บทที่ 651 : กล้าหาญ!
“นี่.. ห้ามสูบบุหรี่ในบ้าน!”
เด็กสาวตัวแสบเห็นอาปิงกล้าสูบบุหรี่ในบ้านจึงร้องตะโกนออกมาอย่างไม่พอใจ อาปิงถึงกับงุนงง และรีบดึงบุหรี่ออกจากปากทันทีพร้อมกับหันไปมองหน้าหลิงหยุน
หลิงหยุนเองก็เพิ่งจะทำให้สาวน้อยตัวแสบยิ้มได้ แน่นอนว่าเขาไม่ต้องการทำให้เธออารมณ์เสียอีก จึงได้แต่บอกอาปิงยิ้มๆ
“นายก็รีบๆดูดให้หมด เพราะฉันเองยังต้องยอมให้เธอ!”
ถังเมิ่งและตี้เสี่ยวอู๋เห็นหลิงหยุนยอมยกธงขาวให้กับเสี่ยวเม่ยหนิงง่ายๆ ทั้งคู่ก็ถึงกับแทบกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
อาปิงรีบกดบุหรี่ดับทันที หลังจากนั้นหลิงหยุนก็หันไปพูดกับถังเมิ่ง
“ถังเมิ่ง.. มีบางเรื่องที่ฉันยังไม่เคยพูดกับนาย แต่วันนี้ฉันขอเตือนนายไว้ก่อน..”
อีกไม่นานหลิงหยุนก็จะต้องออกจากเมืองจิงฉู และไม่รู้ว่าจะต้องไปนานเท่าไหร่ เขาจึงจำเป็นต้องตักเตือนถังเมิ่งไว้ก่อน
“ตอนนี้ด้วยฐานะของนายกับเสี่ยวอู๋ สามารถสั่งพี่น้องของเราในจิงฉูได้..”
“ถังเมิ่ง.. ฉันรู้ว่านายเป็นคนมีเพื่อนสนิทมากมาย และนายเองก็ต้องการเป็นผู้นำในกลุ่มเพื่อนๆ เรื่องนั้นฉันไม่ห้าม!”
“แต่นายต้องจำไว้ว่า.. หากนายต้องการพาเพื่อนมาทำงานให้กับฉัน เรื่องนั้นฉันก็ไม่ห้ามเช่นกัน! แต่ถ้าพวกเขาจะมาทำงานให้กับฉัน ก็ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถจริงๆเท่านั้น พวกที่มากินมาเล่นไปวันๆ นายไม่ต้องพาเข้ามา เพราะฉันไม่ต้องการ ฉันจะเตือนนายเรื่องนี้แค่ครั้งเดียวและครั้งสุดท้ายเท่านั้น! นายได้ยินชัดแล้วใช่มั๊ย?”
ตั้งแต่เปิดคลินิกมา หลิงหยุนก็ยุ่งกับหลายๆเรื่องจึงไม่มีเวลาจะพูดเรื่องเด็กหนุ่มเพลย์บอยทั้งห้าคนในวันนั้น ตอนนี้ในเมื่ออาปิงมาร่วมงานกับเขาแล้ว หลิงหยุนจึงถือโอกาสนี้เตือนถังเมิ่งและอาปิงไปกลายๆ
ถังเมิ่งถึงกับเหงื่อตก และไม่กล้าพูดอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว เขาได้แต่พยักหน้าหงึกๆ และตอบหลิงหยุนไปว่า
“พี่หยุน.. ฉันเข้าใจ!”
“นายเข้าใจก็ดีแล้ว!” หลิงหยุนไม่จำเป็นต้องพูดอะไรมาก
ความจริงแล้วสิ่งที่หลิงหยุนพูดกับถังเมิ่งนั้น ก็ตั้งใจสื่อสารให้อาปิงรับรู้ด้วย และเขาก็เชื่อว่าอาปิงเข้าใจในสิ่งที่เขาต้องการจะบอกได้เป็นอย่างดี
ระหว่างที่คุยกันอยู่นั้น จู่ๆโทรศัพท์มือถือของหลิงหยุนก็ดังขึ้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย และรีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
เยี่ยนจื่อ – แคชเชียร์ของร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่โทรมาหาเขาตอนนี้ทำไมกัน?!
หลิงหยุนจึงรีบกดรับสายทันที และได้ยินเสียงร้องตะโกนอย่างตื่นตระหนกดังออกมาจากปลายสาย
“หลิงหยุนรีบมาที่ร้านเร็วเข้า ตอนนี้คุณซูกำลังมีเรื่อง!”
เกิดเรื่องกับซูปิงหยานอย่างนั้นหรือ?! ภาพของสาวใหญ่ในวัยสามสิบกว่า ท่าทางเย็นชา หยิ่งจองหอง และสวยงามในแบบผู้ใหญ่ปรากฏขึ้นในความคิดของหลิงหยุนทันที
“เยี่ยนจื่อ.. ใจเย็นๆ ค่อยๆเล่ามาว่าเกิดเรื่องอะไรกันแน่?” หลิงหยุนถามด้วยน้ำเสียงสงบนิ่ง
“จ้าวเผิงเฟยคนที่ทำร้ายนายเมื่อครั้งก่อนน่ะสิ มันมาถล่มร้านอินเทอร์เน็ตของคุณซู!”
เยี่ยนจื่อพูดไปก็ร้องไห้ไป หลิงหยุนได้ยินเสียงหัวเราะ และเสียงทำลายข้าวของดังมาจากปลายสายด้วย
ทันทีที่ได้ยินว่าเป็นคนที่เคยทำร้ายเขาเท่านั้น หลิงหยุนก็ถึงกับหูผึ่งขึ้นมาทันทีพร้อมกับคิดในใจว่า ‘นี่ข้าเคยถูกคนทำร้ายมามากมายขนาดนี้เชียวรึ?!’
“ไม่ต้องตกใจนะ! ผมจะรีบไปถึงให้เร็วที่สุด!”
ทันทีที่กดวางสายไป หลิงหยุนก็เงยหน้าขึ้นมองเด็กหนุ่มทั้งสามคนพร้อมกับถามขึ้นว่า “พวกนายพร้อมจะมีเรื่องมั๊ย?”
“ไม่ต้องถามเลยพี่หยุน!” ทั้งสามคนตอบพร้อมกันทันที
“พวกนายใครขับรถเร็วที่สุด!?” หลิงหยุนพุ่งออกมาจากบ้านพร้อมกับร้องถามทันที
“เสี่ยวอู๋!”
ตี้เสี่ยวอู๋ควบรถยนต์สีดำของตนเองพาหลิงหยุน ถังเมิ่ง และอาปิงไปด้วยความเร็วสูง และเพียงแค่เจ็ดนาทีก็ไปถึงปลายทาง
รถของตี้เสี่ยวอู๋ตรงไปจอดที่หน้าประตูร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของซูปิงหยาน หลิงหยุนใช้จิตหยั่งรู้สำรวจเข้าไปด้านในพร้อมกับพูดยิ้มๆ
“จ้าวเผิงเฟยมันพาลูกน้องมาเยอะเลยทีเดียว..”
“เอาล่ะ.. ไปกันได้แล้ว!”
หลิงหยุนร้องบอกทุกคนในรถ และระหว่างนั้นเขาก็ได้ยินเสียงคนพูดอย่างยะโสโอหังอยู่ภายในร้าน
“จะโทรเรียกใครมาที่นี่ก็เชิญ เพราะถึงยังไงที่นี่ก็ต้องพังพินาศอยู่ดี.. ร้านอินเทอร์เน็ตเล็กๆกระจอกๆ แต่กล้าลองดีกับฉัน!”
แววตาของหลิงหยุนเปลี่ยนเป็นเย็นชาขึ้นมาทันที!
ซูปิงหยานถูกจับมัดมือไพล่หลัง และใบหน้ามีรอยฝ่ามือแดงปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ส่วนเยี่ยนจื่อก็ใบหน้าบวมเปล่ง และมีรอยฝ่ามืออยู่เต็มไปหมดเช่นกัน บ่งบอกว่าถูกตบหน้านับครั้งไม่ถ้วน
‘นี่มันกล้าทำร้ายผู้หญิงงั้นรึ?’ ความโกรธของหลิงหยุนพุ่งขึ้นมาทันที!
หลิงหยุนไม่พูดอะไรอีก เขาเดินแหวกฝูงชนที่มุงดูอยู่หน้าร้านเข้าไปทันที ตามมาด้วยถังเมิ่ง ตี้เสี่ยวอู๋ และอาปิง
เมื่อทั้งสี่คนเข้าไปภายในร้าน จึงได้พบว่าร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของซูปิงหยานนั้นถูกคนพังจนราบ คอมพิวเตอร์ร่วงลงไปกองกับพื้นจนหมด โต๊ะคอมพิวเตอร์ก็ถูกทุบทำลายจนแทบไม่เหลือ เก้าอี้ถูกโยนกระจัดกระจาย และคนที่กำลังเล่นอินเทอร์เน็ตอยู่ในร้านก็ถูกไล่ออกไปจนหมด บางส่วนก็ไปมุงรวมกันกับคนอื่นที่อยู่ที่หน้าร้าน ตอนนี้ภายในร้านนอกจากซูปิงหยานกับเยี่ยนจื่อแล้ว ก็มีจ้าวเฉิงเฟยกับลูกน้องยี่สิบกว่าคน
“ปล่อยพวกเธอซะ!” หลิงหยุนชี้ไปที่ซูปิงหยานและเยี่ยนจื่อพร้อมกับร้องสั่งด้วยน้ำเสียงเย็นชา
จ้าวเผิงเฟยที่ตอนนี้เหงื่อออกท่วมตัวนั้นอายุราวสามสิบปี รูปร่างของมันใหญ่โตกว่าถังเมิ่ง แต่ก็เล็กกว่าตี้เสี่ยวอู๋เล็กน้อย เมื่อเห็นหลิงหยุนพร้อมกับพรรคพวกอีกสามคนเดินเข้ามา มันก็ถึงกับหัวเราะเสียงดังออกมาทันที
“นี่น่ะเหรอคนที่จะมาช่วย? ที่แท้ก็เป็นเด็กหนุ่มหน้าหวานท่าทางยะโสโอหัง คิดไม่ถึงว่าแกจะใจกล้าขนาดนี้!”
จากนั้นจึงหันไปพูดกับซูปิงหยานว่า “นี่คงจะเป็นคู่ขาใหม่ของเธอสินะ! โคแก่อยากกินหญ้าอ่อนชัดๆ!”
แววตาของจ้าวเผิงเฟยนั้นลุกโชนไปด้วยไฟโทสะ และไฟริษยา! เขาเองก็เปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่แถวนี้เช่นกัน และรู้ว่าซูปิงหยานนั้นเป็นหม้าย จึงได้พยายามตามจีบเธออยู่นาน ไม่เพียงถูกซูปิงหยานจะปฏิเสธเขาอย่างไร้เยื่อใย แต่เธอกลับเปิดร้านอินเทอร์เน็ตแข่งขันกับเขาอีกด้วย ทำให้จ้าวเผิงเฟยคับแค้นใจอย่างมาก”
และด้วยจำนวนคนที่พามายี่สิบกว่าคนในวันนี้ ทำให้ร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ของซูปิงหยานถึงกับราบเป็นหน้ากองภายในชั่วพริบตา
หลิงหยุนขมวดคิ้วอีกครั้ง และเพียงแค่ชั่วพริบตา ทุกคนในร้านก็ได้ยินเสียงร้องของอันธพาลสองคนดังขึ้น และซูปิงหยานกับเยี่ยนจื่อที่กองอยู่กับพื้นนั้น ก็ได้ไปยืนอยู่ด้านหลังของหลิงหยุนเรียบร้อยแล้ว
“เก่งนี่..!”
จ้าวเผิงเฟยถึงกับตกตะลึง เขากระพริบตาถี่พร้อมกับพูดขึ้นว่า “เจ้าหนู.. มีฝีมือเหมือนกันนี่?!”
หลิงหยุนไม่พูดอะไร แต่หันไปพูดกับอาปิง “อาปิง.. วันนี้เพื่อเป็นการเฉลิมฉลองให้กับนาย ฉันยกให้นายเป็นพี่ใหญ่ นายสั่งมาได้เลยว่าจะให้จัดการกับพวกมันยังไง?”
อาปิงที่ยืนร่างกายสั่นเทิ้มด้วยความโกรธ และอยากจะมีเรื่องเต็มที่แล้วนั้น ทันทีที่ได้ยินคำพูดของหลิงหยุน เขาก็ร้องสั่งอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย
“ทุกคน.. จัดการตอบแทนพวกมันกลับไปเป็นสองเท่า!”
‘ช่างดุดัน และใจเด็ดไม่เบาเลยทีเดียว!’ แม้แต่หลิงหยุนยังถึงกับกรีดร้องอยู่ในใจพร้อมกับนึกชื่นชมว่า เด็กคนนี้ใจกล้ามากจริงๆ!
“เอาล่ะ.. ถ้างั้นนายก็จัดการกับพวกมันได้เลย! ฉันจะไปเฝ้าหน้าประตูให้เอง!”
หลิงหยุนพูดพร้อมกับประคองซูปิงหยานกับเยี่ยนจื่อไว้ในอ้อมแขนคนละข้าง และพาเดินไปยืนอยู่ที่หน้าประตูร้าน
แทบไม่ต้องรอให้หลิงหยุนเดินไปถึงหน้าประตูด้วยซ้ำไป เสียงกรีดร้องก็ดังไล่หลังเขามาทันที เสียงร้องเจ็บปวดนั้นราวกับเสียงหมูถูกเชือดมากกว่าจะเป็นเสียงคนร้อง
ตี้เสี่ยวอู๋บุกจู่โจมเป็นคนแรก และนี่เป็นครั้งแรกที่เขาใช้วิชานู่เตาพร้อมด้วยดาราคุ้มกาย
ตี้เสี่ยวอู๋นั้นพุ่งเป้าไปที่จ้าวเผิงเฟยคนแรก เขาจัดการชกเข้าไปที่ร่างของมันจนถึงกับกระอักเลือด และทรุดลงไปกองกับพื้นทันที
ร่างบอบบางของซูปิงหยานถึงกับสั่นเทิ้ม และไม่รู้ว่าสั่นเพราะความเจ็บปวด หรือว่าเพราะความตกใจกันแน่น หรืออาจสั่นเพราะอยู่ในอ้อมแขนของหลิงหยุนก็เป็นได้!
แต่อ้อมแขนของหลิงหยุนนั้น ก็ทำให้เธอสัมผัสได้ถึงความปลอดภัย!
..
“คุณซู.. ไม่ต้องห่วงเรื่องร้าน พวกมันต้องจ่ายค่าเสียหาย!”
ริมฝีปากของหลิงหยุนโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่มีเสน่ห์ และไม่สนใจเสียงโกลาหลจากการต่อสู้ที่อยู่ด้านหลัง และยังคงพูดซูปิงหยานอย่างอ่อนโยน
“คุณซู.. คุณอดทนหน่อยนะ ผมจะรักษาแผลที่ใบหน้าให้เดี๋ยวนี้..”
พูดจบหลิงหยุนก็เรียกยันต์บำบัดออกมาจากแหวนพื้นที่สี่แผ่น และใช้มันรักษาให้กับซูปิงหยานกับเยี่ยนจื่อทันที และเพียงแค่พริบตาเดียว ใบหน้าที่บวมแดงของทั้งคู่ก็หายวับไปราวกับไม่เคยถูกทำร้ายมาก่อน
“คุณซู.. ยังเจ็บอยู่มั๊ยครับ?” หลิงหยุนยิ้มขณะที่เอ่ยถามซูปิงหยาน
“น้องชาย.. ขอบคุณที่มาช่วยฉัน..”
ซูปิงหยานยกมือขึ้นลูบคลำแก้มของตนเอง แต่ก็ไม่กล้ามองหน้าหลิงหยุน และได้แต่โค้งคำนับเขาเป็นการขอบคุณ
ในวันเปิดคลินิกของหลิงหยุนนั้น ซูปิงหยานก็ไปร่วมงานด้วย และได้เห็นความสามารถทางการแพทย์ที่ล้ำเลิศของหลิงหยุน ดังนั้นการักษาใบหน้าบวมเปล่งของเธอจึงเป็นเพียงแค่เรื่องเล็กน้อย
แต่เยี่ยนจื่อนั้นไม่ได้ไปกับซูปิงหยานด้วย เธอจึงตกอกตกใจพร้อมกับลูบคลำแก้มของตนเองอย่างไม่อยากจะเชื่อ และถึงกับนิ่งอึ้งไป!
นี่หลิงหยุนเป็นเป็นเซียนหรือยังไงกัน?!
“คุณซูครับ.. อย่าได้เกรงใจ! นี่เป็นเรื่องที่ผมสมควรต้องทำ ตอนผมเปิดคลินิกคุณซูก็ไปร่วมยินดี วันนี้เป็นวันเปิดร้านอินเทอร์เน็ตคาเฟ่ใหม่ของคุณ ผมก็ต้องมาร่วมยินดีด้วยสิ!”
“ห๊ะ! อะไรนะ?”
เยี่ยนจื่อได้ยินถึงกับอึ้งไป และคิดว่าตนเองคงฟังผิดไป เพราะร้านอินเทอร์เน็ตเพิ่งจะถูกถล่มจนพังยับเยิน แต่หลิงหยุนกลับบอกว่ามาร่วมยินดีกับการเปิดร้านใหม่?!
ซูปิงหยานนั้นเข้าใจคำพูดของหลิงหยุนดี เธอมองหลิงหยุนและไม่พูดอะไรมาก แต่กลับหันไปมองร้านอินเทอร์เน็ตของตนเอง
ภายในเวลาไม่ถึงสามนาที ในร้านก็เหลือคนเพียงแค่สามคน นั่นก็คือตี้เสี่ยวอู๋ ถังเมิ่ง และอาปิง ใบหน้าของทั้งสามคนต่างก็เปื้อนไปด้วยเลือด! แต่มันคือเลือดของฝ่ายตรงข้าม..
ไม่มีทางที่ตี้เสี่ยวอู๋ ถังเมิ่ง และอาปิงจะได้รับบาดเจ็บ!
จ้าวเผิงเฟยกับลูกน้องรวมแล้วยี่สิบกว่าคน และอย่างน้อยๆยี่สิบคนก็ถูกตี้เสี่ยวอู๋จัดการ ตอนนี้พวกมันต่างก็ลงไปกองอยู่กับพื้น ร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด และจนถึงตอนนี้ก็ยังไม่มีใครลุกขึ้นยืนได้แม้แต่คนเดียว
“จับคนแซ่จ้าวโยนออกไปนอกประตู!”
หลิงหยุนมองซูปิงหยานและหยางซีที่อยู่หน้าประตู พร้อมกับคิดในใจว่าเสียงของตี้เสี่ยวอู๋ช่างเย็นชาเสียเหลือเกิน
“โอ๊ย!!!”
ร่างใหญ่โตของจ้าวเผิงเฟยถูกจับโยนลงไปกระแทกกับพื้นอิฐสีแดงด้านนอกที่เต็มไปด้วยฝุ่น
“โอ๊ย!!” เสียงร้องดังตามมาอีก และมันก็ไม่สามารถลุกขึ้นได้อีก
“ห๊ะ.. นี่ใบหน้า.. ใบหน้าของเธอ!?”
จ้าวเผิงเฟยเงยหน้าขึ้นมองซูปิงหยาน แต่กลับพบว่าใบหน้าของเธอได้กลายเป็นสีขาวอมชมพูราวกลับไม่เคยเกิดอะไรขึ้น ก็ถึงกับตกใจสุดขีด!
จ้าวเผิงเฟยถึงกับสยดสยอง เขาชี้ไปทางหลิงหยุนและร้องตะโกนออกมาราวกับเห็นผี
“แก.. แกเป็นใครกันแน่?”
หลิงหยุนยิ้มเล็กน้อยพร้อมกับตอบไปว่า “คนของแก๊งมังกรเขียว!”