ่าฮ่าฮ่า เสด็จอาเก้าก็มีวันนี้เช่นกัน
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าฟังข้าให้ดี ตอนนี้ข้าไม่ได้เป็นอะไรกับเจ้า แต่เจ้าอย่าได้ลืมว่าข้าเป็นชินอ๋องแห่งตงหลิง ตราบใดที่ข้ายังอยู่ เจ้าก็อย่าได้หวังว่าจะได้แต่งงานอย่างอิสระเลย ออกเรือนงั้นหรือ ข้าอยากจะดูนักว่าใครจะกล้าแต่งงานกับเจ้า เฟิ่งชิงเฉิน ข้าเคยบอกเจ้าแล้วว่าหากข้าไม่อนุญาติ ใครก็แต่งกับเจ้าไม่ได้”
เมื่อคิดว่าเฟิ่งชิงเฉินจะประกาศหาคู่แต่งงาน นางจะแต่งงานกับคนอื่น เสด็จอาเก้าก็ไม่มีเหตุผลหลงเหลืออยู่อีก เสียงของเขาดังขึ้นอย่างรวดเร็วโดยไม่รู้ตัวและมองไม่เห็นถึงความเจ้าเล่ห์และล้อเล่นในแววตาของเฟิ่งชิงเฉิน
หากจริงจังก็แพ้แล้ว! นี่คือหลักการที่นางได้เรียนรู้จากการปะทะกับเสด็จอาเก้าหลายครั้ง
เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้จริงจัง แต่เสด็จอาเก้าจริงจัง ตั้งแต่ยามที่เขาเข้ามาให้จวนหลังเล็กแห่งนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้ว่านางชนะแล้ว
“เสด็จอาเก้า ท่านสูงศักดิ์มากอำนาจ แต่ท่านไม่อาจใช้มือเดียวบังฟ้า หากตงหลิงไม่ได้ ข้าไปที่อีกสามแคว้นเก้าเมืองก็ได้ ข้ามีบรรดาศักดิ์เป็นของหมั้น ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะไม่สามารถหาคนที่กล้าแต่งงานกับข้าได้” เฟิ่งชิงเฉินเชิดคางขึ้นเล็กน้อยพร้อมสีหน้าเย่อหยิ่ง
เฟิ่งชิงเฉินที่เป็นแบบนี้นั้นทั้งน่ารำคาญและมีเสน่ห์ ท่าทางเย่อหยิ่งของนางเหมือนนกนางแอ่นที่ถูกตระกูลดังตามใจจนเสียคน นางงดงาม หยิ่งยโส ทำให้อดตามใจนางไม่ได้เลย
“เฮอะ… เฟิ่งชิงเฉิน เจ้าไร้เดียงสาเกินไปแล้ว คิดว่าถ้าเจ้ามีบรรดาศักดิ์ก็สามารถแต่งงานได้โดยไร้กังวลงั้นหรือ ข้าขอบอกเจ้าไว้เลยว่าหากอีกฝ่ายกล้าแต่งกับเจ้าก็ต้องดูว่าเขาจะมีชีวิตสืบทอดบรรดาศักดิ์นั่นหรือไม่” เสด็จอาเก้าชอบเฟิ่งชิงเฉินที่เป็นแบบนี้เสมอ ความมั่นใจที่ออกมาจากภายในของนาง ความแข็งแกร่งของนางที่ไร้ผู้เทียบเทียม ทำให้ผู้อื่นรู้สึกอยากจะทะนุถนอม
นี่คือท่าทางที่หญิงแกร่งควรมีและนี่คือสตรีที่จะยืนเคียงข้างเขาได้ เมื่อคิดเช่นนี้ โทสะของเสด็จอาเก้าก็ลดลงเล็กน้อย แต่น้ำเสียงของเขาก็ยังไม่ดีนัก
เฟิ่งชิงเฉินเพียงมองเสด็จอาเก้าโดยไม่พูดอะไร ดวงตาของนางฉายแววไม่ยอมประนีประนอม เสด็จอาเก้าทั้งโกรธและอยากหัวเราะ “ทำไม? ไม่ยอมหรือ?”
“ไม่ยอม” เฟิ่งชิงเฉินพูดอย่างสงบ ทำไมนางต้องยอมด้วย
“ไม่ยอมอะไร? ไม่ยอมที่ข้าไม่ให้เจ้าแต่งงานหรือ?” เสด็จอาเก้าค่อยๆ กลับมามีเหตุผล หลังจากคิดทบทวนเรื่องราวทั้งหมดแล้ว เสด็จอาเก้าก็ตระหนักได้ว่าเขาดูเหมือนจะตกอยู่ในแผนการของเฟิ่งชิงเฉินเสียแล้ว
ใบหน้าไร้อารมณ์ของเขาเปลี่ยนไป ดวงตาของเขาหรี่ลงเล็กน้อย แววตาคมปลาบถูกเก็บไปและดวงตาดำขลับของเขาฉายแววประหลาดและยากจะคาดเดาราวกับว่าเขาเข้าใจทุกอย่างแล้ว
ไม่ดีแล้ว เสด็จอาเก้ารู้ว่านางจงใจหลอกเขาแล้ว
เฟิ่งชิงเฉินแอบลอบสังเกตการเปลี่ยนแปลงเสด็จอาเก้า เมื่อเห็นเสด็จอาเก้ามีท่าทางเช่นนี้นางก็แอบกรีดร้องในใจ นางอยากจะยกเท้าขึ้นและหันหลังเดินออกไป แต่จากนั้นก็คิดได้ว่าเขารู้แล้วอย่างไร นางไม่เหมือนเขาที่ใช้แต่อุบายตลบหลัง นางหลอกเขาอย่างโจ่งแจ้ง
เสด็จอาเก้าไม่ได้เคยพูดไว้หรือว่าเมื่อต้องเผชิญกับอำนาจอันแข็งแกร่ง กลอุบายล้วนไร้ประโยชน์ นางไม่ได้ใช้เล่ห์อะไรหลอกเขา เมื่อคิดอย่างนี้ เฟิ่งชิงเฉินก็รู้สึกสบายใจและยิ่งยืนได้อย่างมั่นคง
“เฟิ่งชิงเฉิน มาที่นี่” เสด็จอาเก้ามองเห็นการเปลี่ยนแปลงของเฟิ่งชิงเฉิน จุดลึกในดวงตาสีดำของเขาเต็มไปด้วยความชื่นชม แต่น่าเสียดายที่ไม่มีใครมองเห็น
“เพคะ” เฟิ่งชิงเฉินระงับคลื่นลมในใจก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวและมองเสด็จอาเก้าอย่างสงบ
แม้ว่าเขาจะสงสัยแล้วอย่างไรเล่า นางไม่ยอมรับเสียก็สิ้นเรื่อง นางจะยืนยันว่านางจะใช้บรรดาศักดิ์มาแต่งงานก็พอแล้ว
“มาใกล้อีกหน่อย” เห็นได้ชัดว่าเสด็จอาเก้าไม่พอใจกับระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง
“เพคะ” เฟิ่งชิงเฉินก้าวไปข้างหน้าอีก แต่เสด็จอาเก้าก็ยังคงไม่พอใจ จนกระทั่งระยะห่างระหว่างทั้งสองคนเหลือเพียงครึ่งก้าวและสามารถเอื้อมมือไปแตะตัวอีกฝ่ายได้ เสด็จอาเก้าจึงจะพอใจ
ในเมื่อไม่อาจทำให้เฟิ่งชิงเฉินไปหาเขาที่จวนก่อนได้ เช่นนั้นก็ทำให้นางเป็นฝ่ายเดินเข้ามาหาเขา
“เฟิ่งชิงเฉิน เจ้ายังต้องการประกาศหาสามีอยู่หรือไม่?” เสด็จอาเก้ายังคงถามซ้ำ เพียงคำพูดของเขาเต็มไปด้วยการล้อเล่น
“เพคะ” เฟิ่งชิงเฉินตอบอย่างหนักแน่น
“ดีมาก ถ้าเจ้าต้องการให้ข้าช่วย ข้ารู้จักชายหนุ่มที่มีความสามารถมากกว่าเจ้าแน่นอน” คนปากแข็ง หากนางอยากจะออกเรือนไปกับใครก็ได้จริงๆ นางก็คงจะทำไปตั้งนานแล้ว
แต่ตัวเขาเองถูกแรงหึงทำให้ดวงตามืดบอดจึงคิดไม่ถึงเรื่องนี้
เฟิ่งชิงเฉินเอยเฟิ่งชิงเฉิน เจ้าทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อโฉนดของจวนเฟิ่งจริงๆ นี่เป็นเพราะข้าคิดถึงเจ้า หากข้าไม่คิดถึงเจ้า มีหรือที่ไม้นี้จะใช้ได้ผล?
ในใจของเสด็จอาเก้ายังคงมีโทสะ
เฟิ่งชิงเฉินใช้วิธีนี้เพราะเพียงอยากจะจัดการเขา ไม่ใช่เพราะรู้ว่าเขามีความรู้สึกต่อนางหรอกหรือ มิฉะนั้นแล้วคำพูดนี้ของนาง พูดออกไปก็ไร้ประโยชน์
เสด็จอาเก้าโกรธมาก เขาคำนวณทุกอย่างไว้อย่างดี แต่สิ่งเดียวที่ลืมคิดไปก็คือหัวใจของตนเอง ด้วยเหตุนี้เฟิ่งชิงเฉินไม่ได้คิดถึงเรื่องอื่น เพียงแค่เล่นกับหัวใจของเขา เขาก็พ่ายแพ้ราบคาบ
“ดีเลย ชิงเฉินเชื่อในวิสัยทัศน์ของเสด็จอาเก้า” แกล้งหยอกนางหรือ? คิดว่าเมื่อพูดถึงเรื่องแต่งงานแล้วนางจะแสร้งบิดผ้าเช็ดหน้าขวยเขินเอียงอายเหมือนสตรีทั่วไปหรือ หากนางเป็นเช่นนั้น นางคงตายไปเสียนานแล้ว
เขาต้องการให้นางยอม แต่กลับจบลงด้วยการปิดกั้นหนทางตัวเอง ทั้งๆ ที่เขารู้ดีว่าสิ่งที่เฟิ่งชิงเฉินพูดนั้นไม่จริงจัง แต่เสด็จอาเก้าก็ยังโกรธ “เจ้าอยากจะแต่งงานถึงเพียงนี้เชียว?”
“ไม่สำคัญว่าจะต้องการหรือไม่ เมื่อถึงวัยแล้วก็ต้องแต่งงาน ชิงเฉินเป็นเพียงแค่คนธรรมดาเท่านั้น” ท่านคิดว่าทุกคนจะเป็นเหมือนท่านหรือ อายุปูนนี้แล้วไม่แต่งงานก็ช่างเถอะ ยังคิดจะหยอกเย้านางเล่นอีก
ถ้าไม่ใช่เพราะ… เฮอะ สัมผัสใกล้ชิดอะไรนั่น นางคงคิดว่าเขาไม่ชอบผู้หญิงเสียแล้วหรือไม่ก็เป็นโรคที่ไม่อาจเปิดเผยได้
แน่นอนว่าเฟิ่งชิงเฉินไม่ได้พูดคำเหล่านี้ออกไป แต่ความหมายในคำพูดนั้นชัดเจนยิ่ง เสด็จอาเก้าคิดจะแสร้งทำเป็นไม่รู้ก็ไม่ได้
เขาไม่ยอมแต่งงานเป็นความผิดของเขา เสด็จอาเก้าหลับตาลงและไม่สนใจที่จะมองดูท่าทางไม่พอใจของเฟิ่งชิงเฉิน ตั้งแต่ก้าวออกจากจวนอ๋องเก้า เขาก็แพ้แล้ว
ช่างเถอะ เขาคร้านจะคิดเล็กคิดน้อยกับนางแล้ว เพียงแค่โฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งเท่านั้น เขาคืนให้เสียก็จบ
“โฉนดที่ดินของจวนเฟิ่งจะให้คนนำมาให้เจ้าภายหลัง”
นับว่าเขาเสียเวลาเปล่า คราวนี้เฟิ่งชิงเฉินชนะ คราวหน้าเขาต้องให้นางยอมรับความพ่ายแพ้และทำให้นางเข้าใจว่าผู้ชายของนางแข็งแกร่งกว่าที่นางคิด!