ฮั่วฉินเยี่ยนถือโอกาสล้มตัวลงนอนข้างเวินหลานฉี รวบร่างอบอุ่นอ่อนโยนของเธอเข้ามากอด ทำไมแค่มองผู้หญิงคนนี้ ภายในร่างกายก็เกิดอาการหวิวๆ ชั่ววูบล่ะ
“อาเยี่ยน ความจริงคุณไม่ต้องรีบร้อนชี้แจงขนาดนี้ก็ได้ ฉันไม่ถือสาความคิดของคนอื่นอยู่แล้ว” แม้เวินหลานฉีเห็นท่าทีของฮั่วฉินเยี่ยนต่อหน้าคนอื่นแล้ว ในใจเธอจะมีความสุขยิ่งนัก แต่ก็ยังคงพูดแบบนี้ออกไปอยู่ดี
“แต่ผมถือสานะฉีฉี” ฮั่วฉินเยี่ยนปั้นหน้าจริงจังใส่เวินหลานฉี “ผมจะไม่ยอมให้คนอื่นมาใส่ร้ายป้ายสีให้คุณต้องมีราคีแม้แต่น้อย ขนาดเรื่องแค่นี้ผมยังทำไม่ได้ แล้วผมจะปกป้องคุณได้ยังไง ขอแค่มีผมอยู่ ผมจะไม่ยอมให้คนอื่นมาทำร้ายคุณได้ รวมถึงโจมตีทางคำพูดก็ไม่ได้”
เมื่อเห็นท่าทางจริงจังนี้ของฮั่วฉินเยี่ยน ในใจเวินหลานฉีมีกระแสความอุ่นเอ่อล้นทะลักออกมาเป็นระลอกๆ
รู้ทั้งรู้ว่าฮั่วฉินเยี่ยนจะต้องพูดแบบนี้แน่นอน แต่พอได้ยินเขาพูดออกมาเองกับปาก ว่าจะปกป้องเธอตลอดชีวิตแล้วนั้น อย่างกับสาวน้อยวัยสิบแปดที่เพิ่งได้ยินคำมั่นสัญญาจากคนรักเป็นครั้งแรกก็มิปาน
เวินหลานฉีอดใจกดจูบฮั่วฉินเยี่ยนไม่ได้ ตนผ่านทุกข์ยากมาเพียงคนเดียวตลอดหลายปีมานี้ จึงกลายเป็นหญิงแกร่ง และอึดถึกทนในสายตาใครต่อใครตั้งนานแล้ว หากแต่ในใจของฮั่วฉินเยี่ยน เธอยังดูเหมือนสาวน้อยวัยสิบแปด ที่ต้องการให้เขาปกป้อง และต้องการความรักจากเขาตลอดไป
เมื่อเห็นว่าเวินหลานฉีเป็นฝ่ายรุกเองขนาดนี้ ฮั่วฉินเยี่ยนจึงนิ่งอึ้งไปชั่วครู่ จากนั้นก็ตอบรับเธออย่างดุเดือด คงต้องบอกว่าทักษะการจูบของฮั่วฉินเยี่ยนนั้นดีมากจริงๆ เพียงแค่จูบเธอก็สามารถปลุกปั่นกระตุ้นอารมณ์เธอได้ หนำซ้ำยังฉกฉวยลมหายใจ และฉกชิมรสชาติเธออย่างละโมบ
“ฉีฉีคุณหวานจริงๆ” ฮั่วฉินเยี่ยนก้มหน้า ทั้งสายตาคู่นั้นยังเต็มไปด้วยรักที่มีต่อเวินหลานฉี
ดวงหน้าของเวินหลานฉีแดงกว่าเดิม ราวกับน้ำจะทะลักออกมา เขากลับอดใจไม่ออกแรงไม่ได้ ราวกับว่าหากออกแรงเพียงนิด ผิวอันบอบบางจะเสียหายก็มิปาน
ปลายลิ้นของฮั่วฉินเยี่ยนกวาดไล้ไปตามพวงแก้มของเวินหลานฉีเบาๆ จุมพิตแผ่วเบาตั้งแต่ดวงตาจนถึงลำคอ ยามลมหายใจอุ่นของเขาเป่ารดบริเวณกกหูของเธอ ในที่สุดเวินหลานฉีก็อดสั่นเทิ้มเบาๆ ไม่ได้
คืนนี้เขาต้องลิ้มรสยัยปีศาจจอมยั่วอย่างเธออย่างละเอียดถึงจะพอ
“คุณมันปีศาจจอมยั่ว!”
หลังจากฮั่วฉินเยี่ยนจับเวินหลานฉีอาบน้ำสะอาดหมดจดเสร็จ ก็อุ้มเวินหลานฉีกลับห้องนอน แล้วโยนลงบนเตียง
เฮ้อ แค่มองผู้หญิงคนนี้ก็อยากจะลิ้มลองครั้งแล้วครั้งเล่า กินเท่าไรก็ไม่พอสักที
แล้ววันต่อมาเวินหลานฉีก็ได้เห็นรูปที่เธอโอบกอดกับฮั่วฉินเยี่ยนเมื่อวาน ในหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์เมืองหลวงดังคาด พาดหัวข่าวยังคงเป็นทำนอง ‘ประธานฮั่วหยอกเอินภรรยาสุดที่รัก’ เมื่อเห็นแล้วเวินหลานฉี ก็อยากจะจับผู้คิดพาดหัวข่าวนี้มาฟาดแรงๆ สักที
หรือไม่ก็อยากให้พวกเขาได้มาเห็น ใบหน้าที่แท้จริงของประธานฮั่ว ผู้เย็นชาดุจดั่งน้ำแข็งในสายตาของพวกเขา!
เวินหลานฉีนั่งมองที่นอนว่างเปล่าข้างๆ บนเตียง คนที่นอนด้วยกันนั้นตื่นไปบริษัทแต่เช้าแล้ว เธอจึงทำได้เพียงทุบเตียงแล้วทุบเตียงอีกอย่างคับแค้นใจ
เห็นทีต่อไปนี้คงให้เขากลับไปนอนบ้านตัวเองดีกว่ามั้ง เวินหลานฉีคิดวางแผนอยู่ในใจ
เวินหลานฉีคิดไปมา ก็เผลอหลับไปจนถึงช่วงบ่าย ก่อนจะปลุกให้ตื่นเพราะสายเรียกเข้าจากเฉิงหมิง
“อาซ้อ ประธานฮั่วให้ผมมารับคุณ เห็นบอกว่ามีธุระ คุณเตรียมตัวได้เลยอีกประมาณครึ่งชั่วโมงน่าจะถึง” ทันทีที่พูดจบ เฉิงหมิงก็วางสายไปเลย
ฮั่วฉินเยี่ยนนี่คุณจะทำอะไรอีกแล้วเนี่ย คนจะนอนยังไม่ยอมให้นอนดีๆ อีก หากแต่พอมองนาฬิกา กลับพบว่านี่มันสี่โมงเย็นแล้ว ควรจะลุกเสียที
หลังจากเวินหลานฉีอาบน้ำแต่งตัวอย่างเรียบง่ายเสร็จแล้วก็ขึ้นรถ
“แล้วเราจะไปไหนเหรอ” มองจากทิศทางแล้วไม่ใช่ทั้งตงหยวน และจงเทียน เวินหลานฉีจึงอดถามอย่างแปลกใจไม่ได้
“ซ้อ ประธานฮั่วเป็นคนจัดการทั้งหมดนี้เอง คุณอย่าถามอะไรมากเลย ผมไม่กล้าพูดมากหรอก คุณก็รู้นิสัยอย่างประธานฮั่วดี” เฉิงหมิงขับรถไปพลางหันกลับมาพูดยิ้มๆ
ไม่นานก็มาถึงจุดหมาย
“จยาเหริน? นี่ไม่ใช่ร้านออกแบบเสื้อผ้าหรอกเหรอ พาฉันมาที่นี่ทำไม หรือว่าฮั่วฉินเยี่ยนเกิดอยากจะใจดีซื้อเสื้อผ้าให้ฉันเหรอ” เวินหลานฉีคิดเท่าไร ก็ไม่เข้าใจอยู่ดี
‘จยาเหริน’ เป็นร้านออกแบบที่ประณีตงดงามที่สุด และมีชื่อเสียงโด่งดังที่สุดในเมืองหลวง ทำไมฮั่วฉินเยี่ยนถึงให้ความสำคัญขนาดนี้กันนะ ถึงขนาดพาเธอมาแต่งตัวที่นี่โดยเฉพาะเลย
“คุณนายฮั่ว เชิญข้างในค่ะ” พนักงานบริการหน้าประตูเปิดประตูให้อย่างมีมารยาท
‘คุณนายฮั่ว’ …คำเรียกขานนี้แม้จะแปลกไปหน่อย หากแต่กลับทำให้เวินหลานฉีรู้สึกเบิกบานอย่างควบคุมไม่ได้
เวินหลานฉีเลือกชุดราตรีสีฟ้าตัวหนึ่ง กว่าจะแต่งหน้าเสร็จก็หกโมงเย็นแล้ว เฉิงหมิงจึงพาเธอมาส่งที่หน้าโรงแรมหวังเฉา
“คุณผู้หญิง ประธานฮั่วให้คุณปิดตาเอาไว้” เฉิงหมิงส่งผ้าไหมสีดำเส้นหนึ่งมาให้
ตกลงฮั่วฉินเยี่ยนจะทำอะไรกันแน่ ทั้งให้เธอแต่งหน้า ทั้งให้เธอปิดตา แต่ถึงอย่างไรอีกประเดี๋ยวเดียวก็เจอกันอยู่แล้ว ถึงตอนนั้นค่อยถามก็ยังไม่สาย เวินหลานฉีปิดตาอย่างแปลกใจ เธอเหมือนถูกพามายังที่หนึ่ง
“คุณผู้หญิงถึงแล้ว”
ผ้าสีดำที่ตาถูกแก้ออก
ฮั่วฉินเยี่ยนมองเวินหลานฉีอย่างตกตะลึง ผมสีดำขลับยาวสลวยถูกเกล้าเป็นมวยผมลวกๆ มีเพียงกิ๊บติดผมตัวเล็กยึดเอาไว้ตัวหนึ่ง ชุดราตรีเกาะอกสีฟ้าเข้มขับให้ผิวของเธอยิ่งขาวเด่นชัด ราวกับหยกขาวซึ่งแกะสลักอย่างละเอียดและประณีต ไม่มีจุดด่างพร้อยเลยแม้เพียงนิด
ชุดราตรีแหวกตรงขาอ่อนกำลังดี ปกปิดเรียวขายาวสวยทั้งคู่เล็กน้อย รองเท้าส้นสูงสีเงินประดับเพชรตรงขอบเป็นชั้นๆ ดูสวยหรู หากแต่ก็ไม่ฉูดฉาดเกินไป
ตอนเธอหมุนตัว ดีไซน์ซึ่งออกแบบให้โชว์แผ่นหลัง ยิ่งทำให้เธอเต็มไปด้วยเสน่ห์อันน่าหลงใหลและเย้ายวน ถึงแม้ปกติจะเคยเห็นเธอในแบบอื่นมาหมดแล้ว แต่การแต่งตัวแบบนี้ ทำให้ฮั่วฉินเยี่ยนถึงกับมองตาค้างอย่างคาดไม่ถึงไปเลย
“ฉีฉี…คุณสวยจริงๆ” ฮั่วฉินเยี่ยนอดชมเธอไม่ได้
เวินหลานฉีมองฮั่วฉินเยี่ยนตรงหน้า หัวคิ้วเธอขมวดลงอย่างไม่เป็นธรรมชาติ ขณะเดียวกันก็เอ่ยถามอย่างสงสัย “อาเยี่ยน จริงๆ แล้วคุณพาฉันมาที่นี่ ต้องการทำอะไรกันแน่”
ฮั่วฉินเยี่ยนดึงสติกลับมา แล้วนึกถึงประเด็นหลักในวันนี้…ทั้งจูงมือเวินหลานฉีเดินไปพลาง พูดไปพลาง “อยู่ข้างหน้านี้นี่แหละ เดี๋ยวคุณไปถึงก็จะรู้เอง”