ตอนที่ 338 ใครขโมยกุญแจไป
“หลายปีมานี้ผู้คุมกฎเฟิงนับวันยิ่งจองหอง ไม่เห็นเจ้าสำนักอยู่ในสายตา เกรงว่าคงเกิดความคิดจะยึดตำแหน่ง ถึงได้ทำเรื่องไร้ยางอายเช่นนี้”
เมื่อเห็นสีหน้าของเจ้าสำนักยิ่งดูไม่ได้ขึ้นไปทุกที เฟิงอิ๋นก็ควบคุมตัวเองไม่ได้อีกครั้ง สะกดอารมณ์โกรธไว้ขณะพูดว่า
“ข้าซื่อสัตย์จริงใจต่อท่านอาจารย์ เรื่องนี้ท่านอาจารย์ย่อมเข้าใจ ชุนเหนียง เจ้าไม่ต้องมาเสี้ยมให้เขาแตกคอกันที่นี่ ท่านอาจารย์เป็นคนฉลาด เจ้าไม่มีทางตบตาได้หรอก”
“ท่านอาจารย์ ข้าก็คิดว่าศิษย์น้องไม่ใช่คนเช่นนี้หรอกเจ้าค่ะ”
มู่หรงกวานเสวี่ยก็ช่วยเฟิงอิ๋น ในเมื่อพวกนางเป็นศิษย์พี่ศิษย์น้องสำนักเดียวกัน ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องยืนอยู่ข้างเฟิงอิ๋น นางเองก็ไม่ถูกชะตากับชุนเหนียง
เจ้าสำนักลุกขึ้นอย่างกระทันหัน ทุกคนไม่รู้ว่านางไปทำอะไร คนที่ควรคุกเข่าก็ยังคุกเข่าอยู่ ในใจหลิงอวี้จื้อแอบมีความรู้สึกไม่ค่อยปลอดภัย
ไม่นานเจ้าสำนักก็กลับมา แววตาอยากฆ่าคนเห็นได้ชัดเจน ทำหน้าเยือกเย็นพูดว่า
“กุญแจห้องตะวันตกหายไปแล้ว”
พอได้ยินว่ากุญแจหายไปแล้ว สีหน้าของเฟิงอิ๋นก็แสดงความรู้สึกตกใจ หรือว่าชุนเหนียงเอากุญแจไปแล้ว ชุนเหนียงหลบตาลง ร้องไห้กระซิกๆ ต่อไป ทำให้คนเห็นความรู้สึกในแววตาของนางไม่ชัดเจน
อยู่ๆ หลิงอวี้จื้อก็นึกถึงคนๆ หนึ่ง ความรู้สึกไม่ปลอดภัยในใจก็ยิ่งแรงกล้าขึ้น
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ได้เอากุญแจห้องตะวันตกไปจริงๆ ต้องเป็นชุนเหนียงแน่นอน เป็นนาง”
เฟิงอิ๋นรู้ความสำคัญของกุญแจดอกนี้ หากปล่อยให้เจ้าสำนักเข้าใจนางผิดว่าเอากุญแจไป คงไม่ปล่อยนางไปแน่นอน
ชุนเหนียงร้องไห้จนตาบวม เฟิงอิ๋นแก้ตัว นางก็ย่อมต้องแก้ตัวบ้าง
“ผู้คุมกฎเฟิง เจ้าไม่ต้องมาป้ายสีคนอื่น ข้าไม่มีวิทยายุทธ์ อยู่ดีๆ จะไปเอากุญแจเพื่ออะไร เห็นได้ชัดว่าเจ้าเป็นคนเอากุญแจไป ที่แท้เจ้าก็ทำทีสับขาหลอก เอากุญแจไปแล้วยังจงใจไปหาข้า คิดจะโยนเรื่องมาให้ข้า ร้ายกาจจริง ๆ”
เจ้าสำนักไม่สนใจสองคนนี้ พูดกับสาวใช้ที่อยู่ข้างหลังว่า
“ไปเรียกท่านหลานเขยมา”
“เจ้าค่ะ เจ้าสำนัก”
ลูกน้องนางรับคำแล้วไปอย่างรวดเร็ว ในใจของหลิงอวี้จื้อแอบรู้สึกไม่ปลอดภัย หากเรียกเซียวเหยี่ยนมา ก็ไม่รู้ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอพอเข้าใจคร่าวๆ แล้วว่าทำไมเซียวเหยี่ยนถึงผิดปกติไป
เพียงแต่ตอนนี้เซียวเหยี่ยนไม่ได้อยู่ในห้องด้วยซ้ำ ตรงธรณีประตูห้องตะวันตก เซียวเหยี่ยนถือกุญแจเปิดประตูห้องตะวันตก เรียกว่าประตู แต่ที่จริงเป็นประตูหินหนาหนัก กุญแจไม่ใช่กุญแจธรรมดา แต่เป็นกุญแจสำหรับเปิดประตูหิน
ห้องตะวันตกตั้งอยู่ข้างในมุมทางทิศตะวันตกของสำนักอู๋จี๋ ดังนั้นจึงเรียกว่าห้องตะวันตก
ที่นี่เป็นเขตหวงห้ามของสำนักอู๋จี๋ ไม่มีคำสั่งจากเจ้าสำนักใครก็ห้ามเข้าใกล้ ห้องตะวันตกกับห้องทั่วไปไม่เหมือนกัน กำแพงทั้งสี่ด้านล้วนทำจากหินผาแข็ง คิดจะออกไปจากที่นี่ จะต้องใช้วิชาหายตัวเท่านั้น
สาวใช้สำนักอู๋จี๋จะเลี่ยงที่นี่โดยอัตโนมัติ เคยมีสาวใช้ที่สงสัยใคร่รู้เข้ามาใกล้ๆ ที่นี่ ผลคือถูกฆ่าตาย ณ ที่เกิดเหตุทันที เนื้อสมองกระเด็นออกมา น่าเวทนาจนทนดูไม่ได้ จากนั้นมา จึงไม่มีใครกล้ามาที่นี่อีกเลย
เนื่องจากห้องตะวันตกมีประตูหินที่ทำขึ้นมาเป็นพิเศษ หากไม่มีกุญแจ ถึงแม้จะมีวิทยายุทธ์สูงเพียงใดก็ไม่สามารถเปิดประตูหินนี้ได้ ดังนั้นคนเฝ้าห้องตะวันตกจึงมีไม่มาก มีเพียงสองคน
เซียวเหยี่ยนจัดการสองคนนั้นอย่างง่ายดายและเงียบเชียบ เข้าห้องตะวันตกไปอย่างราบรื่น
ห้องใหญ่ขนาดนี้เห็นความว่างเปล่าชัดเจน เซียวเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิมเพ่งมองไปที่โลงศพ หยุดครู่หนึ่งถึงได้เดินเข้าไปใกล้โลงศพ ยื่นมือออกไปผลักฝาโลงออก
ฝาโลงเคลื่อนช้าๆ เห็นคนในโลงศพเต็มตัวแล้ว ในโลงศพมีผู้ชายคนหนึ่งนอนอยู่ สวมชุดคลุมสีน้ำเงินเข้ม ร่างกายเน่าเปื่อยจนดูไม่ออกว่าเป็นใคร เพ่งดูยังพอระบุรูปร่างลักษณะเดิมได้ ดวงตาข้างหนึ่งตกลงมาแล้ว
ตอนที่ 339 เจ้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลยด้วยซ้ำ
ผงแป้งถูกใส่ลงไปเต็มในโลง แป้งพวกนี้มีไว้รักษาสภาพร่างศพให้สดใหม่ ไม่ให้ศพเน่าเปื่อยต่อไป
พอเห็นคนในโลงชัดเจนแล้ว เซียวเหยี่ยนก็มีสีหน้าตกใจ ถึงแม้ว่าจะเตรียมใจมานานแล้ว เขาก็ยังโทษตัวเองอยู่มาก
“เสด็จพ่อ ลูกอกตัญญู ไม่รู้เลยว่าเจียงสือพาตัวเสด็จพ่อไปตอนไหน หากไม่ได้รู้ข่าวนี้โดยบังเอิญที่สำนักอู๋จี๋นี้ ตอนนี้ลูกก็ยังไม่รู้ว่าเสด็จพ่อไม่ได้อยู่ที่สุสานหลวงแล้ว
เสด็จพ่อ โปรดให้อภัยลูกด้วย ตอนนี้ลูกไม่มีวิธีพาท่านพ่อกลับไปอย่างสมบูรณ์ได้อีก ทำได้เพียงนำอัฐิของเสด็จพ่อกลับไปเท่านั้น ไม่ว่าอย่างไร ลูกก็จะไม่ปล่อยให้เจียงสือเอาซากศพของเสด็จพ่อไปทำเรื่องทุจริตชั่วช้าอีก”
เซียวเหยี่ยนพูดแล้วก็คุกเข่ากับพื้น โขกหัวคำนับอย่างถูกต้องให้เซียวซู่ที่อยู่ในโลง
เขารู้ว่าจะเสียเวลามากไม่ได้ เขาหยิบหินเหล็กไฟออกมาจากอกเสื้อ โรยผงฟอสฟอรัส กำลังจะจุดไฟที่ผงฟอสฟอรัส ตอนนั้นเองเงาดำร่างหนึ่งก็โฉบเข้ามา แย่งหินเหล็กไฟในมือเซียวเหยี่ยนไปทันที ซ้ำยังออกฝ่ามือมาด้วย
แต่เซียวเหยี่ยนมิใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสือ รับฝ่ามือของเจียงสือไปเต็มๆ แล้วถอยหลังไปสองสามก้าว มุมปากมีเลือดสีแดงสดไหลลงมา
“ที่แท้เจ้าเป็นอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์จริงๆ เจ้าแฝงตัวเข้ามาในสำนักอู๋จี๋เพื่อเซียวซู่”
ในเมื่อเจียงสือรู้ตัวตนของตนเองแล้ว เซียวเหยี่ยนก็ไม่ได้ปิดบังอีก ยกมือเช็ดเลือดที่มุมปาก
“เจียงสือ เจ้าพาเสด็จพ่อมาที่นี่ คิดจะทำอะไรกันแน่”
“ตอนนั้นเซียวซู่ร่วมกับสำนักต่างๆ ในยุทธภพมาโจมตีสำนักอู๋จี๋ ทำร้ายแม่ข้าตาย สำนักอู๋จี๋เกือบจะหายสาบสูญไปจากโลกนี้ เจ้าว่าข้าจะทำอะไร ข้าจะทำให้เซียวซู่ทำตามคำสั่งข้า กลายเป็นหุ่นเชิดของข้า เขาจะกลายเป็นหุ่นเชิดที่แกร่งที่สุดในโลก”
เจียงสือพูดด้วยรอยยิ้มเยือกเย็น พูดจบก็กราดมองเซียวซู่ที่นอนอยู่ในโรงอย่างเกลียดชัง
เฟิงอิ๋นกับมู่หรงกวานเสวี่ยก็ตามมาด้วยกัน เมื่อเห็นเซียวเหยี่ยนปรากฏตัวอยู่ในห้องตะวันตก เฟิงอิ๋นก็แสดงสีหน้าไม่อยากเชื่อ
“เซียวเหยี่ยน เจ้าหลอกข้า เจ้าไม่ได้สูญเสียความทรงจำเลยด้วยซ้ำ”
“เฟิงอิ๋น ละครเรื่องนี้เจ้าแสดงดีเหลือเกิน ในเมื่อถูกจับได้แล้ว อย่างไรข้าก็ต้องขอบใจเจ้า”
ประโยคนี้ของเซียวเหยี่ยนดึงนางลงเหวไปด้วย ทำให้คิดจะเอาตัวรอดก็ทำไม่ได้แล้ว
เห็นเจียงสือหันมามอง เฟิงอิ๋นก็รีบคุกเข่าลงกับพื้น
“ท่านอาจารย์ ศิษย์ไม่ได้ทำนะเจ้าคะ ศิษย์ไม่รู้ว่าเซียวเหยี่ยนเอากุญแจไปตั้งแต่เมื่อใด เรื่องนี้ศิษย์ก็ถูกเขาปิดหูปิดตาเช่นกัน”
เพียงแต่การแก้ตัวของเฟิงอิ๋นไม่มีน้ำหนักเอาเสียเลย หลายวันมานี้นางอยู่กับเซียวเหยี่ยนทุกวัน วันนี้ยังแต่งงานกันด้วย ประกอบกับมีคำสารภาพของชุนเหนียงด้วย เจียงสือจึงสงสัยเฟิงอิ๋นแล้ว
หากบอกว่าเฟิงอิ๋นไม่รู้เรื่องนี้ ต่อให้จะพูดอย่างไรก็ฟังไม่ขึ้นแล้ว เมื่อนึกถึงว่าศิษย์รักที่ตนเองให้ความสำคัญที่สุดหักหลังตนเองอย่างคาดไม่ถึง โทสะในใจเจียงสือก็พุ่งพล่านอย่างต่อเนื่อง สั่งการอย่างเย็นชา
“คนมา จับตัวเฟิ่งอิ๋น แล้วเฝ้าไว้ให้ดีๆ”
“ท่านอาจารย์ ข้าไม่ได้…”
เฟิงอิ๋นรู้จักวิธีการของเจียงสือดี คราวนี้ร้อนใจแล้วจริงๆ เพียงแต่คำแก้ตัวของนางไม่เข้าหูเจียงสือแล้ว
มู่หรงกวานเสวี่ยรู้ว่าเจียงสืออารมณ์ไม่ดี ไม่กล้าขอร้องแทนเฟิงอิ๋นอีก จึงไม่พูดอะไรเสียดีกว่า
“พาเซียวเหยี่ยนไปด้วย”
เซียวเหยี่ยนรู้ตัวว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจียงสือ วันนี้เขามาเพื่อทำลายศพของเซียวซู่ เพื่อไม่ให้ถูกเจียงสือทำเรื่องน่าอัปยศ นึกไม่ถึงว่าจะช้าไปก้าวเดียว เจียงสือตามมาทันพอดี
แต่ว่าผงฟอสฟอรัสสามารถติดไฟเองได้ เจียงสือไม่ได้สังเกตเห็นว่าเขาโรยผงฟอสฟอรัสลงไปบนศพแล้ว
เดิมทีในโลงก็มีผงสีขาวอยู่แล้ว พอผสมกันก็ไม่ดึงดูดให้คนสังเกตเห็นแม้แต่น้อย ขอเพียงติดไฟแล้ว ก็ทำลายศพได้เช่นกัน ไม่มีทางปล่อยให้เจียงสือฝึกพ่อของตนเองให้เป็นหุ่นเชิดเด็ดขาด