ตอนที่ 162 แจ้งความไปเลย / ตอนที่ 163 ไม่ได้นอนทั้งคืน

(Yaoi) เดิมพันอันตรายคุณชายจอมเจ้าเล่ห์

ตอนที่ 162 แจ้งความไปเลย

 

 

           เขาไม่มีทางเหลือประตูไว้ให้เจียงมู่เฉินแอบออกไปกิน อย่าว่าแต่ประตูเลย แม้แต่หน้าต่างก็จะไม่มีให้

 

 

           เรื่องทำนองนี้ควรจะบีบคอให้ตายตั้งแต่อยู่ในเปลเด็กด้วยซ้ำ

 

 

           เจียงมู่เฉินโดนเขาถลึงตาใส่ ก็ยักไหล่อย่างจนใจ กลัวแล้ว กลัวแล้ว แอบกินไม่ได้ ยังคิดไม่ได้อีกใช่ไหม

 

 

           เจียงมู่เฉินให้ซือเหยี่ยนมาส่งเขาที่สถานที่จัดงานตัดริบบิ้นเมื่อวาน เขาจะรีบไปจัดการเรื่องเมื่อวานนี้ก่อน กำลังจะลงจากรถ ซือเหยี่ยนก็เอ่ยถาม “ไม่ต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไรจริงๆ เหรอ”

 

 

           “ถึงแม้ว่าฉันจะด้อยกว่านายแค่นิดเดียว แต่ก็ยังเก่งมากโอเคไหม ต้องให้นายมาช่วยทุกเรื่องหรือไง”

 

 

           เขายื่นมือไปปิดประตูรถ “โอเค นายรีบไปเถอะ ฉันยังมีธุระอยู่ ทำเสร็จแล้ว ฉันจะกลับไปเองนะ ไม่ต้องมารับฉัน”

 

 

           ซือเหยี่ยนพยักหน้ากำชับเตือนประโยคสองประโยค แล้วถึงได้ออกไป

 

 

           เจียงมู่เฉินไปสถานที่จัดงานตัดริบบิ้นเมื่อวานเพื่อหารถตัวเองก่อน จากนั้นถึงขับรถไปหลินไห่

 

 

           ทางด้านหลินไห่นั้น เพราะอุบัติเหตุเมื่อวานทำให้คนหวาดผวา มีคนอยู่ไม่น้อยกำลังวิพากษ์วิจารณ์ มีบางคนใจอยู่ไม่นิ่งแล้ว

 

 

           เจียงมู่เฉินเรียกคนที่อยู่จัดการที่เกิดเหตุเมื่อวานมาสอบถามสถานการณ์ตอนนี้ทั้งหมด

 

 

           “คุณชายเจียงครับ เรื่องเมื่อวานนี้การจัดการขั้นพื้นฐานดำเนินการไปพอประมาณแล้วครับ จะมีแค่เพียงเรื่องยุ่งยากอยู่สองเรื่องเท่านั้นครับ” ผู้จัดการผู้รับผิดชอบสถานที่เกิดเหตุ “เรื่องแรกคือทีมงานที่ได้รับบาดเจ็บจนเสียชีวิตเมื่อวาน เมื่อเช้าครอบครัวของเธอมาร้องเรียนครั้งหนึ่งแล้ว บอกว่าต้องการให้พวกเราให้คำตอบที่สมเหตุสมผลพอครับ”

 

 

           “เรื่องที่สองก็คือคนที่ก่อเหตุยิงปืนเมื่อวาน พวกเราตรวจสอบไม่เจอเลยครับว่าใครเป็นคนทำ”

 

 

           เจียงมู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย “เรื่องครอบครัวของผู้เสียชีวิต ฉันจะจัดการเอง เรื่องนี้ยังไม่ต้องยุ่ง ส่วนเรื่องคนที่ยิงปืน…แจ้งความไปเลย”

 

 

           “แจ้งความเหรอครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินกวาดสายตามองแวบหนึ่ง “ไม่ทำแบบนี้ แล้วนายว่าไง ตอนนี้ถูกสื่อตีข่าวไปแล้ว ไม่แจ้งตำรวจแล้วจะกดเรื่องนี้ไม่ให้แดงได้เหรอ”

 

 

           แววตาแฝงความเฉียบคม ผู้จัดการโดนมองแบบนี้ใจก็สั่นๆ ขึ้นมา บอกกันว่าคุณชายน้อยผู้นี้หัวแข็งเหวี่ยงวีนมากไม่ใช่เหรอ ทำไมไม่ค่อยจะเหมือนที่ได้ยินมาเลย

 

 

           “ยังมีเรื่องอื่นอีกไหม” เจียงมู่เฉินเอ่ยเสียงเย็น

 

 

           “ตอนนี้ยังไม่มีครับ มีแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ จัดการต่อเรียบร้อยแล้ว ไม่มีเรื่องอะไรต้องจัดการอีกครับ”

 

 

           “นายเอาที่อยู่ของครอบครัวของผู้เสียชีวิตมาให้ ฉันจะไปหาด้วยตัวเอง”

 

 

           ผู้จัดการเบิกตากว้าง “คุณคนเดียวเหรอ ไม่เหมาะหรอกมั้งครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว

 

 

           “ตอนนี้ท่าทีของครอบครัวของผู้เสียชีวิตรุนแรงมาก คุณไปคนเดียวจะไม่เป็นอันตรายเหรอครับ”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำเสียงเย็นแสดงความไม่พอใจ “ลูกสาวเสียชีวิตทั้งคน ท่าทีรุนแรงก็ถูกแล้วไม่ใช่เหรอ เอาที่อยู่มาให้ฉันเถอะ ฉันจะจัดการเรื่องนี้เอง”

 

 

           ผู้จัดการได้ยินเจียงมู่เฉินพูดมาขนาดนี้ก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้าตกลง ส่งที่อยู่ให้เจียงมู่เฉิน

 

 

           “งั้นฉันไปก่อน ทางนี้ก็รบกวนนายด้วยแล้วกัน”

 

 

           ผู้จัดการรีบส่งเจียงมู่เฉินออกไป หลังจากคุณชายเจียงพ้นจากที่นั่นแล้ว เขาถึงได้ปาดเหงื่อบนหน้าผาก คุณชายน้อยตระกูลเจียงผู้นี้ทำให้เขาเปลี่ยนทัศนคติจริงๆ

 

 

           ออกจากหลินไห่แล้ว เจียงมู่เฉินนั่งในรถโทรหามั่วไป๋ทันที เดิมทีเขาควรจะได้ติดต่อมั่วไป๋ตั้งแต่เมื่อวาน สุดท้ายเพราะซือเหยี่ยนที่รีบตามมาหาที่โรงพยาบาล ทำเอาเขาลืมไปเสียสนิท

 

 

           “มีเรื่องอะไร”

 

 

           “ไป๋ไป๋ ถ่ายทอดสดเมื่อวาน นายดูแล้วใช่ไหม”

 

 

           “ดูแล้ว พิธีตัดริบบิ้นมีคนยิงปืน ตายหนึ่งเจ็บหนึ่ง” มั่วไป๋กุมขมับเอ่ยเสียงเรียบ

 

 

           เจียงมู่เฉินขมวดคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ที่นายพูดมาฟังดูแล้วเหมือนนายไม่ค่อยเป็นห่วงฉันยังไงไม่รู้ ฉันเกือบจะโดนคนฆ่าตาย นายก็ไม่รู้จักจะโทรมาปลอบใจฉันสักหน่อยเลย”

 

 

           “เมื่อวานยุ่งตลอด เลยไม่มีเวลาจะมาสนใจนาย”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำหน้างุนงง “นายนี่ตรงเกินไปไหม แค่เล่นละครสักหน่อยก็ไม่ยอมเลย?”

 

 

           “พอเถอะ เลิกพล่ามได้แล้ว ตอนนี้มีเวลาไหม มาหาฉันที่นี่หน่อย”

 

 

           เดิมทีเจียงมู่เฉินก็เตรียมจะไปหาเขาอยู่แล้ว ต้องมีเวลาเป็นธรรมดา “งั้นนายรอฉันนะ สักพักถึง”

 

 

           

 

 

ตอนที่ 163 ไม่ได้นอนทั้งคืน

 

 

           “ใช่แล้ว ช่วยฉันซื้ออะไรมากินหน่อยสิ แล้วซื้อยาแก้ปวดหัวมากล่องหนึ่งนะ”

 

 

           “หมายความว่าไง นายกินยาแก้ปวดทำไม”

 

 

           มั่วไป๋กุมขมับแล้ว “อย่าเพิ่งถามเลย รีบซื้อเข้ามาเถอะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินวางสายแล้วก็ขับรถไปซื้อของกินให้มั่วไป๋ ระหว่างรออาหารก็เข้าร้านขายยาไปซื้อยาแก้ปวด

 

 

           เจียงมู่เฉินถือยานั้นแล้วถอนหายใจ มั่วไป๋ไอ้หมอนี่ วันๆ จะกินยาแทนข้าวแล้ว จะโอเคได้ยังไง

 

 

           รอต่ออีกพักหนึ่ง ถึงได้ถือน้ำแกงและข้าวที่ห่อเรียบร้อยรีบรุดไปหามั่วไป๋

 

 

           “ทำไมสีหน้านายแย่ขนาดนี้ เมื่อคืนนอนไม่หลับอีกแล้วเหรอ ไม่ได้นอนทั้งคืนเลย?” ทันทีที่เข้ามาในห้อง เจียงมู่เฉินก็ตกใจกับสีหน้าขาวซีดของมั่วไป๋เลย

 

 

           “ข้าวกับยาล่ะ”

 

 

           เจียงมู่เฉินวางของลงบนโต๊ะ “กินก่อนเถอะ กินเสร็จค่อยคุยกัน”

 

 

           เขาวางของลงบนโต๊ะอาหาร ดันชามแกงต้มไก่ดำที่ตั้งใจให้คนเตรียมเป็นพิเศษไปอยู่ต่อหน้ามั่วไป๋ “อย่าเพิ่งกินข้าว ซดน้ำแกงก่อน”

 

 

           เจียงมู่เฉินนั่งอยู่ตรงข้าม กินข้าวไป พลางถอนหายใจไป “ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นเพื่อนนายตรงไหน จริงๆ แล้วเป็นแม่นมนายต่างหาก”

 

 

           ฟ้าสว่างจนฟ้ามืดต้องคอยเป็นห่วงว่าเขาได้นอนหลับดีๆ ไหม ได้กินข้าวดีๆ หรือเปล่า

 

 

           มั่วไป๋นั่งซดน้ำแกงอยู่ตรงนั้น หลังจากกินน้ำแกงหมดแล้ว ภายใต้การควบคุมดูแลของเจียงมู่เฉิน ก็กินข้าวต่อไม่น้อย เจียงมู่เฉินถึงได้พอใจ “บอกมา เมื่อก่อนตอนที่นายอยู่อเมริกา ไม่ได้อยู่ในสายตาฉัน นายก็ไม่กินข้าวใช่ไหม”

 

 

           มั่วไป๋ถอนหายใจ “ที่ไหนกัน นายไปแล้วก็จริง แต่นายก็หาคนมาดูฉันแล้วไม่ใช่เหรอ เขาเทียบกับนายติดเลย”

 

 

           เขาเก็บถ้วยลงไป “มาสิ ฉันมีอะไรให้นายดู”

 

 

           มั๋วไป๋ย้ายไปนั่งที่โซฟา ยื่นมือเปิดโน้ตบุ๊กที่เพิ่งปิดลงเมื่อครู่ “เมื่อวานฉันเห็นรายงานข่าวในทีวีแล้ว ก็รีบตรวจสอบวิดีโอจากกล้องวงจรปิดทั้งหมด ยังมีอีก สื่อมวลชนที่เชิญมาวันนั้นทั้งหมด ฉันเองก็คัดเลือกดูมาทั้งหมดแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินตะลึงงัน “ที่นายไม่ได้นอนทั้งคืน ก็เพราะทำเรื่องพวกนี้เหรอ”

 

 

           “ฉันกลัวว่าช้าไปจะหาหลักฐานยาก” มั่วไป๋เปิดให้เขาดูต่อ “ฉันเข้าไปดูเว็บไซต์ของสื่อมวลชนส่วนใหญ่ที่มาในวันนั้น ยังมีอีเมลด้วย พบว่าวันก่อนเวลาตีสี่ ทั้งหมดได้รับอีเมลกันหนึ่งฉบับ”

 

 

           “แล้วอีเมลฉบับนั้นก็มีไวรัส หลังจากเปิดอ่านแล้วจะทำลายตัวเองทันที” พูดถึงตรงนี้ มั่วไป๋ก็ยกมุมปากขึ้น “แต่ว่า หลายปีมานี้ฉันเองก็ไม่ได้ทำเสียเปล่า สามนาทีก็กู้กลับคืนมาหมดแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินทำเสียงกระดกลิ้น เขารู้ว่าเรื่องแฮกเกอร์ มั่วไป๋เก่งขั้นเทพ แต่ก็ไม่คิดว่าจะเก่งกาจสามารถขนาดนี้

 

 

           “ดังนั้น เรื่องเมื่อวานนี้มีคนจงใจวางแผนมา ยิ่งกว่านั้นยังเตรียมการไว้ล่วงหน้าด้วย”

 

 

           สิ่งที่มั่วไป๋คาดคะเนไว้กับสิ่งเขาคิดเมื่อวานตรงกันโดยบังเอิญ ทั้งที่ไม่ได้พูดคุยกันมาก่อน เรื่องนี้ยิ่งเป็นการยืนยันเพิ่มน้ำหนักให้สิ่งที่เขาคิดเมื่อวานนั้นถูกต้องแล้วจริงๆ

 

 

           “แล้วอย่างอื่นล่ะ”

 

 

           “อีเมลแอคเคาท์นี้ถูกทำลายไปแล้ว” มั่วไป๋หยุดสักพัก “เพียงแต่ว่าฉันก็ลงไวรัสไว้แล้ว แค่คนนั้นที่ส่งอีเมลมาใช้อีเมลนั้นอีก ฉันก็จะรู้ถึงตำแหน่งของเขาได้ทันที”

 

 

           “แล้วถ้าเขาไม่ใช้อีเมลที่ถูกทิ้งไปแล้วนี่ล่ะ”

 

 

           ในเมื่อถูกทิ้งแล้ว ก็เป็นไปได้ที่จะไม่ใช้อีกเป็นธรรมดา ถ้าว่าจะมารอแบบนี้ จะไม่ได้อะไรหรือเปล่า

 

 

           “ตอนนี้นอกจากจะหาเบาะแสที่นี่เจอได้นิดหน่อยแล้ว นายยังมีวิธีที่ดีกว่านี้เหรอ” มั่วไป๋ย้อนถาม

 

 

           เจียงมู่เฉินถอนหายใจ “ไม่มี”

 

 

           “ยังมีอีก ฉันตรวจสอบกล้องวงจรปิดโดยรอบบริเวณทั้งหมดแล้ว ดูภาพทั้งที่เกิดก่อนเกิดหลังทั้งหมดรอบหนึ่งไปแล้ว”

 

 

           เจียงมู่เฉินเลิกคิ้ว “ตอนกลางคืนทำอะไรตั้งมากมายขนาดนี้ มิน่าล่ะนายถึงไม่ได้นอนทั้งคืน”

 

 

           เขาทั้งโกรธทั้งซึ้งใจ ถึงแม้จะรู้ว่ามั่วไป๋กำลังช่วยเขาอยู่ แต่พอคิดถึงว่าไอ้หมอนี่ยังไม่ได้นอนจนถึงตอนนี้ เพราะเอาแต่จ้องโน้ตบุ๊กจนถึงตอนนี้ ก็อดจะเห็นใจไม่ได้

 

 

           “นายไม่อยากรู้ผลที่ฉันได้จากการดูกล้องวงจรปิดเหรอ”

 

 

           “หมายความว่าไง”

 

 

           “ก่อนจะเกิดเหตุไม่มีใครน่าสงสัย” มั่วไป๋มองเขาแล้วเอ่ยเน้นทีละคำ “จะให้พูดกันก็คือคนที่ต้องการจะฆ่านาย อยู่ปะปนข้างในก่อนหน้านั้นแล้ว หรือจะว่าอยู่ข้างในตลอดก็ได้”