ตอนที่ 340 ทั้งหมดนี้เจ้าสมควรได้รับแล้ว
ตอนที่เซียวเหยี่ยนเดินผ่านมู่หรงกวานเสวี่ย เขากดเสียงต่ำพูดว่า
“ตระกูลมู่หรงเป็นตระกูลขุนนางใหญ่ เป็นแบบอย่างที่ดีของตระกูลในเมืองหลวงมาโดยตลอด ตอนนี้ลดตัวลงมาเป็นสาวกลัทธิมาร ร่วมมือทำชั่วกับพวกคนไร้วรรณะในยุทธภพ ไม่รู้ว่าต่อไปเจียงฮูหยินจะมีหน้าไปพบบรรพบุรุษในปรโลกอย่างไร”
พูดทิ้งไว้เช่นนี้ เซียวเหยี่ยนก็ก้าวยาวๆ จากไป
มู่หรงกวานเสวี่ยสีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย แต่ไม่ได้พูดอะไร
พอเซียวเหยี่ยนถูกนำตัวไปแล้ว เจียงสือก็เดินมาข้างๆ โลงศพ สายตานั้นมิได้มีแต่ความเกลียดชังเสียทีเดียว ดูเหมือนจะแฝงความรู้สึกอื่นอยู่ด้วย
“เซียวซู่ ไม่นานเจ้าก็จะต้องฟังคำของข้าไปตลอดภพตลอดชาติแล้ว
เจ้าทำลายทุกสิ่งทุกอย่างของข้า ตอนนี้ข้าจะให้เจ้าชำระคืนอย่างงาม เจ้ารังเกียจข้า ข้าก็จะให้เจ้าได้อยู่ข้างกายข้า ถึงแม้ตายไปแล้ว เจ้าก็อย่าคิดว่าจะได้พบซูเสียนอีก
ใช่แล้ว ลูกชายของเจ้าไม่ได้บอกเจ้า ซูเสียนที่รักของเจ้าแต่งงานกับคนอื่นที่ซูโจวไปแล้ว ซ้ำยังกำเนิดลูกชายหญิงคู่หนึ่งด้วย
มีเรื่องหนึ่งที่ข้าไม่เคยบอกเจ้า มาถึงวันนี้ ข้าก็จะให้เจ้าได้รับรู้เสียที ยาทำลายความทรงจำนั้นข้าเป็นคนให้ฮ่องเต้เอง และก็เป็นข้านี่แหละที่ทำซูเสียนตกหน้าผา ฮ่องเต้เป็นเพียงแพะรับบาปของข้า ข้าจงใจไม่ปล่อยให้ซูเสียนตาย เป็นคนนำทางเจ้าหน้าที่มาค้นหาตัวนางเอง
ข้ารู้ว่าด้วยหน้าตาของนาง หากชายอื่นได้พบนางเข้าแล้วต้องพานางไปแน่นอน ถึงตอนนั้นนางก็ลืมเจ้า แล้วให้กำเนิดลูกสาวลูกชายให้ชายอื่นไปโดยปริยาย
เจ้าได้ยินเรื่องเหล่านี้แล้วเจ็บใจใช่หรือไม่ นี่เป็นสิ่งที่ข้าคืนให้เจ้า ตอนนี้ซูเสียนตายไปแล้ว แต่กลับไม่อยากเจอเจ้า นางรักชายอื่นมาตั้งนานแล้ว กลายเป็นผู้หญิงของคนอื่นไปแล้ว”
เจียงสือพูด แล้วอยู่ๆ ก็หัวเราะลั่นออกมา นางเคยรักเซียวซู่มากเท่าไหร่ ตอนนี้ก็เกลียดเขามากเท่านั้น เพื่อจะหาสำนักอู๋จี๋ให้พบ เซียวซู่จึงหลอกใช้นาง ทำลายสำนักอู๋จี๋ที่เคยรุ่งเรืองด้วยมือของตนเองต่อหน้านาง ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เซียวซู่สมควรได้รับแล้ว
ขณะเดียวกันหลิงอวี้จื้อกับชุนเหนียงถูกขังไว้ในห้องเดียวกัน ตาของชุนเหนียงยังบวมแดงอยู่ การแสดงครั้งนี้เปลืองแรงมาก นานแล้วที่ไม่ได้ร้องไห้เช่นนี้
หลิงอวี้จื้อเดินไปเดินมา เห็นได้ชัดว่าไม่สามารถสงบจิตใจได้เลย เห็นหลิงอวี้จื้อกระสับกระส่ายต่อหน้าตนเอง ชุนเหนียงก็ขมวดคิ้ว
“เจ้ากระวนกระวายอะไร ข้ายังไม่กลัวตายเลย เจ้ากลัวตายขนาดนี้เชียว”
“สิ่งที่มีค่าที่สุดก็ไม่พ้นชีวิตคนนี่แหละ หากตายอย่างคุ้มค่าก็ไม่กลัวอยู่แล้ว แต่ตายอย่างไม่มีต้นสายปลายเหตุ เป็นผีแล้วข้าก็ยังไม่ค่อยสะดวกใจ”
“เจ้ายังมีอะไรไม่คุ้มค่าอีก อย่างน้อยบนโลกนี้ก็ยังมีคนที่เป็นห่วงเจ้าอย่างจริงใจ ตอนแรกข้าก็ไม่คิดว่าจะยุ่งกับเจ้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเหตุใดข้าจึงให้เซียนเอ๋อร์ไปส่งเจ้าออกจากสำนักอู๋จี๋ เสียดายที่เจ้าไม่มีโชค นึกไม่ถึงว่าจะพบกับผู้คุมกฎเสวี่ยเข้า ความห่วงใยของคนๆ นั้นนับว่าเสียเปล่าแล้ว”
ขุนเหนียงพูดไปพลางนวดตาไปพลาง
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว เจ้าพูดจาให้ชัดเจนเสียดีกว่า”
ชุนเหนียงดึงผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดหน้า
“ก็ท่านหลานเขยอย่างไรล่ะ ก่อนที่เจ้าจะมาหาข้า ท่านหลานเขยก็มาหาข้าก่อนแล้ว ถึงแม้ไม่มีเจ้า คืนนี้ข้าก็จะแสดงละครอยู่ดี เขาไม่อยากให้เจ้ารู้ และไม่อยากให้เจ้ามีอันตราย จึงได้ให้ข้าพาเจ้าออกไปจากสำนักอู๋จี๋คืนนี้”
“เขา…เขา…เขาไม่ได้เสียความทรงจำหรือ”
“เขาเสียหรือไม่เสียความทรงจำข้าไม่รู้ อย่างไรเขาก็เป็นห่วงความเป็นความตายของเจ้า”
ชุนเหนียงทำหน้าเศร้าสลด
“ไม่เหมือนข้า ชีวิตนี้แม้แต่จะกลับไปเป็นผู้หญิงปกติยังทำมิได้”
เช่นนี้แสดงว่าเซียวเหยี่ยนจงใจพูดคำพวกนั้นออกมา เพื่อแค่ให้เธอโมโห นึกไม่ถึงว่าเซียวเหยี่ยนจะแสดงเหมือนจริงกว่าเธอเสียอีก เทคนิคการแสดงของเจ้าพ่อจอเงินโดยแท้ นึกไม่ถึงว่าเธอจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นของเซียวเหยี่ยน แล้วโมโหจนปวดใจตุบ ๆ
ถึงแม้จะเป็นการแสดง เธอก็โกรธ โกรธที่เขาจงใจใกล้ชิดกับเฟิงอิ๋นต่อหน้าเธอ ความรู้สึกนั้นช่างอึดอัดเหลือเกิน ทำให้เธอแทบจะเข้าไปตบเฟิงอิ๋นสักสองฉาด
ตอนที่ 341 ก็แค่ของเล่นเท่านั้น
หากเซียวเหยี่ยนไม่ได้สูญเสียความทรงจำจริง แล้วเหตุใดชุนเหนียงถึงช่วยเซียวเหยี่ยน เธอเริ่มคิดไม่ตก ถามต่อ
“เหตุใดเจ้าจึงช่วยเซียวเหยี่ยน”
ชุนเหนียงเงียบไปสักครู่จึงพูดต่อ
“ข้าแค่อยากช่วยตนเอง ในเมื่อมาถึงขั้นนี้แล้ว บอกความจริงกับเจ้าคงไม่เป็นอะไร บ้านข้าจนมาก พ่อแม่ขายข้าให้สำนักอู๋จี๋ เดิมทีข้าเป็นแค่สาวใช้ธรรมดา นึกไม่ถึงว่าอยู่ๆ เจ้าสำนักจะถูกใจข้า จากนั้นมาข้าก็กลายเป็นผู้หญิงของเจ้าสำนัก อยู่ปรนนิบัติข้างกายเจ้าสำนักโดยเฉพาะ
ข้าเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ข้าเคยมีความคิดเพ้อฝัน ว่าวันหนึ่งข้าจะออกไปจากสำนักอู๋จี๋ได้ แต่งงานกับสามีมีลูกด้วยกัน พอเจ้าสำนักถูกใจข้าแล้ว ข้าก็รู้ว่าคงเป็นไปไม่ได้อีก
ข้ายอมเป็นสาวใช้ที่สำนักอู๋จี๋ไปตลอดชีวิต ดีกว่าไปปรนนิบัติเจ้าสำนัก
ข้ารู้ว่าทุกคนในสำนักอู๋จี๋ต่างดูแคลนข้า ตัวข้าเองยังรู้สึกผิดกับตนเอง ข้าเป็นอะไรหรือ เป็นเพียงของเล่นของเจ้าสำนัก แต่ข้าต้องมีชีวิตต่อไป ข้าได้แต่อดทนไว้
เฟิงอิ๋นทำตัวหยิ่งผยองต่อหน้าข้าเสมอ ไม่เคยปิดบังสายตาเหยียดหยัน ข้าแค่ทวงคืนเกียรติของตนเองสักหน่อย ให้เฟิงอิ๋นได้รับรู้ว่าข้าไม่ใช่คนที่จะมารังแกกันง่าย ๆ
ตอนที่ท่านหลานเขยหาข้าเจอ เขาเป็นฝ่ายเสนอว่าหากเขาออกจากสำนักอู๋จี๋ได้จะพาข้าออกไปด้วย ข้ารู้ว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา สามารถลงโทษเฟิงอิ๋นได้เช่นนี้ ข้ายังพอมีโอกาสที่จะออกไปได้
ข้าอยากจะเดิมพันดูสักครั้ง ชีวิตเช่นนี้ข้าทนมาพอแล้ว ระยะนี้เจ้าสำนักยิ่งชอบทรมานข้ายิ่งขึ้นทุกวัน ข้าทนต่อไปไม่ได้อีกแล้ว”
เมื่อฟังที่ชุนเหนียงพูด หลิงอวี้จื้อก็เริ่มเห็นใจชุนเหนียง นางไม่มีแนวโน้มเช่นนั้น นางมีแนวโน้มชอบคนต่างเพศ แต่ถูกบังคับให้ปรนนิบัติผู้หญิงคนหนึ่ง หากเป็นใครก็รับไม่ได้ แบบนี้วิปริตจริงๆ ชุนเหนียงทนมาได้ตั้งหลายปีไม่ใช่เรื่องง่าย
นางแต่งตัวงดงามสีสันฉูดฉาด น่าจะเป็นเพราะต้องการกดอารมณ์โดดเดี่ยวภายในใจ
“เจ้าสำนักชอบผู้หญิงมาตลอดหรือ”
“ไม่ใช่ ข้าได้ยินว่าเมื่อก่อนเจ้าสำนักชอบผู้ชาย ตอนที่เจ้าสำนักอยู่ในวัยสาวแรกแย้มได้ตกหลุมรักท่านซีหนานอ๋อง ต่อมาสำนักอู๋จี๋ก็เกิดเรื่องอย่างนั้นขึ้น เจ้าสำนักก็เริ่มเกลียดชังผู้ชาย นับว่าข้าเคราะห์ร้าย มาทันเวลาเช่นนี้พอดี”
ซีหนานอ๋อง นั่นไม่ใช่พ่อของเซียวเหยี่ยนหรอกหรือ นึกไม่ถึงว่าเมื่อก่อนเจ้าสำนักจะชอบพ่อของเซียวเหยี่ยน เบื้องหลังซีหนานอ๋องกับซูเสียนยังมีเจ้าสำนักอู๋จี๋เข้าร่วมอีกคน เรื่องนี้เริ่มซับซ่อน
คิดถึงตรงนี้ เธอก็ถามต่อ
“ท่านซีหนานอ๋องคงไม่ได้อยู่ที่สำนักอู๋จี๋หรอกนะ”
“เจ้าเดาถูกแล้ว ศพของท่านซีหนานอ๋องอยู่ที่สำนักอู๋จี๋มาตลอด ซีหนานอ๋องตายไปไม่นานเท่าใด เจ้าสำนักก็ขุดซีหนานอ๋องออกมาจากสุสานหลวง พามาที่สำนักอู๋จี๋ ศึกษาค้นคว้ายาฟื้นคืนชีพมาตลอด คิดจะใช้ยาพวกนั้นกับซีหนานอ๋อง”
“ฟื้นคืนชีพมาได้จริงหรือ”
หลิงอวี้จื้อถามอย่างสงสัย นางไม่เชื่อว่าบนโลกนี้จะมียาวิเศษเช่นนี้ หากฟื้นคืนชีพได้จริง เช่นนั้นโลกนี้คงจะวุ่นวายไปหมด ถึงตายไปก็ไม่ต้องกลัว ในเมื่อยังมีโอกาสกลับมามีชีวิตอีก
“ข้าไม่รู้ เรื่องพวกนี้เจ้าสำนักไม่เคยพูดถึง ข้าเองก็ไม่กล้าถาม เจ้าสำนักไม่ชอบให้คนข้างกายปากมาก”
ชุนเหนียงถอนหายใจแรงหนึ่งครั้ง
“ต่อไปจะอยู่หรือจะตาย ก็ต้องพึ่งดวงของข้าแล้ว เจ้าสำนักขังข้าไว้ที่นี่ พิสูจน์ได้ว่ายังเชื่อคำพูดของข้าอยู่ ข้าก็หวังว่าท่านหลานเขยจะออกไปจากที่นี่ได้ ข้าเชื่อว่าเขาเป็นคนรักษาคำพูด”
“เรื่องนี้เจ้าวางใจได้ หากเขาสามารถออกไปได้ จะต้องพาเจ้าไปด้วยแน่นอน คุณธรรมของเขาสามารถรับประกันได้”