บทที่ 1664+1665

ลำนำบุปผาพิษ

บทที่ 1664 เรื่องนี้จำเป็นต้องถามตี้ฝูอี!

ถึงแม้จิตใจเยี่ยนเฉินจะสับสนว้าวุ่น แต่ยังคงเอ่ยข้อสงสัยของตนออกมา “อูอู๋เหยียนน่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิดด้วย! นางรับหน้าที่หลอกพาคนออกมา จากนั้นก็ถูกผู้สมรู้ร่วมคิดพาหนีไป ส่วนอูอู๋เหยียนก็ควบคุมร่างของสาวใช้นางนั้นกลับไปที่เผ่าจิ้งจอกคราม จากนั้นจากไปอย่างเทพไม่รู้ผีไม่เห็น”

กู้ซีจิ่วพยักหน้า “ผู้ที่บรรลุพลังวิญญาณขั้นเก้าสามารถใช้วิชาดำดินได้กับตัวเองเท่านั้น ไม่อาจพาคนเดินทางไปด้วยได้ ถ้าคิดจะพาคนไปด้วยอย่างน้อยก็ต้องมีพลังวิญญาณขั้นเก้าตอนกลางขึ้นไป เช่นนั้นผู้สมรู้ร่วมคิดก็คือยอดฝีมือผู้เลิศล้ำคนหนึ่ง!”

นี่เป็นแผนการที่แยบคายยิ่งนัก ไม่ว่าจะเป็นอูอู๋เหยียนหรือว่าผู้สมรู้ร่วมคิดคนนั้นล้วนมีการเตรียมการมาแล้วทั้งสิ้น เริ่มหว่านแหตั้งแต่หนึ่งเดือนก่อนแล้ว…

บนร่างจิ้งจอกน้อยมีสิ่งใดที่คุ้มค่าพอให้เขาต้องทุ่มเทลำบากลำบนมากถึงเพียงนี้กัน?

หรือว่า…

สายตากู้ซีจิ่วหันเหไปที่ร่างหลานเยวี่ย “สายเลือดของจิ้งจอกน้อยยังมีความพิเศษใดอยู่อีก?”

เธอรู้ว่าถ้าสตรีเผ่าจิ้งจอกครามร่วมคู่กับมนุษย์ มนุษย์จะสามารถปรับปรุงคุณสมบัติร่างกายได้ ปรับเปลี่ยนพลังวิญญาณให้พุ่งทะยานไปถึงขีดสุดยอดได้ กล่าวอีกอย่างก็คือ หากว่าคุณสมบัติร่างกายแต่เดิมฝึกฝนบรรลุได้เพียงขั้นห้าเท่านั้น แต่หลังจากบำเพ็ญร่วมคู่กับสตรีเผ่าจิ้งจอกครามแล้วสามารถบรรลุถึงขั้นแปดได้เลย

และเป็นเพราะเหตุผลข้อนี้ บุรุษในแผ่นดินนี้จึงล้วนมองว่าการได้แต่งกับสตรีเผ่าจิ้งจอกครามถือเป็นเกียรติยศ

นี่คือคุณสมบัติทั่วไปของสตรีเผ่าจิ้งจอกคราม แต่กู้ซีจิ่วสังหรณ์ใจว่าการหายตัวไปของจิ้งจอกน้อยไม่ได้ง่ายดายขนาดนั้น

หากว่าต้องการเพียงสตรีเผ่าจิ้งจอกครามสักคน ไม่จำเป็นต้องลงมือกับจิ้งจอกน้อยเลย เพื่อเลี่ยงไม่ให้ก่อความเคลื่อนไหวที่ใหญ่โตถึงเพียงนี้ จงใจก่อเหตุเช่นนี้ขึ้น…

หลานเยวี่ยตะลึงงันไปครู่หนึ่ง “นี่…”

“ในช่วงเวลาเช่นนี้ข้าหวังว่าเจ้าจะไม่ปิดบังเรื่องใดต่อข้า! ข้าจำเป็นต้องทราบความจริงทั้งหมด!”

หลานเยวี่ยสูดหายใจคราหนึ่ง มองเยี่ยนเฉินแวบหนึ่ง หลังจากใคร่ครวญอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เผยความจริงออกมา “จิ้งจอกน้อยเป็นธิดาของราชครู สายเลือดราชครูบริสุทธิ์กว่าสตรีเผ่าจิ้งจอกครามธรรมดา การบำเพ็ญร่วมคู่กับนางไม่เพียงแต่สามารถปรับปรุงคุณสมบัติร่างกายได้เท่านั้น ยังสามารถยกระดับพลังวิญญาณได้ทันทีด้วย…”

เยี่ยนเฉินหน้าเปลี่ยนแล้ว! นิ้วมือในแขนเสื้อสั่นสะท้าน จ้องมองหลานเยวี่ย “นี่คือเหตุผลแท้จริงที่เจ้าบีบคั้นให้นางวิวาห์กับเจ้าสินะ?”

หลานเยวี่ยกระแอมคราหนึ่ง “ข้าก็ชอบนางนะ…”

ก็ชอบนางนะ…

เหตุผลหลักที่หลานเยวี่ยต้องการแต่งกับนางเป็นเพราะสายเลือดของนาง ความชอบเป็นเพียงส่วนเสริมเท่านั้น…

เยี่ยนเฉินหลับตาลงเล็กน้อย เขาไม่ควรปล่อยมือไปอย่างง่ายดายถึงเพียงนั้นเลย!

จิ้งจอกน้อยของเขาคู่ควรกับการรักถนอมเอ็นดูด้วยความรักอันบริสุทธิ์จากบุรุษที่ดีที่สุด…

ตัวนางในยามนี้ไม่ทราบเลยว่าสรุปแล้วตกอยู่ในเงื้อมมือของผู้ใด ได้รับความลำบากหรือไม่? หวาดกลัวหรือเปล่า? ร้องไห้อยู่ไหม?

‘สายเลือดของเผ่าจิ้งจอกครามยังมีสรรพคุณอีกข้อ…’ จู่ๆ ประโยคนี้ก็แว่วขึ้นในสมองของกู้ซีจิ่ว

สายตาของกู้ซีจิ่วร่อนลงบนร่างหยกนภาทันที ในที่สุดเจ้านี่ก็ตื่นแล้ว!

‘สรรพคุณอะไร?’

‘โลหิตหัวใจของนางมีสรรพคุณในการชำระล้างทุกสิ่งได้ การชำระล้างนี้มิใช่การชำระล้างไอมาร แต่เป็นการชำระล้างองค์ประกอบไม่ดีทั้งหมดออกไป ท่านก็ทราบว่าคนที่ฝึกฝนวิถีมารยามที่จะทะลวงด่านอะไรจะถูกธาตุไฟเข้าแทรกได้ง่ายมาก และโลหิตหัวใจของเผ่าจิ้งจอกครามก็ปราบสิ่งนี้ให้สงบได้พอดี ถ้าดื่มโลหิตหัวใจของนางเข้าไปแล้วไม่ว่าจะประสบด่านที่ยากเย็นมากเพียงใดล้วนสามารถฝ่าทะลวงไปได้ ไม่ถูกธาตุไฟเข้าแทรกเด็ดขาด…’

หยกนภาถ่ายทอดความรู้ทั่วไปในด้านนี้แก่เธอ

นิ้วมือของกู้ซีจิ่วกำแน่นขึ้นมาในทันใด!

หากว่ามีประโยชน์เพียงการบำเพ็ญร่วมคู่ เช่นนั้นอย่างน้อยๆ จิ้งจอกน้อยก็ยังไม่มีอันตรายถึงชีวิตชั่วคราว แต่หากว่าคนที่จับนางไปต้องการโลหิตหัวใจของนางล่ะก็…

เรื่องนี้จำเป็นต้องสะสางโดยเร็ว อืดอาดล่าช้าไม่ได้แม้แต่นาทีเดียวแล้ว!

ยามนี้หัวหอกทั้งหมดล้วนชี้เป้าไปที่อูอู๋เหยียน และกู้ซีจิ่วก็ทราบเกี่ยวกับอูอู๋เหยียนน้อยยิ่งนัก เมื่อก่อนร่างของเธอเคยถูกอูอู๋เหยียนยึดไป หลังจากเธอรอดพ้นกลับมาจากภัยพิบัติ ร่างเดิมของเธอก็ถูกตี้ฝูอีผนึกไว้ในโลงแก้วผลึก อูอู๋เหยียนจากไปอย่างไรกู้ซีจิ่วก็ไม่ทราบเลย และไม่เคยถามด้วย…

เรื่องนี้จำเป็นต้องถามตี้ฝูอี!

หากว่าไม่จำเป็น กู้ซีจิ่วก็ไม่อยากจะติดต่อกับตี้ฝูอีเป็นที่สุด แต่เรื่องราวเกี่ยวพันถึงความปลอดภัยของจิ้งจอกน้อย…

เธอตัดสินใจในทันใด ล้วงป้ายหยกออกมา สูดหายใจเบาๆ เฮือกหนึ่ง และเริ่มติดต่อ…

———————————————————————-

บทที่ 1665 มีวันนี้ไปทุกๆ ปี 1

ป้ายหยกส่องแสงกะพริบ ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดก็เชื่อมต่อสัญญาณ มีวาจาที่เฉยชาและเป็นทางการยิ่งนักสามคำแว่วมาจากฝั่งนั้น “มีเรื่องใด?”

กู้ซีจิ่วชะงักไปเล็กน้อย สอบถามไปตามตรง “ตอนนั้นท่านจัดการอูอู๋เหยียนอย่างไร?”

“นางหนีไปได้ ข้าหาตัวนางไม่พบ” เมื่อถูกถามตี้ฝูอีก็เอ่ยตอบ

มีคนที่สามารถหนีรอดจากเงื้อมมือเขาไปได้ด้วยหรือ? อูอู๋เหยียนผู้นี้ช่างมีความสามารถโดยแท้!

“นางหนีไปได้อย่างไร?”

“ตอนนั้นข้าไปช่วยเจ้า ส่งมอบนางให้อยู่ในความดูแลของลูกน้อง หลังจากข้ากลับมา นางก็ละทิ้งร่างเดิมของเจ้าหลบหนีไปแล้ว ข้าเคยเรียกวิญญาณนางดูก็เรียกไม่ได้ นางน่าจะสิงร่างอื่นอีกครั้ง ทำไมหรือ? ทำไมจู่ๆ ก็ถามถึงนาง?”

“จิ้งจอกน้อยหายตัวไป! ข้าสงสัยว่าจะเป็นฝีมือนาง” กู้ซีจิ่วกล่าวการวินิจฉัยของตนออกมา

ฝั่งนั้นเงียบไปครู่หนึ่ง เอ่ยถามอีกครั้ง “ตอนนี้เจ้าอยู่ที่ไหน?”

กู้ซีจิ่วขมวดคิ้ว เธอไม่อยากจะอธิบายกับตี้ฝูอีมากเกินไป และไม่อยากพูดคุยเรื่องที่ไม่เกี่ยวข้องพวกนั้น “อูอู๋เหยียนมีพลังวิญญาณขั้นไหน ใช้วิชาดำดินได้ไหม?”

“ตอนที่นางหนีไปมีพลังวิญญาณขั้นแปด ใช้วิชาดำดินไม่ได้”

กู้ซีจิ่วสูดหายใจเบาๆ เห็นทีว่าเธอจะคาดเดาได้ไม่ผิด มีคนสมรู้ร่วมคิดกับอูอู๋เหยียน…

หรือจะเป็นโม่เจ้าจริงๆ?

โม่เจ้าต้องการคืนชีพอย่างสมบูรณ์ ดังนั้นจึงส่งอูอู๋เหยียนมาลักพาตัวจิ้งจอกน้อย ถ้างั้นพวกเขาพาจิ้งจอกน้อยไปไว้ที่ไหนกันล่ะ?

ตอนนี้จิ้งจอกน้อยจะถูกสังหารไปแล้วหรือยัง?

ในใจของกู้ซีจิ่วดั่งมีเพลิงสุม เธอมองเยี่ยนเฉินที่มองตนตาละห้อย

เรื่องราวเมื่อไม่เกี่ยวข้องกับตนย่อมสงบ แต่เมื่อเกี่ยวข้องกับตนแล้วจะสับสนวุ่นวาย เยี่ยนเฉินที่สุมขุมหนักแน่นดั่งขุนเขาเสมอมามีสีหน้าซีดเซียวยิ่งนัก นิ้วมือก็สั่นสะท้านเล็กน้อย

บัดนี้สมองของเขาว่างเปล่าขาวโพลนไปชั่วขณะ ไม่มีความคิดเห็นแล้ว ความหวังทั้งหมดล้วนฝากไว้ที่ตัวกู้ซีจิ่ว

กู้ซีจิ่วเป็นคนที่มีความสามารถเสมอมา บางทีนางอาจมีวิธีช่วยเหลือจิ้งจอกออกมาได้ทันกาล…

ยามนี้จิ้งจอกน้อยต้องหวาดกลัวมากแน่นอน ทำอะไรไม่ถูกยิ่งนัก…

น่าชังนักที่เขาไม่สามารถไล่ตามไปปลอบประโลมนางอยู่ข้างกายนาง ปกป้องนางไว้ข้างกายได้…

ในอดีตเมื่อจิ้งจอกน้อยประสบอันตรายก็จะมาซุกหลบอยู่ข้างหลังเขาจนติดเป็นนิสัย ส่วนเขาก็ปกป้องคุ้มครองนางจนติดเป็นนิสัยไปแล้ว

ยามนี้กลับอยู่ที่นี่อย่างไร้กำลังจะช่วยเหลือได้ เขาถึงขั้นที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสรุปแล้วนางถูกคนพาตัวไปที่ไหน…

หากว่าเกิดเหตุไม่คาดฝันอันใดขึ้นกับนางจริงๆ เล่า…

เยี่ยนเฉินแทบไม่กล้าคิดต่อแล้ว! เล็บจิกเข้าไปในฝ่ามือ ฝ่ามือเขาชุ่มโชกด้วยโลหิต เขาก็คล้ายจะไม่รู้ตัวเลย

“ซีจิ่ว พวกเราควรตามหาอย่างไร? เจ้าบอกมาเลยข้าจะทำ!” เขาอยากดำเนินการใจจะขาดแล้ว เพียงแต่ไม่ทราบว่าควรตามหาจากทิศทางไหน

หลานเยวี่ยก็ขมวดคิ้วเช่นกัน ริมฝีปากบางเม้มแน่น “นางหายตัวไปสามวันแล้ว ไม่แน่ว่าอาจถูกข่มเหงไปนานแล้ว…”

ระยะเวลาสามวันเพียงพอให้คนที่ลักพาตัวนางไปผู้นั้นบังคับร่วมคู่กับนางแล้ว! ตอนนี้ต่อให้ตามหานางกลับมาได้ ก็เกรงว่าร่างมีมลทินเสียแล้ว

เขาก็โกรธมากเหมือนกัน แต่กลับสงบนิ่งได้อยู่

“ไม่ว่าตอนนี้นางจะเป็นยังไง ยามนี้สิ่งสำคัญที่สุดก็คือต้องตามหานางกลับมา! ข้าแค่อยากให้นางมีชีวิตอยู่ มีชีวิตอยู่! เรื่องอื่นไม่สำคัญเลยสักนิด!” เยี่ยนเฉินตัดบทเขา

หลานเยวี่ยกล่าวอย่างเยียบเย็น “นางเป็นว่าที่ชายาของข้า ทุกสิ่งของนางล้วนสำคัญสำหรับข้ายิ่งนัก” โดยเฉพาะพรหมจรรย์!

เยี่ยนเฉินเงียบไปแล้ว สีหน้าเขาซีดเผือด ทว่าไม่กล่าวต่ออีก

“ตอนนี้นางยังมีชีวิตอยู่” เสียงตี้ฝูอีพลันแว่วออกมาจากป้ายหยกในมือกู้ซีจิ่ว

ดวงตาเยี่ยนเฉินทอประกายวาบ เอ่ยโพล่งออกไป “ท่านรู้ได้ยังไง?”

ตี้ฝูอีไม่ได้ตอบคำถามเขา เอ่ยออกมาตรงๆ “รายงานตำแหน่งที่อยู่มา ข้าจะไปหา”

เยี่ยนเฉินย่อมรายงานตำแหน่งอย่างรวดเร็ว

ตี้ฝูอีมาถึงเร็วยิ่ง ไม่ถึงครึ่งชั่วยามก็มาแล้ว

————————————————————————