บทที่ 214 พวกเรายังสามารถกลับไปเป็นเหมือนเมื่อก่อนได้ไหม

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

หลังจากที่ผ่านไปซักพักหนึ่ง ก็มีข้อความส่งมาอีกหนึ่งข้อความ เธอขมวดคิ้วพลางกดเปิด : นอนแล้วจริงๆเหรอ?

เธอจึงลบข้อความทั้งหมดไปเสียเลย และผ่านไปอีกพักหนึ่ง เสียงข้อความก็ดังขึ้นมาอีก เธอรู้ว่าเขาเป็นคนส่งมา จึงไม่ได้อ่าน

ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอ่าน เพราะว่าในใจนั้นได้ตัดสินใจไปเรียบร้อยแล้ว

หลังจากนั้น โทรศัพท์มือถือก็ไม่ได้ดังขึ้นมาอีก ดวงตาของเชอร์รีนไหวติง เธอหลับตาลง แล้วพลิกตัวนอนตะแคง

วันรุ่งขึ้นตื่นเช้าขึ้นยิ่งกว่าเดิม กดโทรศัพท์มือถือดูเวลา แล้วกดไปโดนข้อความ สองคำว่า : ฝันดี

มือชะงักไปครู่หนึ่ง เธอปิดมือถือลงอย่างไม่มีความรู้สึกอารมณ์ขึ้นลงใดๆมากนัก เห็นว่าเป็นเวลาตีห้าแล้ว จึงรีบลุกขึ้น แล้วปลุกซาราง เธอจะต้องเป็นเพื่อนเจ้าสาว และซารางยังจะต้องเป็นเด็กโปรยดอกไม้ จะสายไม่ได้…..

เห็นได้ชัดว่าซารางยังนอนไม่เต็มอิ่ม มือเล็กๆขาวเนียนทั้งสองข้างขยี้ตา ร่างเล็กเข้าไปชิดในอ้อมกอดของกนกอรอย่างไม่ยอมตื่น

กลัวว่าจะเป็นการปลุกทั้งสองคนให้ตื่น เชอร์รีนก้มลงแล้วตบหลังซารางเบาๆ แล้วเอ่ยพูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบา : “ซาราง ลุกขึ้นมาเร็วๆ อย่าดื้อสิลูก หนูจะไม่เป็นเด็กโปรยดอกไม้แล้วเหรอ?”

ผลปรากฏว่าเธอหลับตา แล้วขยับไปอีกทางด้านหนึ่ง ไม่ยอมลุกขึ้นมา เห็นได้ชัดว่ายังหลับไม่เต็มอิ่ม ไม่ว่าจะพูดอะไรก็ไม่ตื่น

แล้วเธอก็ไม่พูดดีๆอีกแล้ว ขยับมือแล้วอุ้มร่างของซารางขึ้นมา คิดไม่ถึงว่าจะโกรธมากแบบนี้ สองขานั้นสะบัดไม่หยุด

บังคับพาเธอออกไป เชอร์รีนล้างหน้าแปรงฟันแล้วหลังจากนั้นก็พาซารางไปยังสถานที่แต่งหน้าของนาโน

สวมใส่ชุดแต่งงานเรียบร้อยแล้ว เวลานี้กำลังแต่งหน้าอยู่ ยังไม่เปลี่ยนแปลงสไตล์แบบเมื่อก่อนจริงๆ ด้านหลังโล่ง ไม่ใช่กระโปรงบาน แต่เป็นกระโปรงยาวทรงนางเงือก ทำให้เดิมทีรูปร่างที่เป็นส่วนโค้งส่วนเว้าของเธอนั้นยิ่งมีความประณีตและขับให้เด่นมากยิ่งขึ้น บนชายกระโปรงและตรงคอของชุดแต่งงานนั้นย้อยลงมาด้วยเพชรรูปดาว ราวกับดวงดาวที่วาววับเต็มท้องฟ้า งดงามเป็นอย่างมาก

“ว้าว คุณน้าสวยจริงๆเลยค่ะ!” เดิมทีซารางที่งัวเงียสะลึมสะลืออยู่ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาในทันที เดินไปรอบๆนาโนไม่หยุด

“มา หอมแก้มน้าหน่อย” นาโนหันหน้าด้านข้างให้

ปากเล็กของซารางยื่นเข้าไปเกือบจะถึงแล้ว แต่กลับถูกเชอร์รีนขวางเอาไว้ : “อย่าซนสิ หน้าของเธอเพิ่งจะแต่งหน้าเสร็จนะ อยากจะให้น้ำลายของซารางทำให้หลุดออกใช่ไหม?”

นาโนยิ้มออกมาอย่างสวยหยาดเยิ้ม ในมือถือช่อดอกไม้ บิดเอวโพสท่า : “ฉันสวยไหม?”

เชอร์รีนเหลือบมองแวบหนึ่ง คิ้วกระตุก แต่ก็พยักหน้าลงอย่างชื่นชม : “สวย สวยเหลือเกิน ทั้งน่าทึ่งแล้วก็น่าประทับใจด้วย”

“พอแล้ว จะว่าไป เธอกับคุณชายใหญ่ออกัสเป็นยังไงบ้างแล้ว ฉันได้ยินดนัยบอกว่า คุณชายใหญ่ออกัสตามเธอไปถึงเมืองทะเลหทัย ทั้งหน้าด้านหน้าทนแบบนี้ พวกเธอไม่มีความคืบหน้าแม้แต่นิดเดียวเลยเหรอ?”

“คุณน้า ทั้งหน้าด้านหน้าทนหมายความว่าอะไรเหรอคะ?” ซารางที่นอนคว่ำหน้าอยู่ที่โต๊ะเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่อาย

“ก็คือหน้าไม่อายไงคะ”

เชอร์รีนเปลี่ยนชุดพิธีการให้กับซารางไปพลางเอ่ยขึ้น : “ฉันจะแต่งงานกับองค์ชายในอีกไม่นานนี้แล้ว”

นาโนรู้สึกตะลึงงันไป สีหน้าท่าทางนั้นเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมา : “เธอแน่ใจนะ ในใจเธอคิดดีแล้วใช่ไหม?”

“อืม” เธอพยักหน้า

เห็นเช่นนี้แล้ว นาโนก็ไม่ได้เอ่ยพูดออกมาอีก เธอเป็นคนที่เด็ดเดี่ยวที่สุดในบรรดาพวกเธอสามคน ทำเรื่องให้ยืดเยื้อน้อยครั้งมาก เพียงแค่เป็นเรื่องที่ตัดสินใจแล้วก็ยากที่จะหันกลับมา

ผ่านไปอีกพักหนึ่งนั้น ยู่ยี่ก็มาแล้วเช่นกัน ไม่เจอกันช่วงเวลานึง เธอผอมลงไปอีกแล้ว

ใกล้จะถึงเวลาแล้ว ทั้งสามคนไม่มีการพูดคุยกันต่ออีก แต่กลับแต่งหน้าตัวเองกันไป

หลังจากเสร็จแล้วนั้น ก็กลับมายังบ้านของนาโนอีกครั้ง เธอยืนกรานว่าจะเดินออกมาจากบ้าน

ถึงเวลาตอนสิบโมงตรง รถแต่งงานมาถึงแล้ว ส่วนดนัยก็มีความหรูหรามาโดยตลอดเช่นกัน รถคันหรูจอดอยู่ที่ด้านนอกบริเวณพื้นที่พัก ทำให้คนในพื้นที่นั้นทั้งหมดออกมาดูกันเป็นไทยมุง แล้วเที่ยววิพากษ์วิจารณ์กันถึงว่าลูกสาวของตระกูลภูษาธรแต่งงานกับลูกเขยที่มีเงินทองคนหนึ่ง

ดนัยสวมใส่ชุดสูท ส่วนออกัสนั้นไม่ได้มาด้วย คนที่มาด้วยก็คือหัสดิน เขาสวมใส่ชุดสูทที่รีดจนเรียบด้วยเช่นกัน

เพียงแต่สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าหัสดินนั้นเปลี่ยนไปแล้ว เขาที่มักจะเป็นคนที่ทำให้บรรยากาศครึกครื้นมากที่สุดมาโดยตลอด ผลักให้บรรยากาศไปจึงถึงจุดที่สูงที่สุด แต่วันนี้กลับไม่ดูคึกคักเลย

ถึงแม้จะดูสุขุมเป็นผู้ใหญ่ แต่เชอร์รีนกลับรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่ใช่หัสดินคนก่อนอีกแล้ว

มีคนวุ่นวาย แต่ก็เป็นเรื่องเล็กๆ เดินมารับเจ้าสาวไปได้อย่างราบรื่น แต่กลับทำให้คุณพ่อและคุณแม่ของนาโนกับร้องไห้ออกมาอย่างทำใจไม่ได้

สถานที่จัดงานแต่งงานนั้นก็คือที่โรงแรม แต่กลับไม่ได้อยู่ในโรงแรม เป็นสวนดอกไม้ที่อยู่ทางด้านหลังของโรงแรม ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามมาก

และตอนที่งานเลี้ยงแต่งงานจะเริ่มขึ้นนั้น ออกัสเพิ่งจะมาถึง สวมใส่ชุดสูท ตอนที่ดวงตาที่ลึกซึ้งนั้นมองมายังร่างของเชอร์รีน ดวงตาก็หรี่ลงทันที

นาโนเลือกชุดเพื่อนเจ้าสาวกับชุดเจ้าสาวเป็นแบบเดียวกัน ชุดเพื่อนเจ้าสาวนั้นโชว์ด้านหลังที่เปลือยเปล่า แผ่นหลังกว้างที่ขาวเนียนปรากฏขึ้น ยาวถึงข้อเท้า ทำให้เดิมทีเอวบางของเธอนั่นยิ่งดูบางมากขึ้นไปอีกอย่างเห็นได้ชัด

ใต้แสงอาทิตย์ เพชรรูปดาวที่ประดับบนชุดนั้นยิ่งเปล่งประกายมากขึ้นอย่างชัดเจน ความแวววาวนี้ทำให้ทั้งร่างของเธอนั้นดูเหมือนกับเปล่งแสงออกมาอย่างไรอย่างนั้น

สายตามองไปที่ร่างของเธอ ราวกับมีสิ่งที่ติดอยู่ ไม่ได้ละสายตาออกไปอยู่พักหนึ่ง และเมื่อตอนที่สังเกตเห็นถึงสายตาของผู้ชายรอบๆที่มองอยู่ตรงนั้น ก็เปลี่ยนไปอย่างเคร่งขรึมขึ้นมาทันที เหมือนกับลมหนาว แทบอยากจะควักลูกตาของผู้ชายพวกนั้นออกมาให้หมด

ให้คำสาบาน ถามคำถาม แลกแหวน และสุดท้ายก็คือการจูบ ทุกอย่างล้วนแต่งดงามยิ่งนัก และตอนที่ช่อดอกไม้ในมือของนาโนโยนออกไปนั้น คนที่รับได้ก็คือเชอร์รีน

กระพริบตาที่งดงามลง ร่างของนาโนก็เข้ามาใกล้เชอร์รีน แล้วเอ่ยพูดขึ้นข้างหูเธอ : “สายตาของคุณชายใหญ่ออกัสนี่ร้อนแรงเกินไปแล้ว แม้แต่ฉันเองก็รู้สึกว่าจะถูกแผดเผาจนสุกแล้วนะ”

มองเธอแวบหนึ่งแล้วเชอร์รีนก็ละสายตาออกมา สบตากับดวงตาที่ลึกซึ้งของเขา หลังจากนั้นเธอก็ละสายตาออกมาอย่างรวดเร็ว

ที่ไม่เหมือนกับการแต่งงานทั่วๆไปก็คือ คนที่เชิญมาในงานแต่งงานนี้ส่วนมากล้วนแต่เป็นวัยรุ่น ดังนั้นตอนกลางวันจัดงานเลี้ยงสังสรรค์ที่โรงแรม แล้วช่วงบ่ายถึงได้รับประทานอาหาร

ในงานมีของหวาน ผลไม้ ขนมอยู่มากมาย ทำนองเพลงที่ไพเราะดังขึ้นมาในห้องโถง มีคนจำนวนไม่น้อยกำลังเต้นรำกันอยู่

ดนัยกับนาโนก็อยู่ในวงเต้นรำนั้นด้วยเช่นกัน ส่วนหัสดินหลังจากที่บอกกับยู่ยี่ว่าจะไปห้องน้ำแล้วก็ออกไปเลย

มองดูเบื้องหลังที่เดินจากไปของเขาแล้ว ยู่ยี่กับเชอร์รีนก็คุยกัน เรื่องที่เธอตั้งท้องนั้นเธอยังไม่ได้บอกกับหัสดิน

และความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับหัสดินนั้นก็เกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้นด้วยเช่นกัน กลับไปเป็นเหมือนเมื่อสี่ปีก่อนไม่ได้อีกแล้ว ตอนที่จีบกันเมื่อสี่ปีก่อน มีพูดคุยมีหัวเราะ ระหว่างทั้งสองคนนั้นไม่เคยมีเรื่องที่ไม่สามารถออกปากพูดออกมาไม่ได้ ต่อให้จะเป็นความลับส่วนตัว ก็จะเอ่ยพูดออกมา หยอกล้อ สนุกสนาน และมีความสุขแทบจะทำให้ในหนึ่งวันกลายเป็นสี่สิบแปดชั่วโมงไปแล้ว จนรู้สึกเอียนที่จะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา

แต่ตอนนี้ ท่าทางที่เขามีต่อเธอมักจะดูระแวดระวัง แม้จะมีเรื่องอะไรก็ไม่ออกปากกับเธอ

เธอก้าวข้ามผ่านจุดเมื่อสี่ปีก่อนมาได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย แต่กลับมาเห็นบันทึกการโอนเงินให้กับเรนนี่อีกครั้ง และจดหมายทั้งหมดที่เรนนี่เขียน

ถึงแม้ปากจะบอกว่าเชื่อ อยากจะให้โอกาสเขาอีกซักครั้ง แต่เธอกลับอดที่จะคาดเดาไม่ได้ถึงเจตนาที่เขาเก็บจดหมายเหล่านั้นเอาไว้ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้เลยว่าเวลานี้ตัวเธอเองกลายเป็นแบบไหนไปแล้ว!

“เชอร์รีน ระหว่างฉันกับเขายังจะสามารถกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหม?” ประโยคนี้ของเธอกำลังเอ่ยถามเชอร์รีนอยู่ แล้วก็กำลังถามตัวเองด้วยเช่นกัน