บทที่ 215 ขอให้คุณพูดจาให้เกียรติกันหน่อย

ครูเจ้าเสน่ห์คนนี้ประธานจอง

“ถ้าหาก สี่ปีหลังไม่ว่าจะเป็นทั้งร่างกายและหัวใจเขาไม่ได้ทำเรื่องที่เป็นการหักหลังเธอ เรื่องราวเมื่อสี่ปีก่อนเธอก็ตั้งใจที่จะให้อภัยเขาอีก แล้วทำไมถึงจะกลับไปเป็นเหมือนเดิมไม่ได้ล่ะ?”

ยู่ยี่หัวเราะเบาๆ พลางเอ่ยขึ้น : “ความจริงแล้ว ระหว่างเธอกับคุณชายใหญ่ออกัสหากเทียบกับฉันและเขาแล้วดีกว่ามากๆเลยล่ะ ถึงแม้ว่าพวกเธอสองคนจะเป็นการแต่งงานกันเพราะข้อตกลง แต่คุณชายใหญ่ออกัสกลับบอกเรื่องราวเหล่านั้นกับเธอ หลังจากที่หยาดฝนกลับมา ถึงแม้ว่าระหว่างพวกเขาจะมีความสนิทสนมใกล้ชิดกันอยู่สองสามครั้ง

แต่สิ่งเหล่านั้นสำหรับผู้หญิงผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่แล้วไม่ได้มีค่าพอให้พูดถึงเลย ทางด้านร่างกายความจริงแล้วคุณชายใหญ่ออกัสนั้นสะอาดและมีความรู้เข้าใจมาก ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะอยู่กับหยาดฝนไปตั้งแต่แรกแล้ว ไม่ใช่ว่าจะมาพัวพันอยู่กับเธอครั้งแล้วครั้งเล่าอยู่แบบนี้หรอก…..”

วันนี้ได้ยินการพูดถึงเขาในแง่ดีจากปากของนาโนและยู่ยี่มามากเกินไปแล้ว เชอร์รีนยิ้มจางๆ

“สภาพอย่างฉันที่เป็นอยู่ในตอนนี้ ก็ยังสามารถให้โอกาสหัสดินอีกครั้งได้ ในเมื่อเธอยังรักคุณชายใหญ่ออกัส แล้วทำไมถึงไม่ให้โอกาสเขาอีกซักครั้งล่ะ ความผิดของเขาไม่ได้ร้ายแรงเท่ากับหัสดินเลย และที่สำคัญก็คือ เขาชัดเจนในความรู้สึกของตัวเองแล้ว”

“ฉันไม่ได้รักเขาแล้ว”เชอร์รีนแย้ง

“เชอร์รีน ดวงตาโกหกไม่ได้หรอกนะ ฉันรู้จักเธอมากี่ปีแล้ว คนอื่นมองไม่ออก แต่ฉันจะมองไม่ออกได้ยังไง? เธอมีความรู้สึกกับเขาไม่มากก็น้อย และความรู้สึกที่เขามีต่อเธอแค่มองก็รู้ได้อย่างชัดเจนแล้ว

เพียงแต่ในช่วงการแต่งงานที่ผ่านมานั้นได้รับความไม่เป็นธรรมมามากขนาดไหนมีแค่ตัวเธอเองเท่านั้นถึงจะรู้ ที่คนอื่นเห็นก็เป็นเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น ชีวิตที่มีทั้งทุกข์ทั้งสุขมีเพียงตัวเองเท่านั้นที่จะเข้าใจ

จริงๆแล้วองค์ชายก็ไม่เลวเลยนะ อยู่กับเขา ชีวิตของเธอก็จะสงบสุข…..”

“ฉันรู้สึกว่าความคิดของเธอนี่นับวันยิ่งเปลี่ยนไปเป็นผู้ใหญ่มากขึ้นแล้วนะ”

“เรื่องราวรอบๆกำลังเปลี่ยน คนก็ต้องเปลี่ยนไปเหมือนกันสิ ฉันก็คงจะไม่สามารถไม่เปลี่ยนไปเลยไม่ได้หรอก ต้องเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว”

“ฉันกับองค์ชายแต่งงานกัน ถึงตอนนั้นจะเชิญเธอไปงานแต่งงานของฉันด้วยนะ”

“ได้สิ”ประโยคนี้ได้เป็นการบอกถึงการตัดสินใจของเธอออกมาแล้ว

อีกทางด้านหนึ่ง

ตรงทางเดินห้องน้ำ หัสดินกดโทรศัพท์โทรออก น้ำเสียงอ่อนลงอย่างไม่รู้ตัว : “ถึงโรงแรมที่พักแล้วหรือยัง?”

“ถึงแล้ว เพิ่งถึงค่ะ วันนี้ไปเมืองจัสมินมา วิวสวยมากจริงๆค่ะ” เสียงผู้หญิงที่เล็กๆน่ารัก และอ่อนโยนดังขึ้นมาจากทางนั้น แต่กลับดูมีความดื้อรั้นอยู่ด้วย

“เงินล่ะ ได้รับแล้วใช่ไหม?”

“ฉันยังไม่ได้ดูค่ะ ไม่ต้องโอนเงินมาแล้วนะ อาการป่วยของฉันดีขึ้นมากแล้ว สามารถทำงานหาเงินได้แล้ว ของขวัญที่ฉันส่งให้ทางไปรษณีย์ได้รับแล้วหรือยังคะ? ถูกมากเลย ถ้าหากไม่ชอบ ดูแล้วจะทิ้งไปเลยก็ได้นะคะ”

หัสดินเลิกคิ้วขึ้น แล้วกลับไปหยอกล้อและไม่จริงจังเหมือนก่อนหน้านี้ : “เรียกพี่ก่อน แล้วจะบอกว่าทิ้งหรือเปล่า”

“ไม่เอาแล้ว พี่โกหกมาหลายครั้งแล้ว ครั้งนี้ฉันไม่เชื่อพี่อย่างเด็ดขาด หัสดิน!”

“โอ๊ะ ไม่คิดว่าจะกล้าเรียกชื่อมาแบบนี้ ใครให้ความกล้านี้กับเธอมา รีบเรียกพี่เร็วเข้า”

“วันนี้ฉันไปสวนสัตว์มา แน่นอนว่าก็ต้องเป็นราชาแห่งเสือโคร่งที่ให้ความกล้านี้กับฉันมาไงล่ะคะ…..”ถึงแม้ว่าจะพูดเช่นนี้ แต่เมื่อพูดจบแล้วเธอก็ยังเรียกเขาขึ้นมา : “พี่”

“ไม่ได้ทิ้งหรอก ใส่อยู่ที่ข้อมือ ดูขี้เหร่จริงๆนั่นแหล่ะ ดูไม่ได้เท่าไหร่ แต่เห็นแก่ที่เธอเลือกมาให้ คุณชายก็จะรับเอาไว้แล้วกัน”

“ปากจัดจัง ไม่ต้องการเงินแล้วจริงๆค่ะ เดี๋ยวอีกซักพักนึงฉันก็จะกลับเมืองsแล้ว ต้องไปจัดแจงของแล้ว วางสายก่อนนะคะ”

หัสดินยิ้มอย่างมีความหมายอยู่ในนั้น : “ตอนกลับมาแล้วก็อย่าลืมโทรมาล่ะ พี่จะไปรับเธอ”

“โอเคค่ะ วางแล้วนะ บ๊ายบาย หัสดิน” ประโยคสุดท้ายเธอเรียกขึ้นอย่างอ่อนโยนมาเป็นพิเศษ เต็มไปด้วยความคิดถึงที่โยงใยกันไปหมด

“บ๊ายบาย”

รอตอนที่หัสดินเดินกลับมายังห้องโถงใหญ่แล้ว เชอร์รีนกำลังเอาเค้กให้ซาราง และยู่ยี่ก็นั่งอยู่ที่โซฟาคนเดียว

มือโอบไหล่ยู่ยี่เอาไว้ เขาเอ่ยขึ้น : “อยากทานอะไรไหมครับ? เดี๋ยวผมไปเอาให้ ขนม หรือผลไม้?”

“เอาผลไม้อะไรมาก็ได้ค่ะ” ดึงความรู้สึกกลับมาแล้ว ยู่ยี่จึงยิ้มพลางเอ่ยขึ้น

“ได้ครับ รอก่อนนะ”เขาลุกขึ้น ไปหยิบผลไม้แต่ละอย่างแล้วกลับมา ตอนที่แขนของเขายกขึ้นมานั้น ยู่ยี่ก็สังเกตเห็นสร้อยข้อมือที่ผูกอยู่ตรงข้อมือของเขา จากไม้จันทร์แดง : “คุณชอบสร้อยข้อมือแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันคะ?”

ด้วยความสงบและเยือกเย็นนี้ หัสดินยิ้มพลางเอ่ยขึ้น : “ที่รัก เลขาจีน่าที่ออฟฟิศของพวกเรา รู้หรือเปล่าครับ?”

“ทำไมคะ?” เลขาจีน่าก็คือผู้ช่วยของหัสดิน อายุสี่สิบกว่าปี มีจิตใจและความสามารถในการทำงานเป็นอย่างมาก

“ก่อนหน้านี้ไม่ใช่ว่าเธอไปเที่ยวที่เมืองจัสมินมาหรอเหรอครับ กลับมาก็เอาของมาฝาก ให้ทุกคนในออฟฟิศเลย ไม่เลวเลยใช่ไหม? ถ้าหากคุณไม่ชอบ ผมถอดออกได้นะ”ระหว่างพูดนั้น หัสดินก็ขยับมือจะถอดสร้อยข้อมือนั้นออก

ยู่ยี่ห้ามเขาเอาไว้ : “ฉันไม่ได้ไม่ชอบค่ะ ดูดีมากเลย พี่จีน่าให้มา ใส่เอาไว้เถอะค่ะ”

เลขาจีน่านั้นเป็นคนดีมาก เห็นเธอดูมีน้ำใจมาก เธอเคยไปบริษัทสองครั้ง นับว่าไม่เลวเลย

ถ้าหากคนๆนี้ได้พูดโกหกมาครั้งนึงแล้ว ก็จะยิ่งเคยชินมากขึ้น แค่นี้แล้วกัน หัสดิน

ตอนนี้ซารางเป็นเหมือนกับว่าวที่ปล่อยให้ลอยอยู่ วิ่งไปวิ่งมาอยู่ในห้องโถง เชอร์รีนยังถือเค้กเอาไว้ในมือเพื่อจะให้เธอกิน และกำลังไล่ตามหลังอยู่

แล้วเธอก็ชนเข้ากับใครคนหนึ่งเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจึงเอ่ยขอโทษขึ้น

เธอชนเข้ากับนักข่าวผู้ชายคนหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเป็นเธอ ดวงตาของนักข่าวชายคนนั้นก็มีแสงมืดๆปรากฏขึ้นมา มีความเกลียดชังอยู่ด้วย งานแต่งงานของดนัยในวันนี้เป็นรูปแบบเปิด มีการถ่ายทอดสดในงาน

ตอนแรกที่มีข่าวออกมาว่าคุณนายน้อยตระกูลสิริไพบูรณ์พบปะคนรักในกลางดึก หลังจากที่ข่าวว่าไปรังรักด้วยกัน พวกเขาก็ไปสัมภาษณ์ที่โรงเรียน

เขาเองก็เป็นหนึ่งในกลุ่มนักข่าวที่สัมภาษณ์ เป็นเพราะคนที่อยู่ข้างหลังพุ่งเข้ามาทางด้านหน้า ดังนั้นเขาถึงได้ทุบกล้องไปทางเธอ

แต่ประธานออกัสกลับไม่เอ่ยถามถึงความผิดถูก โทรไปหาบริษัทที่เขาอยู่ เขาถูกเลิกจ้างให้ออก และก็ไม่มีบริษัทไหนรับเขามาโดยตลอด รอหลังจากที่ประธานออกัสไปต่างประเทศ ถึงได้มีทางมีชีวิตรอดได้

และนี่ เธอกับประธานหย่ากันไปแล้ว และความแค้นนี้เขาจะต้องระบายมันอย่างแน่นอน

“หม่ามี๊ หนูอยากกินสตอเบอร์รี่ค่ะ”วิ่งจนเหนื่อยแล้ว ซารางก็วิ่งกลับมาอีกครั้ง ปากเล็กๆนั้นหายใจหาบ เหมือนกับลูกวัวตัวน้อยเลยอย่างไรอย่างนั้น

บีบคางเธอแล้ว เชอร์รีนก็จิ้มเอาสตอเบอร์รี่ใส่ปากของเธอ

“นี่ไม่ใช่อดีตภรรยาของประธานออกัสหรอกหรือ? ถ้าหากฟังไม่ผิด เด็กคนนี้เรียกคุณว่าหม่ามี๊ คุณเชอร์รีน ขอถามหน่อยนะครับว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของประธานออกัสหรือว่าเกิดหลังจากผู้ชายที่ไปแอบเจอกันเป็นการส่วนตัวอย่างนั้นหรือครับ?”ยกกล้องในมือขึ้นมา นักข่าวคนนั้นมีเจตนาส่งเสียงดังออกมา ทำให้คนที่อยู่รอบๆหันมามอง ต่างก็พากันเข้ามาดู

ได้ยินแล้ว คิ้วของเชอร์รีนก็ขมวดขึ้น ไม่ได้สนใจเขา แล้วดึงซางรางจะเดินออกไป วันนี้เป็นงานแต่งงานของนาโน เธอไม่อยากจะก่อความวุ่นวายในงาน เลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง

ใจเธออยากจะเลี่ยงไป แต่กลับมีคนที่ไม่ยอมให้เธอหลีกเลี่ยง นักข่าวผู้ชายคนนั้นเดินเข้ามาขวางหน้าเธอเอาไว้ : “หรือว่าจะเป็นลูกนอกสมรสของผู้ชายคนที่ไปแอบเจอมาอย่างนั้นจริงๆ?”

“กรุณาพูดจาให้เกียรติกันบ้างนะคะ”

“ถ้าหากที่ผมพูดไปไม่ใช่เรื่องจริง คุณเชอร์รีนทำไมจะต้องแคร์มากขนาดนี้ล่ะครับ ใช่ไหม?”สีหน้าท่าทางของผู้ชายคนนั้นยิ่งประชดประชันมากขึ้นเรื่อยๆ

มีนักข่าวจำนวนไม่น้อยที่กำลังถ่ายรูปกันอยู่ นักข่าวผู้ชายคนนั้นยังคงไม่ยอมเลิกรา คนที่อยู่รอบๆก็ยิ่งพากันวิพากษ์วิจารณ์กันมากขึ้น

“เด็กน้อย พ่อของหนูเป็นใครเหรอครับ?” ผู้ชายคนนั้นหันมาให้ความสนใจกับซารางอีกครั้ง