บทที่ 650 : ผงละลายศพ – วิชาหยางพิสุทธิ์!

Dragon Emperor Martial God จักรพรรดิ์เทพมังกร

บทที่ 650 : ผงละลายศพ – วิชาหยางพิสุทธิ์!

หลิงหยุนจัดการขุดหญ้าทั้งสามชนิดเข้าไปเก็บไว้ในแหวนพื้นที่ และพาเสี่ยวเม่ยหนิงกลับไปที่สวนหลังบ้านของเขาทันที

ที่สวนหลังบ้านนั้น หลิงหยุนจัดการเรียกกระบี่โลหิตแดนใต้ออกมา และได้ทำการขุดหลุมทั้งหมดสามหลุมเพื่อปลูกหญ้าพลังชีวิตทั้งสามต้น

แต่แน่นอนว่าเพียงแค่การเปลี่ยนสถานที่ปลูกอย่างเดียวนั้นยังไม่เพียงพอ หลิงหยุนจึงต้องถ่ายเทพลังหยินและพลังหยางบริสุทธิ์ลงไปที่หลุมของหญ้าหยินกับหญ้าหยางด้วย จากนั้นจึงค่อยรินน้ำลายมังกรลงไปที่รากของหญ้าน้ำลายมังกร และมันก็เปล่งประกายสดใสขึ้นมาทันที จนแม้แต่ตาเปล่าก็สามารถมองเห็นการเปลี่ยนแปลงนี้ได้อย่างชัดเจน ช่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก!

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาที่อยู่ในบ้านเห็นหลิงหยุนกำลังทำอะไรแปลกๆ ด้วยความอยากรู้อยากเห็นจึงได้เดินออกมาดูว่าหลิงหยุนกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?

เสี่ยวเม่ยหนิงกำลังจะอ้าปากบอก แต่หลิงหยุนกลับห้ามเอาไว้ก่อน เขายิ้มให้กับเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“ผมอยากจะขอยืมอะไรจากคุณสักสองสามอย่าง คุณต้องให้ผมยืมก่อน ผมถึงจะยอมบอก!”

พูดจบก็หันไปขยิบตาให้กับเสี่ยวเม่ยหนิง..

“พี่ใหญ่คะ.. ฉันไม่โกรธพี่หลิงหยุนแล้วนะ! ที่พี่หลิงหยุนทำไปเมื่อครู่ก็เพราะไม่อยากเห็นพวกเราต้องเหนื่อยรักษาคนไข้มากมายจนไม่มีเวลาให้กับเรื่องของตัวเอง พี่หลิงหยุนก็เลยต้องทำแบบนั้น..”

“พี่ใหญ่คะ.. พี่ก็ให้พี่หลิงหยุนยืมเถอะนะคะ!”

เมื่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาเห็นท่าทางของเสี่ยวเม่ยหนิง เธอก็รู้ว่าน้องสาวคนเดิมของเธอได้กลับมาแล้ว จึงได้แต่แอบถอนใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับตอบไปว่า

“งั้นก็บอกมาว่านายอยากจะขอยืมอะไร?”

หลิงหยุนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งจึงได้บอกชื่อยาพิษที่ต้องการไป และเมื่อเหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ยินก็ถึงกับหน้าเปลี่ยนสีทันทีพร้อมกับร้องถามเสียงดัง

“นั่นมันเป็นพิษที่ร้ายแรงที่สุดในโลก นายจะเอายาพิษพวกนี้ไปทำอะไร?”

แต่แล้วก็เหมือนกับคิดอะไรขึ้นมาได้ เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับร้องถามออกไปทันที “นี่นายจะเอาไปทำผงละลายศพใช่มั๊ย?”

หลิงหยุนเพียงแค่พยักหน้าพร้อมกับหัวเราะหึหึเท่านั้น..

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาถึงกับตกตะลึงพร้อมกับพึมพำออกไปว่า  “ว่าแต่นายจะทำผงทำลายศพไปทำไมกัน?”

หลิงหยุนยิ้มอย่างมีเสน่ห์พร้อมกับตอบไปว่า “นี่คนสวย.. คุณก็รู้ว่าผมมีศัตรูอยู่รอบตัว มีคนมากมายจ้องที่จะฆ่าผมอยู่..”

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเดินไปหาหลิงหยุนพร้อมกับสำรวจสายตาไปที่พื้น แล้วจึงบอกกับหลิงหยุนว่า

“ในเมื่อนายต้องการจะนำไปทำผงละลายศพ ก็ไม่จำเป็นต้องขอยืมยาพิษนั่น! เพราะฉันมีอยู่พอดี!”

แม้ว่าเหมี่ยวเสี่ยวเหมาจะไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์หน้าสิ่วหน้าขวานกับหลิงหยุนบ่อยครั้งก็จริง แต่ไม่ว่าหลิงหยุนจะทำอะไร เธอก็ไม่เคยห้าม หรือรั้งไว้เลยแม้แต่น้อย!

ซึ่งก็เป็นเรื่องแปลก แต่เหมี่ยวเสี่ยวเหมาเองก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเธอจึงต้องทำเช่นนั้น?

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาหยิบขวดเล็กๆออกมาหนึ่งขวด ข้างในบรรจุผงสีขาว จากนั้นจึงโยนให้หลิงหยุนพร้อมกับร้องถามออกไป

“นายใช้เป็นใช่มั๊ย?”

หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “ถ้าใช้ไม่เป็น ผมจะขอคุณทำไมเล่า?”

ผงละลายศพนี้เป็นพิษที่มีฤทธิรุนแรงอย่างมาก มันประกอบไปด้วยพิษของงูและแมลงมีพิษมากกว่าสิบชนิด และมีการประกอบพิธีกรรมร่ายมนต์วิเศษ มีเลือดเป็นตัวเร่งปฏิกิริยาอย่างดี เพียงแค่ใช้ในปริมาณเล็กน้อย ก็สามารถเปลี่ยนร่างของผู้ใหญ่คนหนึ่งให้กลายเป็นน้ำสีเหลืองได้ในทันที ผงละลายศพนี้จะทำการละลายกล้ามเนื้อและกระดูกต่างๆ และยิ่งใช้ไปมากเท่าไหร่ ก็จะสามารถนำกลับมาใช้ได้อีกมากยิ่งขึ้น

ศพที่ถูกหลอมละลายจนกลายเป็นน้ำไปแล้วนั้น น้ำสีเหลืองของศพก็จะสามารถนำกลับมาใช้เป็นผงละลายศพได้ใหม่เมื่อมันแห้งเป็นผง  ดังนั้นเพียงแค่ขวดเดียวก็น่าจะเพียงพอ หากสามารถนำกลับมาทำให้แห้งได้ทันเวลา

ช่างเป็นยาพิษที่มีอานุภาพรุนแรงมากนัก และเป็นพิษที่มีเพียงชนเผ่าเหมี่ยวเจียงเท่านั้นที่จะสามารถปรุงขึ้นมาได้ เพราะชนเผ่านี้ล้วนเชี่ยวชาญในเรื่องพิษชนิดต่างๆ

เหมี่ยวเสี่ยวเหมานั้นถึงกับอึ้งไปพร้อมกับลังเลเล็กน้อยก่อนจะพูดไปว่า “หลิงหยุน.. นายต้องระวังตัวให้มาก!”

หลิงหยุนตอบกลับเสียงเบา “ขอบคุณจากใจ!”

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาไม่พูดต่อ เสี่ยวเม่ยหนิงเห็นพี่สาวของเธอยอมให้ในสิ่งที่หลิงหยุนต้องการแล้ว จึงรีบเดินเข้าไปกอดแขนเหมี่ยวเสี่ยวเหมาพร้อมกับบอกเธอว่าหญ้าทั้งสามต้นนั้นคือหญ้าหยิน หญ้าหยาง และหญ้าน้ำลายมังกร

เหมี่ยวเสี่ยวเหมาได้ฟังถึงกับหันไปมองหลิงหยุนราวกับเห็นปีศาจพร้อมกับร้องถามออกไปเสียงดัง

“ไม่น่าเชื่อ! นี่ล้วนเป็นสมบัติล้ำค่าสำหรับผู้ที่ฝึกวรยุทธทั้งนั้นเลย นี่นายไปเอาหญ้าพวกนี้มาจากใหนกัน? แล้วยังได้มาพร้อมกันทั้งสามต้นด้วย!”

หลิงหยุนหัวเราะอย่างมีความสุข เขาหันกลับไปมองหญ้าทั้งสามชนิดที่อยู่บนพื้น  และเดินกลับเข้าไปในบ้านโดยไม่พูดอะไร

“เฮ้อ.. เหตุใดน้าหญิงจึงไม่อยู่ฝึกวิชาที่นี่นะ ที่นี่มีพลังชีวิตอยู่เต็มไปหมด นางจะกลับไปที่บ้านที่อ่าวจิงฉูทำไมกัน? แล้วยังเอาเซียนเอ๋อคนดีของข้าไปด้วย.. เฮ้อ!”

“แต่จะว่าไป.. ตั้งแต่ข้าไปกว้านซื้อหินพลังชีวิตมาจากหออวี้ติงเซวียน พลังชีวิตที่ถูกดูดซับมาไว้ที่บ้านหลังนี้ก็ดูเหมือนจะลดลงไปมาก..”

หลิงหยุนได้แต่บ่นพึมพำกับตัวเอง แต่เมื่อเหลือบมองดูเวลาก็เห็นว่ายังเช้าอยู่ เขาจึงพาเสี่ยวเม่ยหนิงออกไปเดินเล่นข้างนอก

และแน่นอนว่า.. หลิงหยุนพาเธอไปเดินเล่นที่ตลาดค้าของเก่า เขาไปที่นั่นเพื่อกว้านซื้อหินพลังชีวิตอีกครั้ง และนี่ดูเหมือนจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เขาจะได้ทำเช่นนี้!

หินพลังชีวิตภายในตลาดค้าของเก่าแห่งนี้ ได้ถูกหลิงหยุนค้นพบมากมาย และแน่นอนว่าเขาจะไม่ยอมปล่อยให้มันหลุดมือไปแม้แต่ก้อนเดียว เพราะนี่คือภารกิจของเขาในวันนี้

ในการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นี้ จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมหาศาลอย่างที่ใครก็ไม่อาจจินตนาการได้ แม้ว่าหลิงหยุนพลังชีวิตเข้มข้นจากสมุนไพรชีฉียู่ไว้ได้ถึงยี่สิบกล่องแล้ว อีกทั้งยังรวบรวมหินพลังชีวิตไว้ได้จำนวนมาก แต่ทั้งหมดนั้นก็ยังเพียงพอแค่ให้เขาสามารถฝึกฝนเข้าสู่ระดับหนึ่งของวิชาหยางพิสุทธิ์ได้เท่านั้นเอง

วิชาหยางพิสุทธิ์นี้ จำเป็นต้องใช้พลังชีวิตจำนวนมหาศาลอย่างที่ใครก็ไม่อาจจินตนาการได้ แม้ว่าหลิงหยุนจะเก็บพลังชีวิตเข้มข้นจากต้นสมุนไพรชีฉียู่ได้ถึงยี่สิบกล่องแล้ว รวมทั้งหินพลังชีวิตอีกจำนวนมาก แต่ทั้งหมดนั้นก็เพียงแค่ทำให้สามารถเข้าสู่ระดับที่หนึ่งของวิชาพลังหยางพิสุทธิ์ได้เท่านั้นเอง

วิชาหยางพิสุทธิ์นี้มีทั้งหมดเก้าขั้นใหญ่ และแต่ละขั้นก็จะมีเก้าระดับย่อย วิชาหยางพิสุทธิ์ทั้งแปดสิบเอ็ดระดับย่อยนี้ นับได้ว่าเป็นวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลัง และมีพลังในการโจมตีที่หาวิชาใหนเทียบได้ยาก

และแน่นอนว่าเมื่อเป็นวิชาที่ทรงพลังและมีพลานุภาพมากเช่นนี้ การฝึกฝนก็ย่อมต้องยากขึ้นตามไปด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อฝึกไปจนถึงระดับที่เก้าของขั้นที่ห้านั้น ความต้องการในพลังชีวิตก็จะเพิ่มมากขึ้นเป็นร้อยเท่าทวีคูณ ถึงตอนนั้นแม้จะสามารถรวบรวมพลังชีวิตได้จำนวนมหาศาลมากมายเพียงใด แต่ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไม่เพียงพอที่จะผ่านระดับย่อยสักระดับเลยก็ได้

แม้จะรู้ดีว่าโลกใบนี้ขาดแคลนพลังชีวิต แต่หลิงหยุนก็ยังต้องการที่จะฝึกวิชานี้!

เพราะรู้ดีว่าร่างนี้ไม่ใช่ร่างที่มีพลังหยางบริสุทธิ์ หลิงหยุนจึงเลือกที่จะฝึกวิชาพลังลับหยินหยางก่อน เพื่อให้จุดตันเถียนสามารถสร้างพลังหยางขึ้นมาได้อย่างไม่สิ้นสุด และตราบใดที่มีพลังหยางบริสุทธิ์ ก็สามารถฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์ได้ และสองวิชานี้ก็จะไม่เป็นขัดขวางกันเอง

วิชาหยางพิสุทธิ์นี้เป็นวิชาที่ผู้ฝึกจะต้องมีพลังหยางที่บริสุทธิ์ และไม่ใช่เพียงแค่มี แต่ต้องมีเพียงพออีกด้วย!

“เอาล่ะ.. ต่อให้ฝึกฝนตลอดชีวิตแล้วยังได้แค่ขั้นสอง ข้าก็จะฝึก!”

หลิงหยุนเป็นคนที่ไม่กลัวความยากลำบาก และนิยมชมชอบเรื่องท้าทาย!

ยิ่งไปกว่านั้น หลิงหยุนยังได้ฝึกวิชาตามคัมภีร์เสวียนหวง ทำให้ภายในร่างกายมีลมปราณสีเหลืองและสีดำเกิดขึ้น อีกทั้งลมปราณทั้งสองชนิดนี้ยังสามารถสื่อสารกับสมุดจักรพรรดิได้อย่างน่าประหลาด และนั่นทำให้เขามีความหวังขึ้นอย่างมาก

และหากระหว่างการฝึกวิชาหยางพิสุทธิ์นี้สามารถกระตุ้นให้พู่กันจักรพรรดิปล่อยพลังอมตะออกมาได้แล้วล่ะก็ ไม่แน่ว่าหลิงหยุนอาจจะสามารถเข้าสู่ขั้นที่สามได้ในทันทีเลยก็เป็นได้!

และหากพู่กันจักรพรรดิสามารถรับรู้ความคิดของหลิงหยุนได้ มันคงจะรีบหนีไปให้ไกลจากเขาอย่างแน่นอน พู่กันจักรพรรดิสามารถปลดปล่อยพลังหยางอมตะออกมาได้ก็จริง แต่หลังจากนั้นตัวมันเองก็ต้องการพลังอมตะจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูพลังของตัวเองเช่นกัน และไม่รู้ว่าหลิงหยุนจะต้องใช้เวลาในการฝึกฝนวิชาหยางพิสุทธิ์นี้ไปอีกนานเท่าไหร่?

………………

หลิงหยุนพาเสี่ยวเม่ยหนิงเดินเล่นในตลาดค้าของเก่าไปเรื่อยๆ ในขณะเดียวกันก็เปิดจิตหยั่งรู้ออกสำรวจหาหินพลังชีวิตไปด้วยเช่นกัน

หลังจากนั้นก็ตรงไปที่หอไข่มุกและหยกของซ่งเจิ้งหยาง จากนั้นจึงเรียกสมุดเช็คออกมา ในเวลานี้หลิงหยุนไม่สนใจเรื่องเงินเลยแม้แต่น้อย หากเขาพบว่าที่ใดมีหินพลังชีวิต และไม่ว่าจะขายในราคาเท่าไหร่ เขาก็จะซื้อขึ้นมาทันที!

สองชั่วโมงผ่านไป หลิงหยุนใช้เงินกว้านซื้อหินพลังชีวิตไปเป็นจำนวนมาก หลังจากพูดจากับซ่งเจิ้งหยางครู่หนึ่งแล้ว เขาจึงขอตัวกลับ.

ที่ชั้นสองของศาลาเทียนสี่นั้น มู่หลงเฟยจื่อก็กำลังยืนอยู่ข้างๆหน้าต่างห้องทำงาน เธอยืนมองหลิงหยุนและซ่งเจิ้งหยางที่เพิ่งจะแยกย้ายกันไป และเห็นหลิงหยุนเปลี่ยนสาวควงคนใหม่ มือของเธอถึงกับกำแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อโดยไม่รู้ตัว

“ทำไมรอบตัวนายถึงได้มีสาวสวยมากมายแบบนี้นะ? แล้วทำไมผ่านศาลาเทียนสี่ แต่กลับไม่แวะมาหาฉัน?”

ใบหน้าของมู่หลงเฟยจื่อซีดเผือดด้วยความผิดหวัง..

………..

หลังรับประทานอาหารเย็น ถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ก็พาอาปิงมาพบหลิงหยุนที่บ้านหลังจากที่ออกไปตระเวนข้างนอกกันมาตลอดทั้งบ่าย

“พี่หยุน!”

ทันทีที่อาปิงเห็นหลิงหยุนก็รีบร้องทักทายด้วยสีหน้าและแววตาที่ตื่นตระหนก

หลิงหยุนเหลือบมองถังเมิ่งกับตี้เสี่ยวอู๋ พร้อมกับหันไปสั่งอาปิงว่า “นั่งสิ!”

อาปิงหันไปมองถังเมิ่ง ถังเมิ่งยิ้มให้พร้อมกับตอบไปว่า “พี่หยุนสั่งให้นายนั่ง นายก็นั่งสิ! ยังต้องคิดอะไรอีก?”

อาปิงเป็นคนพูดน้อย จึงนั่งลงด้วยท่าทางสุภาพและมีมารยาทอย่างมาก!

หลิงหยุนไม่ชอบท่าทางเช่นนี้ของอาปิงนัก เพราะนี่ไม่ใช่ตัวตนที่แท้จริงของเขา หัวหน้าแก๊งมังกรเขียวจะต้องเป็นมังกร เป็นเสือ หรือเป็นหมาป่า แต่ต้องไม่ใช่สุนัขแบบนี้!

“อาปิง..ถ้านายไม่กลับเป็นตัวเองภายในหนึ่งนาที นายก็เดินออกจากบ้านหลังนี้ไปได้เลย!” หลิงหยุนสั่งด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย

หลังจากพูดจบหลิงหยุนก็เห็นอาปิงผ่อนลมหายใจยาว แล้วหันไปมองถังเมิ่งที่นั่งพิงโซฟาก่อนจะล้วงบุหรี่ออกมาสูบ และยกขาขึ้นพาดลงบนโต๊ะด้านหน้าโดยไม่สนใจใครอีกเลย

สีหน้าท่าทางของอาปิงนั้นเป็นธรรมชาติ และนิ่งขรึม นี่ต่างหากที่เป็นตัวตนที่แท้จริงของเขา!

ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋ถึงกับตกตะลึงเมื่อเห็นอาปิงแสดงกิริยาเช่นนี้ต่อหน้าหลิงหยุน..

จริงใจ กล้าหาญ.. นี่เป็นสิ่งที่ดี!

หลิงหยุนนึกพอใจในตัวอาปิงอย่างมาก เขาไม่พูดจาไร้สาระอีก เพียงแค่ยิ้มเล็กน้อยและพูดขึ้นว่า

“ดี! ใจกล้ากว่าถังเมิ่งกับเสี่ยวอู๋ แบบนี้ฉันชอบ!”

“ฟังนะ.. ฉันมีปัญหาอยู่เพียงข้อเดียว! ถ้าฉันยกแก๊งมังกรเขียวให้นายดูแล นายจะสามารถดูแลให้ฉันได้มั๊ย?”

“เรื่องง่ายๆ!” อาปิงตอบยิ้มๆ ดวงตาของเขาเป็นประกายไม่ต่างจากหมาป่า

หลิงหยุนเอื้อมมือไปหยิบบัญชีธุรกิจต่างๆในมือตี้เสี่ยวอู๋ขึ้นมา เขาเปิดออกดูและจดจำไว้ทั้งหมดแล้วจึงส่งให้อาปิง

“อาปิง.. ถ้าง่ายอย่างที่นายพูด หลังจากสามเดือนไป ฉันต้องการเห็นผลงาน นายจะมีปัญหาอะไรมั๊ย?”

“ไม่มีปัญหาพี่หยุน!”