นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 613 เขาเปลี่ยนไป
คนที่เข้ามาฟังเพลงมีส่วนหนึ่งเพราะข่าว และอีกส่วนหนึ่งเพราะเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอดึงดูดเข้ามาฟัง จนเย่ซีดังเป็นพลุแตก
ซูฉิงที่ดูข่าวเกี่ยวกับเย่ซีบนโลกโซเชียลพร้อมกับคอมเมนท์ ก็ยกยิ้มได้ใจ หลังจากที่จัดการอารมณ์แล้วก็พ่นลมหายใจออกมา เตรียมกลับมาทำงานต่อ
บ้านตระกูลฮ่อ
สวีหว่านเอ๋อร์ที่มาถึงบ้านตระกูลฮ่อแล้ว พร้อมกับในมือที่ถือซุปมาด้วย
“มาแล้ว ยังจะเอาของติดไม้ติดมือมาด้วยอีก”
แม่ฮ่อที่รีบออกมาต้อนรับ สวีหว่านเอ๋อร์ก็คล้องแขนแม่ฮ่ออย่างสนิทสนม
“อันนี้เป็นซุปไก่ที่หนูตื่นแต่เช้าเพื่อมาตุ๋นซุปไก่ เห็นคุณป้าบ่นว่าช่วงนี้ไม่อยากอาการ หนูก็เลยทำมาบำรุงให้คุณป้าคะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่ทำหน้าอ่อนหวานมากเวลาต่อหน้าแม่ฮ่อ ทำให้แม่ฮ่อดีใจมาก
“เด็กคนนี้ช่างรู้จักใส่ใจจริงๆ”
แม่บ้านได้เข้ามารับซุปจากมือของสวีหว่านเอ๋อร์ เอาเข้าไปในห้องครัว
แม่ฮ่อจูงมือสวีหว่านเอ๋อร์ไปนั่งที่โซฟา แล้วก็เริ่มคุยเรื่องทั่วไป
“อ้อ ทำไมไม่เห็นคุณผู้ชายลงมาเลยล่ะ”
พูดได้มาครึ่งหนึ่ง แม่ฮ่อก็เรียกหาคนรับใช้
สวีหว่านเอ๋อร์จะมาที่นี่ทั้งที จำต้องสร้างโอกาสได้อยู่ด้วยกันให้พวกเธอ
“คุณผู้ชายไปบริษัทแล้วค่ะ”
คนรับใช้ตอบ
“เฮ่อ ลูกชายคนนี้ก็เป็นซะอย่างนี้ ใจมีแต่เรื่องงาน”
พอได้ยินอย่างนั้น แม่ฮ่อก็บ่นให้สวีหว่านเอ่อร์ฟัง
“พี่ฮ่อมีความรับผิดชอบอย่างนี้ก็ถือว่าหาได้ยากจริงๆ นะคะ”
สวีหว่านเอ๋อร์พูดชมฮ่อหยุนเฉิงทันที ยิ่งทำให้แม่ฮ่อหัวเราะออกมาอย่างพอใจ
“แต่ว่าพอพูดมาถึงเรื่องนี้ หนูก็เหมือนจะไม่ได้เจอพี่ฮ่อนานแล้ว”
พอพูดมาถึงตอนนี้สวีหว่านเอ่อร์กะพริบตา ทำหน้าเศร้า
แม่ฮ่อเห็นอย่างนั้นก็รู้สึกสงสาร ตบไหล่สวีหว่านเอ๋อร์เบาๆ” เด็กดี อย่าเศร้าไปเลย เขาก็แค่มีนิสัยดื้อรั้นก็เท่านั้นเอง”
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้า แล้วก็เช็ดน้ำตาตรงหางตา แล้วทำสีหน้าเข้มแข็ง
“ค่ะ! ไม่เป็นไรค่ะ พี่ฮ่องานยุ่ง ฉันเข้าใจเขา”
แม่ฮ่อที่เห็นท่าทางอย่างนี้ของสวีหว่านเอ๋อร์ก็รู้สึกสงสาร
“คุณป้าคะ ตอนนี้ก็สายมากแล้ว เดี๋ยวหนูขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ”
สวีหว่านเอ่อร์เห็นแม่ฮ่อเริ่มหวั่นไหว ก็รู้ว่าเป้าหมายของตัวเองใกล้จะมาถึงแล้ว เลยทำเป็นมองดูเวลาบนข้อมือ และทำหน้าเตรียมตัวจะกลับแล้ว
และเป็นอย่างที่คาดไว้ ตอนที่สวีหว่านเอ๋อร์กำลังจะก้าวเดินออกไป แม่ฮ่อก็เดินตามมาเรียกเธอไว้
“เดี๋ยวก่อน ป้ากำลังจะไปที่บริษัทพอดี งั้นพาป้าไปด้วยนะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ทำหน้าตกใจ:”ไม่ดีมั้งคะ คนอื่นเห็นจะเข้าใจผิดเอานะคะ”
“เข้าใจผิดอะไรกัน”แม่ฮ่อจับแขนสวีหว่านเอ๋อร์แล้วพูด:”ป้าไปกับเธอด้วย เธอพาป้าไป เธอไม่ต้องไปสนใจว่าคนอื่นเขาจะพูดอะไร”
สวีหว่านเอ๋อร์พยักหน้า พร้อมกับยกยิ้มมุมปากโดยที่แม่ฮ่อไม่เห็น
จากนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ก็พาแม่ฮ่อเข้ามาที่บริษัทด้วยกัน เธอที่กำลังคิดว่าจะทำเป็นไปที่ทำงานของเธอ คิดไม่ถึงว่าแม่ฮ่อจะฉุดเธอกลับไป
“มีอะไรหรอคะคุณป้า”
สวีหว่านเอ๋อร์แม่ฮ่อกะพริบตามองด้วยสายตางงงวย วันนี้เธอแต่งหน้าบางๆ ดูแล้วยิ่งสวย
“เธอไม่ใช่บอกว่าไม่ได้เจอฮ่อหยุนเฉิงนานแล้วหรอ งั้นป้าจะพาเธอไปหาเขาไง”
“เอ่อ น่าจะไม่ดีมั้งคะคุณป้า ”
สวีหว่านเอ๋อร์ทำเป็นสงวนท่าที ทำเป็นพูดปฏิเสธ แต่ตัวนั้นเดินตามแม่ฮ่อไปแล้ว
“จะมีปัญหาอะไร ป้าพาเธอไป ใครจะกล้าพูดอะไร”
แม่ฮ่อที่จูงสวีหว่านเอ๋อร์มาถึงห้องประธานใหญ่ ไม่เคาะห้องเปิดประตูเข้าไปเลย
หลังจากที่ทั้งสองเข้าไปในห้องทำงานท่ามกลางสายตาที่ให้ความสนใจของทุกคนแล้ว จากนั้นพนักงานก็เริ่มซุบซิบกัน
“เกิดอะไรขึ้น ท่านประธานทะเลาะกับซูฉิงหรอ”
เพื่อนร่วมงานที่ยืนอยู่หน้าประตูซุบซิบนินทากัน ส่วนสวีหว่นเอ๋อร์ที่ถูกแม่ฮ่อจูงมือเข้ามาในห้องทำงานท่านประธานใหญ่โดยพลการก็ข่าวแพร่สะพัดไปทั่วบริษัทอย่างรวดเร็ว
พนักงานบริษัททั้งหัวหน้าและลูกน้องต่างก็ซุบซฺบนินทากันไม่หยุด ตั้งแรกเรื่องที่สวีหว่านเอ๋อร์เข้ามาเป็นน้องสาวบุญธรรมของฮ่อหยุนเฉิง ตกบ่ายก็เรื่องตอนบ่ายเรื่องก็ไปถึงหูซูฉิงเลิกกับฮ้อหยุนเฉิง และเรื่องที่แม่ฮ่อก็เลือกสวีหว่านเอ๋อร์มาเป็นลูกสะใภ้
พอตกบ่ายเรื่องก็ยังไม่ซาลง และซูฉิงก็ได้มาถึงบริษัทแล้ว
เธอตกลงที่จะทำความร่วมมือกับผู้กำกับหวัง เลยมาเอกสารสัญญาที่บริษัท แต่พอเดินเข้ามาในบริษัท ก็เห็นพนักงานมองเธอด้วยสายตาของแปลก ๆ
ก่อนหน้านี้พวกพนักงานเมื่อเจอเธอจะต้องเอ่อทักทาย แต่วันนี้กลับเอาแต่ชำเลืองมองหน้ามองเธอ
ซูฉิงไม่ได้สนใจ เพียงแค่คิดว่ามันแปลกๆ เธอกำลังจะเดินเข้าไปที่ห้องทำงานของฮ่อหยุนเฉิง อยากจะไปทักทายเขาหน่อย
แต่ใครจะรู้ว่า ทันใดนั้นเองเลขาหน้าห้องก็เข้ามาขวางเธอไว้
“คุณนายคะ ตอนนี้เข้าไปไม่ได้ค่ะ”
ซูฉิงคิ้วขมวด ปกติเลขานะให้เกียรติเธอ วันนี้กับมีท่าทีไม่เป็นมิตรกับเธอ
“ฉันจะมาเอาเอกสาร และจะมาปรึกษากับฮ่อหยุนเฉิง ทำไมหรอ”
เธอรู้สึกไม่พอใจ วันนี้เธอจะทำอะไรก็ต้องรายงานเลขาก่อนงั้นหรอ
“ดิฉันรู้ค่ะว่าคุณจะมาเอาเอกสารสัญญาเลยไม่ยอมให้คุณเข้าไปค่ะ”
แต่ใครจะรู้ว่าเลขาที่ยืนตัวตรง ทำให้ซูฉิงรู้สึกสงสัย
“เพราะเหตุใด”
“วันนี้ท่านประธานได้สั่งมาแล้วว่า งบประมาณของบริษัทน้อย เลยไม่มีงบที่จะให้คุณทำโปรเจคใหม่ ท่านยังบอกว่า……”
“ยังบอกว่าอะไร.
ซูฉิงมีสีหน้าอย่างรู้ทัน มองหน้าเลขาที่ประหม่า
“บอกว่าให้คุณล้มเลิกความคิดที่จะลงทุนทำหนัง เพราะมันต้องพึ่งดวงจริงๆ ถ้าไม่ระวังอาจจะเจ๊งได้”
ซูฉิงแฉะยิ้ม พอได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกไม่เหมือนคำพูดของฮ่อหยุนเฉิงเลย
หน้าเลขาที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งหน้า แน่นอนว่าคำพูดเหล่านี้ไม่ใช่คำพูดของฮ่อหยุนเฉิง แต่เป็นแม่ฮ่อที่สั่งเธอมา
วันนี้ได้รับแจ้งจากแม่ฮ่อ บอกว่าได้ข่าวว่าผู้กำกับหวังจะทำสัญญาร่วมมือกับซูฉิงเลยตัดสินใจที่จะขัดขวางเธอ
แต่วันนี้เธอที่พาแม่ฮ่อเข้ามาหาฮ่อหยุนเฉิงในห้องทำงาน แต่เขาไม่อยู่ในห้องทำงาน ในเมื่อมาแล้วเลยพาสวีหว่านเอ๋อร์นั่งรออยู่ในห้อง
และสวีหว่านเอ๋อร์ก็ยินดีเป็นอย่างยิ่ง ปกติแล้วฮ่อหยุนเฉิงไม่อนุญาตให้ใครเข้ามายุ่งในห้องทำงานของเขา วันนี้ได้นั่งตำแหน่งสูงสุดก็รู้สึกดีใจ
“เธอแน่ใจนะว่าฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างนี้”
นอกห้องทำงาน ซูฉิงกำลังยืนเถียงกันกับเลขา
“ใช่ค่ะ ดังนั้นขอเชิญคุณนายกลับไปด้วยค่ะ”
เลขาที่พูดอยู่ก็รู้สึกร้อนตัว แต่ก็พยายามพูดต่อไป
“โอ๊ะ เธอก็รู้หรอว่าฉันเป็นคุณนาย “ซูฉิงเถียงกลับไป :”ฉันที่เป็นภรรยาของท่านประธานบริษัท แม้แต่เรื่องลงทุนก็ต้องรายงานเธอด้วยหรอ ใครได้ยินก็คงตกใจ”
เลขาที่ได้ยินอย่างนั้นก็หน้าแดงก่ำด้วยความโกรธ
เธอรู้ตัวดีว่าฐานะเธอสู้ซูฉิงไม่ได้ แต่ตนทำงานกับฮ่อหยุนเฉิงมานาน แต่กลับถูกผู้หญิงคนนี้เหยียบหัวกดขี่
“เธอถือตัวว่าเป็นคุณนายงั้นหรอ คุณสวีต่างหากที่นั่งอยู่ในตำแหน่งสูงสุด ฉันจะเตือนเธอนะว่าอย่าเข้าไป ไม่งั้นเธอจะต้องเดือดร้อนแน่!”
และเลขาที่พูดเติมเชื้อไฟยิ่งทำให้ซูฉิงโกรธโมโห
“เธอว่าอะไรนะ คุณสวี ? สวีหว่านเอ๋อร์?”
ซูฉิงพูดเสียงลากยาว ด้วยแววเย็นชา
“ฉันไม่รู้หรอก คุณนายก็คิดดูเองก็แล้วกัน ไม่งั้นเพราะเมื่อถึงตอนนั้นคนที่เสียหน้าก็คือตัวคุณเอง”
เลขาเชิดหน้าขึ้นแล้วพูดอย่างถือตัว ไม่มีท่าทีให้ความเคารพเธอเหมือนอยู่ต่อหน้าฮ่อหยุนเฉิงเลย
ซูฉิงไม่อยากจะเชื่อเลยว่า สวีหว่านเอ๋อร์จะมาอยู่ในห้องทำงานของฮ่อหยุนเฉิงได้ ?
“เธออย่างมากุเรื่องหลอกฉันดีกว่านะ เรื่องอย่างนี้เธออย่าเอามาพูดเหลวไหล ๆ นะ”
“พูดเหลวไหล ๆ อะไร วันนี้ที่บริษัททุกคนต่างก็นินทากันไปทั่วคุณก็น่าจะเห็นแล้วใช่มั้ย
พอพูดถึงตรงนี้ ซูฉิงก็รู้สึกทั้งโมโหทั้งน่าขำ
มิน่าวันนี้ทุกคนถึงได้มองเธอด้วยสายตาแปลกๆ ที่แท้คิดว่าตนจะโดนเทแล้วนี่เอง มีรอแต่จะซ้ำเติมสินะ
“อา พวกเธอนี่เห็นแก่ได้จริงๆ เลยนะ”
ซูฉิงส่ายหน้า และทันใดนั้นเองประตูห้องทำงานก็ถูกเปิดออกมา
ทั้งสองต่างก็หันไปมอง ก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์เดินออกมาจากห้องทำงานด้วยชุดไม่เรียบร้อย คอเสื้อที่ถูกดึงออกแม้แต่กระโปรงก็เหมือนกับถูกคนฉีก ผมเผ้ายุ่งเหยิง
ซูฉิงอึ้ง สวีหว่านเอ๋อร์อยู่ข้างในจริงๆ หรอนี่
“เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง”
เธอคิดไม่ถึงว่าเรื่องที่เลขาพูดจะเป็นความจริง
“คุณซูก็มาหรอคะ บังเอิญจริงๆ”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดเหมือนมีเลศนัย ซูฉิงที่ได้ยินก็รู้สึกไม่ชอบใจ