นางสาวซูแค่อยากถอนหมั้น ตอนที่ 614 ขายหน้าไปด้วยกันกับเธอ
และทันใดนั้นเองแม่ฮ่อก็เดินออกมาจากข้างใน
“เธออยู่ที่นี่ได้ยังไง เรื่องที่พวกเธอพูดกันเมื่อกี้ฉันได้ยินหมดแล้ว ไม่รู้จักกาลเทศะจริงๆ เลย ยังจะมาทะเลาะกับคนอื่นอีก”
แม่ฮ่อที่เห็นซูฉิงอารมณ์ไม่ดี ก็มองซูฉิงอย่างตักเตือนแล้วก็ไม่มองเธออีก
“ขอโทษด้วยค่ะคุณท่าน ดิฉันไม่ได้ตั้งใจ”
เลขาหันไปขอโทษแม่ฮ่อ พร้อมกับแววตาที่หันมาทางซูฉิงด้วยสายตากล่าวโทษ
“ฉันแค่อยากจะเข้ามาเอาหนังสือสัญญา แต่หล่อนเข้ามาขวางฉันไว้”
ซูฉิงที่เก็บความไม่พอใจเอาไว้ มองพวกคนที่อยู่ตรงหน้าก็รู้สึกร้อนรน
แต่ว่าสิ่งที่ทำให้เธอแปลกใจก็คือ ทำไมไม่เห็นฮ่อหยุนเฉิงเดินออกมาเลยละ
“เธอยังไม่เข้าใจอีกหรอ หยุนเฉิงบอกแล้วไงว่าจะไม่ลงทุนทำหนัง เธอยังจะเอา นี่ไม่เท่ากับว่าจะสู้กับเขาหรอ”
แม่ฮ่อจ้องตาซูฉิงเขม็ง ทั้งยังคอยพยุงแขนจองสวีหว่านเอ๋อร์ไว้
ซูฉิงแฉะยิ้มออกมา ไม่รู้จะพูดอะไรต่ออีก
“ไม่รู้จักเรียกรู้จากหว่านเอ๋อร์บ้าง ทำตัวมีสง่า สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือกตัญญู รู้จักมาอยู่เป็นเพื่อนฉัน เธอละ วันๆ มัวแต่ยุ่งอะไรอยู่ก็ไม่รู้”
แม่ฮ่อชี้หน้าตำหนิซูฉิง แพร้อมกับพูดเป็นห่วงสวีหว่านเอ๋อร์:”เมื่อกี้จะต้องเหนื่อยแล้วใช่มั้ย งั้นไปพักผ่อนนะ”
“ไม่ต้องหรอกค่ะคุณป้า หนูไม่เป็นไรค่ะ หนูแค่กลัวว่าคุณซูจะไม่พอใจก็เท่านั้น”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่พูดพร้อมกับทำเสียงหอบเล็กน้อย ยิ่งทำให้ซูฉิงรู้สึกรับไม่ได้
“จะไปสนใจทำไม หนูมีความสุขก็ดีแล้ว ไม่ต้องสนใจคนอื่นหรอก!”
ซูฉิงถึงกับส่ายหน้า เธอคิดไม่ถึงเลยว่า เป็นถึงแม่ย่ากลับให้ผู้หญิงอื่นทำอย่างนี้
“ไม่มีอะไรแล้วงั้นฉันขอตัว”
ซูฉิงนั้นทนอยู่สู้กับคนพวกนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว เลยหาเหตุผลที่จะไปจากตรงนี้ แต่ใครจะรู้ว่าจะถูกคนพวกนั้นเรียกให้หยุด
“ตอนนี้ไม่ทำงานแล้วยังคิดจะไปไหนอีก!”
แม่ฮ่อพูดตำหนิ และเวลานี้เองสวีหว่านเอ๋อร์ก็เอียงหัวมาข้างๆ พร้อมกับส่ายหน้าไปมา
“คุณป้าคะ หนูรู้สึกเวียนหัวจังเลยค่ะ”
ร่างกายของเธอที่โคลงเคลง และมือของเธอที่กำลังหาที่ยึดเหนือและก็คว้าเข้ากับเอวของซูฉิง
ซูฉิงที่หันหน้าให้กับด้านหลังของสวีหว่านเอ๋อร์ เธอยกแขนขึ้นมา และซูฉิงที่ยืนทรงตัวไม่อยู่ เท้าสะดุดแล้วล้มไปกองกับพื้น
ซูฉิงมีสีหน้าโกรธมาก เธอคิ้วขมวดมองสวีหว่านเอ๋อร์ และก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ทำหน้าสูงส่ง ยิ่งทำให้ซูฉิงทนไม่ไหวแล้ว
เธอเดินไปข้างหน้าแล้วจับเข้าที่มือของสวีหว่านเอ๋อร์
“เธอจะทำอะไร ปล่อยนะ!”
สวีหว่านเอ๋อร์ขัดขืน ดิ้นยังไงก็ไม่หลุด ทำได้เพียงเดินไปตามแรงฉุดของซูฉิง
จากนั้นก็เห็นว่าซูฉิงฉุดเธอเข้ามาในห้องทำงาน แววตาตกใจของเธอมองไปทางแม่ฮ่อเพื่อส่งซิก
แม่ก็เข้าใจสายตาที่เธอสื่อมาทันที แล้วรีบเดินเข้าไปขวางทางซูฉิงไว้:”เธอคิดจะทำอะไร”
“แน่นอนว่าจับไปข่มขืนสิ”
ซูฉิงที่ทำสายตามีเลศนัยมองไปทางแม่ฮ่อ พอจะเข้าไปในห้องทำงานก็ถูกแม่ฮ่อเรียกไว้อีก
“เธอหยุดนะ! ลูกชายของฉันยังอยู่ในห้องทำงาน เธอจะเข้าไปรบกวนเขาได้ยังไง”
แม่ฮ่อที่ได้รับสายตาขอร้องจากสวีหว่านเอ๋อร์ ก็รีบใช้ข้ออ้างในฐานะแม่ย่า แต่ใครจะรู้ว่าซูฉิงไม่สนใจและ ฉุดสวีหว่านเอ๋อร์ให้เข้าไปข้างใน
และทันใดนั้นเอง ไม่รู้ว่าสวีหว่านเอ๋อร์เอาแรงมาจากไหน ฮึดสู้ดึงซูฉิงกลับมาที่เดิม
แม่ฮ่อเห็นอย่างนั้นก็รีบเรียกเลขาที่อยู่ข้างๆ เข้ามาช่วย
และจากนั้นทั้งสองก็ใช้แรงฉุดลากซูฉิง จนมาถึงหน้าประตูลิฟต์ ซูฉิงก็ชักมือกลับ แต่คิดไม่ถึงว่าพวกหล่อนจะจับไว้แน่ ไม่สามารถหลุดออกมาได้
“พวกเธอจะลากฉันไปไหน ปล่อยนะ!”
ก็เห็นสวีหว่านเอ๋อร์กดลิฟต์ด้วยสีหน้าร้าย :”เธออย่ามารบกวนพวกเราอีก รีบกลับไปในที่ของเธอซะ”
ขนตางอนของซูฉิงไหวระริก พอเห็นประตูลิฟต์กำลังจะเปิดออก และสวีหว่านเอ๋อร์กับเลขากำลังจะจับเธอยัดเข้าไปในลิฟต์
“ติง…..”
เสียงลิฟต์เปิดออก ซูฉิงก็รู้สึกเจ็บที่เอว เธอรู้สึกไม่ยอมขัดขืนยืนอยู่กับที่ ทันใดนั้นสวีหว่านเอ๋อร์ก็จับเอวของเธอ
ซูฉิงเงยหน้ามองรู้สึกแปลกใจ และก็เห็นสายตาค้างของสวีหว่านเอ๋อร์
เธอหันหลังกลับไปมองอย่างยากลำบาก ก็สบแววตานิ่งขรึมของฮ่อหยุนเฉิง
ฮ่อหยุนเฉิงมาแล้ว ซูฉิงมองหน้าเขาแล้วหันกลับไปมองหน้าห้องทำงานที่ปิดอยู่ แล้วหันกลับไปมองฮ่อหยุนเฉิงที่พึ่งเดินออกมาจากลิฟต์ ก็เข้าใจทันทีว่าเรื่องเป็นมายังไง
“พวกเธอทำอะไร”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดด้วยน้ำเสียงที่ควบคุมอารมณ์โกรธ แผ่รังสีไปโดยรอบ
เมื่อกี้เขาเห็นกับตาว่าสวีหว่านเอ๋อร์กับเลขาจับตัวซูฉิง เขาคิดไม่ถึงว่าพวกเธอจะถือโอกาสช่วงที่เขาไม่อยู่รังแกซูฉิง
“ไม่ ไม่มีอะไร”
ซูฉิงพูดจาติดอ่าง คิดไม่ถึงว่าเรื่องจะบังเอิญอย่างนี้ กำลังจะไล่ซูฉิงไปได้แล้วยังมาเจอกับฮ่อหยุนเฉิงที่กลับมาพอดี
และเลขาก็เอาแต่ก้มหน้าไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมา สวีหว่านเอ๋อร์ยังมีแม่ฮ่อคอยให้ท้าย แต่ครั้งนี้เธอเหมือนกับตัวคนเดียวช่วยคนอื่นเปล่าๆ
ซูฉิงกลับยิ้มเยาะออกมา เธอชี้ไปในห้องทำงาน :”ที่แท้ในห้องทำงานก็ไม่มีใครอยู่ เมื่อกี้ทำไมคุณแม่ไม่บอกว่าหยุนเฉิงไม่ได้ทำงานอยู่ในห้องทำงานละคะ”
เธอมองไปด้านหลังที่มีแม่ฮ่อยืนอยู่ และแม่ฮ่อตอนนี้ก็หน้าเสีย ไม่อยากจะมองหน้าซูฉิง
“พูดมา นี่มันเรื่องอะไรกัน”
ฮ่อหยุนเฉิงที่ตอนนี้หน้าเขียวคล้ำด้วยความโกรธจนหน้านิ่วขมวดเป็นรอยย่น ทำให้ไม่มีใครกล้าสบตา
“ไม่มีอะไร เมื่อกี้พวกเขาบอกว่านายอยู่ข้างใน ฉันอยากจะเข้าไปดู”
ซูฉิงเลิกคิ้ว มองสวีหว่านเอ๋อร์ที่ตอนนี้เหงื่อชุ่มไปทั้งหน้า เธอก็ยิ่งยิ้มกว้างออกมา
สวีหว่านเอ๋อร์ที่ทำหน้าได้ใจเมื่อกี้ เธอลืมไม่ลงตลอดชีวิตเลย
“ที่แท้ในห้องไม่มีใครอยู่ งั้นเมื่อกี้คุณสวีเข้าไปทำอะไรข้างในหรอ”
ถ้าไม่มีคนดูเยอะ ซูฉิงคงจะหัวเราะจนเจ็บท้องแน่
“ฉัน ฉันพูดหรอว่าฉันทำอะไรอยู่ข้างใน เธออย่ามาพูดเหลวไหลนะ”
สวีหว่านเอ๋อร์ที่ตอบอย่างติดอ่าง ใบหน้าซีดเผือดที่ตอนนี้เปลี่ยนไปสีแดงด้วยความโกรธ
“งั้นทำไมชุดของเธอแม้แต่กระดุมก็ไม่ติดละ ที่นี่เป็นบริษัทนะ ชุดไม่เรีบน้อย จแต่อย่าสร้างความประทับใจที่ไม่ดีต่อพนักงานของบริษัท ”
ซูฉิงคิ้วขมวด ทำเป็นห่วงสวีหว่านเอ๋อร์ ยิ่งทำให้สวีหว่านเอ๋อร์โมโหมาก
“เมื่อกี้เธอเข้าไปในห้องทำงานของฉันงั้นหรอ”
หน้าของฮ่อหยุนเฉิงแข็งกร้าวขึ้น เขาเคยบอกแล้วว่า ไม่ชอบให้ใครเข้าไปในห้องทำงานโดยไม่ได้รับอนุญาต
แต่เขาที่มองเห็นแม่ฮ่อที่อยู่ด้านหลังของสวีหว่านเอ๋อร์ เขาก็เข้าใจได้ทันที
แต่แม่ฮ่อในเวลานี้ไม่พูดอะไรออกมาสักคำ เอาแต่ยืนอยู่ด้านหลัง ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สวีหว่านเอ๋อร์ก็คิดไม่ถึงว่าแม่ฮ่อจะไม่สนใจตน จนฮ่อหยุนเฉิงถามออกมาก็ไม่รู้จะตอบยังไง
“ฉันก็ไม่รู้นะ คุณสวีที่หน้าตาสะสวย ฉันคิดว่าคงจะไม่ได้อยากมาเป็นมือที่สามหรอกใช่มั้ย”
ซูฉิงที่ทำหน้าเย้ยหยัน สวีหว่านเอ๋อร์ได้ยินอย่างนั้นก็ไม่กล้าพูดอะไรออกมา
ถ้ารู้ว่าจะใช้วิธีนั้นแล้วจะถูกจับได้ ถึงตอนนี้ก็ไม่สามารถย้อนเวลากลับไปได้
“มือที่สามงั้นหรอ หมายความว่ายังไง”
ฮ่อหยุนเฉิงมองซูฉิงอย่างมึนงง คำพูดนี้ยิ่งทำให้สวีหว่านเอ๋อร์ตกใจกลัวจนขาสั่น
ถ้าหากให้หยุนเฉิงรู้เรื่องที่ตนทำเมื่อสักครู่ เกรงว่านับจากนี้ไปแม้จะหาเรื่องคุยกับเขาก็คงยากแล้ว
“นายถามเธอเองสิ”
ซูฉิงมือกุมท้องหัวเราะออกมาที่เห็นหน้าของสวีหว่านเอ๋อร์ไม่เหมือนกับก่อนหน้านี้ ที่ตอนนี้ตกใจกลัวจนคุกเข่าลงไปกับพื้น
เธอมองผู้ชายที่อยู่ข้างๆ ที่ทำหน้าโกรธจัด มิน่าถึงมีแต่คนกลัวขึ้นสมอง
“คุณซู คุณอย่าเข้าใจฉันผิดนะ ฉันไม่ได้ทำอะไรเลย”
สวีหว่านเอ๋อร์จ้องตาซูฉิงเขม็ง ถ้าไม่ใช่ฮ่อหยุนเฉิงเข้าข้างเธอ เธอไม่ทนนานแล้ว
“หรอ งั้นคุณสวีจัดการเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนเถอะค่อยว่ากัน”
ซูฉิงเอามือป้องปากหัวเราะ สวีหว่านเอ๋อร์มองชุดของตัวเองก็รู้สึกขายหน้า
เธอมองฮ่อหยุนเฉิงที่มีสีหน้าสงสัย ก็เห็นซูฉิงกำลังจะห้องเรื่องที่ตนทำเมื่อกี้ก็รีบวิ่งเอามือปิดหน้าออกไป และก็มีเลขาวิ่งตาไปด้วย
แม่ฮ่อที่เห็นสวีหว่านเอ๋อร์ไปแล้วก็ยิ้มให้กับฮ่อหยุนเฉิง แล้วเดินตามสวีหว่านเอ๋อร์ไป
ตอนนี้เหลือเพียงซูฉิงที่เอามือกุมท้องหัวเราะอยู่ ฮ่อหยุนเฉิงที่มองแผ่นหลังของทั้งสองที่เดินออกไปก็คิ้วขมวด ไม่เข้าใจว่าพวกเธอมาที่บริษัททำไม
“เมื่อกี้พวกเธอทำอะไรกัน”
“ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่คุยกันเรื่องทั่วไปก็เท่านั้น”
ซูฉิงตอบ เรื่องนี้ถ้าฮ่อหยุนเฉิงรู้จะต้องโกรธโมโหมากแน่ ไม่พูดจะดีกว่า
“งั้นทำไมเธอหัวเธอดีใจจังเลยละ”