ตอนที่ 212 เตรียมสอบข้าราชสำนักสตรี

 

 

เซียงฉือทอดถอนใจ สวี่อี้เห็นใจอย่างยิ่ง ตั้งแต่เมื่อไรกันที่บุตรสาวสายตรงบ้านสกุลอวิ๋นผู้หยิ่งทะนงต้องกลายมาเป็นเช่นนี้ อยู่แบกรับความผิดทั้งที่นางไม่ได้เป็นผู้ก่อ

 

 

แต่ต้องยอมรับในทุกสิ่งทั้งหมดนี้

 

 

เพียงเพราะนางแซ่อวิ๋นและนางเป็นคนรู้ผิดชอบชั่วดี

 

 

เซียงฉือกอดจดหมายจากไปแล้วเก็บมันซุกไว้ในที่ลึกอย่างยิ่ง นางเกรงกลัวคำพูดและความอ่อนโยนของเหอเจี่ยนสุยที่อยู่ในนั้น อีกทั้งเกรงเหอเจี่ยนสุยจะบอกกับนางว่าเขาจะรอนางตลอดไป

 

 

นางไม่กล้าอ่าน กลัวตัวเองจะถูกความสุขนั้นยั่วยวนใจ

 

 

นางจะต้องเป็นข้าราชสำนักสตรีเพื่อล้างมลทินให้วงศ์ตระกูล กู้ชื่อเสียงที่บริสุทธิ์ผุดผ่องของท่านปู่กลับคืนมา นางไม่สามารถจะอยู่อย่างเห็นแก่ตัวเพียงลำพังเช่นนั้น

 

 

นางจะต้องบากบั่นมุมานะเพื่อผู้เฒ่าและเด็กเล็กร้อยกว่าชีวิตของบ้านสกุลอวิ๋น จะต้องเป็นเสาหลักของทุกคนในบ้านสกุลอวิ๋นเหมือนท่านปู่ในสมัยนั้นให้ได้

 

 

เซียงฉือคิดเรื่องพวกนี้เวียนวนอยู่ในหัวรอบแล้วรอบเล่าจึงทำให้ตัวเองไม่ยื่นมือไปหาจดหมายฉบับนั้น

 

 

นางดูรายการที่ยังต้องเตรียมสำหรับการสอบอีกครั้งและตัดสินใจแน่วแน่แล้วว่า วันใดที่คดีเก่าของท่านปู่ยังไม่ได้รับการพลิกฟื้น วันนั้นก็จะยังไม่ใช่วันที่นางจะแต่งงาน

 

 

“เหอเจี่ยนสุย ขอโทษนะ”

 

 

นางส่งสายตามองดูในลิ้นชักเป็นครั้งสุดท้าย ในเมื่อเรื่องนี้นางตัดสินใจแล้วจึงไม่คิดจะไปดูอีก อันจะเป็นการเพิ่มความทุกข์ใจให้ตนเอง

 

 

หากวันใดวันหนึ่งในภายหน้านางเกิดสำนึกเสียใจขึ้นมา และชีวิตในอนาคตทั้งหมดต้องเปลี่ยนแปลงไปเพราะวันนี้ ไม่รู้ว่านางในเวลานี้จะรู้สึกสำนึกเสียใจบ้างหรือไม่

 

 

แต่เวลานี้นางที่อยู่ในวังหลังได้ตัดสินใจแล้ว และจะลงมือกระทำอย่างจริงจัง

 

 

การจุดตะเกียงอ่านตำราในตอนกลางคืนเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ นั่นเพราะเวลากลางคืนเงียบสงบ นางได้เปลี่ยนเวรกะกลางวันกับหลิ่วจุ้ยเป็นกะกลางคืนทั้งหมด เช่นนี้จะทำให้นางมีเวลาดูตำรามากขึ้น

 

 

ช่ำชองเรื่องกฎระเบียบในวัง ชำนาญจารีตประเพณี มีความรู้ดีด้านกฎหมาย เหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่ต้องสอบในการสอบรอบแรก นางมีเวลาไม่มาก ถึงจะมีความทรงจำดีพอควร แต่ยังต้องการเวลาในการท่องจดจำให้ได้

 

 

วันเวลาผ่านไปแบบนี้ต่อเนื่องตลอดเดือน แล้วก็ถึงวันสอบข้าราชสำนักสตรี

 

 

ช่วงนี้เป็นต้นฤดูใบไม้ร่วงอากาศเริ่มเย็นลง อากาศทั้งสี่ฤดูกาลของเมืองหลวงจะชัดเจนและแต่งแต้มได้อย่างเหมาะสม ดังนั้นจึงงดงามยิ่งในทุกฤดู

 

 

ตื่นขึ้นในตอนเช้าอากาศเย็น เซียงฉือคลุมผ้าคลุม หอบเครื่องเขียนแล้วมุ่งหน้าไปยังตำหนักเหวินอิง สถานที่สอบรอบแรก

 

 

การสอบข้าราชสำนักสตรีไม่ได้จัดขึ้นแต่เพียงในวัง ทุกภาคทั่วประเทศล้วนมีสนามสอบรอบแรกนี้ ซึ่งตำหนักเหวินอิงก็เป็นสนามสอบหนึ่งด้วย แต่ว่าหญิงสาวจากภายนอกสมัครสอบกันน้อยและอัตราผู้สอบผ่านก็ไม่สูง สตรีเช่นสวี่อี้นี้ยิ่งมีน้อยมาก

 

 

วันนี้ลมค่อนข้างแรง ตอนตื่นขึ้นในตอนเช้าหลิ่วจุ้ยได้มอบผ้าคลุมให้นางด้วยความตั้งใจเป็นพิเศษ ผ้าคลุมทำจากผ้าต่วนกำมะหยี่ขาวราวหิมะ เป็นวัสดุที่ดีที่สุดเท่าที่หลิ่วจุ้ยจะจัดทำได้

 

 

คงจะเป็นของดีที่นางเฝ้าเก็บอย่างทะนุถนอมตลอดมา

 

 

“พี่หลิ่วจุ้ย ผ้าคลุมนี้อบอุ่นจริงๆ ขอบคุณพี่มาก”

 

 

เซียงฉือหอบผ้าคลุมยิ้มร่าหมุนอยู่ในที่นั้นสองรอบ

 

 

“เด็กโง่ ถึงพี่จะไม่ได้เข้าร่วมการสอบ แต่ได้ยินคนเขาพูดกันว่าข้าราชสำนักสตรีพวกนั้นน่ะ จะมองสำรวจการแต่งกายของเจ้าตั้งแต่การสอบรอบแรก เพื่อดูว่าเป็นคุณหนูจากครอบครัวมีฐานะหรือไม่”

 

 

“ถ้าไม่มีของมีราคาค่างวดติดตัวบ้าง นอกจากนางจะไม่ให้ผ่านแล้วยังอาจฉุดรั้งให้สะดุดแบบลับๆ อีก พี่เองช่วยอะไรเจ้าไม่ได้ ก็เลยเย็บผ้าคลุมนี้ให้เจ้า เอาไว้เป็นหน้าเป็นตาบ้างก็ยังดี”

 

 

หลิ่วจุ้ยก็รักเซียงฉือ เห็นนางเป็นดั่งน้องสาวคนหนึ่ง นางไม่สามารถช่วยเหลือเรื่องอื่นใดได้ แต่หากมีข่าวคราวอะไรก็จะใส่ใจฟังเพื่อเซียงฉือ