ราชันเร้นลับ 408 : สมมติฐานเลื่อนลอย

Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ

ราชันเร้นลับ 408 : สมมติฐานเลื่อนลอย โดย Ink Stone_Fantasy

โดเรียนขึงผ้าม่านมิดชิด สร้างบรรยากาศมืดมิดให้ห้องทำงานของตน ก่อนจะนั่งลง

มือซ้ายกำลังถือลูกแก้วใส พลางใช้ปลายนิ้วมือขวาลูบไล้อย่างอ่อนโยนบนผิวด้านบน ปากขยับพึมพำบางสิ่งแผ่วเบา

แสงจากลูกแก้วคริสตัลทวีความเจิดจ้าทีละนิด จนกระทั่งผิวแก้วเริ่มปรากฏภาพดวงดาวระยิบระยับอย่างคมชัด

อุปกรณ์ชนิดนี้มีไว้ทำนายการเคลื่อนตัวของโชคชะตา การเคลื่อนตัวของกลุ่มดวงดาว จนออกมาเป็นข้อมูลในช่วงชีวิตหนึ่งของเป้าหมายอย่างคร่าว ผลลัพธ์จะแสดงออกมาบนผิวลูกแก้วในเชิงสัญลักษณ์จากโลกวิญญาณ

โดเรียน·เกรย์หยุดพิธีกรรมและจ้องมอง

เธอไม่ได้โกหก… โชคชะตาของเธอตรงตามคำบอกเล่าทุกประการ…

ไม่เพียงเท่านั้น ดวงดาวยังบอกด้วยว่า เธอคือผู้เปลี่ยนแปลงชะตากรรมของตระกูลอับราฮัมอย่างใหญ่หลวง…

ในด้านดี…

โดเรียนลุกยืนพลางวางแผนในใจ

มื้อกลางวัน ณ ร้านอาหารวิหคสี่ปีก

ด้านหน้าฟอร์สคือจานปลาหั่นพอดีคำ รอบจานมีก้านโรสแมรีถูกโรยในปริมาณเหมาะสม หนังปลามีรสสัมผัสกรุบกรอบ เนื้อนุ่มละมุนและสดใหญ่ แต่ปัญหาเดียวของอาหารจานนี้คือ รสนิยมทางศิลปะอันผิดแผกพิสดารของพ่อครัว หัวปลาถูกตั้งวางบนจานโดยไม่แคะลูกตาออก ราวกับกำลังจ้องคนกินและกล่าวอย่างโกรธแค้นว่า ‘กินฉันทำไม’

ฟอร์สใช้ส้อมดันให้หัวปลานอนลง ตามด้วยการตัดหางมาวางปิดลูกตาไว้เพื่อมิให้เห็นภาพชวนพะอืดพะอม

ขณะเดียวกัน โดเรียน·เกรย์กำลังขยับมืดส้อมอย่างชำนาญพลางส่งเสียงถามอย่างเป็นกันเอง

“อาริสาก็เป็นผู้คลั่งไคล้ศาสตร์เร้นลับเหมือนกัน เธอศึกษาลงลึกพอสมควร… หลังจากเธอตายไป คุณได้พบหนังสือ สมุดบันทึก หรือกระดาษจดอะไรทำนองนั้นบ้างไหม”

“มีหนังสือกับสมุดบันทึกค่ะ” ฟอร์สตอบซื่อตรง “หลังจากได้อ่าน ดิฉันก็เริ่มชื่นชอบศาสตร์เร้นลับขึ้นมาบ้าง แต่ไม่สามารถเข้าใจเนื้อหาส่วนใหญ่ภายในหนังสือได้”

โดยเฉพาะหนังสือ ‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ ไม่เพียงเนื้อหาจะเพ้อฝัน ขาดความสมเหตุสมผล ยุ่งเหยิง และซับซ้อน จนทำให้เราไม่สามารถตีความได้…

แม้จะเพ่งสมาธิอ่านด้วยการเข้าฌานจนจิตสงบนิ่งแล้วก็ตาม แต่ก็ไม่มีทางจดจำเนื้อหาเมื่อครู่ได้เลย เมื่ออ่านเสร็จจะหลงลืมเกือบทั้งหมดในทันที ดังนั้น ไม่ต้องพูดถึงการทำความเข้าใจ… ฟอร์สเสริม

โดเรียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม

“ถ้าอย่างนั้น คุณสามารถปรึกษาผมเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับได้ทุกเมื่อ ผมเองก็เป็นหนึ่งในผู้หลงใหลศาสตร์เร้นลับเช่นกัน และค่อนข้างชำนาญพอตัว”

“จริงหรือคะ? เยี่ยมเลย!”

ฟอร์สแสดงอาการตกใจพองาม

เมื่อเห็นอีกฝ่ายแสดงความสนใจ โดเรียนเริ่มพาบทสนทนาเข้าศาสตร์เร้นลับทันที มีทั้งการพูดถึงโลกวิญญาณ ประสบการณ์ขณะเข้าฌานของตน และสิ่งอื่น

มันเตรียมตัวพูดสิ่งเหล่านี้ตั้งแต่ก่อนจะเดินเข้ามาในร้านเสียอีก โดเรียนจงใจเลือกมุมอับสายตาและห่างไกลจากโต๊ะอื่น จึงไม่ต้องกังวลว่าจะมีใครได้ยินบทสนทนา

เมื่อเสร็จมื้ออาหาร โดเรียนแนะนำ

“ผมเคยกังวลว่าจะไม่สามารถตอบแทนน้ำใจของคุณได้ แต่ตอนนี้คงไม่ต้องเป็นห่วงอีกแล้ว ฮะฮะ! ถึงลอว์เรนซ์จะตอบแทนเงินให้คุณบางส่วนก็ตาม แต่ผมเชื่อว่านั่นยังไม่เพียงพอต่อความใจกว้างและซื่อสัตย์ของคุณ มิสวอลล์ นับแต่นี้ไป คุณสามารถเขียนจดหมายปรึกษาผมเกี่ยวกับศาสตร์เร้นลับได้ทุกเมื่อ ผมจะตอบแทนอย่างสุดฝีมือ”

“ยินดีเป็นอย่างยิ่งค่ะ” ฟอร์สไม่ปฏิเสธ

จากบทสนทนาเมื่อครู่ หญิงสาวสามารถยืนยันได้ว่า โดเรียน·เกรย์มีความรู้ทางศาสตร์เร้นลับในระดับเชิงลึก พื้นฐานแน่น และอธิบายทุกสิ่งจากรากเหง้าได้อย่างไม่ติดขัด ทำตัวสมกับเป็นหนึ่งในสมาชิกของตระกูลเก่าแก่ของโลก อับราฮัม

พื้นฐานด้านศาสตร์เร้นลับถือเป็นจุดบกพร่องของฟอร์สมานาน แม้ว่าเธอพอจะมีข้อมูลด้านศาสตร์เร้นลับอยู่บ้าง แต่ทั้งหมดเกิดจากการอ่านหนังสือเฉพาะทาง หรือไม่ก็เป็นความรู้จากชุมนุมลับแบบไม่ปะติดปะต่อ เรียกได้ว่าขาดพื้นฐานโดยสิ้นเชิง ไม่สามารถประกอบทฤษฎีใหม่ได้ด้วยตัวเอง

เมื่อได้ยินคำตอบ โดเรียนยกแก้วในมือ

“ผมได้แต่หวังว่า สักวันหนึ่ง พวกเราจะได้ครอบครองพลังพิเศษเหล่านั้นไปด้วยกัน”

กรุงเบ็คลันด์ เขตเหนือ มหาวิหารแซมมัว

คนกลุ่มหนึ่งกำลังเดินลงมายังห้องใต้ดินของตัวอาคาร ทั้งหมดสวมเสื้อกันลมสีดำและถุงมือสีแดงทั้งสองข้าง หัวหน้ากลุ่มเป็นสุภาพบุรุษในวัยสี่สิบกว่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ ผมค่อนข้างยาว

ด้วยหมวกทรงสูงหรูหราเหนือศีรษะ มันย่ำเท้าเดินตามลูกน้องเข้าไปในห้องปิดตายลักษณะค่อนข้างกว้าง

ด้านในเต็มไปด้วยชั้นหนังสือ มีกองเอกสารถูกวางสอดแทรกเป็นระยะ บนเก้าอี้พนักสูงมีสตรีเลอโฉมผู้หนึ่งกำลังนั่งเอนกายอย่างสง่างาม เธอปัดแก้มและหางคิ้วด้วยสีฟ้าครามจนเด่นสะดุดตา สวมชุดคลุมสีดำยาว

เธอไม่ลุกขึ้นหรือทักทายผู้ใด

ไม่ใช่ใครนอกจากอดีตผู้สื่อวิญญาณ ดาลีย์

“โซสต์ เอกสารตามความประสงค์ของคุณอยู่ทางนั้น” ดาลีย์ใช้คางชี้ไปทางโต๊ะข้างประตูหน้าห้อง

ชายวัยกลางคน โซสต์ ยิ้มรับ

“ดาลีย์ ใครเป็นคนส่งคุณมาเฝ้าห้องนี้กัน คนมีความสามารถเช่นคุณควรได้จับงานใหญ่ไม่ใช่หรือ”

“ผิดแล้ว นี่คือความต้องการของตัวฉันเอง ชอบสงบจิตใจด้วยการอ่านเอกสารมากกว่า” ดาลีย์ฉีกยิ้ม “ฉันทำไปเพื่ออนาคต มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตอ่อนแอและเปราะบาง ต้องการเวลาพักใจหลังจากถูกกระทบกระเทือนอย่างหนัก ไม่มีใครใช้ชีวิตบนห้วงความสุข สมหวัง และอิ่มเอมใจได้ตลอดไป”

“…ไม่เปลี่ยนไปเลยนะ ช่างน่าเสียดาย คุณไม่เคยเปิดใจให้ผมเลย” โซสต์ฉีกยิ้มกว้าง

ดาลีย์ส่ายหัว

“คุณไม่ได้เข้าใจอะไรฉันเลยสักนิด รสนิยมของฉันไปไกลกว่าจินตนาการคุณมากแล้ว เว้นเสียแต่คุณจะแปลงกายเป็นศพเดินดิน เผยกระดูกผุกร่อนสีขาว และมีหนอนชอนไชตามจมูกปาก นั่นอาจทำให้ฉันเกิดความสนใจขึ้นมาได้บ้าง”

เมื่อกล่าวจบ หญิงสาวหันไปมอง ‘ถุงมือแดง’ ด้านหลังโซสต์

“เลียวนาร์ด ทำไมคุณถึงเลือกเข้าหน่วยของเขา? ชายคนนี้ทั้งอวดดี โอหัง และตาขาว เอาแต่จินตนาการภาพหญิงสาวคลานขึ้นมาหาบนเตียงด้วยท่าทางเซ็กซี่ หืม หรือนี่คือลักษณะพิเศษของฝันร้าย..”

เมื่อคำว่า ‘ฝันร้าย’ หลุดจากปาก ดาลีย์พลันชะงักอย่างไม่มีเหตุผล

เลียวนาร์ดกล่าวอย่างจนปัญญา

“มาดามดาลีย์ เจ้าคุณท่านซีสม่าเป็นผู้จัดสรรให้ผมเข้าร่วมหน่วยนี้”

“อย่างนั้นเองหรือ… แปลว่าคุณไม่ปฏิเสธคำพูดของฉันใช่ไหม เรื่องอุปนิสัยของโซสต์”

ดาลีย์กล่าวยียวน

เลียวนาร์ดผงะจนลืมแก้ต่าง

โชคยังดี ผู้ปลอบวิญญาณ โซสต์ มิได้ถือสากับคำพูดดาลีย์ เพียงเดินตรงไปทางโต๊ะทำงานและหยิบเอกสารขึ้นมาหนึ่งปึก มันใช้ปลายนิ้วพลิกอ่านทีละหน้า ด้านเลียวนาร์ดพร้อมด้วยสมาชิกคนอื่นต่างก็เดินตามไปยืนล้อมวงและทำแบบเดียวกัน

หลังจากภายในต้องมีแต่เสียงพลิกกระดาษสักพัก โซสต์ซักถามอย่างผ่อนคลาย

“เบ็คลันด์ช่วงนี้มีข่าวใหม่น่าสนใจบ้างไหม? ขอแบบน่าจับตามองเป็นพิเศษ”

หางตาดาลีย์กระตุกเล็กน้อย เธอก้มหน้าครุ่นคิดสักพักก่อนมอบคำตอบ

“สายข่าวของเรารายงานเข้ามาว่า คนกลุ่มหนึ่งกำลังพยายามตามล่าตัวสาวกของเดอะฟูล ผู้มีชื่อเต็มว่า…”

ดาลีย์ท่องชื่อเต็มของเดอะฟูลเป็นภาษาโลเอ็นให้ถุงมือแดงฟัง พลางอมยิ้ม

“ดูเหมือนพวกเราจะได้เป็นประจักษ์พยานการถือกำเนิดของลัทธิมารใหม่ หรือไม่ก็เป็นสหายเก่าในอดีตกลับชาติมาเกิด โซสต์ คุณคิดเห็นอย่างไรกับเรื่องนี้”

โซสต์ก้มหน้าตรึกตรองจริงจัง

“ไม่เลย ผมไม่เคยได้ยินมาก่อน”

ทันใดนั้น เลียวนาร์ดเงยหน้าขึ้นจากเอกสารในมือและกล่าวติดตลก

“จะเกี่ยวกับพิธีกรรมไพ่ทาโรต์ทั้งสองคดีในความดูแลของพวกเราไหม? เดอะฟูลคือไพ่หมายเลขศูนย์ ถือเป็นไพ่ใบแรกในสำรับหลัก และยังมีความสำคัญเป็นอย่างมากในศาสตร์การดูดวง”

ดาลีย์พลันชะงัก ตามด้วยการพยักหน้ารับในเชิงเห็นพ้อง

“ทฤษฎีน่าสนใจ”

“แต่ขาดหลักฐานรองรับ เป็นการเดาส่งแบบเลื่อนลอย เรียกว่าอนุมานยังไม่ได้เลย” โซสต์ปัดตกแนวคิดดังกล่าว

เลียวนาร์ดเผยรอยยิ้มมุมปาก

“จักรพรรดิโรซายล์เคยกล่าวไว้ว่า จงตั้งสมมติฐานเลื่อนลอยขึ้นมาก่อน จากนั้นค่อยหาหลักฐานกลบเกลื่อนให้สมจริงในภายหลัง”

เขตฮิลสตัน สโมสรครักซ์

หลังออกจากวิหารฤดูเก็บเกี่ยว ไคลน์ย่างกรายเข้าไปในตัวอาคารหรูหรา พร้อมกันนั้น ชายหนุ่มสังเกตเห็นครูสอนขี่ม้า ทาลิม·ดูมงต์ กำลังนั่งในมุมเปลี่ยวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

เมื่อตระหนักว่ายังเหลือเวลารับประทานอาหารกลางวันอีกสักพัก ไคลน์เดินเข้าไปทักทายด้วยรอยยิ้ม

“ทิวาสวัสดิ์ ทาลิม คุณมีเรื่องหนักใจอีกแล้วหรือ”

ทาลิมสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะรีบหันกลับมาส่ายศีรษะปฏิเสธ

“ป…เปล่า!”

เขาทำเรื่องผิดศีลธรรมลงไปหรือไง?

ไคลน์พึมพำ นั่งลง และยิ้ม

“น่าเสียดาย ไมค์กับอลันไม่อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นพวกเราคงมีช่วงบ่ายอันยอดเยี่ยม”

ทาลิมยิ้ม

“พวกเขางานยุ่งมาก แทบไม่มีเวลาว่าง”

โดยไม่เปิดโอกาสให้ไคลน์พูด ทาลิมกวาดสายตารอบตัวหนึ่งหนและบีบเสียงให้แผ่ว

“เชอร์ล็อก บุคคลสำคัญระดับอาณาจักรคนหนึ่งต้องการพบคุณหลังจากเขาได้ยินผลงานในอดีต… สนใจจะรับงานไหม? พูดตามตรง ผมอิจฉามาก โอกาสแบบนี้คงหาไม่ได้อีกแล้ว”

เราเคยมีผลงานอะไรในอดีตด้วยหรือ?

ช่วยมาดามแมรีจับชู้คาหนังคาเขา?

ช่วยคุ้มกันไมค์ขณะแวะเข้าซ่อง?

หรือแม้แต่การเดินทางไปเขตตะวันออกสามหน เราก็ไม่ได้ทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน…

อย่างมาก บุคคลสำคัญดังกล่าวอาจสืบทราบว่า เรามีส่วนในการไขคดีฆาตกรรมต่อเนื่อง หรือไม่ก็มอบคำแนะนำจนศัลยแพทย์อลันหลุดพ้นจากโชคร้ายและฝันร้าย…

ไคลน์ขมวดคิ้วสับสน

แต่หลังจากประมวลผลสักพัก มันเริ่มมองเห็นความเป็นมา

บางที บุคคลสำคัญอาจเพียงถามทาลิมว่า พอจะรู้จักนักสืบมีฝีมือบ้างไหม และทาลิมก็ไม่รู้จักใครเลยนอกจากเรา จึงทำการสร้างเกียรติประวัติให้เราอย่างยิ่งใหญ่ เช่นการเป็นนักสืบสมองเพชรผู้คอยบงการทีมนักสืบจนประสบความสำเร็จในการตามล่าฆาตกรต่อเนื่อง หรือ การเอะใจว่าสามีของมาดามแมรี่และชู้พยายามยักยอกเงินจากบริษัทโคอิม จึงลงมือสืบจนได้หลักฐานเด็ด…

ในสายตาบุคคลสำคัญ เราคงกลายเป็นนักสืบระดับพระกาฬไปแล้ว… ไคลน์ถอนหายใจยาว

ชายหนุ่มแสดงสีหน้าหนักใจสักพัก จึงค่อยมอบคำตอบ

“ต้องขอโทษด้วย ทาลิม นักสืบทุกคนมีกฎเหล็กของตัวเอง ผมก็เช่นกัน กฎของผมคือการไม่ยุ่งเกี่ยวกับบุคคลสำคัญโดยเด็ดขาด ไม่อย่างนั้น การกระทบกระทั่งเพียงเล็กน้อยอาจนำพาหายนะมาถึงตัวผม ผมไม่ต้องการเลือกข้าง จึงไม่ต้องการพบบุคคลสำคัญของคุณ”

นี่มิใช่ข้ออ้างใหม่ แต่เป็นกฎของไคลน์ก่อนตัดสินใจทำงานนักสืบเสียอีก

ชายหนุ่มไม่ต้องการยุ่งเกี่ยวกับสังคมชนชั้นสูงในชื่อเชอร์ล็อก·โมเรียตี้ ฉะนั้น ก่อนจะกลายเป็น ‘ผู้ไร้หน้า’ ไคลน์ตัดสินใจปฏิเสธทุกความเสี่ยงโดยไม่ลังเล

“…สมเหตุสมผลมาก” ทาลิมถอนหายใจยาว พลางเล่าต่อ “บุคคลสำคัญคาดเดาการตอบสนองเช่นนี้ไว้แล้ว และยังบอกว่า หากนักสืบคนใดตอบปฏิเสธด้วยเหตุผลข้างต้น หมายความว่าเขาเป็นยอดนักสืบ

“ด้วยเหตุนี้ บุคคลสำคัญยังคงยืนกรานจะให้คุณช่วยเหลือ โดยสัญญาว่าจะไม่ลากเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับแวดวงชนชั้นสูง”

“เป็นงานแบบไหน” ไคลน์ซักถาม

ทาลิมยิ้ม

“ยังจำคดีของคาพินได้ไหม ผมได้ยินคุยเคยคุยกับไมค์ บุคคลสำคัญสนใจคดีนั้นมาก และยังสนใจองค์กรผู้ใช้สัญลักษณ์ไพ่ทาโรต์เป็นพิเศษ เขาระบุอย่างชัดเจนว่า ไพ่ทาโรต์มิได้ถูกนำมาใช้ในคดีคาพินเป็นครั้งแรก ความต้องการของเขาคือ ให้คุณช่วยสืบหาเบาะแสขององค์กรลับข้างต้น”

……………………